ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 17 นักวาดไฟแรง

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ทุกคนหันมองจอคอมพิวเตอร์ขอหร่วนกวางเจี่ยนที่เปิดแบบฟอร์มของหม่าหยางไว้

“กวนอู…เป็นมังกร”

“ม้าเฉียว…เป็นเซ็นทอร์เหรอ”

“งั้นจูกัดเหลียงก็เป็นหมูดิ[1]” หวงคิดตาม

หร่วนกวางเจี่ยนมองตาขวาง “หมูบ้านเอ็งดิ! จูกัดเหลียงเป็นนักประดิษฐ์ชื่อดังโว้ย!”

“…แย่กว่าหมูอีก” หวงแขวะ

เมื่อได้อ่านแบบฟอร์ม หวงก็รู้สึกเหมือนสติหลุดไป

นี่คือแบบฟอร์มหรือ

นอกจากปรับคำอธิบายของเหล่าบุคคลในประวัติศาสตร์ไปเสียสุดโต่งแล้วก็ไม่ได้อธิบายอย่างอื่นอีก!

ณ จุดนี้ คงไม่มีทางขอภาพอ้างอิงเพิ่มได้ แต่กระทั่งภาพร่างคร่าวๆ ก็ยังไม่มี!

อีกทั้งยังปรับแต่งทุกรูปแบบด้วย!

มีทั้งกลายเป็นสัตว์ สลับเพศ หรือแม้แต่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี

ผสมปนเปกันมั่วไปหมด!

“ลูกค้าคนนี้สติไม่ดีรึเปล่าเนี่ย”

“แบบฟอร์มก็กรอกอะไรไม่รู้มา…”

หวงอึ้งไป เขาไม่คิดว่าหร่วนกวางเจี่ยนจะรับงานนี้จริงๆ

เขาไม่กลัวว่าลูกค้าอาจไม่พอใจงานแล้วเกิดทะเลาะกันขึ้นมาเลยหรือ

พวกเขาต่างเป็นนักศึกษาภาควิชาศิลปะจนๆ อาจจะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่านักศึกษาภาคอื่นๆ แต่ถ้ามีเรื่องกับลูกค้าแล้วต้องหาฝ่ายรับผิดชอบขึ้นมาก็จะกลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้

“กังวลอะไร ลูกค้าจ่ายผ่านเว็บรวมทรัพยากรมาแล้ว” หร่วนกวางเจี่ยนเปิดสถานะการจ่ายเงินของลูกค้าให้หวงดู

เว็บไซต์รวมทรัพยากรทางการของ ERSO เป็นเหมือนคนกลาง โดยมีแพลตฟอร์มทำหน้าที่เป็นผู้การันตีให้เหล่าฟรีแลนซ์เริ่มงานได้ทันทีหลังจากลูกค้าส่งรายละเอียดงานให้แล้ว

ระหว่างนั้น ฝั่งลูกค้าจะต้องจ่ายเงินให้ทางเว็บไซต์ถือไว้ หลังจากส่งมอบงานเสร็จและลูกค้าพึงพอใจงานที่ได้ ทางแพลตฟอร์มก็จะส่งเงินให้ฟรีแลนซ์

ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ทางแพลตฟอร์มจะเข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย

ถ้าถึงขั้นนั้นจริงๆ หร่วนกวางเจี่ยนมีประวัติการสนทนา ส่วนทางแพลตฟอร์มเองก็มีสำเนาแบบฟอร์มและรายละเอียดการว่าจ้าง ไม่ว่าอย่างไร หร่วนกวางเจี่ยนก็ถือไพ่เหนือกว่า

“กวางเจี่ยน ข้าว่างานมันไม่ค่อยเข้าท่า แกลองไปคุยกับลูกค้าอีกที ให้เขาส่งรายละเอียดเพิ่มเติมมาจะดีกว่าไหม…” หวงคิดว่าทุกสิ่งในตอนนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก

หร่วนกวางเจี่ยนไม่พอใจ “ไอ้หวง แกบ้าไปแล้วเหรอ”

“แกอยากวาดตัวละครสไตล์การ์ตูนไปเรื่อยๆ เหรอ ไม่เบื่อบ้างรึไง”

“ตอนนี้ในตลาดมีแต่เกมภาพสไตล์การ์ตูน ถึงเงินจะดี แต่ถามตัวเองหน่อยเถอะว่าแกชอบงานไร้จิตวิญญาณแบบนั้นจริงๆ เหรอ!”

“ศักดิ์ศรีความเป็นศิลปินแกหายไปไหน”

“นี่คือโอกาสดีที่เปิดกว้างให้เราออกแบบสไตล์ภาพเอง ดูสิว่าเรามีอิสระในการออกแบบแค่ไหน!”

“ถ้าเราดังขึ้นมาเพราะงานออริจินัลชุดนี้ อนาคตเราต้องราบรื่นแน่นอน! ใครจะไปรู้ เราอาจจะมีเงินเช่าสตูดิโอเป็นของตัวเองหลังเรียนจบก็ได้”

“หรือแกอยากเป็นคนธรรมดาหลังเรียนจบ ไปเข้าบริษัทจ้างงานสักที่ ต้องทำงานหนักวาดรูปสไตล์ที่ไม่ได้ชอบเลยสักนิด”

คนอื่นๆ มองตากัน เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหร่วนกวางเจี่ยนได้จุดไฟให้ทุกคน

พวกเขาเป็นนักศึกษา ไม่ใช่นักวาดผู้มีประสบการณ์ที่ได้ก้าวสู่โลกการทำงานแล้ว

เรื่องด้านงานภาพ พวกเขาต่างมีแนวคิดเป็นของตนเอง กำลังอยู่ในช่วงที่มีแรงบันดาลใจมากมาย

ใครกันจะอยากคอยวาดงานสมัยนิยมตามกรอบที่ลูกค้าวางไว้

ทุกคนต่างอยากวาดงานในแนวทางที่ตนเองชอบและทำได้ดีทั้งนั้น!

การได้เจอลูกค้าที่ไม่วางกรอบอะไรให้ถือเป็นโอกาสซึ่งหาได้ยากยิ่ง!

หวงเองก็ไฟลุกโชนขึ้นมาเหมือนกัน “โอเค งั้นแกตัดสินใจเลยกวางเจี่ยน เดี๋ยวพวกเราช่วย แกคิดไว้รึยังว่าจะทำงานแบบไหน”

“ต้องอย่างนี้สิเพื่อน”

หร่วนกวางเจี่ยนแสนพึงพอใจ เขาเปิดภาพหนึ่งขึ้นมาบนจอคอมพิวเตอร์

“ฉันว่าจะวาดแนวนี้”

“ภาพสไตล์มหากาพย์หมึกสีน้ำมัน”

หวงบุ้ยปากเล็กน้อย

หร่วนกวางเจี่ยนเป็นคนคิดงานภาพสไตล์นี้จากแรงบันดาลใจที่แวบขึ้นมา

ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือมิโนทอร์ร่างสูงกำยำ เขาหักหนึ่งข้าง สวมชุดเกราะสีดำที่เสียหายหนัก

เกราะไหล่เป็นหัวมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ดูน่าตื่นตา รอบตัวมีโซ่ล่ามไว้ มองแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนักรบผู้ไม่ย่อท้อ

ชุดสีที่ใช้เป็นไปในโทนเข้ม พื้นหลังเป็นสีดำสนิท ฉากสนามรบให้ความรู้สึกเศร้าและสิ้นหวัง

ถ้ามองภาพอย่างผิวเผิน จะรู้สึกได้ว่าคล้ายเหล่ามิโนทอร์ใน Fantasy World[2]

แต่ถ้าดูให้ละเอียดจะพบว่ามิโนทอร์ตัวนี้มีความแตกต่างจากพวกมิโนทอร์ของฝั่งตะวันตก

หร่วนกวางเจี่ยนใส่รายละเอียดมากมายเพื่อเน้นความเป็นตะวันออกลงไปในตัวมิโนทอร์ เช่น โครงหน้า รวมถึงอาวุธและชุดเกราะที่ออกแบบตามความงามของตะวันออก อย่างชุดคลุมออกศึกสีแดงและอื่นๆ

ที่หร่วนกวางเจี่ยนตั้งชื่อว่าภาพสไตล์มหากาพย์หมึกสีน้ำมันเพราะมีองค์ประกอบสามอย่าง คือ ความเป็นมหากาพย์ งานภาพแบบหมึก และงานภาพแบบสีน้ำมัน

งานภาพนี้ไม่ได้ละเอียดจนเห็นทุกอณูรูขุมขนของตัวละคร ภาพมีความเลอะจากเทคนิคสีน้ำมันทำให้พื้นหลังดูพร่ามัว สร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ให้งาน

ขณะเดียวกันก็มีเทคนิคหมึกเพิ่มเข้าไป ใส่ความเป็นจีนให้งาน

นอกจากนี้ตัวละครยังให้ความรู้สึกหดหู่ ซึ่งเป็นรากฐานของความเป็นมหากาพย์ สื่อว่ามิโนทอร์ได้ผ่านสงครามตัดสินชะตากรรมโลกระหว่างเทพและมารมาก่อน

หวงและรูมเมตคนอื่นๆ รู้เรื่องงานภาพสไตล์นี้อยู่ก่อนแล้ว

พวกเขาประทับใจฝีมือของหร่วนกวางเจี่ยนด้วยเหมือนกัน เพราะเทคนิคและการใส่เงารวมถึงรายละเอียดต่างๆ ของภาพเป็นสิ่งที่นักศึกษาภาควิชาศิลปะไม่สามารถเทียบชั้นได้

แต่จะเอาไปเป็นภาพออริจินัลในเกมได้ไหม

ไม่มีใครรู้

ตอนนี้เกมมือถือดังๆ ต่างใช้งานภาพสไตล์การ์ตูน งานที่รับมาก่อนหน้าก็เป็นงานภาพออริจินัลสไตล์การ์ตูนเหมือนกัน

ส่วนเกมที่ใช้ภาพสไตล์สมจริงนั้นมักจะต้องการงานภาพออริจินัลที่มีรายละเอียดเยอะๆ และสีสันสดใส

แม้งานสไตล์ของหร่วนกวางเจี่ยนจะน่าประทับใจ แต่คนที่มาเห็นอาจมองว่าเป็นภาพที่ดูเศร้าสร้อย ทำให้รู้สึกหดหู่ระหว่างเล่นเกมได้

ด้วยเหตุนี้ หร่วนกวางเจี่ยนจึงไม่ได้เอางานนี้ลงเว็บไซต์รวมทรัพยากรเพราะกลัวว่าลูกค้าจะไม่เข้าใจ

หวงลังเลใจ “ขอถามสองข้อ ข้อแรก งานสไตล์นี้จะตรงใจลูกค้ารึเปล่า ข้อสอง แกเป็นคนเดียวที่เก่งงานสไตล์นี้ คนอื่นวาดไม่ได้…”

หร่วนกวางเจี่ยนเตรียมคำตอบไว้ก่อนแล้วจึงตอบไปอย่างมั่นใจ “ฉันถึงบอกไงว่าแบบฟอร์มนี่ตรงกับความคิดฉันทุกอย่าง!”

“คอนเซปต์แรกเริ่มของฉันมาจากพวกตำนานเทพต่างๆ”

“ฉันอยากใส่ความเป็นมหากาพย์ลงไปในงานซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในงานสไตล์นี้! เทพฝ่ายธรรมะ มารฝ่ายอธรรม การจับสไตล์ที่แตกต่างกันโคตรๆ เป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการสร้างแรงบันดาลใจ!”

“ก็คือยิ่งแปลงจากความเป็นมนุษย์ไปได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี!”

“พูดให้ชัดเจนคือ เกมสามก๊กส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับงานสไตล์นี้เพราะสามก๊กมีตัวละครเป็นคน เราจะเอาไปสร้างให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง”

“แต่แบบฟอร์มนี่พลิกภาพลักษณ์ของตัวละครไปหมด! โคตรเหมาะกับงานสไตล์นี้!”

“กวนอูเป็นมังกร ม้าเฉียวเป็นเซ็นทอร์เลือดผสม ส่วนเคาทูเป็นเสือ…”

“เหมาะกับสไตล์ฉันอย่างกับฟ้าประทานเลยใช่มั้ยล่ะ”

“แล้วก็พวกแกไม่ต้องกังวลเรื่องงานจะเป็นสไตล์เดียวกันรึเปล่า ฉันจะเป็นคนออกแบบกับร่างภาพให้ พวกแกเอาไปวาดรายละเอียดเพิ่ม เสร็จแล้วฉันจะมาแก้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วง มีฉันนำ งานต้องไปในทิศทางเดียวกันแน่!”

………………………

[1] ชื่อจูกัดเหลียงในภาษาจีน มีตัวอักษรคำว่าหมูอยู่ด้วย

[2] เกมแนว MMORPG สองมิติของค่าย Tencent

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท