ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 211 บอสเผยเย้ยฟ้าท้าดิน!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม

ที่ฉางหยางเกมส์

หลินหวานกล้ำกลืนฝืนใจทนเล่นเกมเพลงรบโลหิตมาได้สองสัปดาห์

ตอนแรกเธอรู้สึกดูแคลนและไม่เข้าใจตัวเกมเลย แต่ตอนนี้เธอค้นพบแล้วว่าเกมแบบนี้ก็มีความหมายในแบบฉบับของมัน

เกมเพลงรบโลหิตแบบดั้งเดิมเป็นเกมตามแบบฉบับที่วางให้ผู้เล่นใช้จ่ายเงินซื้อของในเกม พวกวาฬสามารถจ่ายเงินเพื่อสัมผัสประสบการณ์การเล่นที่ดีกว่า ส่วนผู้เล่นทั่วไปก็ร่วมเล่นกับวาฬในฐานะสหายร่วมรบหรือกระสอบทรายรองรับการกระทืบได้

พูดอีกอย่างคือ คนมีเงินก็ใช้พลังแห่งเงินอวดเบ่ง ส่วนพวกไม่มีเงินก็ไปหาเกาะคนอื่นเอา

เกมแนวสงครามที่มีระบบให้ผู้เล่นเสียเงินแบบเกมเพลงรบโลหิตจะมีแต่พลังงานด้านลบ ปัญหาหนักที่สุดคือความไม่ยุติธรรมและการยุยงให้เกลียดชังกัน

สองปัญหานี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกมแนวสงครามที่มีระบบให้ผู้เล่นเสียเงินคล้ายๆ กันโดนวิจารณ์ในแง่ลบ

เกมแนวนี้ผู้เล่นจะไม่เสมอภาคกันเพราะพลังรบที่มีจะขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ทุ่มไปกับเกม ยิ่งรวยก็ยิ่งแข็งแกร่ง

ผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ยิ่งเติมเงินเยอะก็ยิ่งได้ประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างกว่า

ถ้าเติมหนักก็สามารถฆ่าผู้เล่นสี่คนพร้อมกันด้วยตัวคนเดียวได้ ทำให้ผู้เล่นคนอื่นต้องหวาดผวา

ความไม่เสมอภาคนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบในหมู่ผู้เล่น เหมือนคำพูดที่ว่า ‘ไม่ต้องกังวลว่าจะแบ่งให้น้อยหรือมาก แต่ควรจะแบ่งให้เท่าเทียมกัน’

นอกจากนั้นแล้ว เกมแนวนี้ยังสร้างความเกลียดชังในหมู่ผู้เล่นได้ง่ายมาก เพราะผู้พัฒนาเกมส่วนใหญ่จะออกแบบตัวเกมให้มีการแข่งขันในหมู่ผู้เล่นสูงเพื่อบีบบังคับให้เติมเงินเยอะๆ

ยกตัวอย่างเช่น ตอนทำสงคราม

ถ้าสามารถยึดครองเมืองได้ ผู้เล่นคนนั้นก็จะได้ขึ้นเป็นราชา มีประกาศแจ้งผู้เล่นทุกคนในเซิฟเวอร์ และผู้เล่นทุกคนในเมืองก็จะได้รับรางวัล เรียกได้ว่าเป็นโอกาสสุดยอดในการอวดเบ่งความเก่งของตัวเองให้คนอื่นรู้

ผู้เล่นหลายคนอยากขึ้นเป็นราชา ทีนี้ก็ต้องวัดกันว่าใครเติมเงินเยอะกว่า

นายเติมหนึ่งหมื่น ฉันเติมสามหมื่น นายเติมห้าหมื่น ฉันเติมหนึ่งแสน…

ความคิดอยากเอาชนะนี้จะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ วาฬสองตัวจะแข่งกันเติมเงินซื้อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตรงตามที่ผู้พัฒนาเกมต้องการ

ทุกๆ อัปเดตจะมีอุปกรณ์เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าก่อนหน้านี้เหล่าวาฬจะเติมไปเยอะเท่าไหร่ พวกเขาก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นถ้าไม่อยากโดนแซงหน้า

ผ่านไปปีสองปี ผู้เล่นที่เติมเงินไปมากมายก็จะมองย้อนกลับไป แล้วตระหนักว่าเงินที่เสียไปนั้นได้เพียงความว่างเปล่ามาเท่านั้น

แต่ถ้ามองจากอีกมุม ทำไมเกมแบบนี้ถึงเป็นที่นิยมได้ล่ะ

นั่นก็เพราะในเกมมีโลกที่มีชีวิตชีวาและอัดแน่นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

จริงๆ แล้วเกมออนไลน์แนว MMORPG สมัยก่อนก็ใช้กลวิธีเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เกม Fantasy World เองก็มีระบบกิลด์ สมาชิกในกิลด์มีหัวหน้ากิลด์ ผู้จัดการกิลด์ หัวหน้าทีมผู้ช่วย ผู้บัญชาการ และอื่นๆ โดยผู้เล่นจะได้รับบทบาทที่ต่างกัน

เกมสงครามที่มีระบบเก็บเงินผู้เล่นแบบเกมเพลงรบโลหิตทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับบทบาทที่ตัวเองได้รับ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้นเป็นเรื่องซับซ้อน แบ่งได้หลายระดับ

จุดเดียวที่แตกต่างกันคือ ผู้เล่นเกม Fantasy World นั้นรู้สึกภาคภูมิใจกับเวลาที่ทุ่มเทศึกษากลไกเกม ส่วนผู้เล่นเกมแนวสงครามที่มีระบบเก็บเงินจะรู้สึกภาคภูมิใจกับจำนวนเงินที่เติมเข้าเกม

ตอนนี้เกมเพลงรบโลหิตปรับใหม่ โดยตัดช่องทางการเก็บเงินผู้เล่นออกจนเกือบหมด ทำให้เกิดความรู้สึกแง่ลบในหมู่ผู้เล่นน้อยลง กลับไปใช้รูปแบบเกม MMORPG ดั้งเดิมเหมือนเกม Fantasy World

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์อันซับซ้อนของมนุษย์ในเกมเพลงรบโลหิตก็ไม่ได้หายไปไหน ผู้เล่นทุกคนได้รับบทบาทที่ต่างกัน ทำให้เกิดสังคมเกมที่เป็นไปด้วยความสงบขึ้นในเกม

ระบบ ‘ผู้ถูกเลือก’ คือตัวอย่างที่ดี ผู้เล่นแต่ละคนมีโอกาสได้รับบทบาทสำคัญ ประสบการณ์นี้เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากเกมอื่น

เมื่อได้รับเลือกเป็น ‘ผู้ถูกเลือก’ ความสามารถของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้นแซงหน้าผู้เล่นคนอื่นๆ ทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์แบบเกมแนว Hack and Slash[1]

เกมแนว Hack and Slash เองก็ให้ความรู้สึกเดียวกันได้ แต่ศัตรูที่ผู้เล่นต่อสู้ด้วยไม่ใช่ผู้เล่นจริง เป็นแค่ AI กลับกันในเกมเพลงรบโลหิต ผู้เล่นจะได้สู้กับผู้เล่นด้วยกัน ตัวละครแต่ละตัวบังคับโดยผู้เล่นจริงๆ

ผู้เล่นคนหนึ่งสามารถกลายเป็นพระเอกผู้ไร้เทียมทานนำทัพตีจุดสำคัญในสนามรบ แสดงความเก่งกาจต่อหน้าผู้เล่นนับร้อย เป็นเรื่องยากที่เกมแนวอื่นจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความสำเร็จแบบนี้ได้

ดังนั้นอัปเดตใหม่ของเกมเพลงรบโลหิตจึงพยายามรักษาประสบการณ์การเล่นแบบเกมแนวสงครามที่มีระบบเติมเงินเอาไว้ และตัดองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดความรู้สึกแง่ลบในหมู่ผู้เล่นออก

หลินหวานเพิ่งจะเข้าใจจุดนี้หลังจากเล่นเกมเพลงรบโลหิตและคุยกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในเกมทุกวันตั้งแต่ย้ายมา

“เข้าใจแล้ว เป็นฉันเองที่คิดตื้นไป ไม่รู้เลยว่าเกมจะมีอะไรเยอะขนาดนี้

“ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกวาฬถึงชอบทุ่มเงินกับเกมแนวนี้มากกว่าเกมแนว Fantasy World

“ฉันเข้าใจจุดประสงค์ของบอสเผยแล้ว

“ที่บอสถึงซื้อฉางหยางเกมส์ที่ขาดทุนหนักขนาดนี้มา

“ก็เพราะตั้งใจจะลองทำอะไรเสี่ยงๆ กับเกมเพลงรบโลหิต บอสอยากทดลองอะไรที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน!

“บอสเผยอยากให้ผู้เล่นเลิกเป็นทาสของเงิน อยากปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้เล่น และแสดงให้พวกเขาเห็นว่าทุกคนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์เดียวกับพวกวาฬได้โดยไม่ต้องเสียเงิน…

“ช่าง…เป็นจุดมุ่งหมายที่สูงส่งจริงๆ!

“เรียกได้ว่าเป็นการเย้ยฟ้าท้าดิน!”

หลินหวานต้องมองบอสเผยใหม่อีกครั้ง

เกมที่มีระบบเก็บเงินผู้เล่นนั้นจะหาเงินจากการขายประสบการณ์การเล่นที่ทำให้รู้สึกโดดเด่นเกินหน้าคนอื่นให้กับพวกวาฬในราคาแพง

ไม่ว่าจะเป็นปีกสีทองวิบวับหรือตำแหน่งราชาในเกมแนวสงคราม ของพวกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อผู้เล่นสายวาฬโดยเฉพาะ ส่วนผู้เล่นสายวาฬเองก็ไม่ได้คิดมากที่จะจ่ายเงินซื้อ

ด้วยวิธีนี้บริษัทเกมก็มีรายได้ ส่วนผู้เล่นสายวาฬก็ได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นที่เหนือชั้นกว่าคนอื่น คนที่ลำบากก็คือผู้เล่นที่ต้องมารับบทเป็นกระสอบทรายให้วาฬกระทืบ

ตอนนี้บอสเผยเลือกที่จะไม่ทำกำไรด้วยวิธีนั้น บอสอยากแบ่งประสบการณ์ที่ผู้เล่นสายวาฬได้สัมผัสให้ผู้เล่นทั่วไปได้เข้าถึงด้วยกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมา

ถือเป็นการเย้ยฟ้าท้าดินเลยใช่ไหมล่ะ

หลินหวานรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังรับผิดชอบอยู่นั้นหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม

บอสเผยทุ่มเงินก้อนโตสร้างเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดขึ้นมาเพื่อกลบข้อเสียเพียงจุดเดียวของเกม ซึ่งก็คือเรื่องกราฟิก หลังจากตัวเกมเสร็จสมบูรณ์ ด้วยความสามารถทางการตลาดที่แข็งแกร่งของเถิงต๋า เกมนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนตลาดเกมที่มีระบบเก็บเงินผู้เล่นภายในประเทศไป!

แน่นอนว่าอาจจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย เกมที่มีระบบเก็บเงินไม่มีทางหายไปไหน ตราบใดที่เหล่าวาฬยอมจ่าย เกมก็ยังอยู่ในตลาดต่อไปได้

แค่เกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชั่นอัปเกรดสามารถเปลี่ยนตลาดเกมและทัศนคติผู้เล่นไปได้สักเล็กน้อย ก็ถือว่าสร้างผลกระทบได้มากแล้ว!

ผู้พัฒนาเกมบางส่วนชอบเลียแข้งเลียขาผู้เล่นสายวาฬ โดยเอาเกมที่มีระบบเก็บเงินผู้เล่นมาใช้หาประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ผู้พัฒนาเกมอีกส่วนกลับอยากสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วยการพัฒนาเกมสแตนด์อโลนขึ้นมาอย่างจริงจัง

บอสเผยน่าจะเป็นคนเดียวในวงการที่ประสบความสำเร็จกับเกมสแตนด์อโลนแล้ว แต่ก็ยังตั้งใจจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสถานการณ์อันแสนยุ่งเหยิงพวกนี้อยู่ บอสยอมทิ้งกำไรก้อนโตเพียงเพราะอยากเปลี่ยนทัศนคติผู้เล่นให้เลิกเป็นทาสของเงิน

ช่างเป็นเป้าหมายที่สูงส่งจริงๆ!

[1] เกมแนวไล่ดะฟันศัตรู เช่น Diablo, Devil May Cry, God of War

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท