มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 239 หัวเดียวกระเทียมลีบ
ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นอดลุกขึ้นยืนไม่ได้ แต่ละคนแสดงความเต็มใจ
ได้ฟังคำพูดของทุกคน ใบหน้าของเจียงมู่หลงเต็มไปด้วยความดีใจสุดๆ
เขากลั้นยิ้ม พูดกับเจียงหว่าน “ไอ้หยา เจียงหว่าน ดูไม่ออกเลยว่าเธอไม่เป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้ ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านี้ ไม่มีใครยอมอยู่เลยสักคนนะ”
“มอดพวกนี้ ฉันแทบอยากจะให้พวกเขาไปจริงๆ” เจียงหว่านพูดเสียงเย็นชา สำหรับคนที่ไม่มีความคิด จิตใจโลเลแบบนี้ เธอไม่รู้สึกประหลาดใจสักนิด
ยิ่งกว่านั้น ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านี้ไม่มีความสามารถอะไรอยู่แล้ว ปกติมีแต่บน ตามความจริงสู้พนักงานที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตระกูลเจียง เจียงหว่านอยากจะไล่พวกเขาออกตั้งนานแล้ว
“เจียงหว่าน เธอหมายความว่าอย่างไร? เธอพูดว่าใครเป็นมอด!”
“ถุย คนหยิ่งผยอง”
“เจียงหว่าน เธอไม่มีความสามารถในการชี้นำด้วยซ้ำ ตอนนี้บริษัทแห่งนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องพินาศในมือของเธอ!”
“ในฐานะผู้ใหญ่ ฉันขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอ ต่อไปเจอหน้ากัน อย่าพูดว่าเธอคือคนของตระกูลเจียง เธอกับสามีขยะของเธอ ดูแลตัวเองดีๆ เถอะ!”
ลูกหลานตระกูลเจียงร้องโวยวายขึ้นมาทันที คำพูดไม่น่าฟังแต่ละอย่างตกลงบนตัวของเจียงหว่าน ยังไงพวกเขาจะจากไป แน่นอนว่าไม่ไว้หน้าสักนิด
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เจียงมู่หลงมองดูภาพนี้ เขาดีใจสุดๆ
“เฮ้อ เจียงหว่าน หาเรื่องใส่ตัวเอง เธอมองสามีขยะของเธอเก่งเกินไปแล้ว ตอนนี้ภายใต้การปิดล้อมบริษัทของฉัน เธอรอล้มละลายได้เลย” เจียงมู่หลงถอนหายใจ แล้วเดินลอยหน้าลอยตาออกไป
ส่วนคนตระกูลเจียงเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลัง แต่ละคนหัวเราะเยาะไม่หยุด เดินตามหลังกันออกไป
พวกเขารู้ดี บริษัทของเจียงหว่านใกล้จะจบเห่แล้ว!
เจียงมู่หลงไม่ขาดแคลนเงิน อีกอย่างภายใต้โครงการบริษัทของเขาที่เสียหายหนึ่งพัน แต่ก็ทำร้ายศัตรูแปดร้อย ทั้งเมืองเจียงหนาน แทบจะไม่มีธุรกิจมาหาบริษัทเจียงหว่าน หากสถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป บริษัทเจียงหว่านฝืนได้ไม่นาน
เจียงมู่หลงมีหนึ่งพันล้านให้ฟุ่มเฟือย เธอมีไหม? เกรงว่าหลังจากชดเชยให้มู่ซื่อ กรุ๊ป ก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว
“อ่อใช่ ถ้าหากพนักงานเหล่านี้ของพวกเธอจะไป บริษัทมู่หลงของฉัน ก็รับไว้เช่นกัน นอกจากตำแหน่งไม่เปลี่ยนแล้ว เงินเดือนยังสูงกว่าบริษัทเจียงหว่านของพวกเธออีก!”
ก่อนที่เจียงมู่หลงจะออกไป ยังทิ้งประโยคนี้ไว้
คำพูดเหล่านี้ที่เขาทิ้งไว้ ทำให้หลายคนสนใจ เพราะว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าเจียงหว่านไม่สามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้ เมื่อบริษัทเจียงหว่านล้มละลาย เช่นนั้นพวกเขาก็จะตกงาน
“ประธานเจียง ปกติปฏิบัติกับพวกคุณอย่างไร ในใจพวกคุณไม่ชัดเจนเหรอ?” เห็นท่าทางที่จะตัดสินใจของทุกคน หลิงเยียนหรานโมโหทันที
ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นไปแล้วก็ช่าง แม้แต่พนักงานคนสำคัญของบริษัทก็จะไปด้วย นั่นไม่แย่เหรอ?
“ประธานเจียงดีกับพวกเรามาก แต่สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ ถ้าหากเจียงมู่หลงไม่เลิกพุ่งเป้ามา ก็ต้องล้มละลายไม่ช้าก็เร็ว”
“โบราณว่าคนเดินขึ้นสูง น้ำไหลลงต่ำ ประธานเจียง พวกเราอุทิศตัวเพื่อบริษัท แต่ก็ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองด้วย”
“พวกคุณไร้ยางอายเกินไปหน่อยแล้ว ตอนแรกเป็น ประธานเจียงที่รับสมัครพวกคุณเข้าบริษัท ไม่มี ประธานเจียง ก็ไม่มีพวกคุณในวันนี้!”
ในห้องประชุม เสียงต่างๆ ดังขึ้นไม่หยุด สถานการณ์ของบริษัทแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งจะไปกับเจียงมู่หลง อีกส่วนกลับอยู่ต่อ เดินหน้าถอยหลังไปพร้อมกับบริษัท
เจียงหว่านคิดไม่ถึงว่าบริษัทจะพัฒนาถึงขั้นนี้ แต่ตอนนี้มู่เซิ่งมอบบริษัทให้กับเธอ เธอไม่มีทางทำให้มู่เซิ่งผิดหวัง
“พวกคุณใครจะไป ก็ไปตอนนี้เถอะ ฉันไม่มีทางบังคับให้อยู่ต่อ แต่พวกคุณคิดให้ดี หากเมื่อออกจากบริษัทนี้ไปแล้ว ต่อไปเรื่องทุกอย่างของบริษัท ก็ไม่เกี่ยวกับพวกคุณอีกต่อไป!” เจียงหว่านพูดอย่างเย็นชา
“พอเถอะ คุณอย่าขู่พวกเราเลย รีบดูแลตัวเองเถอะ”
“จริงด้วย ประธานเจียง ไม่ใช่ฉันจะว่า สามีขยะคนนั้นของคุณพึ่งพาไม่ได้จริงๆ ดูแลตัวเองดีๆ เถอะ…เฮ้อ ไปเถอะๆ ถ้ายังไม่รีบไป เดี๋ยวจะตกงาน”
หลังจากพนักงานพวกนั้นพูดจบ แต่ละคนพากันลุกขึ้น ออกไปจากห้องประชุม
“เจียงหว่าน ฉันเชื่อคุณ ฉันจะสู้ไปพร้อมกับบริษัท!” หลิงเยียนหรานลุกขึ้น พูดอย่างจริงจัง
ถึงแม้ครั้งนี้อุปสรรคจะยิ่งใหญ่มาก แม้กระทั่งในใจของเธอยังคิดว่า ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ยากมาก แต่เจียงหว่านดีกับเธอ ทำให้เธอไม่มีทางเนรคุณ
เจียงหว่านยิ้มอย่างชื่นใจ “วางใจได้ บริษัทของพวกเราไม่ได้ล้มละลายง่ายขนาดนั้น”
“หึหึ”
พนักงานเหล่านั้นออกจากห้องประชุม ทิ้งประโยคหัวเราะเยาะไว้
สถานการณ์ของบริษัท ในฐานะพนักงาน พวกเขารู้ดีที่สุด
ตอนนี้เพื่อชดเชยให้กับมู่ซื่อ กรุ๊ป เงินทั้งหมดภายในบริษัทใช้เกือบหมดแล้ว ตอนนี้บริษัทยากจนเป็นอย่างมาก รอรับผลกำไรของโครงการต่างๆ ตอนนี้ถูกบริษัทเจียงมู่หลงปิดล้อม พวกเขายังจะได้กำไรอย่างไร?
พูดตามตรง พวกเขานับถือเจียงหว่านจริงๆ
ทั้งที่รู้ว่าบริษัทใกล้จะล้มละลายแล้ว ยังฝืนอยู่ จิตใจแบบนี้พวกเขาพิจารณาตัวเองจนได้ข้อสรุปว่าทำไม่ได้
แต่นับถือก็ส่วนนับถือ ตอนจากไป ไม่ไว้หน้าสักนิด
เรื่องนี้วุ่นวายขนาดนี้แล้ว พวกเขาไม่มีทางเอาอนาคตของตัวเองมาล้อเล่น
จากที่ทุกคนออกไป ความตึงเครียดของเจียงหว่านผ่อนคลายลงในที่สุด เธอนั่งลงอย่างหมดแรง และถอนหายใจอย่างแรง
“ประธานเจียง ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไร?”
มองดูห้องประชุมที่ว่างเปล่าเกินครึ่ง หลิงเยียนหรานถามขึ้น คำพูดเหล่านี้ของเจียงมู่หลง ดึงพนักงานไปเยอะขนาดนี้ สำหรับบริษัทในตอนนี้เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
“สรุปพนักงานที่ลาออกออกมาก่อน และประกาศข้อมูลรับสมัคร เติมตำแหน่งที่ขาดหายให้เร็วที่สุด” เจียงหว่านพูด
“ค่ะ” หลิงเยียนหรานพูด “งั้นต่อไปล่ะคะ?”
“ทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อน ต่อไป วางแผนไปทีละขั้น” เจียงหว่านพูด
“ประธานเจียง ฉันเข้าใจแล้ว” หลิงเยียนหรานพยักหน้า
เธอมองเจียงหว่านอย่างเป็นกังวล ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัท เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากอีกอย่างรับพนักงานมาใหม่ พวกเขาไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนการทำงานในบริษัทได้ทันที ต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนถึงจะทำได้ ในช่วงนี้ นี่ไม่เทียบกับการการเดินอยู่บนจุดที่ถึงขีดล้มละลาย
แน่นอนว่า หลิงเยียนหรานไม่ได้กังวลถึงปัญหาที่ตัวเองจะตกงาน ทำงานมาหลายปี เธอมีเงินออมมากพอตั้งนานแล้ว เธอกังวลว่าเจียงหว่านจะประคับประคองการโจมตีครั้งนี้ไว้ไม่ไหว
“ประธานเจียง ฉันไปทำงานก่อน ช่วงนี้คุณอย่าหักโหมเกินไป จะต้องพักผ่อนดีๆ” หลิงเยียนหรานพูด
“วางใจเถอะ ฉันเข้าใจ” เจียงหว่านยิ้มพยักหน้า
เธอเงยหน้ามองบริษัท เรื่องนี้ ในใจของเธอก็ไม่มีความมั่นใจ แต่เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่นอน อีกอย่างเบื้องหลังเธอยังมีมู่เซิ่งยืนอยู่ มู่เซิ่งเคยบอกกับเธอ วางใจทำ ต่อให้บริษัทล้มละลายก็ไม่เป็นไร”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงหว่านยังจะมีอะไรให้กลัวอีกนะ?