ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 57 งานเลี้ยงก็ต้องกินดื่ม!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

วันแรกในการทำงานของหลินหวานคืองานเลี้ยงต้อนรับใหญ่โต!

บ่ายสองของวันนั้น ทุกคนมารวมกันที่ออฟฟิศก่อนจะเคลื่อนพลไปที่โรงหนัง

ตามกำหนดการของเลขาซิน พวกเขาเช่าเหมาโรง IMAX ระดับ VIP ใช้เงินไปสี่พันหยวนเพื่อชมหนังใหม่ล่าสุดที่ชื่ออวตาร

จากนั้นทุกคนก็ไปร้านห่านฟ้าซึ่งเป็นร้านบุฟเฟต์ที่แพงที่สุดในเมืองจิงโจว ราคาบุฟเฟต์อยู่ที่หัวละสี่ร้อยยี่สิบแปดหยวนบวกค่าเซอร์วิสชาร์จ 15% มื้อนี้ทำให้เผยเชียนเสียเงินไปอีกหมื่นกว่าหยวน

หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเผยเชียนก็ไปต่อกันที่ร้านคาราโอเกะใกล้ๆ พวกเขาจองห้องหรูราคาเริ่มต้นที่หกพันหยวน เผยเชียนง่วนอยู่ที่บาร์เพื่อผลาญเงินเพิ่มไปเป็นหลักหมื่น

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่พอใจ

ยังผลาญเงินได้ไม่พอ!

เขารู้สึกว่าวันนี้ระบบไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องการใช้จ่ายเงินทุนระบบมากนักเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ

เหมือนว่าข้อจำกัดของระบบจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายเงินทุนระบบด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป วงเงินสูงสุดที่ใช้ได้ก็จะแตกต่างกันไปด้วย

ยกตัวอย่างเช่นรอบที่แล้ว ตอนที่เผยเชียนใช้การศึกษาดูงานที่กว่างโจวเป็นข้ออ้าง เขาสามารถใช้เงินได้ตามอัตรารายจ่ายการออกเดินทางเพื่อธุรกิจ

ครั้งนี้ข้ออ้างคืองานฉลองการพัฒนาเกมฐานทัพกลางทะเล ทำให้มีตัวเลือกสำหรับอาหารและกิจกรรมที่กว้างขึ้น

ถ้าเป็นงานเลี้ยงธรรมดาทั่วไป วงเงินสำหรับค่าบุฟเฟต์จะอยู่ที่ประมาณสองร้อยหยวนต่อคน ถ้าเกินกว่านี้ระบบจะแจ้งเตือน

แต่ครั้งนี้เผยเชียนมีเหตุผลเหมาะสม ระบบจึงไม่ได้แจ้งเตือนอะไรตอนที่เลือกกินบุฟเฟต์หัวละสี่ร้อยหยวน!

เผยเชียนจึงสรุปว่าเกณฑ์ของระบบนั้นแตกต่างไปตามสถานการณ์ ไม่ได้กำหนดไว้ตายตัว

ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะนั่นก็หมายความว่า ต่อไปเผยเชียนจะมีอิสระในการเลือกใช้จ่ายเงินทุนระบบที่มากขึ้น

แต่ก็แน่นอนว่า เงินทุนระบบยังคงมีไว้ใช้สำหรับรายจ่ายของบริษัท ไม่ใช่รายจ่ายส่วนตัว

ถึงจะพยายามผลาญเงินอย่างสุดกำลังแล้ว เผยเชียนก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ

อย่างเช่นรายจ่ายวันนี้ พวกเขาใช้เงินไปรวมทั้งหมดไม่ถึงสามหมื่นหยวน ซึ่งไม่ใช่ที่เขาคิดเอาไว้เลย!

แต่ก็ไม่เป็นไร เขายังมีเวลาให้ใช้จ่ายเงินอยู่ เพราะเหลืออีกตั้งหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงวันสรุปบัญชี

ถึงเผยเชียนจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับงานเลี้ยงวันนี้ แต่กับคนอื่นไม่ใช่แบบนั้น

โดยเฉพาะหม่าหยาง เปาซวี่ และหวงซื่อปั๋ว พวกเขาตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างในงานเลี้ยง!

ตอนไปดูหนังก็ได้เช่าเหมาโรง IMAX ระดับ VIP เพื่อดูหนังเรื่องล่าสุดในระบบสามมิติ! โคตรจะสุดยอด!

บุฟเฟต์อาหารเย็นที่ไปกินราคาหัวละสี่ร้อยหยวน มีอาหารให้เลือกกว่าห้าร้อยเมนู อาหารทะเลอีกสี่ร้อยเมนู ทั้งปลาทูน่าครีบน้ำเงิน กุ้งสแกมปีนิวซีแลนด์ ล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย กุ้งเครฟิช… มีทุกอย่างที่อยากกิน!

ตอนหม่าหยางเห็นไอศกรีม Haagen Dazs ให้ตักกินได้ไม่อั้นก็คิดจะสวาปามให้เต็มท้อง แต่ก็โดนเผยเชียนปรามไว้ก่อน

ไม่รู้หรือไงว่าควรกินอะไร

ดูไม่ออกหรือว่าอันไหนราคาแพงกว่า ถ้าดูไม่ออกก็ไปเปิดเชียนตู้ดู!

ทุกคนต่างวิ่งว่อนทั่วร้าน มัวเมาไปกับอาหารราคาแพง พอเห็นอาหารแปลกตาก็จะหยิบมากินทันที ไม่สนว่าจะดูน่ากินหรือเปล่า ขอแค่ดูแพงเป็นพอ

พนักงานส่วนใหญ่อายุอยู่ในช่วงยี่สิบต้นๆ กำลังเจริญอาหาร หลายๆ โต๊ะจึงมีจานเปล่าตั้งซ้อนกันสูง

แต่เผยเชียนกลับนิ่งสงบ

แม้เขาจะไม่ค่อยได้มาร้านบุฟเฟต์หรูแบบนี้ตั้งแต่ชาติก่อน แถมอาหารก็ดูน่ากินมาก แต่ที่เขาสนใจคือเงินห้าแสนหยวน

ถ้าเขาได้เงินห้าแสนหยวนมา จะเอาไปซื้ออะไรกินก็ได้ใช่ไหมล่ะ

อยากจะกินอาหารดีๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ระบบอนุมัติหรือหาข้ออ้างอะไร!

เผยเชียนนั่งกินปลาทูน่าครีบน้ำเงินไปเรื่อยๆ ในหัวคิดแต่เรื่องเงินห้าแสนหยวน

หลินหวานเองก็ไม่ได้สนใจอาหารเหมือนกัน

สำหรับเธอ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร เธอกินมาจนเบื่อแล้ว

ที่เธอสนใจคือท่าทีของพนักงานและบอสเผย!

หลินหวานเห็นทุกคนกำลังมีความสุข

เป็นรอยยิ้มที่เธอไม่เคยเห็นบนใบหน้าของเพื่อนร่วมงานที่เทียนหัวสตูดิโอ!

หรือจะเป็นเพราะวันนี้พวกเขาได้กินอาหารดีๆ กัน

ไม่หรอก ไม่น่าจะใช่

นี่เป็นแค่บุฟเฟต์ราคาหัวละสี่ร้อยหยวน ไม่ใช่อะไรที่พิเศษมากมาย

ที่พวกเขาดูมีความสุขต้องเป็นเพราะรับรู้ได้ว่าบอสเผยเล็งเห็นความทุ่มเทของพวกเขา! บอสเผยเป็นคนอบอุ่น ทำให้ทุกคนสนุกไปกับการทำงาน!

ใครกันที่บอกว่าพนักงานกับเจ้านายจะต้องไม่ลงรอยกัน

ใครกันที่บอกว่าการทำงานต้องเป็นเรื่องทุกข์ระทม

กับบอสเผย ทุกอย่างไม่ใช่แบบนั้นเลย!

นี่มันงานเลี้ยงจริงๆ! หายากมากที่จะมีแบบนี้!

บริษัทอื่นๆ มักจะเลือกจัดงานเลี้ยงในวันหยุดเพื่อที่จะได้กินเวลาพักผ่อนของพนักงาน ไม่ใช่แค่นั้น งานเลี้ยงส่วนใหญ่จะเป็นการดื่มฉลองมากกว่าการสานสัมพันธ์ระหว่างคนในบริษัท เป็นเหมือนงานสังคมที่จำเป็นต้องเข้าร่วม

ถึงคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ชอบ แต่ก็จำเป็นต้องไป

แต่ที่บริษัทเถิงต๋านั้นไม่เหมือนกัน

ช่วงน่ากระอักกระอ่วนใจอย่างช่วงหัวหน้าออกไปพูดกับช่วงดื่มละลายพฤติกรรมนั้น…ไม่มีเลย! ทุกคนต่างเพลิดเพลินใจไปกับอาหารของตนเอง!

นี่คืองานเลี้ยงที่แท้จริง!

ไม่ใช้แค่นั้น หลินหวานยังเห็นว่าเผยเชียนกินอาหารอย่างเฉื่อยชา เหมือนว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

หรือว่าเขากำลังคิดเรื่องเกมกับการบริหารบริษัทอยู่

ระหว่างที่ทุกคนกำลังสวาปามอาหารกันอย่างเมามัน เผยเชียนกลับดูเครียดๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

เป็นเจ้านายคนก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบแบบนี้แหละ! เจ้านายต้องกังวลเรื่องอนาคต จะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อลูกน้องของตัวเองมีความสุข!

หลินหวานรู้สึกว่าตัวเองรู้จักเผยเชียนมากขึ้น

หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางไปร้านคาราโอเกะสุดหรูที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็สังสรรค์กันครื้นเครงตลอดทั้งคืน

แน่นอนว่าเผยเชียนจัดแจงให้พนักงานผู้ชายจัดการจองรถให้พวกพนักงานหญิงบางคนที่ไม่อยากร้องเพลงหรืออยากกลับบ้านก่อน

ถึงอย่างไรค่าห้องก็เหมาจ่ายอยู่แล้ว ใครจะกลับก่อนก็ไม่ได้กระทบการผลาญเงินของเผยเชียน

เขามีหลักการง่ายๆ ขอแค่พวกนายไม่ห้ามฉันผลาญเงินทุนระบบ อยากจะทำอะไรกันก็เชิญ!

ในห้องมีบาร์เล็กๆ กับโซนเต้น ทุกคนสามารถดื่มได้ตามใจชอบ จะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลมก็ได้ทั้งนั้น

ตอนเริ่มแรกทุกคนยังรู้สึกเกรงใจกันอยู่ แต่พอหม่าหยางร้องเพลงอ้ายฉิงไหมม่ายด้วยน้ำเสียงโหยหวน ทั้งห้องก็คึกกันขึ้นมาทันที!

ทุกคนเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจ จับไมค์ร้องเพลงกันอย่างบ้าคลั่ง

หลินหวานไม่ได้กลับก่อน เธอร้องเพลงไปสองสามเพลง เสียงหวานของเธอเป็นที่ชื่นชมของทุกคน

เธอพบว่าตัวเองเริ่มจะหลงรักคนบริษัทนี้เข้าแล้ว

พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ที่แสนน่ารัก ใช้ชีวิตกันอย่างสนุกสนานโดยมีบอสเผยเป็นศูนย์กลาง!

บรรยากาศอันอบอุ่นนี้ทำให้หลินหวานมั่นใจว่าเธอเลือกถูกบริษัทแล้ว!

บริษัทเถิงต๋าตอบโจทย์ที่เธอตามหามาตลอด!

เผยเชียนซดเครื่องดื่มไปสองสามแก้วอย่างสุขใจ

ระหว่างที่กำลังสนุกสนาน เขาก็มองเห็นภาพระบบแปลงเงินทุนระบบห้าแสนหยวนไปเป็นความมั่งคั่งส่วนบุคคล…

บ่ายวันต่อมา เผยเชียนตื่นขึ้นมาในอพาร์ตเม้นต์ เขาขยี้ตาช้าๆ

ถึงเมื่อคืนเขาจะดื่มไปมาก แต่ก็ไม่ได้เมาค้างหนักอะไรเพราะดื่มไวน์ราคาแพง

เขาเทน้ำใส่แก้วแล้วเปิดโน้ตบุ๊ก

โน้ตบุ๊กเครื่องนี้เป็นเครื่องใหม่ เครื่องเก่าโละทิ้งไปแล้ว ถึงจะเพิ่งใช้มาแค่หกเดือนตั้งแต่เปิดเทอมก็ตาม

โน้ตบุ๊กเครื่องปัจจุบันของเผยเชียนเป็นตัวท็อปของแบรนด์ Alienware!

ถึงอย่างไรเขาก็ใช้เงินทุนระบบซื้ออยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจโน้ตบุ๊กแบบนั้นอีก

เขาเปิดเว็บไซต์ ESRO แล้วก็พบว่าเกมฐานทัพกลางทะเลยังไม่ผ่านการประเมิน

เนื่องจากเป็นเกมขนาดใหญ่ กระบวนการประเมินจึงกินเวลานานขึ้น แม้จะผ่านมายี่สิบชั่วโมงแล้ว แต่ตอนนี้ตัวเกมก็ยังในกระบวนการประเมิน

เผยเชียนปิดโน้ตบุ๊ก ไม่ได้สนใจอะไร

บริษัทอื่นๆ จะมัวกังวลว่าเมื่อไหร่เกมจะผ่านการประเมิน เพราะต้องทำแผนการตลาดต่อ

แต่เผยเชียนไม่ได้วางแผนการตลาดไว้!

เมื่อเป็นแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่าเมื่อไหร่เกมจะผ่านการประเมิน เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรเลย!

……………..

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท