มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 333 เงินโดนขโมยเหรอ?
ทั้งสามคนมาพักที่บ้านของชายชรา
ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวคนนี้ค่อนข้างอบอุ่น หลังจากที่เข้าพัก ตั้งใจฆ่าไก่ตัวหนึ่ง ย่างเนื้อปลาเนื้อกุ้งแสนอร่อยต่างๆ แค่ราคาตลาดเพียงอย่างเดียว ก็เกินราคาห้าสิบหยวนต่อหัวแล้ว
ฝีมือทำอาหารของชายชรานั้นธรรมดา แต่อาหารสดอร่อย หลังจากที่มู่เซิ่งทานเสร็จ ก็รู้สึกอบอุ่นในท้อง แม้ว่าภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่ขาดแคลนคนดีเช่นกัน (ภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีอาจจะส่งผลต่อนิสัยใจคอกับการกระทำของคนที่อยู่อาศัย)
มู่เซิ่งก็ขอให้เขาเป็นไกด์พรุ่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดังนั้นจึงขอให้เขาพาตัวเองไปเที่ยวเล่นรอบๆ
ตอนนี้เป็นช่วงพักทำการประมง ชายชราไม่มีอะไรทำ ก็ตอบตกลงในทันที
อย่างไรก็ตามเขาเตือนด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย และพูดขึ้นมาว่า: “พวกคุณมาเที่ยวที่เกาะไม่มีปัญหา แต่ทางที่ดีอย่าไปที่เกาะตรงข้าม เกาะนั้นผิดปกติ คนในท้องถิ่นอย่างพวกเราไม่กล้าเข้าใกล้มันเพื่อตกปลา”
“เกาะตรงข้ามเหรอ? มีความผิดปกติมากแค่ไหนกัน?”
เมื่อมู่เซิ่งได้ยินสิ่งนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเขาจำไม่ผิด ทรัพย์สมบัติบนแผนที่ ตำแหน่งก็อยู่บนเกาะตรงข้ามพอดี
“มันอันตรายมากเลยนะ ว่ากันว่า ทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง จะมีเสียงแปลกๆดังขึ้นบนเกาะ ครั้งหนึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านของเรากลับมาจากหาปลาจนดึกเกินไป และค้างอยู่ที่เกาะนั้นคืนหนึ่ง ผลปรากฏว่าหายตัวไปในวันรุ่งขึ้น และไม่กลับมาอีกเลย ดังนั้น ปกติแล้วแทบไม่มีใครกล้าไปที่เกาะนี้เลย”ชายชรากล่าว เขาอยู่ในหมู่บ้านมานานพอสมควร ดังนั้นจึงรู้เรื่องเกาะนี้เป็นพิเศษ
“เอาแบบนี้มั้ย คุณปู่ คุณส่งพวกเราไปที่นั่นตอนกลางวัน ต่อจากนั้นค่อยมารับพวกเราตอนอาหารเย็น แบบนี้จะได้หรือเปล่า?”มู่เซิ่งก็ไม่อยากให้ชายชราเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วย จึงเอ่ยปากถาม
“เอ่อ……ตอนกลางวัน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เฮ้อ งั้นก็ได้ ไม่เข้าใจเด็กๆอย่างพวกคุณเลย อายุน้อยๆ จะไปเกาะนั้นให้ได้อะไรขึ้นมา”เมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ ชายชราก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบตกลง
“ฉันอิ่มแล้ว ไปนอนก่อนนะ” หยางฟางฟางวางตะเกียบลง แล้วพูดอย่างเย็นชา
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่กับหมู่บ้านนี้เป็นพิเศษ ก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ หลังจากที่ทานไปสองคำก็กลับไปในห้อง
มู่เซิ่งยิ้มอย่างราบเรียบ และไม่ได้สนใจ ก็กลับไปในห้อง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเหยาเผิงย่องเข้ามาในห้องของเขา ท่าทางดูสับปลับ
“เหยาเผิง นายเข้ามาทำไม?”มู่เซิ่งขมวดคิ้วถาม
“ลูกพี่ พี่อย่าปิดบังฉันเลย พี่ว่าครอบครัวของล่ายซิ่วฉินจะต้องได้รับผลกรรมในไม่ช้าก็เร็ว คงจะเป็นแผนการของพี่ใช่มั้ย? บอกมาเร็วๆเข้า”เหยาเผิงดูท่าทางเร่งรีบจนทนไม่ไหว
เมื่อกี้นี้มู่เซิ่งไม่ลงมือ บางที่อาจเป็นเพราะมีชาวบ้านจำนวนมากมายอยู่รอบๆ ลงมือไม่ได้ บางทีก็ไม่อยากมีปัญหาสอดแทรกในขณะนี้ แต่เหยาเผิงติดตามมู่เซิ่งมานานขนาดนั้น เขารู้จักนิสัยของมู่เซิ่งเป็นอย่างดี นักเสวียนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีทางที่จะโดนสบประมาทแบบนี้เด็ดขาด
ดังนั้น เขาคาดเดาได้ในทันที มู่เซิ่งจะต้องมีแผนสำรองอย่างแน่นอน
“นายก็รอบคอบดี”มู่เซิ่งอดยิ้มไม่ได้
ไม่นึกเลยว่าเหยาเผิงจะเดาแผนสำรองของเขาได้ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังวิ่งมาที่ห้องของตัวเองแล้วถาม ถ้าเป็นในเวลาปกติ ต่อให้เหยาเผิงเดาได้ ก็ไม่กล้าทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ยังไงซะสถานะของเขาอยู่ในใจของมู่เซิ่ง เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่า
“ลูกพี่ พี่บอกมาเร็วๆเข้าเถอะ”เหยาเผิงเกาหูเกาแก้มอย่างกระวนกระวาย
เมื่อเห็นเหยาเผิงเป็นแบบนี้ มู่เซิ่งไม่อุบอะไรไว้อีก และพูดขึ้นมาว่า: “นายไม่ได้สังเกตเลยหรือไง? ตอนนั้นฉันหยิบเงินออกมา สายตาของชาวบ้าน แทบจะเปลี่ยนเป็นความอิจฉาออกมา ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด ห้าแสนเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับพวกเขา นับประสาอะไรกับอยู่ในมือของเด็กกำพร้ากับแม่ม่ายสองคนนั้นกันล่ะ?”(ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิดหมายถึงเดิมราษฎรจะเก็บหยกเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ชาวบ้านคนหนึ่งมีหยกโดยไม่มีเหตุผล นอกเสียจากจะขโมยจี้ปล้นมา ต่อมาใช้เปรียบเทียบมีความสามารถแต่ถูกทำร้ายหรือได้รับอันตราย)
“ลูกพี่ ความหมายของพี่คือ?”เหยาเผิงนิ่งไป
“เอาเงินพวกนั้นไปนะสิ ในสถานการณ์แบบนี้ ล่ายซิ่วฉินจะสงสัยเพื่อนบ้านของพวกเขาในทันที เพราะว่าเงินจำนวนมหาศาลก้อนนี้ ตอนนั้นทุกคนก็เห็นอยู่ในสายตา คนชั่วก็ย่อมมีกรรมตามสนอง สถานการณ์แบบนี้ ทำให้พวกเขาฆ่าซึ่งกันและกัน ก็ดีกว่าไม่ใช่หรอกหรือ?”มู่เซิ่งพูด
เมื่อเหยาเผิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ยกนิ้วโป้งให้ทันที“เยี่ยม เยี่ยมไปเลย สมกับที่เป็นลูกพี่ ความชื่นชมของผมที่มีต่อลูกพี่นั้น เหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสิ้นสุด ก็ราวกับเหมือนน้ำท่วมแม่น้ำ อยู่เหนือการควบคุม”
“พอได้แล้ว”มู่เซิ่งตบไหล่ของเหยาเผิง และพูดว่า: “รีบเก็บข้าวของ ออกเดินทางเถอะ”
“อะไรน่ะ? ที่แท้จะให้ฉันไปเหรอ?”เหยาเผิงนิ่งอึ้ง
มู่เซิ่งพูดว่า: “ตอนแรกฉันอยากจะไปเอง ผลปรากฏว่าตอนนี้นายมาถามเรื่องนี้ขึ้นมา มอบหน้าที่ให้นายดีกว่า นายคงจะไม่ปฏิเสธหรอกใช่มั้ย?”
สีหน้าของเหยาเผิงเปลี่ยนเป็นขมขื่นในทันที เขาเข้าใจสักที ทำไมมู่เซิ่งถึงได้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับเขาในทันที
ล้วนเป็นกลยุทธ์
…….
ในคืนนั้น
ล่ายซิ่วฉินกลับไปที่ห้อง เธอไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยซ้ำ แต่เอากอดเงินไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ ไม่ยอมปล่อยสักวินาทีเดียว กลัวว่าจะตกอยู่บนพื้นก็หายไป ในเวลาเดียวกันในหัวของเธอก็คิดอยู่ตลอด ว่าจะซ่อนเงินไว้ที่ไหนดี
สายตาของชาวประมงเหล่านั้น เธอเห็นชัดเจน คิดถึงแต่เงินของเธอด้วย!
ล่ายซิ่วฉินหาพลั่วมา ขุดหลุมขนาดใหญ่ใต้เตียง และฝังเงินไว้ หลังจากเหยียบมันอย่างแน่นหนา ก็นอนลงบนเตียงอย่างสุขสบาย
นี่คือห้าแสนเลยนะ เมื่อไปในเมือง ไม่รู้จะซื้อของได้เท่าไหร่ ถ้าขายบ้านของตัวเองไป เธอก็จะเป็นคนในเมืองแล้ว
ล่ายซิ่วฉินยิ่งคิดยิ่งดีใจมากขึ้นเรื่อยๆ นอนลงบนเตียงและผล็อยหลับไป
เช้าวันต่อมา ลูกชายหิว ถึงได้ปลุกเธอตื่นขึ้นมา
เมื่อล่ายซิ่วฉินตื่นขึ้นมา สิ่งแรก ก็คือไปหาเสียม ผลักเตียงออกไป และขุดหลุมขนาดใหญ่ เพื่อดูว่าเงินยังอยู่หรือเปล่า
ผลปรากฏว่า ล่ายซิ่วฉินเพิ่งจะผลักเตียงออก ก็นิ่งอึ้ง
ใต้เตียงของเธอ มีหลุมขนาดใหญ่ เงินที่เธอฝังไว้ข้างใน หายไปหมดแล้ว
“เงิน เงินของฉัน เงินของฉันหายไปไหน!” ล่ายซิ่วฉินราวกับฉีดฮอร์โมน คนทั้งคนก็ตื่นขึ้นมาในทันที
“เงินของฉันอยู่ไหน? เงินที่ฉันฝังดินไว้ หายไปไหน? จะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“แม่ แม่บอกว่าแม่จะดูแลเงินให้ดีไม่ใช่หรือไง?” จงหนิงก็กังวลเช่นกัน นี่เป็นเงินที่เขาจะใช้จ่ายในอนาคตเลยนะ
“มีเรื่องอะไร เอะอะอะไรกัน?”ในเวลานี้ หลิวต้าเลี่ยงเดินออกมาจากห้องหนึ่ง พวกเขาก็พักอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ หลังจากสอบถามไปทั่ว ทั้งหมดก็เป็นราคาเดียวกัน แต่บ้านของล่ายซิ่วฉินหลังใหญ่กว่า ดังนั้นพวกเขาทั้งกลุ่ม ก็พักอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นหลิวต้าเลี่ยงออกมา ล่ายซิ่วฉินลุกขึ้นคว้าคอเสื้อของเขาไว้อย่างฉับพลัน แล้วตะโกนด้วยความโกรธ: “เงินของฉันอยู่ไหน! บอกมา แกขโมยเงินของฉันหรือเปล่า แกคืนเงินฉันมานะ แกคืนเงินห้าแสนฉันมานะ!”
“เชี่ย กูขโมยเงินมึงไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ห้าแสนเหรอ? กูไม่อยากได้หรอก!” หลิวต้าเลี่ยงโกรธ ตบหน้าไปอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เพียะ!
ด้วยเสียงที่คมชัด ดังลั่นในห้อง