มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 371 ส่งมอบยามาซะ!
เมื่อเห็นท่าทางส่ายหัวต่อเนื่องอย่างยากที่จะยอมรับได้ของพ่อ หยางฟางฟางพูดด้วยความผิดหวังว่า: “ตอนที่พี่ของหนูพาคนมา พวกคุณปฏิบัติอย่างกับสิ่งล้ำค่า และเคารพนับถือ แต่คนที่หนูพากลับมา พวกคุณไม่แม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำ พวกคุณหากรู้ไม่ว่า หนูทุ่มเทความพยายามมากเท่าไหร่ เพื่อที่จะเชิญมู่เซิ่งกลับมา?”
“พวกคุณไม่รู้ พวกคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่ ก็ดูถูกเขา หนูจะบอกกับพ่อ ความสามารถของมู่เซิ่ง แข็งแกร่งกว่าที่พวกคุณทุกคนจินตนาการไว้!”
เดิมทีมู่เซิ่งไม่ได้แสดงความแข็งแกร่ง หยางฟางฟางถูกทุกคนเยาะเย้ยไปด้วย ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ ตอนนี้ประกอบกับการบีบคั้นของพ่อ เธอก็ระบายความน้อยใจทั้งหมดออกมา
หยางฉางจวินยังคงเงียบไม่พูด ตกใจ งงงวย เหลือเชื่อ ความคิดทุกอย่างเกิดขึ้นในหัวของเขา ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
คาดไม่ถึงว่า สิ่งที่ลูกสาวของเขาพูด ไม่นึกเลยว่าจะเป็นความจริง
มู่เซิ่งไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ เป็นไปได้มั้ยว่า เขาเป็นแดนนักเสวียน อย่างที่หยางฟางฟางพูดจริงๆ?
นักเสวียนอายุยี่สิบปี พรสวรรค์แบบนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์เกินไปนะ แม้ว่าเซียวจ้านอาจเรียกได้ว่าเป็นบุคคลโดดเด่นของรุ่นอัจฉริยะ แต่เมื่อเทียบกับมู่เซิ่งขึ้นมา ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ
บางที นี่เป็นเพราะลูกสาวของเขาตั้งใจคุยโอ้อวด มู่เซิ่งน่าจะเป็นความแข็งแกร่งของปรมาจารย์บู๊ อย่างมากที่สุดก็แข็งแกร่งกว่าเซียวจ้านเล็กน้อย แต่เข้าสู่นักเสวียน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ
ยังไงซะนักเสวียนในวัยนี้ ไม่มีปรากฏในประเทศตงหัวมานานเท่าไหร่แล้ว
เมื่อคิดถึงในเวลานี้ ร่างกายของหยางฉางจวินสั่นเทามาก มู่เซิ่งเป็นนักเสวียนหรือเปล่า ความแข็งแกร่งเป็นอย่างไร เขาไม่รู้ แต่ลูกสาวของเขาอาศัยยาของมู่เซิ่งทะลวง นี่เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาตัวเอง ต่อให้มู่เซิ่งไม่ใช่นักเสวียน งั้นก็เป็นปรมาจารย์กลั่นยาที่ทรงพลังมาก!
ปรมาจารย์กลั่นยา!
แม้ว่าจะเทียบเท่ากับปรมาจารย์บู๊ในบรรดานักบู๊ แต่เพราะว่าปรมาจารย์กลั่นยาหาได้ยาก ของมันเกือบจะเหมือนกับนักเสวียน
“มู่เซิ่งอยู่ที่ไหน?” หยางฉางจวินพูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างรวดเร็ว: “พ่อบ้าน แกรีบไปตามหามู่เซิ่งกลับมา”
“พ่อจะหามู่เซิ่งทำไม? เขาโดนพวกคุณคัดออกตกรอบแล้ว ตอนนี้ดึงเขาเข้าสู่สี่องค์กรใหญ่ นี่มันน่าจะสายเกินไปแล้วนะ?”หยางฟางฟางพูดอย่างเยือกเย็น
ตอนนี้เธอเห็นธาตุแท้จริงของพ่อเธอชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาไม่มีความรู้สึกด้วยซ้ำ มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็เยาะเย้ยมู่เซิ่งอย่างเหิมเกริม ตอนนี้รู้ถึงความแกร่งแข็งของมู่เซิ่ง ก็จะไปหามู่เซิ่งเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนหน้าได้เร็ว เธอได้เห็นเป็นครั้งแรก
“สายแล้วยังไง? ฟางฟาง ลูกพูดเรื่องนี้กับมู่เซิ่งอีกครั้ง ขอโทษแทนพ่อก่อน ถ้าหากมู่เซิ่งยอมรับ งั้นก็เชิญเขากลับมาใหม่ ถ้าหากเขาไม่ยอมรับ บังคับดึงกลับมาก็ไม่เป็นไรแล้ว” หยางฉางจวินพูด
หยางฟางฟางนิ่งไป คาดไม่ถึงว่าตอนนี้พ่อจะมีความคิดนี้ด้วย ส่ายหัวพูดอย่างผิดหวังว่า: “ไม่มีประโยชน์ ด้วยนิสัยของมู่เซิ่ง ต่อให้ขอโทษ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้ แต่หนูเตือนพ่อ ถ้าหากพ่อใช้วิธีบังคับ ทำให้มู่เซิ่งโกรธ ทั้งตระกูลก็ต้องพังพินาศด้วยตัวของพ่อเอง!”
“พังพินาศด้วยตัวเอง!”
หยางฉางจวินหัวเราะฮ่าๆ ไม่ถือสา“พ่อจะบอกแกให้นะ ความแข็งแกร่งมู่เซิ่ง พ่อประหลาดใจมาก แต่แล้วยังไง? เบื้องหลังสี่องค์กรใหญ่คือกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน นักเสวียนจำนวนนับไม่ถ้วน ปรมาจารย์กลั่นยาอย่างแก เข้าร่วมทีม นั่นเป็นเกียรติอย่างยิ่งของแก!”
ปรมาจารย์กลั่นยามีสถานะน่านับถือ แต่ว่า พวกเขานอกจากกลั่นยา ความแข็งแกร่งของร่างกายกลับไม่แข็งแกร่ง ปรมาจารย์บู๊ส่วนใหญ่ ก็เอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้ ปรมาจารย์กลั่นยามักจะต้องหาคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งเพื่อให้มีความมั่นคง หยางฉางจวินแน่ใจว่ามู่เซิ่งไม่มีคนหนุนหลัง จึงกล้าใช้วิธีบังคับ
“มู่เซิ่งยอมให้ยาล้ำค่าขนาดนี้กับแก หมายความว่าเขาต้องชอบแกมาก เขาเป็นแฟนของแกไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ไปเกลี้ยกล่อมเขา ให้มู่เซิ่งเอายาเหล่านั้นออกมา ส่งมอบให้ตระกูลของพวกเรา ฉันจะให้แกแต่งงานกับเขา” หยางฉางจวินพูดต่อ
“ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ยังให้หนูแต่งงานกับเซียวจ้านอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ในสายตาของพ่อ หนูไม่ใช่ลูกสาวของพ่อด้วยซ้ำ เป็นเครื่องมือที่พ่อใช้เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์”หยางฟางฟางพูดอย่างเยือกเย็น
“แกอยากแต่งงานกับมันไม่ใช่เหรอ? ฉันยอมรับเรื่องนี้ได้ ไป ตามฉันไป” หยางฉางจวินดึงมือของหยางฟางฟาง ก็เดินไปที่ประตูโกดัง
“พ่อบ้าไปแล้วหรือไง? มู่เซิ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก!”หยางฟางฟางดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
…….
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่ทานอาหารเย็น มู่เซิ่งกินจนอิ่มดื่มจนพอ ก็เตรียมกลับพักผ่อนที่ห้องนอน
เขาไม่ได้สนใจสี่องค์ใหญ่ สำหรับการเยาะเย้ยของเซียวจ้าน มู่เซิ่งก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง หลังจากพักผ่อนมาหนึ่งคืน ก็กลับไปที่เมืองเจียงหนานได้
ทางพ่อในเมืองเยียนจิงนั้น ช่วงนี้ก็มีธุระจะหาเขา มู่เซิ่งรอหาเวลาได้ ก็ไปที่เมืองเยียนจิง
เหยาเผิงกลับค่อนข้างโกรธคนเหล่านั้นมาก แต่ว่ามู่เซิ่งไม่ได้สนใจ เขาก็ทำได้เพียงอดกลั้นไว้ ด่าทออย่างลับๆ ต่อไปอย่าให้กูมีโอกาสเจอตามลำพัง ไม่อย่างนั้นจะให้แกลิ้นลองหมัดสิงอี้ของฉัน
แต่ในเวลานี้ มู่เซิ่งยังไม่ได้เดินกลับไปในห้อง ก็ถูกคนเรียกไว้ก่อน
“มู่เซิ่ง นายอย่าเพิ่งไป ฉันมีธุระจะหานาย” หยางฉางจวินปรากฏตัวในร้านอาหาร ข้อมือของหยางฟางฟางในมือของเขาถูกบีบจนแดง แต่เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด เผยให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเดินตรงไปที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง
“มีธุระ?”มู่เซิ่งขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปบนใบหน้าของหยางฉางจวิน
เขาไม่มีความรู้สึกดี ต่อผู้นำแห่งตระกูลหยางที่เห็นผลประโยคสำคัญตรงนี้เลย
“มู่เซิ่ง นายเฉยเมยขนาดนี้ทำไมกัน นายมองไม่ออกเหรอ การแข่งขันคัดเลือกก่อนหน้านี้ ฉันตั้งใจกดดันนายเหรอ? ยังไงซะคนมีพรสวรรค์อย่างนายหาได้ยาก ฉันต้องทดสอบให้ดีๆถึงจะได้ แน่นอนว่า นายไม่ได้ทำให้ฉันผิดหวังเลย”
“ตอนนี้ฉันให้นายทำการทดสอบใหม่อีกครั้ง หวังว่านายจะผ่านการประเมิน เข้าสู่ในสี่องค์กรใหญ่ได้”
หยางฉางจวินพูดกับมู่เซิ่งอย่างด้วยมิตรไมตรีจิต
มู่เซิ่งนิ่งอึ้ง ขมวดคิ้วมากขึ้น
หยางฉางจวินคนนี้วางแผนอะไรกันแน่?
เขาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกก่อนหน้านี้ หยางฉางจวินมีท่าทีเป็นศัตรูกับเขามาก มู่เซิ่งรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถ้าหากนี่เป็นการเสแสร้งออกมา งั้นเขาก็จะได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมชัดๆ
เมื่อเห็นว่ามู่เซิ่งไม่ได้พูด หยางฉางจวินก็พูดว่า: “มู่เซิ่ง นายชอบลูกสาวของฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันยอมให้พวกนายอยู่ด้วยกัน ยังไงลูกสาวของฉันก็เป็นลูกสาวตระกูลที่ร่ำรวย ยิ่งไปกว่านั้นหน้าตาสวยมาก คนตามจีบมากมาย”
“ผู้นำตระกูลหยาง คุณมีอะไรกันแน่ พูดตรงๆเถอะ ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้นที่จะเดาปริศนากับคุณ”มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ ทำดี หวังผล จู่ๆผู้นำตระกูลหยางจะสนิทกับตัวเองขนาดนี้ บอกว่าไม่มีจุดประสงค์ มู่เซิ่งไม่เชื่อเป็นอย่างมาก
“มู่เซิ่ง หรือว่านายยังโกรธท่าทีก่อนหน้านี้ที่ฉันมีต่อนายเหรอ? เฮ้อ ฉันก็บอกแล้วว่ากำลังทดสอบนาย ถ้าหากนายโกรธจริงๆ งั้นฉันก็ชดใช้อยู่ที่นี่ก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงซะนายเป็นแฟนคนแรกที่ลูกสาวของฉันพามา ฉันต้องเข้มงวดหน่อยอยู่แล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวของฉันไม่เคยจับมือกับคนอื่นมาก่อน ออกหน้าได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน ตอนนี้นายอยากได้เธอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของนายแล้ว” หยางฉางจวินพูดด้วยรอยยิ้ม
มู่เซิ่งคาดไม่ถึงว่าหยางฉางจวินจะหน้าด้านขนาดนี้ แม้แต่คำพูดขายผู้หญิงก็พูดออกมาได้ สายตาของเขามองไปทางหยางฟางฟางที่อยู่ข้างๆ เธอดวงตาก็ค่อนข้างแดงก่ำ ดูเหมือนเพิ่งจะร้องไห้
และคำพูดนี้ หยางฟางฟางก็ได้ยินอยู่แล้ว
แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที แม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกดีต่อมู่เซิ่ง แต่พูดต่อหน้าทุกคนแบบนี้ เธอจะยอมรับได้อย่างไร
“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ หนูและมู่เซิ่งยังไม่ถึงขั้นนั้น”หยางฟางฟางพูดเสียงดัง
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปทางมู่เซิ่งอีก และพูดขอโทษ: “มู่เซิ่ง ขอโทษด้วย นายกลับไปที่ห้องก่อนเถอะ พ่อของฉันทำให้นายเสียเวลามากแล้ว ขอโทษด้วยจริงๆ”
“ไม่เป็นไร”มู่เซิ่งส่ายหัว และพูดว่า: “ผู้นำตระกูลหยาง เรื่องของฟางฟาง พวกเราสองคนจัดการได้ ถ้าหากคุณไม่มีเรื่องอื่น ฉันกลับห้องก่อน”
“เฮ้ย เดี๋ยว มู่เซิ่ง นายรอก่อน!”
เห็นมู่เซิ่งกำลังจะจากไปจริงๆ หยางฉางจวินกังวลในทันที ก้าวขาออกไป ขวางอยู่ตรงหน้าของมู่เซิ่ง ก็ไม่ได้แสดงความนอบน้อมเหล่านั้นแล้ว พูดอย่างรวดเร็วว่า: “มู่เซิ่ง ฉันได้ยินลูกสาวของฉันบอกว่า นายมายาอย่างหนึ่ง หลังจากที่กินแล้วทำให้คนทะลวงจากคนธรรมดาไปถึงแดนปรมาจารย์บู๊ได้ ฉันเห็นผลของยานี้ดีมาก นายยังมีเท่าไหร่? ขอแค่เอาออกมา ฉันจะให้ลูกสาวแต่งงานกับนาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบความเจริญรุ่งเรืองให้กับนายได้อย่างไม่รู้จบ”
มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะมองดูหยางฟางฟางแวบหนึ่ง ทะลวงปรมาจารย์บู๊? ขีดจำกัดของประสิทธิภาพของยานี้ยังน้อยกว่าปรมาจารย์บู๊เล็กน้อย การทะลวงของหยางฟางฟาง กลับทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ
“ยาของฉันต้องเก็บไว้ใช้เอง ไม่มีทางให้คุณ และก็ไม่ประมูลขายด้วย อีกอย่างนะ ฉันไม่ได้สนใจสี่องค์กรใหญ่ ดังนั้นไม่ต้องรบกวนให้คุณมาทดสอบใหม่”มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
เรื่องตลก ยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กมู่เซิ่งยังขายได้แปดร้อยล้านเม็ด ยาเม็ดนี้มีค่ายิ่งกว่า คุณก็อยากจับเสือมือเปล่า? คิดว่าเขาเป็นคนโง่เหรอ!
“มู่เซิ่ง นายหยุดเดี๋ยวนี้!”
เห็นว่ามู่เซิ่งดื้อด้าน หยางฉางจวินกังวลขึ้นในทันที
เขายื่นมือชี้ไปที่มู่เซิ่ง ก็ตะโกนว่า: “มู่เซิ่ง แกรู้มั้ยว่ายาเม็ดนี้ของนายสามารถช่วยเหลือพลังปรมาจารย์บู๊ของสี่องค์ใหญ่ได้มากแค่ไหน? มีกี่คนที่อยู่ขอบเขตแดนปรมาจารย์บู๊ อยากจะทะลวง กลับไม่สามารถทะลวงได้ แต่นายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เอายาแบบนี้ออกมา นายก็เห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ! ฉันหยางฉางจวินไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด”
ภายใต้ความกังวลใจ ไม่นึกเลยว่าหยางฉางจวินจะเอามนุษยธรรมออกมาข่มขู่มู่เซิ่ง
และสมาชิกในทีมเหล่านั้นที่ทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ได้ยินเสียงคำรามของหยางฉางจวิน ก็ทยอยรวมตัวกันเข้ามา อยากดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เซียวจ้านก็ล้อมรอบเข้าเช่นกัน หลังจากที่เห็นตัวเอกอย่างมู่เซิ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มองดูฉากตรงหน้านี้เหมือนดูเรื่องสนุก
“มู่เซิ่ง นายยังมีมนุษยธรรมอยู่หรือเปล่า? มีความเสียสละหรือเปล่า? ยาสำคัญขนาดนี้ นายก็ซ่อนไว้เอง ไม่นำออกมา ฉันไม่เคยเห็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนายมาก่อน! ฉันแนะนำให้นายเอาออกมาให้ฉันตอนนี้ ฉันจะขอให้หัวหน้าเซี่ยให้นายเข้าสู่ในทีมเต่าดำ และมอบธงชนะเลิศให้นาย เรื่องราวนี้ คนอื่นอยากได้จะตายไป ไม่นึกเลยว่านายจะปฏิเสธ?” หยางฉางจวินพูด
“ถ้าหากฉันไม่เอาออกมาล่ะ?”มู่เซิ่งถามกลับอย่างเยือกเย็น
ต้องการยาของตัวเอง แล้วก็ไม่อยากเสียเงิน คนอวดฉลาดแบบนี้ ในสายตาของมู่เซิ่ง ปัญญาอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้นหยางฉางจวินตามตื๊อครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาค่อนข้างรำคาญจริงๆ
“ไม่เอาออกมาเหรอ? นายไม่ให้ความสำคัญกับตระกูลหยางและทีมเต่าดำเหรอ?” หยางฉางจวินเป็นผู้มีอำนาจข่มขู่ เอาตระกูลหยางและทีมเต่าดำ ให้เป็นแนวร่วม
“หึ ฉันก็ไม่เคยให้ความสำคัญมาก่อน”มู่เซิ่งพูดอย่างเย็นชา ทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ หันหลังออกไป
หยางฉางจวินนิ่งอึ้ง เขาคาดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะเป็นคนดื้อด้านแบบนี้
ขณะที่เขากำลังคิดถึงวิธีจะเอายาในมือของมู่เซิ่งมาได้อย่างไร เซียวจ้านที่อยู่ข้างๆก็ก้าวไปข้างหน้าในทันที เดินออกจากฝูงชน และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “มู่เซิ่ง แกไม่ให้ความสำคัญกับตระกูลหยางฉันไม่สนใจ แต่แกมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ความสำคัญกับทีมเต่าดำ? อย่างแก ก็คู่ควรเหรอ?”
“อีกอย่าง ยาที่ผู้นำตระกูลหยางพูดถึง นายขโมยมาสินะ? ฉันเตือนแกรีบเอาออกมาซะ ไม่อย่างนั้น อย่าโทษว่าหมัดของฉันไม่เกรงใจ!”
ดวงตาของมู่เซิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา กวาดสายมองเซียวจ้านอย่างเยือกเย็น และพูดว่า: “ปัญญาอ่อน”
“แก!”
เซียวจ้านโกรธในทันที
เขายกกำปั้นขึ้นอย่างกะทันหัน และกระแทกไปที่มู่เซิ่งอย่างโหดเหี้ยม