มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 353 มานอนในผ้าห่มเดียวกับฉัน
แต่เมื่อคิดกันไปแบบนี้แล้ว ในใจของทุกคน ต่างก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงขึ้นในทันที
ถ้าหากคำนวณราคาของยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กที่เม็ดละห้าร้อยล้าน ถ้าอย่างนั้นเก้าสิบกว่าเม็ดนี้ ก็สามารถจำหน่ายออกไปในราคาที่ประมาณสี่หมื่นห้าพันล้าน นี่คือมูลค่าที่มหาศาลมาก? เพียงพอที่จะเป็นกำไรผลประกอบการธุรกิจในหนึ่งปีของตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเยียนจิงเลยทีเดียว
อีกทั้ง นี่ยังเป็นการประมาณการแบบขั้นต่ำสุดด้วย
สี่หมื่นห้าพันล้าน นี่คือตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แม้ว่าทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ที่ทุกคนได้สะสมมาในชีวิตนี้ ก็ยังคงไม่เพียงพอเท่ากับมูลค่ามหาศาลของยาเก้าสิบเม็ดนี้เลย
มู่เซิ่งมองดูไปที่สายตาของกี่คนนี้แล้ว ก็ทราบได้ว่าผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการได้เกิดขึ้นแล้ว พวกเขากี่คนนี้ ถือว่าเป็นผู้มีความรู้มากประสบการณ์ในเมืองเจียงหนาน แต่ก็ยังตกตะลึงขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องยาตัวนี้ ก็คงจะต้องสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเมืองเจียงหนานเป็นแน่ และยังต้องแผ่กระจายไปยังประเทศตงหัว กระทั่งทั่วโลกเลย
แม้ว่าเขาจะมีเงินทองครอบครองสมบัตินับล้านล้าน แต่นั่นเป็นของที่พ่อของเขามอบให้กับเขา วันนี้ตระกูลมู่ก็ยังคงมีพ่อของเขาเป็นผู้จัดการดูแล หากใช้จ่ายเงินจำนวนนี้หมดไป ก็จะสร้างภาระไม่น้อยให้กับพ่อของเขาเองเหมือนกัน
เงินทองในตระกูล ย่อมสู้เงินทองที่หามาด้วยตนเองไม่ได้อย่างแน่นอน
“นี่คือธุรกิจที่ไม่เล็กเลย ฉันต้องการกำลังคนในการประชาสัมพันธ์ ยาแปดสิบเม็ดนี้ พวกท่านนำเอาไปกันก่อน โดยสิบเม็ดแรก สามารถจำหน่ายออกไปในราคาต่ำได้ แต่เจ็ดสิบเม็ดที่เหลือนั้น ฉันตั้งเงื่อนไขว่ายาแต่ละเม็ด จะต้องมีราคาไม่ต่ำกว่าแปดร้อยล้าน จำไว้นะว่า ยาตัวนี้จะต้องบรรจุอยู่ในขวดหยกเท่านั้น หากนำออกมาจากขวดหยกแล้ว ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปตามเวลาอย่างรวดเร็ว”
“ราคาแปดร้อยล้าน? ” กี่คนนั้นตกตะลึงกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันจิตใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาบ้าง นี่คือราคามหาศาลอ่า พวกเขาเอง ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กนี้ออกไปได้ทั้งหมด
แต่ทุกคนก็ยังคงพยักหน้า ตอบรับ
เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว มู่เซิ่งก็ลุกยืนขึ้น เดินไปที่ขอบหน้าต่างในห้องทำงาน บริเวณจุดนี้คือตำแหน่งการมองเห็นเมืองเจียงหนานที่ดีที่สุด สายตามองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามและเจริญรุ่งเรือง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “การประชุมในวันนี้ จบสิ้นลงเพียงเท่านี้”
แต่ละคนต่างก็ยังไม่หนำใจอารมณ์ยังค้างอยู่ ครั้งนี้พวกเขาตื่นเต้นดีใจและตกตะลึงกันไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังได้รับความกดดันอย่างมหาศาล ยาหนึ่งเม็ดจำหน่ายในราคาแปดร้อยล้าน ต่อให้เคยได้ทดลองในประสิทธิภาพของยาตัวนี้มาแล้ว แต่ทุกคนก็ยังยากที่จะจินตนาการว่า จะจำหน่ายออกไปได้อย่างไร
พวกเขาเดินออกไปจากประตูของคฤหาสน์ ในมือของแต่ละคนต่างก็ถือกล่องหนึ่งใบ ในกล่องนั้นคือขวดหยกที่แกะสลักขึ้นอย่างประณีต โดยต่างก็รู้สึกว่ากำลังแบกรับความกดดันอย่างมหาศาล
“ท่านหลง พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? ” ทันใดนั้น อู๋หยู่เหวินก็เอ่ยปากถามขึ้น
จางเสวียนหลงมองไปยังทุกคนที่มีสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และพูดขึ้นว่า: “กลัวอะไร ประสิทธิภาพของยานี้ เม็ดละแปดร้อยล้าน มันยากมากเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังมีโอกาสในการประชาสัมพันธ์ตัวยาอีกสิบเม็ด สามารถจำหน่ายออกไปในราคาที่ต่ำเล็กน้อยก่อน เพียงแค่พวกเรานำยาเหล่านี้ไปให้กับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความจำเป็นก่อน แล้วยังกลัวว่าจะจำหน่ายออกไปไม่ได้อีกเหรอ? ”
“อย่าลืมนะว่า พวกเราเองก็ได้กินยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กเข้าไปคนละหนึ่งเม็ดด้วย มู่เซิ่งก็ยังไม่ได้เรียกร้องให้พวกเราจ่ายเงินแปดร้อยล้าน นายกลัวอะไรกัน? ”
“ใช่สิ คุณมู่ดีขนาดนี้แล้ว พวกเราจะทำให้เขาผิดหวังได้อย่างไร ถ้าหากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการได้ไม่ดีพอต่อไปก็คงไม่ต้องอยู่รับใช้เป็นลูกน้องของคุณมู่อีกแล้ว” อู๋หยู่เหวินพยักหน้า เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
“ได้ อย่างนั้นพวกเราทุกคนเริ่มลงมือกันได้เลย ถ้าหากพบเจอกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่เหมาะสมในการประชาสัมพันธ์แล้ว ก็บอกกับพวกเรามาได้ เมื่อผ่านการตกลงยอมรับจากทุกคนแล้ว ก็ค่อยให้เขาทดลองกินยาตัวนี้ ยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กราคาต่ำนั้นมีอยู่เพียงสิบเม็ด พวกเราจะต้องควบคุมสถานการณ์ให้ดี”
“ตกลง”
หลังจากที่ทุกคนได้จัดแจงภารกิจหน้าที่ของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็ได้แยกย้ายกันไป
……
เมื่อมู่เซิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์ ก็พบเห็นหยางฟางฟางกับเจียงหว่าน นั่งพูดคุยกันอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดีใจและสนุกสนานอย่างที่สุด ส่วนจ้าวหลินและคนของตระกูลจ้าวเหล่านั้น กลับไร้ร่องรอย หากจะพูดตามแบบของเจียงหว่านแล้ว ก็คือไปเข้าร่วมงานบ้านเอื้อเฟื้อที่ตระกูลกู่จัดขึ้นแล้ว
บ้านเอื้อเฟื้อของตระกูลกู่นั้น ต่างก็เชื้อเชิญบุคคลชั้นสูง โดยที่ไม่รู้ว่าพวกคนเหล่านี้ไปร่วมงานที่นั่นเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่พวกเขาไม่กลับมาตั้งหลายวันนั้น กลับทำให้บ้านสงบเงียบลงไปไม่น้อย มู่เซิ่งเองก็ดีใจเช่นกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็รีบมอบยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กให้กับเจียงหว่านหนึ่งเม็ด และก็ยังให้กับหยางฟางฟางหนึ่งเม็ดด้วย
เป็นดั่งที่คาดไว้ไม่ผิด ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ก็เกิดเสียงอุทานดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ
“มู่เซิ่ง คุณให้ฉันกินอะไรเข้าไป ไม่นึกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้? ” เจียงหว่านเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางดีใจ ยาหนึ่งเม็ดนี้ เมื่อกินเข้าไปแล้ว ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองอ่อนเยาว์ลงไปหลายปีที่เดียว
ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อขับสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายแล้ว ผิวหนังก็ยิ่งขาวนวลมากขึ้นไปอีก ราวกับไข่ไก่ที่ปลอกเปลือกออก ความรู้สึกนี้ ทำให้เจียงหว่านคิดขึ้นได้ทันทีว่ามู่เซิ่งนำผลิตภัณฑ์สปาความสวยงามมาให้
ก่อนหน้านี้ครีมลบรอยแผลเป็นก็เป็นแบบนี้ ต่อให้รอยแผลเป็นล้ำลึกมากแค่ไหน เมื่อทาถูแล้ว ก็สามารถขจัดร่องรอยได้อย่างหมดจด แต่ยาเม็ดที่เธอกินเข้าไปในตอนนี้นั้น กลับยิ่งอัศจรรย์มากกว่าครีมลบเลือนริ้วรอยเสียอีก
