ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 106 นี่มันชายผู้มากับดวง!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ช่วงเช้า วันที่ 16 มีนาคม…

ห้องรับแขก…

เผยเชียนมองชื่อบนประวัติส่วนตัวแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าจะมีคนใช้ชื่อแบบนี้

แต่ก็โอเค เขาพยายามออกเสียงชื่อให้ถูก

“หม่าตู๋เปียวใช่ไหมครับ” เผยเชียนเงยหน้าขึ้นมามองนักวางเนื้อเรื่องที่หวงซื่อปั๋วแนะนำมา

หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “ใช่ครับ บอสเผย เรียกผมว่า ‘หม่าอี้ฉวิน’ ก็ได้ คนอื่นๆ เรียกกันแบบนั้นครับ”

“อืมๆ”

เผยเชียนเริ่มไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวในขณะที่หม่าอี้ฉวินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ

จริงๆ แล้วเผยเชียนไม่ได้ตั้งใจจะรับใคร

ตอนนี้เขามีพนักงานเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์และพัฒนาเกมนักออกแบบเกมแล้ว

ส่วนอนาคตจะจ้างคนเพิ่มหรือเปล่า จะค้นคว้าและพัฒนาสองเกมไปพร้อมๆ กันไหม…

เผยเชียนยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้

แต่หวงซื่อปั๋วเป็นคนแนะนำหม่าอี้ฉวิน เผยเชียนเลยต้องมาสัมภาษณ์

ถ้าชายคนนี้มีประวัติส่วนตัวยอดเยี่ยม เขาคงต้องหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่จ้าง

เผยเชียนไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวอย่างรวดเร็ว

อืม ดูจากประสบการณ์ทำงานก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น

เขามีประสบการณ์ทำงานแค่ที่เดียวเหมือนหวงซื่อปั๋ว

ทั้งสองคนทำงานที่ฉางหยางเกมส์มาก่อน หวงซื่อปั๋วดูแลเรื่องการวางแผนงาน ส่วนหม่าอี้ฉวินดูเรื่องการวางเนื้อเรื่อง ดูแล้วสองคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันมา

อีกฝ่ายมีประสบการณ์ทำงานไม่ถึงปี ซึ่งเผยเชียนก็ค่อนข้างพอใจในจุดนี้

รายละเอียดอื่นๆ บนประวัติส่วนตัวก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย

หม่าอี้ฉวินเขียนประสบการณ์ทำงานไปตามจริงอย่างที่หวงซื่อปั๋วแนะนำ จริงๆ ก็ไม่มีเรื่องให้เขียนมากนัก ทำให้ประวัติส่วนตัวของเขาไม่ค่อยมีอะไร

หลังจากตรวจดูประวัติส่วนตัวเสร็จ เผยเชียนก็รู้สึกพึงพอใจ

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน โต๊ะของหวงซื่อปั๋วช่วงนี้ก็ว่างอยู่ ถึงจะรับหม่าอี้ฉวินเข้ามาก็ไม่น่ามีอะไรต่างไปจากเดิม ให้เจ้าเด็กอมมือนี่ได้เดินเล่นในออฟฟิศคงไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับเขา

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เผยเชียนไม่ค่อยพอใจ

นั่นก็คือการศึกษาของอีกฝ่าย!

หวงซื่อปั๋วจบจากมหาวิทยาลัยธรรมดาทั่วไป แต่หม่าอี้ฉวินจบสาขาภาษาจีนจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำสิบอันดับต้นของประเทศ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากสำหรับงานวางเนื้อเรื่อง

นอกจากนั้น การที่อีกฝ่ายเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับนี้ได้ก็บ่งบอกชัดเจนว่าน่าจะฉลาดไม่เบา

พอเห็นว่าบอสเผยดูประวัติส่วนตัวของตัวเองเสร็จแล้ว หม่าอี้ฉวินก็หยิบเอกสารอีกปึกออกมา “บอสเผยครับ นี่คือเรื่องสั้น เรียงความ และนิยายที่ผมเคยเขียน ลองดูได้นะครับ”

หืม

มีอะไรไม่ถูกต้อง!

