มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 400 มู่เซิ่งพบเห็นขณะอาบน้ำ!
“อย่างนั้นถ้ามีภรรยาแล้ว จะรังเกียจไหมหากจะมีเพิ่มอีกสักหนึ่งคน? ”
ซูอีเข่อไม่ถอดใจ แล้วร่างกายก็แนบชิดเข้ามาหามู่เซิ่งในทันที
แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีสติไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะไม่รู้สึกตัว กลับกลายเป็นว่าเมื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้ว ในร่างกายก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความมึนเมาที่เข้มข้น ร่างกายอ่อนนุ่มไร้เรี่ยวแรง ราวกับเส้นหมี่ที่พาดอยู่บนตัวของมู่เซิ่งอย่างไรอย่างนั้น
มู่เซิ่งอดหน้าแดงขึ้นไม่ได้
แม้ว่าเขาจะพบเจอกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรมู่เซิ่งก็ยังเป็นชายที่บริสุทธิ์อยู่ กับเจียงหว่านนั้นอย่างมากก็แค่จูงมือกัน จูบกันบ้างเล็กน้อย ซึ่งยังไม่เคยแม้แต่จะนอนในผ้าห่มเดียวกันเลย แล้วเขาจะอดทนต่อการเย้ายวนนี้ได้อย่างไร
ขณะที่มู่เซิ่งกำลังจะปฏิเสธนั้น ซูอีเข่อก็ตัวสั่นเทา ราวกับว่าคิดถึงเรื่องอะไรขึ้นได้ แล้วก็เหยียบย่ำเดินไปบนพื้นที่แวววาว เพียงแวบเดียวก็วิ่งไปถึงที่ระเบียงแล้ว
“ซูอีเข่อ ที่นั่นคือ……”
มู่เซิ่งรีบวิ่งตามเข้าไปในห้อง เมื่อจ้องสบตากัน ก็พลันตกตะลึง……
เวลานี้ ซูอีเข่อกำลังนั่งยองอยู่ที่ด้านหน้าของกระถางดอกไม้ขนาดใหญ่ มือสองข้างถือชุดกระโปรง แล้วมองมาที่มู่เซิ่งด้วยสายตาที่สับสนและสงสัย มู่เซิ่งตกใจขึ้น คิดในใจว่าคงจะจบเห่แน่แล้ว สถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าเขาจะมีความผิดแต่ก็ชี้แจงได้ไม่ชัดเจนอ่า
มู่เซิ่งรีบวิ่งออกไป ในใจตะโกนว่าผิดมารยาทห้ามแอบดู แต่ในความจริงแล้วก็ยังคงร้อนรุ่มอยู่บ้าง
แต่ความเด็ดเดี่ยวของมู่เซิ่งนั้นถือว่าพอใช้ได้ เมื่อมาถึงห้องแล้วก็รีบหยิบน้ำออกมา แล้วก็ดื่มเอื๊อกลงไปทันที เพื่อสงบจิตใจของตนเองให้เย็นลง
“ไม่ได้ ฉันเป็นสุภาพบุรุษ ห้ามกระทำเรื่องแบบนี้โดยเด็ดขาด! ”
“นอกจากนี้การที่ชายและหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนั้น มันก็ยากที่จะอธิบายอยู่แล้ว ช่างเถอะ ฉันกลับออกไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็จะพูดอธิบายได้ไม่ชัดเจนแล้ว! ”
ขณะที่มู่เซิ่งพูด ก็คิดที่จะออกไปจากที่นี่
แต่เมื่อเขาก้าวออกไปหนึ่งก้าวนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ได้ เธอดื่มมากเกินไปแล้ว หากว่าไม่มีคนคอยดูแลก็คงจะไม่ได้ เพราะเธอกินเหล้าด้วยกันกับฉัน หากฉันไม่สนใจ……ก็คงจะไม่ได้เหมือนกัน! ”
มู่เซิ่งคิดไม่ตกในทันที ในหัวสมองมีคนสองคนเริ่มจะทะเลาะกัน คนหนึ่งบอกให้เขาจากไป อีกคนหนึ่งบอกให้เขาอยู่ต่อ มู่เซิ่งเองก็กลุ้มใจ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีแล้ว!
มู่เซิ่งสูดหายใจลึก แล้วก็หยิบน้ำออกมา ดื่มเอื๊อกลงไปอีก
สำหรับมู่เซิ่งแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่มีพลังวังชาอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นปกติหากจะมีความต้องการทางด้านนี้ เพียงแต่ว่าเขาก็ยังคงตั้งสติยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ ไม่อยากที่จะล้ำเส้นเกินเลยไป
ในขณะนั้นเอง ก็เกิดเสียงดัง “ฟุบ” มู่เซิ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปดูทันที
ไม่นึกว่าจะพบเห็นซูอีเข่อล้มลงอยู่ที่ด้านข้างของกระถางดอกไม้ โดยไม่ขยับเขยื้อน ส่วนต้นกล้าของต้นสนที่อยู่ใต้แสงจันทร์นั้น ใบไม้เขียวของมันกำลังส่องแสงระยิบระยับ
“ซูอีเข่อ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
มู่เซิ่งรีบเข้ามาสอบถาม
กางเกงของซูอีเข่อก็ยังไม่ได้ดึงขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย เหมือนว่าเมื่อครู่ที่เธอไปเข้าห้องน้ำนั้นก็เผลอหลับไป มู่เซิ่งใช้แรงเขย่าที่ไหล่ของซูอีเข่อสองครั้ง ทางซูอีเข่อเพียงแค่ส่งเสียงฮึ โดยที่ยังคงหลับลึกอยู่
นี่หลับลึกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เขย่าตัวสองครั้งแล้วก็ยังไม่ตื่น มู่เซิ่งจึงอยากที่จะเดินจากไปแล้ว
แต่หากไม่สนใจซูอีเข่อที่อยู่บนพื้น ช่วงหน้าร้อนแบบนี้หากนอนทั้งคืนอยู่บนพื้นที่มันวาวนี้ รับรองว่าจะต้องเป็นไข้อย่างแน่นอน ดังนั้นมู่เซิ่งจึงเงยหน้าและหลับตาแล้วก็ดึงกางเกงของซูอีเข่อขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย
หากจะบอกว่ามองไม่เห็นนั้น มันก็เป็นการโกหก คุณว่าสายตาของมู่เซิ่งหลังจากที่ขึ้นชั้นเป็นนักเสวียนแล้วนั้นเป็นเพียงสิ่งตกแต่งหรอกเหรอ? แต่หากบอกว่าเห็นอย่างชัดเจนแล้ว มู่เซิ่งก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก
สวมใส่ชุดกระโปรงอยู่ แล้วจะมองเห็นอย่างชัดเจนได้อย่างไรกัน
“ซูอีเข่อ ตื่นได้แล้วซูอีเข่อ”
“มู่……มู่เซิ่ง ดื่มสิ วันนี้ฉันจะมอมเหล้านายจนเมาแล้วพาตัวนายกลับมาที่บ้านให้จงได้……” ขณะที่พูดนั้น ซูอีเข่อก็ยื่นมือไปโน้มที่ลำคอของมู่เซิ่ง
“เธอเมาขนาดนี้แล้วยังคิดจะดื่มอีกเหรอ รีบปล่อยตัวฉันนะ” กว่ามู่เซิ่งจะวางร่างของซูอีเข่อที่พาดพันอยู่บนร่างของเขาราวกับปลาหมึกลงไปบนเตียงนอนในห้องได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดูเหมือนว่าซูอีเข่อได้เช่าห้องพักที่อยู่ใกล้กับบริเวณมหาวิทยาลัย โดยห้องพักนั้นไม่ใหญ่มาก มีแค่เตียงเดียว ทางมู่เซิ่งเองก็ไม่สามารถที่จะนอนอยู่ข้างกายของซูอีเข่อได้ ไม่ใช่เพราะเขาคิดที่จะทำอะไรซูอีเข่อ แต่กลัวว่าในตอนกลางคืนทางซูอีเข่อที่เมาเหล้านั้น จะทำอะไรเขาต่างหาก
พูดกันว่าเมื่อช่วยเหลือคนแล้ว ก็ต้องช่วยเหลือจนถึงที่สุด ถ้าหากมู่เซิ่งจากไปในตอนนี้ เขากลัวจริง ๆ ว่าซูอีเข่อจะทำเรื่องอะไรขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องยอมลำบาก นอนบนโซฟาสักคืนก็แล้วกัน
“โธ่ ผู้ชายที่ดีเหมือนกับฉันนี้ยิ่งมีน้อยมากขึ้นทุกวันแล้ว! ”
มู่เซิ่งเหลือบมองไปที่ซูอีเข่อ ด้วยความจำใจอย่างที่สุด
“ต่อไปฉันจะไม่กินเหล้ากับเธออีกแล้ว ครั้งนี้คือครั้งสุดท้าย! ”
……
เวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบ
ไม่นานนักก็ถึงตีสามแล้ว
แต่ทว่า……มู่เซิ่งกลับนอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีพลังวังชาที่มากเกินไปหรือว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่น โดยสรุปแล้ว มู่เซิ่งไม่รู้สึกว่าง่วงนอนเลย
มู่เซิ่งเริ่มใช้วิธีการนับแกะเพื่อสะกดจิตตนเอง แต่ทว่าเมื่อนับถึงตัวที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแล้ว เขาก็นับต่อไปไม่ได้อีก จึงพลิกตัวลุกขึ้นนั่งอยู่บนโซฟา
แสงสว่างของดวงจันทร์นอกหน้าต่าง บวกกับสายตาอันล้ำเลิศของมู่เซิ่ง ไม่ต้องเปิดไฟเขาก็สามารถมองเห็นบรรยากาศรอบห้องได้อย่างชัดเจน หลังจากที่เขาลูบคลำไปที่เหงื่อบนหน้าผากแล้ว ก็ตัดสินใจไปอาบน้ำเย็นก่อนแล้วค่อยกลับมานอน
แม้ว่านี่จะเป็นที่พักของซูอีเข่อ แต่แค่อาบน้ำก็คงจะไม่เกินไปนัก ยิ่งไปกว่านั้นตนเองยังมานะพยายามแบกซูอีเข่อกลับมายังที่พักด้วย
อีกทั้งในตอนนี้ ซูอีเข่อก็คงจะนอนหลับไปแล้ว
มู่เซิ่งถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำ
ก่อนที่จะนอนนั้น เขาได้เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศแล้ว แต่ในห้องรับแขกก็ยังคงมีกลิ่นเหล้าที่เบาบางอยู่ ลมร้อนในตอนกลางคืนพัดผ่านมา จนทำให้จิตใจของมู่เซิ่งรู้สึกหงุดหงิด แม้เขาจะบอกอย่างชัดเจนไม่ได้ว่า เพราะเหตุใดถึงทำให้เขาหงุดหงิดใจขึ้น
แต่……เขารู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
ส่ายศีรษะไปมา เพื่อสะบัดความคิดและสภาพจิตใจในหัวสมองทิ้งไป แล้วมู่เซิ่งก็เดินไปที่ประตูห้องน้ำ ขณะที่เข้าใกล้นั้น ก็คล้ายจะได้ยินเสียงน้ำไหลฮวาฮวาอยู่ภายใน มู่เซิ่งตกใจ ก๊อกน้ำนี้เปิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน หรือว่าซูอีเข่อจะอาศัยช่วงจังหวะตอนที่เขาไม่ตั้งตัว วิ่งมาเปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำนี้แล้ว?
เปิดน้ำทิ้งมาทั้งคืนแบบนี้ จะต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรน้ำไปมากเท่าไร
มู่เซิ่งรีบเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำภายในห้องน้ำ ทว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นในม่านตานั้น กลับทำให้เขาอึ้งจนถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่ไปเลย
หญิงสาวสวยที่รูปร่างเซ็กซี่คนหนึ่ง กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ หันหลังให้กับมู่เซิ่ง แต่จากการยืนยันด้วยทรงผมหยักศกที่ชัดเจนนั้น หญิงสาวสวยผู้นี้ก็คือซูอีเข่อ!
มู่เซิ่งตกใจขึ้นอย่างกะทันหัน
ซูอีเข่อ? เธอไม่ได้นอนหลับอยู่หรอกเหรอ?
เวลาดึกป่านนี้แล้ว ทำไมถึงได้มาอาบน้ำอยู่ล่ะ?
อีกทั้ง เธออาบน้ำแต่ไม่เปิดไฟงั้นเหรอ?
คำถามผุดขึ้นในใจของเขามากมาย ซึ่งคำถามทั้งหมดได้รวบรวมเป็นหนึ่งคำถามใหญ่ว่า ต่อจากนี้ เขาควรทำอย่างไรดี?
ต้องรู้นะว่า เขากับซูอีเข่อที่อยู่เบื้องหน้านี้เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงหนึ่งวันเลย แล้วก็สามารถมองเห็นเรือนร่างทุกส่วนของเธอจนหมดแล้ว? ต่อให้พบรักกันก็คงจะไม่รวดเร็วขนาดนี้หรอก แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนของหนานเจิ้น แต่หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แล้วหยางฟางฟางรับรู้ล่ะก็ หยางฟางฟางจะมองเธออย่างไร?
ถ้าหากไปบอกกับเจียงหว่านล่ะ?
จบกัน……
มู่เซิ่งได้วาดรูปไม้กางเกนขนาดใหญ่ไปที่หน้าอกของตนเองแล้ว