มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 397 รถสปอร์ตระเบิด!
รถสปอร์ตที่พังยับเยินทั้งคัน เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งภาพเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนถึงขนาดที่พูดอะไรไม่ออกเลย
เงียบกริบกันไปทั้งหมด!
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีเต็ม จึงได้มีคนเริ่มที่จะพูดขึ้นอย่างติด ๆ ขัด ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตะลึงอยู่ จนถึงตอนนี้แล้วพวกเขาก็ยังคงยากที่จะยอมรับกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้อยู่ดี
“เร็ว! รีบตบหน้าฉันสักครั้ง เพื่อดูว่าฉันกำลังฝันไปอยู่หรือไม่? ”
“พระเจ้า นี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่ เพียงหมัดเดียวก็สามารถที่จะยับยั้งรถสปอร์ตคันหนึ่งลงได้? นี่มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก! ”
“ฉันคิดว่ามันช่างเท่ห์มากเลย นี่แหละถึงจะเป็นผู้ชาย ฉันชื่นชอบมาก! ”
“ฉันไม่สน เห็นอยู่ว่าฉันชื่นชอบในตัวเขาก่อน” กลุ่มลูกสาวของตระกูลเศรษฐีชื่นชอบในสิ่งที่น่าตื่นเต้นท้าทายแบบนี้อยู่แล้ว บวกกับพลังการต่อสู้อันน่าทึ่งที่มู่เซิ่งได้แสดงออกเมื่อครู่นี้นั้น ซึ่งนอกจากซูอีเข่อแล้ว ก็ยังดึงดูดใจพวกหญิงสาวหลายคนได้ในทันทีด้วย
“ช่างหล่อเท่ห์มากเลย! ”
“เขา เขาไม่ใช่คนจริง ๆ ด้วย……”
กลุ่มลูกเศรษฐีที่มองดูจากระยะไกล ต่างก็อุทานหรือตะโกนขึ้น แต่ก็ยังไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาใกล้ เพราะพวกเขาต่างก็ได้เห็นได้สัมผัสถึงพลังความสามารถของมู่เซิ่งในครั้งนี้อย่างแท้จริงแล้ว หากว่าไปยั่วยุให้ไอ้คนนี้เกิดโมโหขึ้นมาแล้วล่ะก็ เขาคงจะจัดการพวกเขาลงอย่างราบคาบด้วยการใช้เพียงแค่หมัดเดียว
พวกคนกลุ่มนั้นต่างก็ไม่นึกว่า ร่างกายเนื้อหนังของตนเองจะสามารถเทียบได้กับรถสปอร์ต
“กร็อกแกร็กกก—-”
รถสปอร์ตเฟอร์รารี่ที่อยู่ในมือของมู่เซิ่งนั้น เวลานี้ได้เกิดเสียงดังสะเทือนขึ้นอย่างท่วมท้น
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ในตำแหน่งของเครื่องยนต์ด้านหลัง ไม่นึกว่าจะมีน้ำมันหยดติ๋ง ๆ ลงมาแล้ว บวกกับมีควันไฟพวยพุ่งขึ้นอย่างหนาแน่น เหมือนว่ารถสปอร์ตคันนี้มีท่าทีที่จะระเบิดขึ้นแล้ว
หลู่เจ๋อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็พลันตกใจ พร้อมกับตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า: “แม่ง สหาย ช่วยฉันด้วยสิ! ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันไม่อยากที่จะถูกระเบิดจนตายลงในนี้อ่า ฉันขอร้องอ้อนวอนนายแล้ว! ”
มู่เซิ่งมองดูไปที่รถสปอร์ตคันนี้อย่างเย็นชา พูดตามจริง ต่อให้มันจะระเบิดขึ้นในทันที มู่เซิ่งเองก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แต่ซูอีเข่อไม่ใช่อย่างนั้น การบาดเจ็บที่เกิดจากการระเบิดไม่เหมือนกับการถูกรถสปอร์ตพุ่งชน ซึ่งมันจะโหมกระหน่ำมาจากทั่วทุกสารทิศ เขาไม่สามารถที่จะปกป้องคุ้มกันซูอีเข่อได้ แล้วมู่เซิ่งก็ได้ยื่นมือเข้าไปคว้าตัวของหลู่เจ๋อออกมาจากในตัวรถ แล้วก็โยนลงไปบนพื้น
“ตึ่งง! ”
วินาทีต่อมา เขาก็ใช้เท้าถีบไปที่ตัวของรถสปอร์ต
รถสปอร์ตที่เดิมทีก็พังยับเยินแล้ว และเมื่อถูกมู่เซิ่งถีบเข้าไปอีก ก็ราวกับว่าเป็นลูกบอลที่ถูกกระแทกด้วยความเร็วสูง จนพลิกคว่ำกลิ้งไปมา และกระเด็นตกลงไปยังใจกลางของสนามแข่งรถ
“โครมโครมโครม—-”
หลู่เจ๋อที่ถูกมู่เซิ่งโยนลงไปบนพื้นอย่างแรงนั้น ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรงที่ข้างหูของเขา
รถสปอร์ตชั้นเยี่ยมคันนั้นที่อยู่ใจกลางของสนามแข่งรถ ได้ระเบิดขึ้นขึ้นในทันที ควันดำพวยพุ่งกระจายไปรอบทิศทาง เปลวไฟลุกโชนขึ้นสูงไปถึงระกับห้าถึงหกเมตรเลยทีเดียว!
“เอื้อก” มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว หลู่เจ๋อถึงกลับต้องกลืนน้ำลายลงคอเลยทีเดียว
แม่งสิ!
เมื่อครู่หากว่ามู่เซิ่งลงมือช่วยเหลือเขาออกมาไม่ทัน เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงจะเป็นเหมือนกับรถสปอร์ตคันนี้ ที่ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงไปแล้ว
ความหวาดกลัวบวกกับสภาพอารมณ์ต่าง ๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการรอดชีวิต ได้วนเวียนอยู่ในหัวสมองของหลู่เจ๋อ โดยหลู่เจ๋อไม่ลังเลใจ คลานเข้ามาและคุกเข่าดังแผละลงต่อหน้าของมู่เซิ่ง “คุณชายมู่ ขอบคุณมากที่คุณได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ฉันสำนักผิดแล้ว ฉันสมควรตาย ก่อนหน้านี้ไม่นึกว่าตนเองจะทำการล่วงเกินขนาดนี้ ฉันสมควรตายเสียจริงเลย”
หลู่เจ๋อดุด่าไปพลาง พร้อมกับใช้มือตบหน้าของตนเองไปด้วย
ต่อให้เขาจะโง่เขลา ไม่มีประสบการณ์ความรู้ ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของปรมาจารย์บู๊ แต่เขาก็เข้าใจว่า คนอย่างมู่เซิ่งนี้ คนอย่างเขานั้นไม่มีทางที่จะล่วงเกินได้อย่างเด็ดขาด
ทุกคนต่างก็มองดูภาพเหตุการณ์นี้กันอย่างตื่นตระหนก เพราะการระเบิดของรถสปอร์ตเมื่อครู่นี้นั้น หากเพียงพิจารณา และเปรียบเทียบกับตอนที่มู่เซิ่งแข่งรถแล้ว มันยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
“สหายน้อง”
เวลานี้เถ้าแก่โจวได้เดินเข้ามาอย่างกล้าหาญ และยื่นนามบัตรในมือไปให้กับมู่เซิ่งอย่างเคารพ: “ก่อนหน้านี้ฉันมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รับรู้ถึงพลังความสามารถที่แท้จริงของคุณมู่ หวังว่าจะเปิดโอกาสให้ผูกมิตรทำความรู้จักกับคุณมู่ด้วย”
เถ้าแก่โจวก้มหน้าลง ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด
ผู้จัดการหวังเห็นดังนั้น ก็พลันนึกขึ้นได้ จึงวิ่งมายังด้านหน้าของมู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว แล้วล้วงบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาและพูดว่า: “คุณมู่ เชิญคุณรับบัตรนี้เอาไว้ รหัสคือเลขหกเจ็ดตัว ท่านสามารถถอนเงินได้ทุกเมื่อ หวังว่าท่านจะรับการขอโทษจากพวกเรา”
มู่เซิ่งรับบัตรมาจากมือของผู้จัดการหวัง และก้มหน้ามองดู แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “หากยังมีครั้งหน้าอีก ก็คงไม่ได้แก้ไขด้วยเงินอย่างง่ายดายแบบนี้แล้ว”
“เข้าใจเข้าใจแล้ว! ”
เมื่อมองดูสถานที่ระเบิดรถสปอร์ตแล้ว ก็ถือว่าโชคดีมากที่ก่อนหน้านี้ได้หยุดการแข่งขันลงแล้ว แต่ศูนย์กลางของการระเบิดนั้นก็ยังคงคลุมเครือไม่ชัดเจน ผู้จัดการหวังก็ตัวสั่นเทา พยักหน้าไม่หยุดและพูดขึ้นว่า: “คุณมู่ คงจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้งเป็นแน่”
มู่เซิ่งกวาดสายตามองไปอย่างเย็นชา แล้วก็พาซูอีเข่อ เดินออกไปจากประตูสนามแข่งรถ
ครั้งนี้ ทุกสายตาต่างจับจ้อง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวาง!
สำหรับหลู่เจ๋อที่คุกเข่าตั้งแต่ต้นจนจบ และตบหน้าของตนเองอย่างไม่หยุดนั้น มู่เซิ่งไม่ได้หันไปมองเลยแม้แต่น้อย ลูกเศรษฐีแบบนี้ในสายตาของเขาแล้วก็ต่ำต้อยอย่างกับมดแมลง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่นี้เขาก็ยังตกใจกลัวจนปัสสาวะรดกางเกงแล้ว หากไปลงมือทุบตีเขาอีกก็จะสกปรกมือของตนเองไปเสียเปล่า
“บึนบึน—-”
หลังจากที่มู่เซิ่งและซูอีเข่อจากไปไม่นานนั้น
ที่ประตูของสนามแข่งรถ ก็มีเสียงดังบึนบึนขึ้นมาอีก ทุกคนต่างก็ตกใจ และพบเห็นรถสปอร์ตชั้นยอดจำนวนไม่น้อยขับกันเข้ามา ไฟหน้ารถส่องสว่าง จนทุกคนลืมตากันไม่ขึ้นเลยทีเดียว
ถ้าหากมู่เซิ่งยังอยู่ เขาก็จะพบว่า พวกรถสปอร์ตชั้นยอดเหล่านี้ก็คือพวกรถสปอร์ตหลายคันที่เมื่อวานเขาเห็นจอดอยู่ตรงที่ร้านขายปิ้งย่างนั้น
ไฟหน้ารถกระพริบส่องสว่าง ฝุ่นละอองที่เดิมทีอยู่ใต้แสงไฟนั้นก็เคลื่อนไหวล่องลอยไปมาไม่หยุด
รถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นก็ขับวิ่งตรงเข้ามา และจอดหยุดลง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของกลุ่มหญิงสาว โดยมีระยะห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่เมตร ทุกคนถึงกับตกใจจนเหงื่อท่วมไปหมด
พวกลูกเศรษฐีกี่คนลงกันมาจากหลังรถ จากนั้นก็ขับตรงไปข้างรถสปอร์ตหรูคันแรกแล้วจึงเปิดประตูรถ ซึ่งเมื่อประตูรถที่โอเวอร์อย่างกับผีเสื้อได้เปิดขึ้นแล้ว ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งกายอย่างเวอร์วัง ในลักษณะแนวพังค์ สีหน้าท่าทางหยิ่งผยอง ราวกับว่าต่อให้มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่มาเขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่ดี
“ใคร ใครมาก่อเรื่องสร้างวุ่นวายในพื้นที่ของฉัน? ชายหนุ่มคนนั้นเดินย่ำออกมาจากประตูรถ แล้วก็ตะโกนโวยวายเสียงดัง”
คนผู้นี้ดูเหมือนว่าจะคือกัวปู๋เจิ้น
“คุณชายกัว คุณมาแล้วเหรอ? ”
“คุณชายกัวมาแล้ว”
กลุ่มลูกเศรษฐีนั้นเข้าไปต้อนรับก่อนเพื่อนเลย
เมื่อคุณชายกัวปรากฏตัวขึ้น พนักงานในสนามแข่งรถต่างก็รวมตัวกันเข้ามา ยืนโอบล้อมกัวปู๋เจิ้นกันอย่างแน่นหนา แล้วทุกคนก็โค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงและตะโกนขึ้นว่า: “สวัสดีคุณชายกัว! ”
กัวปู๋เจิ้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็มองไปโดยรอบ
เวลานี้บรรยากาศในสนามแข่งรถแทบจะอลหม่านวุ่นวายกันไปหมดแล้ว บนพื้นก็มีชิ้นส่วนอะไหล่ของรถสปอร์ตตกลงมา ในศูนย์กลางของสนามแข่งรถก็มีเศษซากของรถสปอร์ตที่กำลังเผาไหม้อยู่ ควันดำก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่หยุด ที่ชัดเจนกว่านั้นก็คือบนพื้นยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ และใช้มือตบหน้าตนเองอย่างไม่หยุด อีกทั้งช่วงล่างของร่างกายนั้นก็ยังคงมีกลิ่นเหม็นของปัสสาวะฟุ้งกระจายออกมาด้วย
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว กัวปู๋เจิ้นก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ และสอบถามว่า: “ทำไมพวกนายถึงอยู่กันในสภาพแบบนี้ไปได้? ”