ตอนที่ 101 ฉลาดเหมือนฉัน
โรแลนด์คุยอยู่กับผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆในกลุ่มอยู่พักหนึ่งและศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของนักเวทย์ส่วนใหญ่
อย่างเช่นในปัจจุบัน นักเวทย์ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เข้าร่วมกับสมาพันธ์นักเวทย์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เหมือนกับโรแลนด์ที่สังกัดอยู่ภายในองค์กร และไม่เหมือนกับโรแลนด์ พวกเขานั้นไม่ได้อยู่ในตําแหน่งสูงทันที พวกเขาส่วนใหญ่นั้นอยู่ในตําแหน่งนักเวทย์ฝึกหัด ในขณะที่มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นนักเวทย์อย่างเป็นทางการ ผลประโยชน์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ทว่าก็ไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่โรแลนด์ได้รับ
เนื่องจากโดยปกติแล้วพวกเขาจะเชี่ยวชาญเวทย์เพียงแค่หนึ่งถึงสองบท ในตอนนี้พวกเขานั้น แข็งแกร่งกว่าพวกนักเวทย์ฝึกหัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีคนจํานวนน้อยมากๆที่จะเข้าไปถึงระติบนักเวทย์ที่แท้จริง
ในทางกลับกัน จุดเริ่มต้นของโรแลนด์นั้นสูงกว่ามากเมื่อเทียบกัน
โรแลนด์อยู่ในระดับสี่เกือบที่จะถึงระดับห้า และสิ่งที่สําคัญที่สุด ถึงแม้ว่าโรแลนด์จะมีเวทย์พื้นฐานอยู่แค่ไม่กี่บทในตอนแรกเริ่ม นับรวมไปถึงรูปแบบเวทย์ที่พัฒนาแล้วด้วย แต่ในตอนนี้ เขานั้นสามารถใช้เวทย์ได้กว่ายี่สิบบทแล้ว
ไม่น่าแปลกเลยที่ผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆ จะมองว่าเขาเป็นหัวหน้านักเวทย์
หลังจากตอบคําถามมากมายที่สมาชิกภายภายในกลุ่มโยนทิ้งไว้ให้โรแลนด์มาเสร็จ เขาก็ปิดแชทกลุ่มพร้อมทั้งออกจากบ้านไปด้วยจักรยานสาธารณะเพื่อสโมสรเหมียวเข้า
วันนี้อากาศวันนี้ไม่ค่อยเป็นนัก ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสีดําหนาแน่นดูเหมือนจะตกลงมาอย่างหนัก
อากาศนั้นร้อนขึ้นและเหนอะหนะ
เมื่อโรแลนด์มาถึงสโมสรดาบ เขาก็พบว่าทุกคนทานอาหารเช้าและเก็บชามกันเรียบร้อยแล้ว
โรแลนด์นั้นผิดหวังเล็กน้อย เขานั้นพยายามอย่างมากที่จะมาอย่างเร่งรีบ ทว่าเขายังคงมาสายอยู่ดี สาเหตุหลักเป็นเพราะว่าเขานั้นมีเวลาที่ดีในการพูดคุยกับคนในกลุ่มแชทจนลืมเวลา
ในตอนนี้นั้น เขากําลังฝึกพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้เหมียวเต๋าอยู่ อาทิเช่นว่าต้องขยับดาบยังไง และต้องหายใจยังไงขณะถือดาบ
แม้ว่ามันจะดูไม่สําคัญนัก แต่จริงๆแล้วมันสําคัญมาก และสิ่งที่โรแลนด์ไปมากกว่านั้นคือ เฉาชู่นั้นเป็นอัจฉริยะด้านการสอน
ถึงแม้ว่าเทคนิคมวยนั้นไม่ได้แย่นักและสามารถทําให้เขาสามารถสร้างความสามารถพื้นฐาน ในการต่อสู้ได้ภายในสองถึงสามเดือน แต่หากมองลึกเข้าไปเห็นได้ชัดว่ามันไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับสิ่งที่มีเฉาชู่สอนอยู่
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การฝึกพื้นฐาน ในการกวัดแกว่างดาบไม้หนักกว่า 1.5 กิโลกรัมถึง 2 กิโลกรัม จากซ้ายไปขวาตลอดช่วงเข้าจนเขาล้าไปทั้งตัว ถ้าหากเขาหิวเขาจะไม่สามารถทนซ้อมจนจบได้
เช่นเดียวกันกับที่โรแลนด์กําลังคิดที่จะสั่งอาหารให้มาส่งที่นี่ ซีฉาซึ่งอยู่ภายในสนามฝึกและกําลังล้างสนามเหมือนที่ทําอยู่เป็นประจํา เมื่อเธอเห็นเขา เธอก็วางถังน้ําลงและเดินเข้ามาหาเขา จากนั้นก็ถามว่า “นายยังไม่ได้กินข้าวเข้ามาใช่ไหม?”
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกหมื่นลี้ลอยเข้ามาในจมูกของเขา
“ยังไม่ได้กินเลย” โรแลนด์พยักหน้าขณะที่เขากตแอปบนโทรศัพท์ของเขา “ฉันยุ่งอยู่นิดหน่อยน่ะ”
“อาหารเข้ายังเหลืออยู่เลย ไม่จําเป็นต้องทําอะไรอย่างการเสียเงินหรอก” โรแลนด์นั้นแปลกใจพอสมควร “มีอาหารเข้าเหลืออยู่งั้นเหรอ?”
ซีฉาพยักหน้ารับอย่างเฉยชา “มากินสิ”
ทั้งสองคนเข้าไปในครัว ซีฉาหยิบจานใบใหญ่ออกมาจากตู้ มีทั้งปอเปี๊ยะ เกี๊ยว และบะหมี แห้งอยู่ชามหนึ่ง
ปอเปี้ยะและเกี๊ยวอร่อยใช้ได้ แต่บะหมี่แห้งสีขาวนั้นเป็นบะหมี่เปล่าๆโดยไม่มีน้ําซอสหรือรสชาติใดๆ
ฉันจะกินไอนี้ยังไง? โรแลนด์ไม่คุ้นเคยกับการกินบะหมี่แห้งเปล่าๆ
โรแลนด์ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเองซีฉาก็นําชามน้ําซุปที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของเครื่องยาจีนออกมา มันจึงถูกตักออกมาจากหม้อร้อนๆ และเทมันลงชามก๋วยเตี๋ยวแห้ง
ภายในพริบตา มันก็กลายเป็นชามก๋วยเตี๋ยวที่อุ่นและรสเลิศ
“กินช้าๆ ” ซีฉาพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่ใจเย็น
โรแลนด์สังเกตุได้ชัดว่าซีฉานั้นเก็บสิ่งนี้ไว้ให้กับเขา เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณ”
“ครั้งหน้าฉันจะไม่เก็บไว้นายนะ จําไว้ว่ามาให้เร็วหน่อย” ซีฉาออกจากครัวไปทันทีที่พูดจบ
นี่คือที่เขาเรียกกันว่าแข็งนอกอ่อนในใช่ไหม? มันไม่ได้ดูน่ารักขนาดนั้น
ทว่าเธอกลับดูงดงามและมีระดับแทน ซึ่งต่างจากผู้หญิงทั่วไปมาก
อาหารเช้านั้นยังคงอร่อยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปอเปี้ยะหรือเกี้ยว มันเป็นความอร่อยที่เขาไม่สามารถอธิบายได้เมื่อมันเข้าไปในปากของเขา เขากินมันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากอาหารเข้าโรแลนด์ก็ไปที่สนามฝึกขนาดใหญ่ เฉาชู่ฟังบ่นเด็กวัยรุ่นสองคนที่ฝึกฝนอย่างไม่ตั้งใจ และหันไปพูดกับโรแลนด์ว่า “นายยังไม่ต้องรีบฝึกหรอก รอให้อาหารย่อยก่อน”
โรแลนด์ พยักหน้าและนั่งลงบนม้านั่งด้านข้าง
ฉีเฉาชู่นั่งลง เขาหยิบบุหรี่ออกมาอมไว้ในปากแล้วถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าวันก่อนนาย เจอกับจินเหวินเหวินที่หน้าทางเข้าของดาวสีแดง?”
โรแลนด์พยักหน้าและถามอย่างสงสัย “ดูเหมือนว่าซีฉาจะรู้จักเธอนะ”
“เธอเคยเป็นแฟนเก่าของฉันนะ ซีฉาเรียกเธอว่าพี่สะใภ้มาตลอดเลย”
อาการตกใจปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของโรแลนด์
ฉีเฉาชู่เมื่อเห็นว่าโรแลนด์แสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเขาก็ยิ้มออกมาอย่างหยอกล้อ “ทําไม มันแปลกงั้นเหรอที่คนอย่างฉันกับจินเหวินเหวินจะเคยเป็นแฟนกันมาก่อน”
“แต่มันน่าประหลาดใจนิดหน่อย แต่ว่ามันก็สมเหตุสมผล พวกนายทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นคนประเภทเดียวกัน” โรแลนด์ ตอบออกมาหลังจากจมกับความคิดของตัวเองไปครู่หนึ่ง
ทั้งสองนั้นต่างเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกันและยังเปิดสโมสรเหมือนกันอีก ดังนั้นมันเป็นธรรมดาที่พวกเขานั้นจะเคยติดต่อกัน
“เธอเป็นคนที่ทะเยอทะยานและขอบการแข่งขัน เมื่อไม่กี่ปีก่อนฉันเป็นคนที่ไม่ชอบความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิง” เฉาชู่ก็พูดอย่างใจเย็นว่า “เราคบเป็นเวลากว่าสองปี พวกเราทะเลาะกันเรื่อยมาและไม่มีความสุขกันนัก จากนั้นพวกเราเลยเลิกกัน”
โรแลนด์มองเข้าไปในดวงตาของเฉาและพบว่าเขายังคงมีควงตาราวกับปลาตายและปราศจากร่องรอยของอารมณ์ใดๆอยู่ จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายอยากจะรู้อะไรงั้นเหรอ? บอกตามตรงนะฉันไม่รู้จักเธอดีนัก”
“ฉันได้ยินมาจากซีฉาว่าจินเหวินเหวินกําลังกวนนายอยู่?”
“ถูกครึ่งหนึ่ง” โรแลนด์คิดสักพักและพูดว่า “ฉันมีของที่เธออยากได้อยู่ แต่ฉันนั้นไม่อยากมอบมันให้กับเธอ ฉันก็เลยเลิกไปสโมสรมวย”
ฉีเฉาชู่มองไปที่โรแลนด์และพูดว่า “ฉันรู้จักจินเหวินเหวินดี เธอจะพยายามเป็นอย่างมากเพื่อ ที่จะได้สิ่งที่ต้องการมาและเธอจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเธอจะทําทุกวิถีทาง ฉันแนะนําว่าให้นายเลิกยุ่งกับเธอไปซะ ไม่ใช่ว่าเพราะฉันหึง แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่รับมือได้ยาก”
โรแลนด์หัวเราะ “ถ้าคุณไม่ได้พูดคําสุดท้ายออกมา ฉันอาจจะคิดว่านายอิจฉาซะแล้ว”
“อิจฉาอะไร?” ท่าทางของเฉาเปลี่ยนไป “ฉันดีใจด้วยซ้ําที่ได้เลิกกับเธอ”
เมื่อมองไปยังท้องฟ้าโปร่งที่อยู่ห่างออกไป โรแลนด์ก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ฉันกลัวว่า เธอจะมาถึงที่นี่นะ เพราะถึงยังไงเธอก็เคยเจอซีฉามาก่อน”
“เธอไม่มาที่นี่หรอก เธอหน้าหนาไม่พอหรอก”
เมื่อฉีเฉาชู่พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเพื่อไปสอนวัยรุ่นทั้งสี่ต่อ
โรแลนต์นั้นสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวเขาจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
หลังจากฝึกตอนเช้าที่สโมสรดาบเสร็จ โรแลนด์ก็ขี่จักรยานสาธารณะกลับบ้าน
เขาเลี้ยวไปทางแยกหนึ่งและพบเข้ากับรถเก๋งของผู้หญิงจอดรออยู่ตรงที่จอดรถชั่วคราวตรงแยก เธอพึงประตูรถและโบกมือให้โรแลนด์ทันทีที่เธอเห็นโรแลนด์
โรแลนด์นั้นแสร้งทําเป็นว่าไม่เห็นเธอ
“โรแลนด์!” จากทางด้านหลัง จินเหวินเหวินตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงที่ดูเหมือนกําลังกลั้น ความโกรธอย่างชัดเจน
แต่โรแลนด์ก็ยังคงแสร้งเป็นว่าไม่สน
จากนั้นเขาก็ขี่ต่อไปอีกสิบกว่าเมตรจากนั้นก็พุ่งผ่านไปยังทางเดินเท้าโดยตรง
หลังจากข้ามไปอีกฝั่งของถนนได้สําเร็วจินเหวินเหวินที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับก็จ้องไปที่ทางเท้าด้วยสีหน้าที่โกรธจัด
ทางด้านซ้ายและขวาของทางเท้านั้นมีที่กั้นรถยนตร์อยู่ และจินเหวินเหวินก็ไม่สามารถขับไปต่อได้ นอกเสียจากว่าเธอจะกล้าขับรถข้ามทางเท้าไป
โรแลนด์ยิ้มให้จินเหวินเหวินจากนั้นก็ปั่นจักรยานสาธารณะไปตามทางที่ไม่ให้รถที่มีเครื่องยนต์ผ่าน