ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 79 เกมที่ด่าผู้เล่น!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

เผยเชียนทำเหมือนว่าตัวเองไม่ชอบเกม Interactive Fiction เพราะว่ามันล้าสมัย แต่จริงๆ ในใจนั้นคิดว่าความล้าสมัยนี่แหละคือความมั่นคง!

Interactive Fiction เป็นแนวเกมที่ล้าสมัยแต่ก็มั่นคงเพราะอยู่รอดมาได้นาน

เผยเชียนมีความทรงจำจากชาติก่อน เขารู้ว่าเกม Chinese Parents เป็นเกมสแตนด์อโลนที่ทำออกมาในแนวเกมแบบ Interactive Fiction ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียว!

เผยเชียนไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับเกมของเขาแน่

ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะไม่ทำเกมไปในแนว Interactive Fiction

เผยเชียนกระแอมกระไอแล้วพูดต่อ

“ไอเดียของผมคือเราควรทำผังงาน[TP1] แบบสามมิติ[TP2] ”

“ใช่แล้ว เอาให้ซับซ้อนเหมือนใยแมงมุม”

“ช่องในผังงานเอาเป็นห้องแยก เส้นเชื่อมเอาเป็นระเบียง”

“ผู้เล่นจะเดินไปตามระเบียง ซึ่งเป็นขั้นตอนการเลือกทางที่จะไปในผังงาน จากนั้นก็นำไปสู่ผลลัพธ์!”

“แต่ละห้องจะมีประตูเชื่อมกับระเบียง หมายความผู้เล่นจะมีตัวเลือกให้เลือกหลากหลาย”

“เข้าใจที่ผมจะสื่อมั้ย”

ทุกคนพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

พวกเขาเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ!

คำอธิบายของเผยเชียนทำให้หลายๆ คนพอจะนึกภาพรูปแบบการเล่นของเกมออก

การวาดผังงานด้วยโปรแกรมแบบ Visio ถือเป็นเรื่องปกติในการสร้างเกมและในวงการอื่นๆ

ผังงานเป็นตัวใช้แสดงการจัดลำดับความคิดหรือลำดับขั้นตอนการทำงาน

ตัวอย่างเช่น การทำงานบางอย่างจะเริ่มจากเงื่อนไขบางประการ พอผ่านกระบวนการตัดสินใจต่างๆ ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมา

ผังงานประกอบด้วยกล่องรูปทรงต่างๆ ที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรมากมาย กล่องแต่ละกล่องจะเชื่อมต่อกันด้วยลูกศร

เมื่อกล่องทั้งหมดที่ว่าเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบสามมิติ มันจะกลายเป็นห้องขนาดเล็กใหญ่ ลูกศรเปลี่ยนเป็นระเบียง ผังงานทั้งหมดจะกลายเป็นเหมือนเขาวงกตขนาดใหญ่

ตัวละครหลักจะต้องเดินผ่านเขาวงกตนี้ โดยประตูแต่ละบานคือตัวเลือก พอเดินไปถึงห้องสุดท้ายก็จะได้เห็นหนึ่งในบทสรุปของเกม

แต่ที่ทุกคนไม่เข้าใจคือ เกมนี้จะถือเป็นเกมแนวไหนกัน

พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!

อย่าว่าแค่ในประเทศเลย ต่างประเทศก็ไม่มีใครทำเกมแบบนี้ออกมา!

จะไปรอดไหมนะ

ต่อให้พวกเขาใช้โมเดลสามมิติคุณภาพสูงกับฉากหลังอลังการหลากหลายแบบ แต่ถ้าเกมที่สร้างออกมาผู้เล่นทำได้แค่เดินต่อไปเรื่อยๆ ล่ะ

พวกเขารู้สึกว่า…มีบางอย่างแปลกๆ!

แต่ก็ไม่มีใครตั้งคำถามเผยเชียน

ไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ

ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!

คนธรรมดาทั่วไปจะไปเข้าใจกระบวนการคิดของบอสเผยได้อย่างไร

มีแต่หวงซื่อปั๋วกับเปาซวี่ที่สามารถเดาแผนงานและการออกแบบของเผยเชียนได้คร่าวๆ สำหรับคนอื่นๆ ยังไปไม่ถึงระดับนั้น!

ลู่หมิงเหลียงรู้เรื่องนี้ดี เขาหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กออกมาจดบันทึกอย่างตั้งใจ

โชคดีที่บอสเผยลงรายละเอียดให้ชัดเจน เขาจึงไม่ต้องมานั่งเดาเอาเองมาก

เขาแค่ต้องทำตามที่บอสเผยบอกทุกอย่าง แค่นี้ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว!

หลินหวานยกมือขึ้นถาม “บอสเผยคะ หนูว่ารูปแบบมันจะออกมาเหมือนนิยายมากกว่า! แต่ถ้าผู้เล่นต้องเดินวนไปมาไม่จบสิ้นแบบนี้จะไม่น่าเบื่อแย่เหรอคะ”

น่าเบื่อเหรอ

ยิ่งดีสิ!

นั่นแหละที่ฉันต้องการ!

แต่คำถามของหลินหวานก็ทำให้เผยเชียนสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่

หรือ…แค่นี้จะยังไม่พอ

ถ้าเกมน่าเบื่ออย่างเดียวอาจจะทำให้คนเลิกเล่นไม่ได้

ถ้าเกิดมีคนชอบเลือกตัวเลือกไปเรื่อยๆ ทนความน่าเบื่อได้ แล้วดันติดใจเกมขึ้นมาล่ะ

เผยเชียนคิดหนัก

“รู้แล้ว”

เผยเชียนนึกไอเดียดีๆ ขึ้นได้ “ใส่เสียงพากย์เข้าไปในเกมด้วยแล้วกัน!”

“เสียงพากย์เหรอคะ” หลินหวานกะพริบตา เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

การใส่เสียงพากย์เข้าไปในเกมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ส่วนใหญ่มักจะใส่แค่ในแอนิเมชันตอนเริ่มเกม

ถ้าใส่เสียงพากย์เข้าไประหว่างเล่นเกมด้วย จะทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกเข้าถึงตัวเกม

เผยเชียนหัวเราะ

ทำไมเขาถึงอยากเพิ่มเสียงพากย์เข้าไปน่ะเหรอ

ชายหนุ่มต้องการจะกันไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับตัวเกมจะได้เล่นต่อไม่ได้!

ไม่ใช่แค่นั้น เขาตั้งใจจะใส่ประโยคด่าทอเข้าไปในบทสนทนา ให้เสียงพากย์คอยเยาะเย้ยผู้เล่น เอาให้โกรธจนหัวร้อน!

พอโกรธที่โดนเย้ยหยันมาจะได้เข้าไปถล่มรีวิวแย่ๆ ไม่แนะนำให้คนอื่นมาเล่น สร้างชื่อเสียงแง่ลบให้ตัวเกม เมื่อเป็นอย่างนั้น เกมก็น่าจะค่อยๆ หายไปเอง

ลองคิดดูสิ ทุกครั้งที่ผู้เล่นเลือกตัวเลือกก็จะมีเสียงด่าจากระบบ

เป็นเกมที่คอยด่าผู้เล่น!

โคตรฮาเลย!

ผู้เล่นที่หัวร้อนง่ายหน่อยน่าจะทุบเมาส์กันเลยทีเดียว

เผยเชียนกระแอมกระไอเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย “เสียงพากย์เป็นวิธีสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่น

“ถ้าผู้เล่นต้องวิ่งไปนั่นทีไปนี่ทีก็น่าจะเบื่ออย่างที่ว่า ผู้เล่นจะรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เป็นแค่ผู้ชม อาจจะหมดความสนใจเอาได้ง่ายๆ”

“เราจะใช้เสียงพากย์เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่น ตัวอย่างเช่น ถ้าเลือกตัวเลือกผิด เสียงพากย์ A ก็จะดังขึ้น ถ้าเลือกถูก ก็จะไปเปิดเสียงพากย์ B

“ทำแบบนี้ ผู้เล่นจะได้การตอบรับจากตัวเลือกทุกข้อที่เลือกไป จะได้ไม่รู้สึกเหงาหรือเบื่อ!”

หลินหวานถึงบางอ้อ เธอพยักหน้ารัว

สมกับเป็นบอสเผยจริงๆ ถึงคิดอะไรเทพๆ แบบนี้ได้!

นักออกแบบมือเทพต้องเป็นแบบไหนน่ะเหรอ

ก็ต้องแบบนี้แหละ!

หลินหวานนึกถึงตอนที่ทำงานในเทียนหัวสตูดิโอ

ที่เทียนหัวสตูดิโอก็มีการประชุมแบบนี้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน มีการระดมความคิดเพื่อตัดสินใจรายละเอียดบางอย่างของเกมรวมถึงวิธีพัฒนาเกม

แต่บรรยากาศของที่นี่กลับต่างกันลิบลับ!

เพราะโจวมู่หยันมักจะถามแต่คำถามเดิมๆ ว่า “มีเกมไหนทำระบบการเล่นแบบนี้ไปหรือยัง”

ถ้าตอบว่ามีแล้ว โจวมู่หยันก็จะวิเคราะห์ดูว่ารูปแบบการเล่นนี้ประสบความสำเร็จหรือเปล่า ถ้าใช่ก็จะเอามาใช้

แต่ถ้าตอบว่ายังไม่มี หรือถ้ามีเกมอื่นเอาไปทำแล้วแต่ล้มเหลว ไอเดียนี้ก็จะโดนปัดตกไปทันที

ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่นี่ บริษัทเกมส่วนใหญ่ในประเทศก็เป็นแบบเดียวกัน!

เพื่อเสถียรภาพของการทำงาน นักออกแบบเกมส่วนใหญ่ไม่กล้าลองผิดลองถูกสักเท่าไหร่ แต่มักจะเรียนรู้จากกรณีก่อนๆ

ดังนั้นหลายๆ เกมจึงออกมาจากเบ้าเดียวกัน เหมือนกันไปเสียหมด

แต่วิธีทำงานของบอสเผยทำให้หลินหวานนึกชื่นชมเขาเอามากๆ

เขาไม่ได้สนใจว่าวิธีนี้เคยมีใครเอาไปทำแล้วประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่กล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ!

สิ่งนี้ทำให้มาตรฐานของที่นี่สูงกว่าเทียนหัวสตูดิโอและโจวมู่หยัน!

หลินหวานมั่นใจแล้วว่าเผยเชียนเป็นนักออกแบบเกมขั้นเทพจริงๆ ไม่มีข้อกังขาอีก!

ส่วนลู่หมิงเหลียงจดบันทึกลงสมุดไม่หยุดมือ

เขารู้สึกว่ามันวิเศษมาก แต่ก็สับสนเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเผยเชียนถึงตัดสินใจแบบนี้

แต่เขาก็รู้ตำแหน่งตัวเองในบริษัทดี จึงไม่กล้าเสนอความคิดเห็นอะไรออกไป ตั้งใจจะทำตามทุกอย่างที่บอสเผยบอก

เผยเชียนพึงพอใจมากที่โน้มน้าวใจทุกคนได้สำเร็จ

ช่างรู้สึกดีจริงๆ!

โปรเจ็กต์นี้อยู่ในการควบคุมของเขาทุกอย่างแล้ว!

“ผมขอแบบร่างภายในสามวันกับแผนการทำงานทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ งานภาพทั้งหมดต้องพร้อมภายในสองสัปดาห์ ติดขัดอะไรไหม” เผยเชียนมองไปทางลู่หมิงเหลียง

ลู่หมิงเหลียงรีบพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงครับ บอสเผย ผมจัดการทั้งหมดให้เอง!”

พูดจบ ลู่หมิงเหลียงที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ก็ถามต่อ “บอสเผยครับ ถ้าทำงานไม่ทัน พวกผมอยู่ทำงานล่วงเวลาได้ไหมครับ”

การทำงานล่วงเวลาเป็นสิทธิพิเศษสำหรับพนักงานเก่งๆ เท่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าบอสเผยจะนับเขาเป็นพนักงานเก่งๆ หรือเปล่า

เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบ “ได้ แต่พวกคุณห้ามอยู่เกินสามทุ่ม ถึงจะอายุยังน้อย แต่ก็ควรดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ”

“ได้ครับ!” ลู่หมิงเหลียงแสนซาบซึ้งใจ

นอกจากบริษัทเถิงต๋าแล้ว จะมีบริษัทไหนใส่ใจพนักงานขนาดนี้อีก

ถ้าไม่ตั้งใจทำงานให้บอสเผยอย่างเต็มที่ เขายังจะเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ได้อีกหรือ

……………………………..

[TP1]or โฟลวชาร์ท?

[TP2]น่าจะแบบเปรียบเทียบโฟลวชาร์ทเป็นห้องๆ เส้นเชื่อมเป็นระเบียง ให้แบบมีมิติมากขึ้นอะไรงี้

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท