พอร้องอีกเพลงจบ เฉินเหล่ยก็ไม่ได้เริ่มเพลงถัดไปทันที เขากระแอมกระไอผ่านไมค์ ก่อนจะกล่าวเรื่องน่าเศร้าใจออกไป
“วันนี้ผมมีอะไรจะบอกทุกคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่ขึ้นร้องเพลงที่นี่อีกแล้ว”
ด้านล่างเวทีฮือฮากันยกใหญ่
“ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะครับ ผมชอบที่นี่มาก แล้วก็ชอบร้องเพลงให้ทุกคนฟังมากด้วย บอสหม่า ผู้จัดการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็อยากให้ผมอยู่ต่อ แถมทุกคนยังคอยสนับสนุนผม ผมซึ้งใจมากๆ ครับ
“ที่ผมเลิกร้องเพลงที่นี่เป็นเพราะบอสใหญ่ของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู บอสบอกว่าชอบฟังผมร้องเพลงมาก อยากส่งผมไปไล่ตามความฝันด้านดนตรีที่เซี่ยงไฮ้ บอสจะสนับสนุนเรื่องที่พักกับอาหารการกินให้ด้วย
“ผมชอบร้องเพลงให้ทุกคนฟังมากๆ แต่ก็อยากคว้าโอกาสนี้ไว้เหมือนกัน ผมอยากออกจากจิงโจวไปดูสิ่งต่างๆ ที่เซี่ยงไฮ้…
“เพราะนี่คือความฝันของผม…”
ระหว่างที่พูด เฉินเหล่ยน้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นข่าวดีสิ!”
“ถึงฉันจะทนดูคุณจากไปไม่ได้ แต่ฉันสนับสนุนการตัดสินใจไล่ตามความฝันของคุณเต็มที่!”
“ถ้าไปไม่รอดที่เซี่ยงไฮ้ก็กลับมานะ! ที่นี่คือบ้านของน้องเสมอ!”
“เย้! เศร้าจัง… เดี๋ยวสั่งค็อกเทลแสงเหนือเป็นทิปให้อีกสิบแก้ว หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นนะ…”
บรรยากาศด้านล่างเวทีอบอวลไปด้วยความโศกเศร้า
หลายคนสั่งเครื่องดื่มเลี้ยงส่งเฉินเหล่ยที่เคาน์เตอร์บาร์ สาวบางคนสะอื้นไห้พร้อมหยิบทิชชู่มาซับน้ำตา
เผยเชียนยืนเงียบๆ อยู่ตรงมุมหนึ่ง ในใจรู้สึกสั่นไหวหน่อยๆ
ฉันมันวายร้ายจริงๆ…
ที่มุมเงียบๆ บนชั้นสอง หม่าหยางเสียใจหนักมากจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“บ่อเงินบ่อทองของฉัน…”
จางหยวนยืนอยู่ข้างๆ เขายื่นทิชชู่ให้หม่าหยางพร้อมพูดปลอบ “บอสหม่า นั่นมันความฝันของเฉินเหล่ย เราควรจะสนับสนุนเขานะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย เราหานักร้องประจำคนใหม่ได้ตลอดแหละ…”
แต่หม่าหยางไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ใบหน้าของเขาเหยเกเพราะความทุกข์ระทม
“ผม…ผมต้องสนับสนุนให้เฉินเหล่ยทำตามฝันอยู่แล้ว…
“แต่ก็อยากให้ร้านเราพลิกจากขาดทุนมาทำกำไรกับเขาได้สักที
“ช่างเถอะ ผมควรจะเคารพการตัดสินใจของเฉินเหล่ย…”
ถึงหม่าหยางจะฟังไม่ออกว่าแบบไหนคือเพราะหรือไม่เพราะ แต่จากการสังเกตอยู่หลายวัน เขาก็ตระหนักได้ว่าเฉินเหล่ยมีความสามารถมากกว่านักร้องประจำคนอื่นๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหานักร้องประจำคนใหม่ที่จะเรียกความนิยมได้เท่าเฉินเหล่ย
จริงๆ แล้วที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมีทีท่าเหมือนจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ก็เป็นเพราะเฉินเหล่ย เขาร้องเพลงเพราะ เรียกลูกค้าประจำให้ร้านได้เยอะมาก มีคนมาซื้อเครื่องดื่มให้เขาทุกคืน ทำกำไรให้ร้านได้มากมาย
ถ้าไม่มีเฉินเหล่ย นักร้องคนอื่นๆ ดีสุดก็คงมีความสามารถประมาณจางหยวน สถานการณ์ต่อจากนี้คงไม่ดีแบบเดิมแน่ๆ
เผยเชียนเดินขึ้นบันไดมาเงียบๆ เขายื่นทิชชู่ให้หม่าหยางหนึ่งแพ็ก “ไอ้หม่า ไม่เป็นไรน่า เฉินเหล่ยมีความสามารถมาก จะให้มาติดแหง็กอยู่ที่ร้านเราก็เสียของแย่ ถ้าแกคิดว่าตัวเองเป็นคนพบความสามารถของเขา แกก็น่าจะอวยพรให้เขาโชคดี”
หม่าหยางสั่งขี้มูก “พี่เชียน ผมไม่ได้เศร้าเรื่องนี้ ที่ผมเศร้าคือร้านเราเพิ่งจะส่อแววทำเงินให้พี่ได้ แต่ตอนนี้โอกาสนั่นหายวับไปแล้ว ผมเสียดายแทนพี่…”
เผยเชียนรู้สึกซึ้งใจ ดูสิ ไอ้น้องคนนี้มันห่วงฉันขนาดนี้!
แต่การที่หม่าหยางมีความรับผิดชอบขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
โชคดีที่เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นจากความบังเอิญ หม่าหยางแค่ส้มหล่นบังเอิญไปเจอเฉินเหล่ย ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดปัญหามากมายขนาดนี้หรอก
เพราะอย่างนั้น เขาก็ยังไว้ใจไอ้น้องคนนี้ได้อยู่!
เผยเชียนตบบ่าหม่าหยาง “ไอ้หม่า ฉันบอกแกไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าถึงแกจะรับผิดชอบดูแลร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่แกก็ไม่ต้องยึดติดกับเรื่องทำกำไรขนาดนั้น! สิ่งสำคัญที่สุดคือแกช่วยรักษาโอกาสสร้างภาพลักษณ์ของเถิงต๋าเอาไว้ เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย
“ปะ ไปส่งเฉินเหล่ยกัน”
ที่ชั้นหนึ่งของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู การแสดงของเฉินเหล่ยกำลังจะจบลง แต่ลูกค้าหลายคนยังไม่อยากกลับ เฉินเหล่ยจึงต้องร้องเพลงเพิ่มอีกสองสามเพลง
สุดท้ายเหล่าลูกค้าก็เดินไปส่งเฉินเหล่ยถึงตรงประตูร้าน ลูกค้าผู้หญิงหลายคนเครื่องสำอางหลุดเลอะเพราะร้องไห้ พวกเธอทำท่าราวกับว่าความตายกำลังจะพรากเขาไป
เผยเชียนพึมพำในใจ เมื่อไหร่ฉันจะมีโอกาสแบบนี้บ้าง…
หม่าหยางสะอื้นไห้ เขาเดินไปบอกลาเฉินเหล่ย พร้อมอวยพรขอให้ทุกอย่างไปได้ดี
ตอนแรกเฉินเหล่ยแค่ตาแกงก่ำ แต่พอเห็นท่าทางของหม่าหยางก็เก็บงำความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไป เขารู้สึกขอบคุณหม่าหยางสุดๆ
เผยเชียนรู้สึกปวดใจนิดหน่อย เขารู้ว่าที่หม่าหยางร้องไห้เป็นเพราะเสียบ่อเงินบ่อทองไป ไม่ใช่เพราะรู้สึกรักใคร่เป็นห่วงเฉินเหล่ย
แต่เฉินเหล่ยไม่รู้เรื่องนี้ เขารู้สึกว่าบอสหม่าเป็นผู้มีพระคุณที่เขาไม่มีวันตอบแทนความเมตตาที่อีกฝ่ายมีให้ได้หมด
คนส่วนใหญ่แยกย้ายกันกลับบ้านประมาณห้าทุ่ม
เผยเชียนเรียกเฉินเหล่ยไปพบที่มุมหนึ่งแล้วให้เบอร์ติดต่อ
“พอไปถึงเซี่ยงไฮ้ให้ติดต่อคนนี้ไป เขาชื่อหวงซื่อปั๋ว เป็นผู้จัดการเฟยหวงสตูดิโอ คุณไม่ต้องกังวลอะไร เดี๋ยวเขาจะจัดการทุกอย่างให้”
เผยเชียนบอกเรื่องนี้กับหวงซื่อปั๋วไว้แล้ว เขาจะเป็นคนดูแลเรื่องที่พักและอาหารการกินให้เฉินเหล่ยหลังจากไปถึงเซี่ยงไฮ้ เฉินเหล่ยสามารถใช้ชีวิตได้ตามใจชอบ เผยเชียนคิดว่าอย่างมากเฉินเหล่ยก็น่าจะช่วยได้แค่เรื่องร้องเพลงประกอบสารคดี ไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรให้อีก
อีกอย่างถึงสารคดีของหวงซื่อปั๋วจะทำกำไรได้เพราะเพลงประกอบ ยอดเงินที่น่าจะทำได้ก็อยู่ในการคำนวณของเผยเชียนแล้ว การส่งเฉินเหล่ยไปเซี่ยงไฮ้ทำให้เผยเชียนเจ็บตัวน้อยกว่าปล่อยให้เขาอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูต่อ
“ขอบคุณมากครับบอสเผยที่ช่วยจัดการเรื่องให้
“ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของบอสเผยที่เล็งเห็นความสามารถของผมและช่วยสนับสนุนผม ถ้ามีโอกาสผมจะต้องตอบแทนความมีเมตตาของบอสเผยให้ได้!” เฉินเหล่ยพูดขณะจับสองมือของเผยเชียนเอาไว้ ความซาบซึ้งใจที่เขามีนั้นมากล้นเกินจะบรรยายได้
“ไม่ต้องหรอก” แววตาของเผยเชียนเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ชัดเจนมากว่าคำที่พูดไปนั้นกลั่นออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ
…
ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู หม่าหยางยังคงห่อเหี่ยวใจ
เผยเชียนเดินไปหาหม่าหยาง “ไอ้หม่า แกควรจะดีใจสิที่เฉินเหล่ยได้ทำตามฝัน เลิกเศร้าได้แล้ว
“อีกอย่างความพยายามครั้งนี้ของแกก็ไม่ได้สูญเปล่า!”
ความเศร้าเลือนหายไปจากใบหน้าใหญ่ยาวของหม่าหยางเล็กน้อย “ความพยายามของผม…ไม่ได้สูญเปล่าเหรอครับ”
เผยเชียนพยักหน้ารัว “ใช่ ไม่ได้สูญเปล่าเลย! แกสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ให้ฉัน!”
หม่าหยางสังเกตสีหน้าของเผยเชียนแล้วคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดโกหก เขาลืมความเศร้าไปชั่วคราวก่อนตั้งใจฟัง
“ไอ้หม่า แกไม่รู้หรอกว่าไอเดียครั้งนี้ของแกมันดีขนาดไหน!
“เสียดายที่เวลาไม่เหมาะ
“ผู้ชมให้ของขวัญนักร้อง…ทำแบบนี้น่าจะรุ่งแน่ๆ แต่เวทีร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเล็กเกินกว่าที่จะต่อยอดไอเดียนี้!
“การจำกัดไอเดียนี้ไว้แค่ในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูถือเป็นการเสียของและจำกัดความคิดของแก แกเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า”
หม่าหยางดูงงไปหมด “แล้วยังไงเหรอครับ”
เผยเชียนตบบ่าหม่าหยาง “ไอเดียดีๆ แบบนี้ควรจะเอาไปใช้บนแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีม! อีกประมาณสามถึงหกเดือน แกจะได้เป็น CEO ของแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมโมหยู!
“ดังนั้นเชื่อเถอะว่าความพยายามของแกมีคุณค่า มันช่วยเถิงต๋าได้มากกว่าที่แกคิด! เพราะงั้นตั้งใจแสดงความสามารถของแกต่อไปในที่ที่เหมาะกว่านี้เถอะ!”
หม่าหยางหายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง มือของเขาสั่นรัวจากความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจ “พี่เชียน ผม…”
เผยเชียนจับมืออีกฝ่ายไว้ “ไอ้หม่า แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันเข้าใจความรู้สึกของแก! สั่งสมประสบการณ์ไว้ อีกไม่นานแกจะไปเฉิดฉายในเวทีที่ใหญ่กว่านี้!”