มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่186 ไอ้ขยะที่อาศัยเกาะกินกับผู้หญิง
“เฉินเสวียลี่ แกพูดเรื่องอะไรของแก แกหน้าใหญ่แค่ไหน ขนาดเจ้านายฉันจะส่งของขวัญให้?”
ประโยคเดียวของหลี่หราน เหมือนฟ้าผ่าลงมา เสียงระเบิดลั่นกันจนแต่ละคนตาค้าง
เสียงหลี่หราน จากอีกฟากโทรศัพท์ เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างเกรงใจ มาดเถ้าแก่ใหญ่เต็มตัว คำพูดที่ออกมานี้ ทำให้เฉินเสวียลี่เสียหน้าไปอย่างหมดรูป ยืนอึ้งอยู่กับที่ ทำหน้าเหมือนกินเอาขี้เข้าปาก
ในสายตาของเขา มู่เซิ่งเป็นผู้ชายที่คนตระกูลกู่ยังให้ความเคารพยำเกรง อย่างแค่เฉินเสวียลี่ กล้าบอกว่าอำพันทะเลเป็นของที่เขามอบให้ จะหาที่ตายหรือไงกัน!
ที่รู้สึกคาดคิดกันไม่ถึงก็ต้องเป็นพวกบรรดาญาติ ๆ ทั้งหลาย พวกเขารู้สึกแต่ว่า มีแต่เพื่อนของเฉินเสวียลี่เท่านั้น ที่เป็นไปได้ในการจะมอบของขวัญล้ำค่าขนาดนี้ได้ แต่ตามรูปการณ์ที่เห็น หรือว่าพวกเขาคิดผิดไปแล้ว?
แต่ทว่า ของขวัญล้ำค่าระดับนี้ นอกจากเฉินเสวียลี่แล้ว ยังมีใครจะมีปัญญาทำได้?
จ้าวเหมยเหมยอดไม่ได้ต้องถามไป “ท่านประธานหลี่ ที่ท่านพูดนั้นหมายความว่ายังไง?หรือว่า ท่านไม่ใช่เป็นเพื่อนซี้กับเฉินเสวียลี่หรือ?”
“นั่นสิ…….”
ถงเสว่เหมยก็ให้รู้สึกสมองเคว้งคว้างไปหมด ก็ถามไปจากข้าง ๆ อย่างซื่อ ๆ
หลี่หรานหัวเราะเยือก ๆ พูดอย่างเหยียด ๆ “เพื่อนซี้?ฉันก็ยอมรับได้นะ เฉินเสวียลี่เคยช่วยชีวิตฉันไว้จริงอยู่ แต่หลายปีมานี้ ที่ฉันให้เขาไปก็มากพอแล้วนะ รวมทั้งบริษัทที่เขาเปิดนั่น ฉันก็ลงทุนให้ไปหลายล้านแล้ว ถ้าจะว่ากันตามบุญคุณจริง ถึงขณะนี้ ฉันก็ไม่ได้ติดค้างอะไรเขาแล้วเลยนะ!”
คำพูดนี้ ทำเอาคนทั้งหมดที่อยู่ผวา บริษัทของเฉินเสวียลี่ ถึงกับเปิดขึ้นมาจากการช่วยของหลี่หรานเลยหรือ?
เฉินเสวียลี่นั้นแต่ไหนแต่ไรมา มีแต่คุยว่าด้วยความขยันของตัวเขาเอง ถึงเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาได้ไม่ใช่หรือ?
“เสวียลี่ เรื่องเป็นยังไงกันนี่?”
“นั่นสิ ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
ญาติ ๆ ที่อยู่รอบข้างต่างคนต่างถามนู่นถามนี่กัน เฉินเสวียลี่ได้แต่ก้มหน้าเฉย เงียบเสียงไม่กล้าพูดอะไร
ที่หลี่หรานพูดนั้นถูกต้อง
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หราน ก็ไม่มีทางจะมีตัวเขาในวันนี้ได้ และในหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็รู้สึกอยู่ว่าได้รบกวนหลี่หรานมามากพอแล้ว ในครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะจ้าวเหมยเหมยเสนอมา เขาก็คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากหลี่หรานเอง
แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า มาครั้งนี้ กลับทำเอาหลี่หรานพลิกหน้าจากมิตรกลายเป็นศัตรูกันได้!
บรรยากาศรอบบริเวณ ตกอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วน
“ท่านประธานหลี่ ผมพูดผิดไปเองครับ ขอท่านได้โปรดอภัย” เฉินเสวียลี่กล่าวคำขอโทษ
เขามองไปที่จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมย ดูจากแววตาก็เห็นถึงภาพลักษณ์ของเขาในใจของพวกเธอนั้น จะต้องถูกกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แน่นอน แต่ถึงจะยังไงก็แล้วแต่ เขาถึงยังไงก็ยังจะต้องขอโทษ
ด้วยเพราะว่า เขาจะกระทบกระทั่งหลี่หรานไม่ได้เด็ดขาด
“ขอโทษคงไม่ต้องนะ แต่ผมคงช่วยคุณได้ถึงแค่นี้แล้วแหละ น่าจะเต็มที่แล้วนะ ต่อไปคุณต้องดูแลด้วยตัวเองให้ดีแล้วนะ” หลี่หรานพูดอย่างหมดสิ้นใยดีจากโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง
“ขอคุณท่านประธานหลี่มากครับ” เฉินเสวียลี่พูดด้วยความรู้สึกมีเลือดซิบ ๆ อยู่ในใจ
ความหมายของที่บอกว่าต้องดูแลด้วยตัวเองให้ดีแล้วนะ นั่นก็คือต่อแต่นี้ไปถ้าเขาจะมีเดือดร้อนอะไร หลี่หรานจะไม่ช่วยอะไรเขาอีกแล้ว!
แต่ทว่า ก็ยังดีกว่าพลิกหน้าจากมิตรกลายเป็นศัตรูนะ เฉินเสวียลี่ได้แต่ปลอบใจตัวเอง
ในขณะที่หลี่หรานกำลังจะตัดสายโทรศัพท์ จ้าวเหมยเหมยก็โพล่งออกมาในทันที รีบพูดออกไปว่า “ประธานหลี่ ในเมื่อของขวัญชิ้นนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเสวียลี่ คุณน่าจะบอกพวกเราได้นะ ตกลงใครเป็นคนให้มา?”
“นั่นสิ ใครเป็นคนให้มากันแน่”
บรรดาญาติ ๆ ต่างก็พากันสงสัย คนที่อยู่ในที่นี้ จะมีใครอีกที่จะมีความสามารถขนาดนั้น ส่งของขวัญได้ในระดับนี้
“เป็นเพื่อนของคุณมู่เซิ่งครับ” หลี่หรานทิ้งคำพูดนี้ไว้ แล้วตัดสายโทรศัพท์
“คือเพื่อนของมู่เซิ่งให้มา?”
เจียงหว่านหันหน้ามาขวับ คิดถึงกู่ชิงเสวียนที่เจอกันเมื่อวานขึ้นมาในทันที ที่แท้ของขวัญชิ้นนี้เธอเป็นคนส่ง ของล้ำค่าขนาดนี้ ตระกูลกู่ ช่างไม่ได้เห็นคุณค่าของเงินเอาเลยนะ
“มู่เซิ่ง เพื่อนคุณนี่ มีเงินมากจริงนะ” เจียงหว่านย่นคิ้ว อารมณ์หึงเต็มหน้า
“คุณเมียจ๋า ด้วยเพราะในโครงการของมู่ซื่อ กรุ๊ปก่อนหน้านี้ ได้ช่วยตระกูลกู่ไปเที่ยวหนึ่ง ฉะนั้นพวกเขาจึงได้ยืนยันจะส่งของขวัญมาให้ นี่เป็นความตั้งใจของเขาเอง ฉันก็ทำอะไรไม่ได้นะ” มู่เซิ่งพูดอย่างเสียไม่ได้
ในข้อเท็จจริง ถ้าเขาไม่ได้ปรามไว้ ชองกำนัลงานแซยิดนี้ น่ากลัวต้องมีหมื่นล้านขึ้นไป
โครงการเขตซีไห่ ตระกูลกู่ก็มีร่วมด้วย คิดมาถึงเรื่องนี้ เรื่องส่งของขวัญนี้ก็ไม่น่าจะต้องเข้าใจยาก
แต่ส่วนของคนอื่น ๆ นั้น มาถึงนาทีนี้ ทุกคนต่างตื่นงงอยู่กับที่
คิดไม่ถึงกันเลย ของขวัญชิ้นนี้เป็นของเพื่อนมู่เซิ่งส่งมาให้?เขาไปรู้จักเพื่อนระดับมหากาฬแบบนี้มาได้ยังไงกัน?
“ผมบอกแล้ว ของชิ้นนี้ คุณไม่คู่ควรที่จะแตะต้อง” มู่เซิ่งฉีกปากยิ้มแสยะ
คุณไม่คู่ควร
คำสั้น ๆ แค่นี้ทำเอาเฉินเสวียลี่สั่นไปทั้งตัว ไอ้ขยะแบบนี้ ถึงขนาดว่าเขาไม่คู่ควร!มันก็แค่ของขวัญที่เพื่อนส่งให้ ไม่ใช่ของตัวแกเองซักหน่อย กล้าดียังไง มาหัวเราะเยาะเย้ยเขา?
จ้าวเหมยเหมยกับถงเสว่เหมยที่ยืนข้าง ๆ ก็โกรธกระฟัดกระเฟียด ในสายตาพวกเขา มู่เซิ่งก็แค่บ่าวที่เอามาไว้ในบ้าน ก็แค่เศษขยะแค่นั้น เขาจะมีคุณสมบัติอะไรไปคบเพื่อนที่ไหนได้?
ใช่แล้ว!
ก็เจียงหว่านนั่นแหละ!
จ้าวเหมยเหมยสะอึกไปนิดเดียว พลันก็นึกขึ้นมาได้ เรื่องนี้ต้องเป็นคนรู้จักของเจียงหว่านแน่นอน แล้วแกล้งบอกว่าเป็นเพื่อนมู่เซิ่ง เพื่อไม่ให้เขาต้องขายหน้า!
“ไอ้เศษขยะ แกก็แค่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้ ไม่รู้จักอายที่จะถูกคนเขาเอาไปล้อเล่น ฉันจะบอกแกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงหว่านได้งานโครงการเขตซีไห่ แกทั้งชาตินี้ ยังไม่มีสิทธิ์จะเข้ามากินอาหารในโรงแรมระดับนี้ด้วยซ้ำ!ไอ้พวกขยะ ไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลจ้าวของฉันเลย!” จ้าวเหมยเหมยพูดด้วยอารมณ์เดือดพล่านเต็มที่
มู่เซิ่งถึงกับสะอึก รอยยิ้มคงแสดงออกไว้ที่มุมปาก
นี่มันเป็นเรื่องที่ถูกฉีกหน้า อายจนเกิดเป็นโกรธ จะตัดเชือกแบ่งข้างให้ชัดเจนกันเลยหรือนี่?
จ้าวหลินก็โกรธขึ้นมาไม่น้อย “นี่เป็นลูกเขยของฉันนะ แกเอาสิทธิ์อะไรมาไล่ออกจากตระกูลจ้าว?”
เจียงหว่านก็พูดด้วยน้ำเสียงเยือก ๆ “นี่เป็นของเพื่อนมู่เซิ่งเขา ไม่เกี่ยวกับฉัน คุณจ้าวเหมยเหมย คุณอย่าทำแบบมีอะไรก็จับโยนใส่มาที่ฉันทั้งหมด”
แต่ทว่า คำพูดของเธอ
ถ้าหากไม่ใช่เจียงหว่าน มู่เซิ่งจะมีเงินมากมายแบบนี้ได้ยังไง?
“เจียงหว่าน เธอแต่งงานออกไปได้สามปี ไม่คิดว่าตัวเธอเองตอนนี้เพียงเพื่อคนนอกคนเดียว ถึงขนาดพูดกับญาติผู้ใหญ่แบบนี้”
“ฟ้าถล่มล่มแล้ว ข้าว่าพอตัวเองมีเงินมากเข้า แม้กระทั่งตัวเองเป็นใครก็ไม่รู้จักแล้ว!”
“เฮอะ ๆ แค่ส่งขยะมาให้กองหนึ่ง คิดว่าพวกเราจะมองด้วยสายตาจริง ๆ รึ?”
เหล่าบรรดาญาติตระกูลจ้าวต่างพากันชี้หน้าต่อว่าเจียงหว่าน คำพูดที่ใช้ เต็มที่สุด ๆ ของการเหยียดหยาม
“พวกแกใครว่าของขวัญที่ข้าส่งมาให้นั้นเป็นขยะ?”
ในขณะนั้นเอง เสียงแหบพร่าของคนแก่ดังเข้ามา
มองย้อนตามที่มาของเสียงไป ญาติคนตระกูลจ้าวต่างเงียบเสียงลงไปในทันที เพราะที่หน้าประตูห้องเหมารวมนั้น มีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งในนั้น ก็คือหลี่หรานคนที่คุยโทรศัพท์กับเฉินเสวียลี่เมื่อสักครู่นี้!
แต่คนที่พูดนั้น ก็คือกู่มู่สวีนอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลี่หราน
“แกใช่ไหมที่พูด?”
หลี่หรานก้าวยาว ๆ เข้าไปหาญาติรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ถามไปเสียงหนาวเยือก
ด้วยความกลัวของญาติรุ่นเยาว์คนนั้น ถอยกรูดออกไปไม่หยุด หลี่หรานนั้น เขาคือฮ่องเต้ใต้ดินแห่งอำเภอซานเซี่ยงทีเดียวเชียว!
“ไม่…..ไม่ใช่ผม ท่านประธานหลี่ ท่านฟังผิดแล้ว” ญาติรุ่นเด็กคนนั้นตอบตะกุกตะกัก
“ไม่ใช่แก?” หลี่หรานพูดเสียงกร้าว “แกหมายถึงว่า หูของฉันมีปัญหาหรือไง?”
“ไม่……..ไม่ใช่” ญาติรุ่นเยาว์คนนั้นฉี่จะแตกเอา
วินาทีนั้น หลี่หรานกระชากคอเสื้อเด็กรุ่นหลังคนนั้น สะบัดมือขวาใส่ไปอย่างแรง
ผัวะ!
เสียงตบดังสนั่น ก้องกังวานยังกับห้องโถงระเบิด
ผัวะ!
ผัวะ!
หลี่หรานซัดฝ่ามือลงไปสามครั้งต่อ ๆ กัน ตบจนหน้าเด็กรุ่นหลังคนนั้นบวมแดงขึ้น ปากกระอักเลือดออกมา แล้วจึงพูดต่ออีกว่า “ของจากตระกูลกู่ มีหรือจะให้ไอ้เศษเดนอย่างแกมาวิจารณ์ได้?”