มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 280 ซาบซึ้ง
“มันไม่มีความหมายมากนัก แต่แค่ผมเคยเติบโตมาคนเดียว ดังนั้นเมื่อผมเห็นเด็กๆในบ้านเอื้อเฟื้อผมก็นึกถึงตนในตอนนั้น และอยากจะทำบางสิ่งที่ตนเองพอจะทำได้เพื่อช่วยพวกเขา”มู่เซิ่งพูด
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่จริงใจของมู่เซิ่ง กู่ชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และรู้สึกเศร้าเล็กน้อยในใจของเธอ
เห้อ ผู้ชายที่แสนดีขนาดนี้ และจิตใจงามขนาดนี้ แต่ในสายตาของเขา เธอเป็นได้แค่น้องสาวของเขา
“โอเค เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวกลับไปฉันจะคุยกับคุณปู่ดู ยังไงซะ ตระกูลกู่ของเราจะมีกิจกรรมการกุศลในทุกๆปี เมื่อถึงตอนนั้น ก็แค่เอาบ้านเอื้อเฟื้อเป็นหัวข้อในงานนั้นก็ได้แล้ว”
“สำหรับการย้ายที่อยู่ใหม่ของบ้านเอื้อเฟื้อฉันจะหาที่ที่เหมาะสมกว่านี้”
กู่ชิงเสวียนกล่าว
“น้องสาวที่แสนดีของฉัน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณนะ มาเถอะ พี่ขออวยพรคุณ”มู่เซิ่งพูดพร้อมกับดื่มอวยพร
กู่ชิงเสวียนเบะปากของเธอ ในใจของเธอ เธอยังคงไม่อยากยอมรับตัวตนนี้ในขณะนี้ แต่เธอทำได้เพียงยกแก้วไวน์ขึ้นและชนแก้วกับมู่เซิ่ง
ทั้งสองกินจนอิ่ม และพูดคุยกัน มู่เซิ่งยังได้เล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอันตรายที่เขาประสบเมื่อเขาอยู่ในหน่วยมังกร
กู่ชิงเสวียนฟังด้วยความจดจ่อ ใบหน้าเล็กๆของเธอแดงเล็กน้อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองลุกขึ้นและออกจากห้อง ในเวลานี้ เจ้าของร้านกำลังรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ข้างๆเขาคือหลู่เยว่เยว่และจางเจ๋อที่กำลังคุกเข่าอยู่
จางเจ๋อก้มศีรษะลงและสีหน้าของเขาน่าเกลียดมาก หลังจากคุกเข่าที่หน้าประตูเป็นเวลานาน ขาของเขาชาไปหมด แต่เขาไม่กล้าลุกขึ้นยืน หากเขาทำให้คุณหนูกู่ขุ่นเคืองอีก เกรงว่าคงจะจบแล้วจริงๆ
หลู่เยว่เยว่มองไปที่มู่เซิ่งที่หน้าประตู และรู้สึกถึงไม่คุ้นเคย
ดูเหมือนว่าแตกต่างจากผู้ชายที่ตนได้เห็นเมื่อตอนเที่ยงวันนี้อย่างสิ้นเชิง
“มู่เซิ่ง จางเจ๋อได้บอกฉันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องเมื่อกี้นี้ ฉันรู้ว่าเขาสมควรตาย แต่เห็นแก่ฉัน คุณช่วยขอร้องแทนเขาหน่อยได้ไหม”หลู่เยว่เยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงพูดคำที่เธอเตรียมไว้
มู่เซิ่งกวาดมองไปที่จางเจ๋อและพูดอย่างสบายๆ”คนที่จางเจ๋อทำให้ไม่พอใจไม่ใช่ผม แต่เป็นกู่ชิงเสวียน ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะพูดกับผม คุณควรบอกกู่ชิงเสวียน”
ใบหน้าของหลู่เยว่เยว่แข็ง เธอก็เพิ่งรู้จักมู่เซิ่ง ถ้าให้เธอไปขอร้องกู่ชิงเสวียน เธอก็ไม่กล้าเหมือนกัน
จางเจ๋อคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าซีดขาว
ทุกคนมองไปที่กู่ชิงเสวียน อยากดูว่าคุณหนูของตระกูลกู่จะจัดการกับ จางเจ๋ออย่างไร
ในสายตาของพวกเขา แม้ว่ากู่ชิงเสวียนอยากจะฆ่าจางเจ๋อพวกเขาก็ไม่แปลกใจเลย การทำให้ตระกูลกู่ขุ่นเคือง ก็จบลงแบบนี้ และมีเพียงคำเดียวที่เหมาะกับเขา ก็คือสมน้ำหน้า
“มู่เซิ่ง คุณบอกว่าเป็นพี่ชายของฉันไม่ใช่เหรอ?จะปกป้องฉันใช่ไหม?เมื่อกี้เขารังแกฉัน คุณจะทำอย่างไหร?”ทันใดนั้นกู่ชิงเสวียนก็พูดกับมู่เซิ่ง
มู่เซิ่งผงะไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก เขาเพิ่งปฏิเสธกู่ชิงเสวียน ถ้าครั้งนี้ไม่ทำอะไรอีก ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนอาจจะมีรอยร้าวได้
“แน่นอน มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องปกป้องน้องสาวของผม”มู่เซิ่งยิ้ม
ร่างกายของจางเจ๋อสั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก พี่ชาย?มู่เซิ่งคนนี้เป็นพี่ชายของกู่ชิงเสวียนจริงหรือ?จนถึงตอนนี้ เขาพึ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งที่มู่เซิ่งพูดในบ้านเอื้อเฟื้อนั้นไม่ได้โม้จริงๆ จะทำสิ่งเหล่านี้ เพียงสถานะของเขาในฐานะพี่ชายของกู่ชิงเสวียนก็เพียงพอแล้ว
มู่เซิ่งเดินตรงไปข้างหน้าจางเจ๋อ และดึงจางเจ๋อขึ้นจากพื้น
วินาทีต่อมา
ผัวะ ผัวะ ผัวะ!
มู่เซิ่งยกมือขึ้น และตบลงบนใบหน้าของจางเจ๋ออย่างแรงสามครั้ง
“ต่อไปจะพูดอะไรก็คิดดีๆ ถ้ากล้าขู่น้องสาวผมอีก ผมจะฆ่าคุณให้ตายเลย!” มู่เซิ่งพูดอย่างเย็นชา
ฟันของจางเจ๋อหลุดไปสองสามซี่ และพูดอย่างไม่ชัดเจน”ผมรู้แล้ว ผมจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคุณหนูกู่อีก…”
ตุ้ม
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาก็ล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด
มู่เซิ่งเช็ดเลือดที่มือ หันศีรษะและพูดกับกู่ชิงเสวียนว่า”เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายคนนี้ไม่เลวใช่ไหม?”
“ก็ไม่เลวนะ ถือว่าผ่านมาตรฐาน”กู่ชิงเสวียนเบะปาก แล้วแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
เมื่อดูทั้งสองคนออกจากร้านอาหาร ใบหน้าของจางเจ๋อบิดเบี้ยว แต่ในใจรู้สึกโชคดี คุณหนูกู่ไม่เอาเรื่อง ดังนั้นหมายความว่าเรื่องนี้จบแล้ว แม้ว่าเขาจะถูกทุบตี แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เสียงานไป
“คุณโอเคไหม?” หลู่เยว่เยว่รู้สึกสงสาร ช่วยหยุงจางเจ๋อขึ้นจากพื้น
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ ต้องขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณ”จางเจ๋อกล่าวอย่างขอบคุณ”ถ้าคุณไม่ร้องขอความเมตตา เกรงว่าครั้งนี้คงไม่ง่ายอย่างนั้น”
“อย่างไรก็ตาม มู่เซิ่งผู้นี้คือใครกันแน่?ทั้งเจียงหนาน มีเพียงไอ้กระจอกที่อยู่ในตระกูลเจียงชื่อว่ามู่เซิ่งไม่ใช่หรือ?นอกจากนี้ ทำไมผมจึงไม่เคยรู้ว่าคุณหนูแห่งตระกูลกู่มีพี่ชาย?”
“ไม่รู้” หลู่เยว่เยว่ส่ายหัว
เกี่ยวกับเรื่องที่มู่เซิ่งเป็นพี่ชายของกู่ชิงเสวียน เธอก็ตกใจเช่นกัน และในเวลาเดียวกัน เธอก็ประหลาดใจมาก ฉู่อีอีก็บอกว่ามู่เซิ่งเป็นพี่ชายของเธอ หรือว่าฉู่อีอีก็เป็นคนของตระกูลกู่เหรอ?
เจ้าของร้านอาหารสังเกตเห็นว่ามู่เซิ่งและกู่ชิงเสวียนดื่มเหล้าไปเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกคนขับรถมา และส่งมู่เซิ่งกับกู่ชิงเสวียนกลับ
หลังจากที่กู่ชิงเสวียนกลับบ้าน ใบหน้าของเธอก็แดงและเธอก็นอนลงในห้องนอน คิดไม่ถึงว่าคุณปู่ของเธอจะโทรมา
คนรับใช้ของตระกูลกู่ได้บอกกู่มู่สวีนเกี่ยวกับการที่เธอไปทานอาหารเย็นกับมู่เซิ่ง ดังนั้นกู่มู่สวีนจึงรู้สึกประหม่ามาก ทันทีที่กู่ชิงเสวียนกลับมา เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะโทรมาถาม
“คุณปู่ ท่านโทรมามีอะไรหรือเปล่า?”กู่ชิงเสวียนนอนอ้าซ่าอยู่บนเตียง ถามด้วยท่าทางเมาเล็กน้อย
“ชิงเสวียน คุณ… คุณดื่มเหล้าหรือเปล่า?”กู่มู่สวีนถามอย่างรวดเร็วเมื่อเขาได้ยินเสียงที่แปลกไป
“ใช่ หนูได้ดื่มเหล้ากับมู่เซิ่ง ตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว ในบริษัทไม่ยุ่งเหรอ?ท่านไม่ได้โทรหาหนูนานเลยนะตั้งแต่ที่ท่านไปเยียนจิง”กู่ชิงเสวียนกล่าว
กู่มู่สวีนพูดว่า”ก็ปู่เป็นห่วงคุณไม่ใช่เหรอ?”
“เป็นห่วงหนู?ท่านเป็นห่วงหนูหรือเป็นห่วงอาหารเย็นวันนี้?”กู่ชิงเสวียนไม่โง่ ทันทีที่เธอกลับมา ปู่ของเธอก็โทรมา นอกจากสนใจเรื่องอาหารเย็นแล้ว เธอก็นึกความเป็นไปได้อื่นอีกไม่ได้เลย
กู่มู่สวีนอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าลำบากใจเมื่อความคิดของเขาถูกมองทะลุ และพูดต่อ”ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ หลานสาวที่รัก บอกปู่มาซิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้”
เมื่อได้ยินท่าทางเมาของกู่ชิงเสวียน กู่มู่สวีนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดยทั่วไปกู่ชิงเสวียนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ยกเว้นเมื่อเธออารมณ์ไม่ดี ดังนั้นเขาจึงเดาได้บางอย่าง
น่าจะเป็นเพราะคำสารภาพของกู่ชิงเสวียนถูกมู่เซิ่งปฏิเสธ นั่นคือเหตุผลที่เธอดื่ม
สำหรับเรื่องนี้ กู่มู่สวีนไม่แปลกใจเลย ความสัมพันธ์ระหว่างมู่เซิ่งกับเจียงหว่านนั้นดีมาก ห้ามมีบุคคลที่สามเข้ามาเด็ดขาด เขากังวลเกี่ยวกับท่าทีของมู่เซิ่งที่มีต่อเรื่องนี้ ถ้าเขาเริ่มเกลียดกู่ชิงเสวียน หรือเริ่มเกลียดตระกูลกู่ งั้นก็แย่แล้ว
“จะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็ถูกปฏิเสธไง เขาบอกว่าเขาเห็นฉันเหมือนน้องสาวมาโดยตลอด และเขาก็รับฉันเป็นน้องสาวจริงๆ”กู่ชิงเสวียนพูดอย่างอ่อนแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอพูดจบ ก็เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงที่ปลายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์!