มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่181 ไม่ต้องมาอยู่บ้านพวกเรา
“เจียงหว่าน ตอนนี้พอเธอได้งานโครงการเขตซีไห่แล้ว กลายเป็นวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ข่มเหงได้กระทั่งกับญาติตัวเองเลยหรือไง?”
กลับมาถึงบ้าน จ้าวเหมยเหมยเหวี่ยงกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าไว้เต็มลงกับพื้นอย่างแรง พูดด้วยสีหน้าเคียดแค้นในอารมณ์
“ใช่สินะ พอมีเงินก็คิดว่าแน่มากแล้วหรือไง?เธอเพราะอาศัยได้โครงการใหญ่อันนี้มาจากมู่ซื่อ กรุ๊ปไม่ใช่หรือ ถึงได้มีวันนี้?แม่ฉันก็แค่พูดไปไม่กี่คำ ไอ้ขยะนั่นถึงขนาดกล้าลงมือตีท่าน มันจะมากไปหน่อยมั้ง!” ถงเสว่เหมยพูดด้วยอารมณ์โกรธเต็มที่
แม่ลูกสองคนนี้ช่างเหมือนกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันจริง ๆ เห็นแก่ตัวไปถึงสุดขั้ว ไม่ได้คิดถึงเลยว่าตัวเองทำอะไรที่มันเกินไปมากในห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้า ลงท้ายด้วยผลกรรมที่ทำด้วยตัวเอง ในสายตาของพวกเขา กลับเป็นว่ามู่เซิ่งจงใจทำให้พวกเขาเสียหน้า
“คุณน้าหญิง เป็นเพราะน้าเองจงใจดึงกระดุมขาด แล้วโยนความผิดให้มู่เซิ่ง ทำไมในความเห็นของน้า ยังจะมาหาว่าฉันตั้งใจทำให้น้าเสียหน้าหรือ?” เจียงหว่านพูดเสียงเย็นชา
“เฮอะ ๆ มู่เซิ่งเขานะหรือเอาเงินออกมาได้มากขนาดนั้น?ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบงการ เขากล้ารูดเงินในธนาคารของเธอหรือ?” จ้าวเหมยเหมยหัวเราะเสียงเหยียด
ในสายตาของเธอ ไอ้ขยะอย่างมู่เซิ่ง ไม่มีทางที่จะมีเงินขนาดนั้น ฉะนั้น บัตรเครดิตธนาคารใบนั้น ต้องเป็นของเจียงหว่านให้เขาแน่นอน
พอคิดถึงว่าเจียงหว่านมีเงิน ไม่ยอมซื้อของขวัญให้เขา กลับหาเรื่องทำให้เธอต้องอับอาย” จ้าวเหมยเหมยยิ่งโกรธจนคันปาก
“เธอมีเงินซะขนาดนี้ ทำไมไม่ซื้อห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้าเอาไว้เองเลย?เอาแต่มาข่มพวกฉัน บังคับพวกฉันซื้อเสื้อผ้าที่ชำรุด?” จ้าวเหมยเหมยพูด
“คุณน้า หรืออย่างที่น้าคิด ให้สามีหนูซื้อสินค้าที่คุณน้าทำเสียหาย นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือ?” ในส่วนที่เป็นปัญหากับมู่เซิ่งแล้ว เจียงหว่านไม่มีทางจะยอมถอย ว่ากันตรง ๆ ด้วยเหตุผล
จ้าวเหมยเหมยจ้องเจียงหว่านด้วยสายตาที่ขึ้งเคียด ยัยนี่ ถึงขนาดกล้าขึ้นเสียงกับเธอแล้วหรือ?
“มู่เซิ่งมันก็แค่ไอ้ขยะเท่านั้น ถึงจะเสียหน้า แล้วจะเป็นอะไรกัน?เขาทำอะไรก็ขายหน้าประจำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างเหยียดหยาม
ได้ยินที่พูด เจียงหว่านโมโหจนหัวเราะออกมา
ถ้าเป็นคุณจ้าวเหมยเหมยไม่ได้หน้า นั่นเรียกว่าเสียหน้า เธอรับไม่ได้ แต่ถ้าเป็นมู่เซิ่งเสียหน้า นั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ?หน้าของคุณเธอนั้นทำจากทองคำมั้ง ถึงได้มีค่าสูงเหนือคนอื่นเขา?
“จ้าวเหมยเหมย ฉันเคยบอกเธอตั้งแต่แรกแล้ว ลูกเขยบ้านฉันนั่นเลอเลิศกว่าของเธอมากมาย ถึงเวลานั่นอย่าตกใจจนช็อกหละ สุดท้ายเธอก็ไม่เชื่อ ตอนนี้เป็นไง จะย้ายก้อนหินดันกลับหล่นกระแทกตีนตัวเองแล้วสิ โทษพวกฉันไม่ได้นะ” จ้าวหลินพูดสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ
จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ของเธอนั่นมันพวกเกาะผู้หญิงกิน จะมาเทียบอะไรกับลูกเขยฉัน?เงินพวกนี้ก็เอามาจากบัตรเครดิตของเจียงหว่านนั่นแหละ น่ากลัวตอนที่กำลังรูดบัตร ใจเธอคงเลือดออกซิบ ๆ อยู่ด้วยละมั้ง”
“เลือดออกซิบ ๆ ในใจ?เธอคงคิดว่ามู่เซิ่งจะเหมือนเธอละมั้ง ปี ๆ หนึ่งจะทำเงินได้เพียงแค่นี้?คฤหาสน์ที่พวกเราอยู่ที่เขตุซีไห่นั่น ล้วนเป็นเงินของลูกเขยฉันควักออกไปซื้อมาเอง!” จ้าวหลินพูดออกไป เต็มปากเต็มคำอย่างไม่มีต้องละอาย
ถึงแม้เธอไม่รู้ว่ามู่เซิ่งมีเงินจริงแค่ไหน แต่ทว่า ต่อหน้าจ้าวเหมยเหมย เธอจะแพ้ทางไม่ได้เด็ดขาด
มู่เซิ่งยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ กับการคุยอวดของจ้าวหลิน ก็ไม่ได้คิดไปปราม
“ปี ๆ หนึ่งทำเงินได้เพียงแค่นี้?แล้วเธอรู้ไหมว่าเสวียลี่ได้รู้จักคนสังคมชั้นสูงเท่าไหร่!” จ้าวเหมยเหมยพูด
“ไอ้เศษขยะในบ้านเธอนั่น ก็มีแต่เธอที่เห็นเป็นของมีค่า!” จ้าวหลินพูดอย่างไม่เกรงใจ
“แก….”
จ้าวเหมยเหมยโกรธแทบบ้า มือไม้สั่นไปหมด แต่สภาพในวันนี้ เป็นเพราะพวกเธอเองที่ทำเสียหน้าในที่สาธารณะ เธอขบฟันกรอด แล้วพูดว่า “ในเมื่อลูกเขยเธอแน่มาก ก็ไม่ต้องมาอยู่บ้านฉันสิ?ที่นี่พื้นที่เล็กคับแคบ ไม่สามารถจัดวางพระประธานรูปใหญ่โตอย่างเธอนี้ได้ เชิญไสหัวออกไปได้เดี๋ยวนี้เลย!”
พูดจบ จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมยทั้งสองคนก็ได้กลับเข้าไปในห้องของเจียงหว่าน ช่วยกันจัดการของต่าง ๆ ในห้อง จับโยนออกนอกห้องทีละชิ้นทีละชิ้น
จ้าวหลินถึงกับอึ้ง เธอไม่คิดเลย คนบ้านนี้จะไร้น้ำใจแบบนี้ มีปากเสียงกันแค่นี้ถึงขนาดไล่พวกเธอออกจากบ้านได้
มองดูสัมภาระของตัวเองถูกโยนทิ้งออกมาเหมือนขยะ ไม่ได้ใส่ใจว่าจะเสียหายหรือไม่ เธอรีบพูดสวนไปทันที “อย่าแตะต้องของของฉัน ฉันจัดการเอง!”
“ของขยะพวกนี้ ฉัน….” จ้าวเหมยเหมยกำลังจะพูด สังเกตไปเห็นแววตาที่หนาวเยือกของมู่เซิ่ง แก้มที่โดนตบเมื่อวานนี้เริ่มออกอาการเจ็บขึ้นมา เธอสะบัดเสียงฮึออกจมูกพูดว่า “งั้นพวกแกรีบจัดการให้เร็วด้วย!”
“ก็รีบจัดการซะ แล้วไสหัวกันออกไป ยังมี เอาค่าอาหารและค่าที่พักเมื่อคืนนี้จ่ายมาด้วย ในเมื่อพวกเธอมีเงินกันเยอะ แค่นี้คงไม่เบี้ยวกันมั้ง?”
ถงเสว่เหมยยิ้มเย้ยหยันเต็มหน้า
“จ้าวเหมยเหมย ถึงยังไงฉันก็เป็นพี่สาวเธอนะ ต่อให้เธอจะไม่เห็นแก่หน้าความเป็นญาติ ก็ไม่น่าจะเกินไปถึงขนาดนี้นะ?” เห็นจ้าวเหมยเหมยเอาจริงจังแบบนี้ จ้าวหลินพูดด้วยความไม่พอใจ
“ไม่เห็นแก่หน้าความเป็นญาติ?ใครกันที่ทำให้พวกฉันต้องขายหน้าที่ห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้า?เพราะพวกเธอดูถูกคน ก่อกรรมย้อนใส่ตัวเอง!” จ้าวเหมยเหมยพูด
“คุณแม่ ช่างเถอะ อย่าไปคุยกับคนประเภทนี้เลย” เจียงหว่านพูดปลอบอยู่ข้าง ๆ
เธอก็ได้มองออกแล้ว คนในบ้านนี้ล้วนแต่ดูถูกพวกเธอเป็นที่สุด พวกเธอยิ่งทำถ่อมตัวยอมให้ มีแต่ทำให้จ้าวเหมยเหมยยิ่งเชิดออกหน้า ออกให้พ้นบ้านพวกเธอได้ เจียงหว่านกลับจะรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นอีกเสียกว่า
จ้าวหลินก็เข้าใจข้อนี้ เพียงแต่เธอยังรู้สึกขุ่นข้องใจ เห็นชัด ๆ ว่าเพราะจ้าวเหมยเหมยเองที่อยากอวดโชว์ เป็นฝ่ายตั้งตัวเล่นงานมู่เซิ่ง ผลสุดท้าย ยังกลับเป็นมาลงที่ไล่ให้พวกเขาออกไป มันไม่เอาเหตุผลกันเลยจริง ๆ
“ได้ พวกเราไป” จ้าวหลินเก็บของแต่ละชิ้นใส่กระเป๋าสัมภาระ
มองคนทั้งบ้านที่ถูกไล่ออกไปเหมือนหมาจรจัด ถงเสว่เหมยพาสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดูหมิ่น “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกแกอย่าได้เหยียบเข้ามาบ้านฉันอีก ส่วนพวกแกออกไปแล้ว จะไปนอนข้างถนนที่ไหน หรือจะไปอาศัยใต้สะพานอยู่ พวกแกก็จัดกันเองตามสบาย”
“ยังมีแก รีบไปให้พ้น ไอ้พวกขี้ขยะ!เห็นแกแล้วมันขัดหูขัดตาจริง ๆ”
มู่เซิ่งก้มตัวช่วยเก็บของอยู่ ได้ยินคำที่พูด เอียงหน้าเหลือบมองไป พูดเสียงเยือก ๆ ไปว่า “จ้าวเหมยเหมย หวังว่าคุณจะดูแลปากของลูกสาวของคุณให้ดีนะ ไม่งั้น เรื่องวันนี้ จะทำให้พวกคุณต้องเสียใจไปตลอดชาติ”
“ลูกสาวฉันเป็นอะไร เกี่ยวอะไรกับไอ้ขยะอย่างแก?จะทำให้ฉันเสียใจ?เฮอะ ๆ รู้จักกับไอ้เศษขยะอย่างแกนี่สิ ถึงเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ!” จ้าวเหมยเหมยตะเพิดด่าออกไป
ไอ้เศษขยะตัวนี้ความสามารถไม่มี แต่ใจกล้าไม่น้อย ถึงขนาดกล้ายุ่งมาถึงเรื่องภายในครอบครัวพวกเขา
พูดจบขาดคำ เสียงดังปังลั่นของประตูห้องถูกอัดปิดใส่อย่างแรง ความแรงที่อัดใส่ ทำเอาเกือบกระแทกใส่จมูกจ้าวหลิน
ตามจากเสียงสิ้นสุดลง ทุกคนก็ยังได้ยินแว่ว ๆ หลังประตูยังมีเสียงก่นด่ากระปอดกระแปดอยู่
“ถุย มันอะไรของมัน บ้านสัปปะรังเคแบบนี้ ทำยังกับฉันอยากจะอยู่ด้วย” จ้าวหลินชี้ด่าไปที่ประตูเหล็ก
เธอหอบกระเป๋าสัมภาระของเธอ พลางเดินลงกระไดไป ระหว่างทางผ่านก็ทักทายเรื่องบ้านจ้าวเหมยเหมยไปจนหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนไล่ออกจากบ้าน ทำให้เธอต้องรู้สึกขายหน้าเป็นที่สุด
มู่เซิ่งแค่นหัวเราะอย่างระอาใจ นิสัยของตระกูลจ้าวนี่ จะเหมือน ๆ กันหมดจริง ๆจ้าวเหมยเหมยกับจ้าวเสียเวิ่นต้องเรียกว่ามาสายคุณธรรมเดียวกันเลย เป็นคนประเภททะเยอทะยายใฝ่วัตถุนิยม รูปลักษณ์ผู้หญิงจัดจ้านก้าวร้าวนั้น แสดงออกได้อย่างเต็มรูปแบบ
“มู่เซิ่ง แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”
เจียงหว่านก็หอบของพะรุงพะรังในมือถาม
เธอนึกเสียใจมากที่มาอำเภอซานเซี่ยง แต่มาถึงขณะนี้แล้ว ทั้งวันแซยิดของคุณตาก็ใกล้จะถึงแล้ว เธอจะจากไปเลยก็ไม่ใช่เรื่อง ถ้าเธอจากไปเลย ในลับหลังจ้าวเหมยเหมยก็ต้องว่าเธออกตัญญูแน่นอน
“ในเมื่อต้องอยู่กันหลายวัน ที่นี่เราก็ซื้อบ้านไว้สักหลังก็จบ” มู่เซิ่งพูดง่าย ๆ
ซู่!
ซื้อห้องชุด?
ได้ยินมาแบบนี้เข้า จ้าวหลินกับเจียงหว่านหายใจเฮือกเข้าไปแทบจะพร้อมกัน อำเภอซานเซี่ยงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แค่ห้องชุดหลังหนึ่ง ก็ต้องมีหลายล้านขึ้นไปนะ
แค่ตอนที่มู่เซิ่งไปชำระเงินค่าเสื้อผ้า ก็จ่ายไปแล้วสี่ล้านกว่า แล้วตอนนี้ มู่เซิ่งก็ยังจะควักเงินมาซื้อห้องชุดอีก ในใจพวกเธอก็ต้องมีสงสัย
มู่เซิ่งเองนี่มีเงินเท่าไหร่กันแน่?
เจียงหว่านถลึงตาใสมู่เซิ่ง “มู่เซิ่ง พวกเราก็แค่อยู่สักหลายวัน ซื้อห้องชุดยังมีเรื่องหยุมหยิมมากมาย กว่าจะเข้าอยู่ได้ คิดว่าก็พอดีได้เวลากลับพอดีแล้ว”
“ก็ใช่ ฉันก็ไม่ทันคิด”
มู่เซิ่งผงกหัว