เผยเชียนระแวดระวังขึ้นมาทันที เขาหยิบปึกงานเขียนขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว ใบหน้าบ่งบอกอารมณ์อันสับสนปนเป

หม่าอี้ฉวินดูหวั่นๆ

เขากลัวว่าบอสเผยจะไม่รับเขาเข้าทำงานเพราะไม่เห็นว่ามีความสามารถพิเศษอะไร จึงถ่ายเอกสารงานเขียนทั้งหมดที่เคยเขียนไว้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยและตอนที่ทำงานที่เก่า โดยหวังว่าจะได้คะแนนพิเศษจากบอสเผย

ตามหลักการแล้ว งานเขียนพวกนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการพิจารณาเลือกคนมาทำตำแหน่งวางเนื้อเรื่อง

เผยเชียนเปิดอ่านงานเขียนที่อีกฝ่ายให้มา ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น

ดีจริงๆ ที่หม่าอี้ฉวินเอางานเขียนให้ดูก่อน

ไม่อย่างนั้นเผยเชียนคงจ้างเขาไปแล้ว!

พอได้อ่านงานเขียนเหล่านี้ดูคร่าวๆ เผยเชียนก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนที่ประวัติส่วนตัวบอกเอาไว้

ทักษะการเขียนของเขาไม่ได้แย่เลย!

เขียนได้ไหลลื่นมาก เลือกศัพท์มาใช้ได้อย่างสวยงาม แถมยังแสดงให้เห็นว่ามีความเข้าใจอันลึกซึ้งในเรื่องวรรณกรรมคลาสสิก!

บทสรุปที่เขียนให้ฉางหยางเกมส์ก็ดีมากๆ

เท่าที่เผยเชียนรู้ ชายคนนี้มาจากตระกูลมีการศึกษา

แน่นอนว่าเขาไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายขนาดนั้น

อย่างน้อยก็จากที่ได้อ่านงานเขียนเหล่านี้

เผยเชียนจ้างชายคนนี้ไม่ได้

เขาไม่อยากแบกรับความเสี่ยง

ชายคนนี้คุณสมบัติไม่ตรงตามที่บริษัทเถิงต๋าต้องการ!

เผยเชียคิดหาเหตุผลปฏิเสธไม่จ้างหม่าอี้ฉวิน

ให้เหตุผลไปว่าอะไรดีนะ

เผยเชียนไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวของหม่าอี้ฉวินอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พยายามหาจุดบกพร่อง

เขาพบว่าหม่าอี้ฉวินเข้าทำงานที่ฉางหยางเกมส์เดือนตุลาคมปีก่อน

ไม่ได้เข้าทำงานที่นั่นทันทีที่เรียนจบ

หม่าอี้ฉวินเว้นระยะหลังเรียนจบไปประมาณสามถึงสี่เดือน เอาเวลาไปทำอะไรกันนะ

หรือจะเปลี่ยนงานกลางทางเหมือนหวงซื่อปั๋ว

มีอะไรแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า

ดูท่าจะเอามาใช้เป็นข้ออ้างได้ดีเลย

“คุณเข้าทำงานที่ฉางหยางเกมส์เดือนตุลาคมปีก่อน ก่อนหน้านั้นคุณทำงานที่ไหนเหรอครับ” เผยเชียนถามอย่างเรียบง่าย

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ หลังเรียนจบผมเขียนเว็บโนเวลอยู่พักหนึ่งเลยไม่ได้หางานทันที” หม่าอี้ฉวินตอบ

เขียนเว็บโนเวลเหรอ

ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่!

หมอนี่ไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้เก่งกาจและมากความสามารถนี่

“แล้วทำไมถึงเลิกเขียนเหรอครับ” เผยเชียนถาม

หม่าอี้ฉวินนึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป “คืองี้ครับบอสเผย

“จริงๆ แล้วผมเริ่มเขียนเว็บโนเวลตอนปีสี่ ช่วงแรกนิยายผมคือขยะเลย ไม่มีคนแชร์ ไม่มีแม้แต่คนอ่าน ผมเลยเขียนๆ เลิกๆ

“ช่วงปีนั้น ในที่สุดงานผมก็เริ่มมีคนเข้ามาอ่านบ้าง ถึงจะไม่มีใครแชร์นิยายผมผ่านช่องทางออนไลน์ แต่นักอ่านก็บอกกันปากต่อปาก จากนั้นผมก็เริ่มมีกลุ่มแฟนนักอ่านเป็นของตัวเอง ดูจากสถิติแล้ว ผมคิดว่าน่าจะได้กระแสตอบรับดีถ้าเปิดให้เสียเงินอ่าน แต่สุดท้ายคนที่ยอมเสียเงินอ่านวันแรกมีแค่…สามสิบคน”

“…” เผยเชียนรู้สึกสงสาร “เรื่องนั้นอาจจะวางเนื้อเรื่องได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองเขียนอีกสักเรื่องล่ะ”

“ผมไม่ได้เขียนแค่เรื่องเดียวน่ะสิครับ ผมเขียนเพิ่มอีกสามเรื่อง ทุกเรื่องสถิติดีมากก่อนเปิดให้เสียเงินอ่าน แต่พอเปิดให้เสียเงินอ่าน คนที่ยอมเสียเงินอ่านวันแรกมีไม่ถึงร้อยคน รวมๆ แล้วผมเขียนไปมากกว่าล้านคำ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย

“ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมจะอดตาย ก็เลยต้องไปหางานเป็นฝ่ายวางเนื้อเรื่อง” หม่าอี้ฉวินดูสิ้นหวัง

เผยเชียนสงสัยขึ้นมา “คุณ…ดันทุรังกับแนวที่เขียนไปหรือเปล่า หรือเนื้อเรื่องคุณไม่ดีตรงไหนทำไมถึงเป็นแบบนี้”

หม่าอี้ฉวินยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่รู้สิครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน”

“โอเค ผมรับคุณ!”

เผยเชียนตัดสินใจทันที

ทำอะไรก็พลาด นี่มันพนักงานแบบที่เขาต้องการไม่ใช่เหรอ

นายเปลี่ยนไปใช่แซ่หวง[1]เหมือนหวงซื่อปั๋วก็ได้นะ!

หม่าอี้ฉวินอึ้งไป เขาไม่คิดว่าบอสเผยจะจ้างตนเองง่ายๆ แบบนี้!

หรือบอสจะเห็นพรสวรรค์ของเราจริงๆ

หวงซื่อปั๋วบอกว่าบอสเผยเป็นคนสายตาแหลมคม แค่มองคนจากภายนอกก็เห็นทะลุเข้าไปถึงความสามารถพิเศษข้างใน

บางทีคนคนนั้นอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถที่บอสเผยเห็นคืออะไร!

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นอย่างนั้น!

เผยเชียนลุกขึ้นยืน “รีบไปลาออกจากที่เก่า แล้วกลับมาเซ็นสัญญากับเลขาซินนะครับ

“เรื่องเงินเดือน ผมจะจ่ายคุณเดือนละห้าพันหยวน มีโอกาสขึ้นเงินเดือนให้ภายหลัง”

เผยเชียนมองหม่าอี้ฉวินจากไปด้วยจิตใจชื่นบาน

หม่าอี้ฉวินเป็นคนมีความสามารถ ไม่ค่อยตรงกับคุณสมบัติที่เผยเชียนต้องการเท่าไหร่

แต่การเขียนหนังสือแล้วดับถึงสามครั้งไม่ใช่เรื่องธรรมดา!

เขามากับดวงจริงๆ!

ตอนนี้เผยเชียนต้องการคนดวงซวยแบบนี้!

ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ที่ผ่านมามีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาเต็มไปหมด ทำให้เขาเริ่มเชื่อเรื่องดวงชะตา

เผยเชียนเริ่มสงสัยว่าตัวเองน่าจะโชคดีเกินไป

มีคำพูดหนึ่งที่คนพูดกันบ่อยๆ ในวงการ

ถ้าคนไหนโชคดีเกินไปจะไม่เรียกว่าโชคแต่เป็นดวง!

โชคส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วงหนึ่ง

ไม่เหมือนดวง ดวงเป็นเหมือนออร่าที่นำพาความโชคดีเข้ามาหาตัวเองอย่างต่อเนื่อง!

ดังนั้นเผยเชียนจึงคิดว่าถ้าจ้างคนแบบหม่าอี้ฉวินมาจะเป็นการถ่วงดุลความโชคดีของตัวเอง

ไม่อย่างนั้นถ้าทุกอย่างที่จับเป็นเงินเป็นทองไปหมดเขาคงได้กระอักเลือดแน่

ถึงจะดูเป็นเรื่องงมงาย ไม่มีหลักเหตุผล และไม่น่าเชื่อถือเกินไปหน่อย แต่ลองทดสอบดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่

………………………….

[1] คำว่า 黄 (หวง) มีหลายความหมาย แปลว่า เจ๊ง ก็ได้

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท