มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 331 หญิงปากร้ายก่อเรื่อง!
เมื่อเหยาเผิงได้ยินว่ามู่เซิ่งโดนเยาะเย้ย เดือดเป็นฟืนเป็นไฟในทันที และชี้ไปที่หลิวต้าเลี่ยงแล้วด่าทอ
“เฮ้ย ไอ้อ้วน แกก็ยังมีกำลังฮึกเหิมใช่มั้ย? ปรมาจารย์บู๊สองท่านอยู่ที่นี่ แกมีความกล้าที่จะเย่อหยิ่งเหรอ?”
หลิวต้าเลี่ยงแสยะยิ้มพูดขึ้นมา แต่ว่าฝีเท้า กลับก้าวถอยหลัง
ก่อนหน้านี้เขาโดนมู่เซิ่งสั่งสอน ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นมู่เซิ่งตบรูปปั้นทองแดงหนึ่งฉาดกับตาตัวเอง แม้ว่า ไม่ได้บรรลุความแข็งแกร่งของปรมาจารย์บู๊ แต่ว่าจัดการกับเขา คงจะเป็นเรื่องราวที่เหลือเฟืออย่างแน่นอน
เหยาเผิงโกรธมาก กำหมัดทั้งสองแน่น ต้องการแสดงหมัดสิงอี้ต่อหลิวต้าเลี่ยงในทันที แต่กลับโดนมู่เซิ่งห้ามไว้ เขาไม่อยากเสียเวลากับการทะเลาะกันแบบนี้
“ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว กำหนดการของพวกเราเอง จัดการกันเองได้”มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
เมื่อเหมียวหงอวี่ได้ยินสิ่งนี้ ก็ได้ใจขึ้นมาในทันที เพราะว่าตอนนี้ ตามด้วยเรือคายัคมาถึงบนเกาะเล็กแห่งนี้ เรือสำราญที่ด้านหลังก็กลับไปตั้งนานแล้ว มู่เซิ่งก็ไม่มีทางที่จะกลับไปได้ เขาพูดแบบนี้ แค่ไม่ทำให้ตัวเองจนตรอกเท่านั้นเอง
เหยาเผิงถูกมู่เซิ่งห้ามไว้ แต่ในใจของเขายังคงโกรธมาก และพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “หึ ดีนะที่พวกเราไม่ได้รับปากกับเขา ว่าจะมาช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นจะสูญเสียทั้งคนและสิ่งของจริงๆ คนกลุ่มนี้ ไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว”
“พวกเราไปหมู่บ้านชาวประมงกันก่อน”มู่เซิ่งไม่พูดอะไรมากนัก
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็พบหยางฟางฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ และหันหน้ามาถามว่า: “หยางฟางฟาง เธอจะจัดการยังไง?”
ความสนใจของหยางฟางฟางอยู่บนเรือคายัก ก็หยุดอยู่ที่ว่าจะตีสนิทกับปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวได้อย่างไร แต่น่าเสียดาย ตลอดทางนี้ ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก ดูเหมือนชาติตระกูลของหยางฟางฟาง จะไม่เข้าตาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ถ้าไปกับมู่เซิ่ง ตัวเองกลับทำให้ปรมาจารย์สองท่านนี้ขุ่นเคืองใจ
สายตาของหยางฟางฟางวนเวียนอยู่ที่มู่เซิ่งและปรมาจารย์ทั้งสองท่านเป็นเวลานาน ในที่สุดก็พยักหน้า และพูดว่า: “ฉันไปกับพวกนายก่อน หาที่พัก ยังไงก็ต้องหาคนที่ดูแลได้นะ”
“งั้นไปกันเถอะ”มู่เซิ่งพยักหน้า
แม้ว่าเกาะนี้ดูไปแล้วจะเล็ก แต่ก็มีผู้คนอาศัยอยู่ด้านบนไม่น้อย ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา เนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลน้ำลึก และอุดมไปด้วยอาหารทะเล ผู้คนจึงมาเที่ยวที่เกาะนี้กันเป็นจำนวนมาก ตำแหน่งนอกสุดของหมู่บ้านชาวประมง ไม่นึกเลยว่าจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอยู่
แต่ว่า กลับไม่มีสถานที่พัก ดังนั้นมู่เซิ่งจำเป็นต้องเข้าไปในหมู่บ้านชาวประมง และถามไถ่ว่าสามารถพักอยู่ที่นี่ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามชาวบ้านเหล่านี้ ดูแล้วท่าทางเรียบง่ายซื่อสัตย์ แต่เมื่อถามถึงราคา กลับทำให้มู่เซิ่งพวกเขารู้สึกทุเรศ
“คุณว่าอะไรน่ะ? ห้าพัน! พักอยู่ที่นี่คืนหนึ่ง ก็จะเอาห้าพันเลยเหรอ?”มู่เซิ่งยืนอยู่หน้าประตู เผยให้เห็นท่าทางราวกับเห็นผี นี่แม่ง แพงเกินไปแล้วนะ
ถ้าหากว่าเป็นห้องหรูหราที่สุดก็แล้วไป แต่ในสถานที่ธรรมดาๆแบบนี้ พักอยู่คืนหนึ่ง จะเอาห้าพันเลยเหรอ นี่มันขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผลชัดๆ?
“คนละห้าพัน อยู่ในหมู่บ้านของเรา ก็เป็นราคานี้กันทั้งนั้น จะพักหรือไม่พัก”หญิงชราที่ยืนพิงธรณีประตูด้วยท่าทางไม่แยแส พวกเขาตกลงกันไว้นานแล้ว ตั้งราคารวมไว้ที่คนละห้าพันหยวน แบบนี้ถึงจะรีดไถเงินคนต่างชาติได้ก้อนใหญ่
อย่างไรก็ตามในสายตาของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่หมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ จะไม่มีลูกค้าประจำ สามารถรีดไถได้ ก็ต้องรีดไถอยู่แล้ว
“เฮ้ย ห้าพัน ฉันพักที่ห้องเพรสซิเดนสูทของเมืองเยียนจิง ก็แค่เงินเท่านี้!”เหยาเผิงพูดด้วยความโมโห“ลูกพี่ พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะ”
“ที่อื่น ก็น่าจะเป็นราคานี้กันทั้งนั้น”มู่เซิ่งส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าคาดเดาได้ส่วนใหญ่แล้ว
หันหน้ามองกลับมาอีกที มองดูการแต่งตัวของมู่เซิ่ง
ร่างกายกำยำแข็งแรงของเขา สวมชุดแบรนด์ดัง และหยางฟางฟางในชุดแบรนด์ดังที่อยู่ข้างๆก็เป็นคนสวยหยาดเยิ้ม คนแบบนี้ดูเหมือนเป็นกิ๊กสาวที่เจ้าของกิจการขนาดใหญ่พาออกมาเที่ยว จะไม่มีเงินได้อย่างไร
“เว่อร์เกินไปแล้ว ลูกพี่ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ทรุดโทรมขนาดนั้น ต่อให้พวกเราไปตั้งเต็นท์ข้างนอก ก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่”เหยาเผิงตะโกนเสียงดัง
อันที่จริงมู่เซิ่งไม่ได้สนใจเงินห้าพันหยวนนี้มากนัก แต่ว่า เขาไม่ชอบให้ตัวเองโดนคนอื่นรีดไถเหมือนคนโง่
“ไปดูเจ้าอื่นก่อนเถอะ ถ้าหากมีท่าทีแบบนี้ ไม่พักแล้ว”มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
เหยาเผิงพยักหน้า ตามอยู่ข้างหลังของมู่เซิ่ง
เมื่อเห็นว่ามู่เซิ่งกำลังจะจากไป สีหน้าดูถูกเหยียดหยามของหญิงชราก็เปลี่ยนไปในทันที ในเวลานี้ ผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากข้างหลังของเธออย่างกะทันหัน ถือมีดทำครัวที่ยังหั่นผักอยู่ และกรีดร้องอย่างรุนแรง: “พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้ เหยียบย่ำแปลงผักของฉันจนเสีย ยังนึกเลยว่าจะคิดหนีอีกเหรอ?”
ผู้หญิงชูมีดหั่นผักคนนี้ วิ่งตรงไปข้างหน้าของมู่เซิ่งในทันที
“แกนี่เอง!” หยางฟางฟางนิ่งไป สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเขียวขึ้นมาในทันที
มู่เซิ่งก็นิ่งไป หญิงชราคนนี้ไม่ใช่ใครคนอื่น นอกจากล่ายซิ่วฉินหญิงปากร้ายบนเรือสำราญ และเด็กชายจงหนิงที่พุ่งออกมาจากข้างกายของเธอ ก็เป็นผู้ร้ายที่ผลักหยางฟางฟางลงในทะเล
เมื่อเห็นสองคนนี้ ดวงตาของหยางฟางฟางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
“ฉันก็ว่าทำไมไม่เห็นพวกแกอยู่บนเรือสำราญ ที่แท้พวกแกหนีมาที่นี่นี่เอง ก็ดี ฉันจะได้คิดบัญชีกับพวกแกดีๆ ทำไมเธอต้องผลักฉันลงทะเลด้วย?” หยางฟางฟางชี้หน้าด่าทอล่ายซิ่วฉิน
ล่ายซิ่วฉินก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอคาดไม่ถึงว่า จะเจอหยางฟางฟางที่นี่ แต่หญิงปากร้ายอย่างเธออยู่ข้างนอกนานขนาดนั้น ไร้ยางอายมาตั้งนานแล้ว และตะโกนทันที: “ผลักแกเหรอ? ฉันผลักแกตั้งเมื่อไหร่กัน? แกต่างหาก เหยียบแปลงผักของฉันจนเสียหาย แกไม่ชดใช้เงิน อย่าได้คิดที่จะหนี!”
“ชดใช้เงิน!”เด็กชายชี้หน้าทั้งสามคนด้วยท่าทางดุดันดุร้าย
มู่เซิ่งก้มหน้าลงมองดูพื้นแวบหนึ่ง ที่นี่ไม่มีแปลงผักอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่ปลูกกะหล่ำปลีเล็กๆสองผืนไว้ที่ธรณีประตู ดูเหมือนว่าจะจงใจให้นักท่องเที่ยวเหยียบและรีดไถเงิน ใจดำกันทั้งครอบครัว เพื่อที่จะหาเงิน ใช้วิธีการทุกอย่างไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลจริงๆ
เหยาเผิงด่าว่า“ให้พวกเราชดใช้เงินเหรอ? ตอนที่แกผลักคนลงไปทะเล ทำไมไม่ชดใช้เงิน?”
“พวกเราผลักคนลงทะเลเมื่อไหร่กัน?” ล่ายซิ่วฉินปฏิเสธในทันที
“ไม่ยอมรับเหรอ? กูไปหากัปตันเรือ เอากล้องวงจรปิดมา อยู่ในมือของกูทั้งหมด กูจะบอกมึงให้ พฤติกรรมแบบนี้ของมึง เข้าข่ายฆาตกรรมแล้ว!”เหยาเผิงหยิบโทรศัพท์ออกมา ชี้ไปที่ภาพกล้องวงจรผิดแล้วพูด
ใครจะไปรู้ว่า วินาทีต่อมา
ไม่นึกเลยว่าล่ายซิ่วฉินจะกระโจนไปที่เหยาเผิงอย่างกะทันหัน คว้าโทรศัพท์ของเหยาเผิงไว้อย่างแรง ต่อจากนั้นทุบโทรศัพท์กับพื้นแรงๆ เผยให้เห็นใบหน้าหญิงร้ายอย่างหมดจด“หลักฐานเหรอ? หลักฐานอะไรมิทราบ?”
“แม่งเอ๊ย ทำลายโทรศัพท์ของกูด้วย!”เหยาเผิงโกรธมาก หญิงปากร้ายไม่ยอมรับผิดไม่ว่า ไม่นึกเลยว่าจะทำลายโทรศัพท์ของเขาด้วย คนพาลไม่ยอมฟังเหตุเช่นนี้ เขาได้เห็นเป็นครั้งแรก เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็ทนไม่ไหวหรอก
“เพียะ!”
เขาก้าวไปข้างหน้าทันที และตบหน้าของล่ายซิ่วฉินอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เหยาเผิงคาดไม่ถึงว่า การตบนี้ กลับราวกับตบอยู่บนรังต่อ และทำให้เกิดปัญหาในทันที