“แน่นอนว่าฉันได้นำผลิตภัณฑ์สปาความสวยงามมาให้คุณภรรยา ต่อไป ฉันยังจะนำผลิตภัณฑ์สปาแต่ละประเภทมาให้อีก เพื่อให้ภรรยาดูอ่อนเยาว์มีอายุสิบแปดปีไปตลอดเลย” มู่เซิ่งพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
สิ่งที่เขาพูดนี้ ไม่ใช่คำเท็จแต่อย่างไร ภายใน ตำราทองตำนานเสวียน ยังมียาวิเศษที่สามารถทำให้คนธรรมดาทะลุขั้นขึ้นเป็นนักเสวียนได้เลย แม้ว่ายาประเภทนี้จะมีราคาสูงมาก แต่เจียงหว่านเป็นภรรยาของมู่เซิ่ง มู่เซิ่งเองก็เต็มใจยอมจ่ายได้อยู่แล้ว
ผลดีจากการเป็นนักเสวียนนั้นย่อมมากกว่าเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน นอกจากจะมีพลังความสามารถที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว อายุขัยของนักเสวียนรวมถึงด้านรูปโฉม ก็ยังยืนยาวและดูอ่อนเยาว์กว่าคนธรรมดามากทีเดียว
“ฮึฮึ ปากหวานใช้ได้เลยนะ” เจียงหว่านเผยรอยยิ้มออกมา แล้วพลันคิดอะไรออกจึงพูดขึ้นว่า: “มู่เซิ่ง แล้วผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีประสิทธิภาพยาวนานแค่ไหนอ่า? คุณยังมียาเม็ดนี้อีกจำนวนเท่าไร ฉันยังสามารถกินมันต่ออีกได้ไหม? ”
คำถามแบบนี้มู่เซิ่งเคยอธิบายไปแล้ว แต่ก็ยังคงพูดตอบอย่างไม่รำคาญว่า: “ประสิทธิภาพของยานี้ สามารถที่จะยืนหยัดต่อไปได้ตลอด อีกทั้งเมื่อกินไปแล้วหนึ่งเม็ด ในร่างกายของคุณตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งสกปรกอีกแล้ว ดังนั้นหากกินเข้าไปอีกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จะต้องรอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งก่อนค่อยกินเข้าไปอีกจะดีกว่า”
“ยาเหล่านี้ฉันจะเหลือเก็บเอาไว้ให้คุณ วางใจเถอะ รับรองว่าตอนที่คุณอายุแปดสิบปี เมื่อเดินอยู่บนถนน ก็จะเหมือนกับว่าอายุสิบแปดปี”
เจียงหว่านแก้มแดงก่ำ แล้วก็ส่งเสียงถุยออกมาเบา ๆ “อย่างนั้นฉันก็เป็นปีศาจแล้วล่ะสิ”
หยางฟางฟางมองดูมู่เซิ่งกับเจียงหว่านสองคนที่อยู่ด้านข้างอย่างอิจฉา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้น เป็นสิ่งที่เธอกำลังโหยหา
เธอใช้มือผลักไปที่ตัวของเจียงหว่านเบา ๆ เจียงหว่านก็นึกขึ้นได้ จึงรีบพูดขึ้นว่า: “สามี ช่วงนี้คุณมีเวลาว่างบ้างไหม? ”
“มีอะไรเหรอ? ” มู่เซิ่งถามขึ้น
“ที่บ้านของหยางฟางฟางเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ต้องการความช่วยเหลือจากคุณหน่อย ผ่านไปสักพัก คุณสามารถไปที่บ้านของหล่อนหน่อยได้ไหม? หล่อนบอกว่าเกรงใจไม่กล้าที่จะพูดกับคุณ จึงขอร้องให้ฉันช่วยพูด” เจียงหว่านเอ่ยปากพูดขึ้น
มู่เซิ่งตกใจ เขารู้ว่าหยางฟางฟางมีเรื่องที่จะขอร้องเขา ตลอดทางคิดที่จะพูดแล้วก็หยุดไปตั้งหลายครั้ง แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หยางฟางฟางจะผ่านทางภรรยาของตนเพื่อมาร้องขอความช่วยเหลือจากตนเอง
แต่วิธีการของหล่อนนี้ กลับกลายเป็นว่าได้ผลเป็นที่สุด
หากว่าหล่อนเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือต่อมู่เซิ่งโดยตรง มู่เซิ่งอาจจะไม่ตอบตกลงก็ได้ แต่คำพูดของภรรยามีน้ำหนักที่สุด เขาจะกล้าไม่ตกลงได้อย่างไร
เจียงหว่านเห็นว่ามู่เซิ่งไม่พูดอะไร ก็นึกว่าเขาไม่เต็มใจ จึงรีบพูดขึ้นว่า: “มู่เซิ่ง หยางฟางฟางคือเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายที่ดีที่สุดของฉัน ในตอนมัธยมปลายเคยได้ช่วยเหลือฉันมาโดยตลอด ตอนนี้คงจะประสบกับปัญหาที่ยากลำบากอย่างมากแล้ว ถึงได้มาขอร้องฉัน คุณก็ช่วยเหลือหล่อนเถอะนะ”
“จะให้ฉันช่วยงั้นก็ได้ แต่คืนนี้ คุณจะต้องมานอนในผ้าห่มของฉันนะ” มู่เซิ่งพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว