มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 329 ตัวตนที่แท้จริงของหยางฟางฟาง!
คนแก่ที่ดูเหมือนเซียนสองคนนี้เดินลงจากเรือสำราญ ทั้งสองคนสวมชุดนักพรตสีดำ เดินอย่างยโสลงจากเรือสำราญ นักท่องเที่ยวบนดาดฟ้าเรือโดนพลานุภาพของเขาดึงดูดจนอดหยุดดูไม่ได้
เหมียวหงอวี่กับหลิวต้าเลี่ยงนอบน้อมกับปรมาจารย์สองคนนี้มาก พวกเขารีบพูดว่า “สวัสดีครับปรมาจารย์ก่วน สวัสดีครับปรมาจารย์เตียว”
ว่ากันว่ามีเพียงผู้ฝึกฝนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ถึงจะมีคุณสมบัติเรียกว่าปรมาจารย์ แต่เหมียวหงอวี่ต้องการยกยอปอปั้น ดังนั้นเมื่อเจอหน้าจึงเรียกว่าปรมาจารย์
“อืม”
ผู้อาวุโสพูดเสียงขึ้นจมูก แล้วพยักหน้าอย่างราบเรียบ
มู่เซิ่งก็เดินลงจากเรือสำราญเหมือนกัน เห็นบนเรือมีคนคุ้นเคยยืนอยู่ หยางฟางฟาง นี่ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เขาก็เดินไปทางเรือคายัก
มู่เซิ่งไม่ได้สนใจสมบัติของพวกเขา แต่สำหรับของของตัวเอง ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นถ้าของของพวกเขาคือของชิ้นเดียวกับอีกฝ่าย งั้นใครจะเป็นคนได้ไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน
เมื่อเข้ามาใกล้ มู่เซิ่งสัมผัสได้ถึงพลังเย็นยะเยือกน่ากลัวจากตัวผู้อาวุโสสองคนนี้ พวกเขาน่าจะฝึกฝนวิชาที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม แม้แต่ลมหายใจยังมีกลิ่นอายนี้เลย
ทว่ามู่เซิ่งสามารถสัมผัสพลังจากพวกเขาได้ แต่พวกเขาไม่สามารถสัมผัสพลังของมู่เซิ่งได้ เพราะปรมาจารย์บู๊กับนักเสวียนมีความห่างชั้นกันมาก แค่มู่เซิ่งเก็บซ่อนพลังเอาไว้ อีกฝ่ายก็เห็นมู่เซิ่งเป็นเพียงคนธรรมดา
เหมียวหงอวี่เห็นมู่เซิ่งเดินมาจากไกลๆ เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไอ้หนุ่ม ถือว่านายอยู่เป็น รีบขึ้นเรือมาเร็วๆ หลังเสร็จเรื่องนี้ ฉันจ่ายค่าตอบแทนให้”
หลิวต้าเลี่ยงกำลังยุ่งกับการเรียกคนขึ้นเรือ นอกจากปรมาจารย์บู๊สองคนแล้ว พวกเขายังพาทหารรับจ้างมาอีกหลายคน เพราะถ้าเกิดเรื่องวุ่นวายระหว่างทาง แน่นอนว่าจะให้ปรมาจารย์ทั้งสองคนช่วยทุกเรื่องไม่ได้ ไม่งั้นคงใช้งานพวกเขาเหมือนจับกังแล้ว
“รีบขึ้นเรือ ใช่สิ พวกนายสองคนจะได้เงินแค่คนเดียวนะ” เหมียวหงอวี่พูดเสริมอีกหนึ่งประโยค เพราะในสายตาเขา มีเพียงมู่เซิ่งที่มีความสามารถ ส่วนเหยาเผิงไม่นับประสาอะไร
มู่เซิ่งยิ้มบางๆ ไม่ได้อธิบายอะไร เดินขึ้นมาพร้อมกับเหยาเผิง
เรือคายักเกือบสิบลำ มุ่งหน้าออกสู่ทะเล
“มู่เซิ่ง ทำไมนายถึงอยู่บนเรือด้วยล่ะ”
เพิ่งนั่งลงบนเรือ ก็ได้ยินเสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าอยู่บนเรือลำนี้ หยางฟางฟางไม่กล้าพูดเสียงดัง
“แวะมาน่ะ” มู่เซิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เธอนั่นแหละ ทำไมถึงมาด้วยล่ะ”
หยางฟางฟางมีสีหน้าสับสนเหมือนตอนอยู่ในห้องอีกแล้ว เธอลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มู่เซิ่ง ฉันพูดความจริงกับนายดีกว่า ตระกูลฉันกำลังลำบาก โดนผู้ฝึกฝนที่มีพละกำลังยิ่งใหญ่จ้องอยู่ ดังนั้นฉันออกมาครั้งนี้เพราะต้องการหาผู้ฝึกฝนระดับหัวกะทิกลับไปด้วย ได้ยินว่าสองคนบนเรือลำนี้มีพละกำลังแข็งแกร่ง ถ้าร่วมมือกันถึงเป็นนักเสวียนก็ไม่กลัว”
“ฉันเลยตามพวกเขามาบนเรือ เพราะอยากหาโอกาสเชิญยอดฝีมือสองคนนี้กลับไปช่วยฉันที่ตระกูล ก่อนหน้านี้ตอนที่นายช่วยฉัน ร่างกายแข็งแรงและปราดเปรียว ไม่เหมือนคนธรรมดา แต่ฉันกลัวว่านายจะเดือดร้อนไปด้วย จึงไม่ได้บอกนาย”
หยางฟางฟางก้มหน้าพูดพึมพำ
เดิมทีตอนที่มู่เซิ่งช่วยเธอ นอกจากเธอรู้สึกโชคดีที่รอดมาได้แล้ว ยังรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยด้วย คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอยอดฝีมือ แต่เธอกลัวว่าความสามารถของมู่เซิ่งจะไม่เท่าปรมาจารย์บู๊ จึงทำให้ลังเลตอนที่อยู่ในห้อง ไม่รู้จะพูดออกมายังไง
“หา เล่นงานตระกูลเธอเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เหยาเผิงตกใจมาก อดถามออกมาไม่ได้
“เป็นความแค้นของตระกูลมาหลายชั่วคนแล้ว คนอื่นไม่รู้ แต่ปรมาจารย์บู๊ในตระกูลเราตายด้วยเหตุนี้ ดังนั้นครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกฝนระดับปรมาจารย์บู๊ ไม่มีทางมีส่วนร่วมได้เลย” หยางฟางฟางถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น
เหยาเผิงอ้าปากค้าง ขนาดปรมาจารย์บู๊ยังตาย ความแค้นของตระกูลช่างรุนแรงจริงๆ
มู่เซิ่งส่ายหน้าอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “เธอเดาถูกแล้ว ฉันไม่ใช่ปรมาจารย์บู๊”
“เฮ้อ ฉันว่าแล้ว……” ความสิ้นหวังแวบขึ้นมานัยน์ตาหยางฟางฟาง
อันที่จริงฉันเดาได้นานแล้ว ถ้ามู่เซิ่งมีพละกำลังระดับปรมาจารย์บู๊ ทำไมถึงโดนคนในตระกูลเจียงกลั่นแกล้งตั้งสามปีล่ะ เมื่อกี้ตอนเขาช่วยฉันขึ้นจากทะเล แม้จะเก่งกาจมาก แต่พูดถึงเรื่องพละกำลังคงยังห่างกับปรมาจารย์บู๊มาก
“พี่หงอวี่ ฉันเอาของที่พี่ต้องการมาแล้ว!”
ขณะนั้นเรืออีกลำหนึ่งพายมาจากไกลๆ เอากระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่วางลงบนเรือ ทุกคนล้อมเข้ามาดูทันที เสียงเอะอะดังขึ้นด้านหน้า
“ดูสิ นี่เป็นของชั้นดีที่ฉันได้มาอย่างยากลำบาก!” ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น
เหมียวหงอวี่บีบนิ้วมือจนเกิดเสียงอย่างตื่นเต้น จากนั้นเปิดกระเป๋าออก
ในกระเป๋ามีอาวุธจำพวกมีดและปืนที่ทหารใช้ ด้านในสุดยังมีปืนไรเฟิลกระบอกยาววางอยู่ นี่ทำให้ทุกคนอดอุทานออกมาอย่างตกใจไม่ได้
มู่เซิ่งถึงกับมองอยู่นาน ไอ้หมอนี่เอาของแบบนี้มาได้ด้วย ดูเหมือนตัวตนไม่ธรรมดา
“พี่หงอวี่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันหามาให้พี่เป็นพิเศษ ได้ยินว่าที่นั่นมีสัตว์ประหลาดทะเลด้วย” ผู้ชายพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เหมียวหงอวี่ก็มีสีหน้าตื่นเต้นเหมือนกัน จู่ๆ เขาเอาปืนไรเฟิลออกมา ยังติดตั้งกล้องสโคปคูณแปดอีกด้วย เหมือนเด็กเล่นของเล่นอย่างไรอย่างนั้น มองเล่นไปทั่ว พวกทหารรับจ้างบนเรือเห็นแล้วพากันหลบปากกระบอกปืน กลัวเหมียวหงอวี่มือลั่นขึ้นมา
“สุดยอดมาก นายรู้ว่าฉันชอบของแบบนี้ยังเอามาได้ ห้าล้าน กลับไปฉันจะโอนให้นาย” เหมียวหงอวี่หัวเราะร่าแล้วเอ่ยขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันได้ยินมานานแล้วว่าพี่หงอวี่เป็นมือปืนเทพที่มีชื่อเสียง ถ้วยที่ได้จากการยิงปืนแทบจะวางเต็มโต๊ะแล้ว ฉันเลยเอาของดีมาให้พี่” ผู้ชายพูดยกยอปอปั้น
“ใช่ พี่หงอวี่ มีใครไม่รู้ฝีมือพี่บ้างล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ครั้งนี้บอกว่าหาสมบัติ เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน แต่ฉันคิดว่าถึงเกิดเรื่องไม่คาดฝัน พี่หงอวี่ใช้มือเดียวก็สามารถแก้ปัญหาได้สบายๆ ถึงตอนนั้นเรายังต้องพึ่งพาฝีมือการยิงปืนสุดเทพของพี่หงอวี่ด้วยซ้ำ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่หงอวี่ไม่สนใจชื่อเสียง ไม่สนใจเกียรติยศอะไรพวกนั้น คงเข้าร่วมการแข่งขันแล้วได้แชมป์โลกไปนานแล้ว!”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่หงอวี่สามารถยิงตรงกลางเป้านอกระยะ 800 ลี้!”
คำชมของลูกน้องเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ เหมียวหงอวี่ได้ยินแล้วใบหน้าอิ่มเอม ยืนอย่างสง่าอยู่ด้านหน้าสุดของเรือ ได้หน้าเป็นอย่างมาก
ทว่าขณะนั้นเอง
เสียงขัดจังหวะดังขึ้นมา “เก็บปืนไรเฟิลไว้ให้ดีเถอะ จัดการคนทั่วไปยังพอใช้ได้ แต่ถ้าจัดการยอดฝีมืออย่างแท้จริง มันก็แค่พลองฟืนเท่านั้น”
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปทันที