เช้าวันต่อมา เผยเชียนตื่นนอนแล้วก็เปิดหลังบ้านของเว็บอ้ายลี่เต่ามาตรวจสอบยอดสถิติต่างๆ
มียอดวิวและคอมเมนต์แล่นผ่านคลิปจำนวนหนึ่ง แต่รวมๆ แล้วไม่ได้เยอะมาก ถือว่าคลิปยังไม่ได้ดังอะไร
คอมเมนต์ส่วนใหญ่เป็นคอมเมนต์จำพวก ‘แม่เจ้า’ ‘พวกอวดรวย’ ‘เงินเยอะเหลือเกิน’ ‘มีเงินมาก ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เลยเอามาผลาญเล่น’ และอื่นๆ
แอ็กเคานต์ของเผยเชียนเพิ่งเปิดใหม่ หลังจากลงคลิปในหมวดดิจิทัลไป ทางแพลตฟอร์มก็ไม่ได้เอาไปขึ้นหน้าแนะนำ คนติดตามช่องก็ไม่มี จึงได้ยอดวิวเล็กน้อยจากคนที่หลงเข้ามาดู ทั้งคืนแทบจะไม่มีคนกดเข้ามาดูเลยด้วยซ้ำ
เผยเชียนไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่ได้หวังอยากได้ยอดวิวเยอะๆ อยู่แล้ว
ถ้ามีคนกดให้ทิปหรือได้เข้าร่วมแผนแบ่งกำไรกับทางแพลตฟอร์ม เขาก็จะคิด่ว่าได้เงินค่าขนมเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน
เผยเชียนกินขนมดูคลิปไปเรื่อย จู่ๆ หน้าจอระบบก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้า
<ระบบแปลงความมั่งคั่ง>
<เจ้าของ: เผยเชียน>
<อัตราแปลงกำไรอยู่ที่ 100:1 อัตราการขาดทุนอยู่ที่ 1:1>
<วันปิดบัญชีครั้งต่อไป: อีก 93 วัน>
<เงินทุนระบบ: 2,430,000 (↓5,570,000)>
<สินทรัพย์ถาวร: วิลล่ากึ่งพาณิชย์ในหมิงหยุนวิลล่า (6,620,000)>
<ความมั่งคั่งส่วนบุคคล: 357,412.5>
<ภารกิจพิเศษประจำรอบ: การดำเนินธุรกิจมีทั้งกำไรและขาดทุน ดูเหมือนว่าเจ้าของระบบจะหลงระเริงกับกำไรที่ตัวเองทำได้อยู่ ซึ่งไม่ใช่ทัศนคติที่นักธุรกิจควรจะมี ขอแนะนำให้เจ้าของระบบทำให้ตัวเองขาดทุนให้ได้ในรอบปิดบัญชีครั้งต่อไป>
<รางวัลที่จะได้รับเมื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษสำเร็จ: เปลี่ยนแปลงกฎระบบ>
<คำใบ้พิเศษ:>
<10% ของราคาสินทรัพย์ถาวรของบริษัทที่ระบบประเมินจะนับรวมเป็นเงินทุนระบบ ทำให้มีผลกับการสรุปบัญชี>
<เริ่มคำนวณเงินทุนระบบใหม่…>
<เงินทุนระบบ: 2,430,000+620,000 (↓4,950,000)>
<สินทรัพย์ถาวร: วิลล่ากึ่งพาณิชย์ในหมิงหยุนวิลล่า (6,620,000)>
<ความมั่งคั่งส่วนบุคคล: 357,412.5>
มันฝรั่งทอดที่เผยเชียนเพิ่งโยนเข้าปากหยุดกลางอากาศ
หมายความว่ายังไงกัน!
เขาอ่านเนื้อหาบนหน้าจอระบบอย่างละเอียด พอเห็นบรรทัดที่พูดถึงเรื่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ
ก่อนหน้านี้ทรัพยากรที่แพงที่สุดในครอบครองมาจากการเช่าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตึกสำนักงานหรือรถ ดังนั้นช่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ จึงไม่เคยปรากฏในหน้าจอระบบ
แน่นอนว่าโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่ซื้อเข้าบริษัทรวมถึงร้านอินเทอร์เน็ตก็นับเป็นสินทรัพย์ของบริษัทแต่ไม่ได้ทำให้ช่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ ปรากฏขึ้นมาในระบบ
น่าจะเป็นเพราะระบบมองว่าข้าวของพวกนี้มีราคาต่ำเกินไป
แต่พอเผยเชียนซื้อวิลล่าราคาหกล้านหยวน ระบบก็เพิกเฉยไม่ได้อีก
ตามกฎของระบบแล้ว สินทรัพย์ถาวรในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์จะถูกประเมินราคาโดยระบบ ยอดสิบเปอร์เซ็นต์จากราคาที่ประเมินจะนับรวมเข้าไปในเงินทุนระบบและมีผลต่อการสรุปบัญชี
เผยเชียนทุ่มเงินก้อนโตซื้อวิลล่า ยอดเงินในบัญชีบริษัทตอนนี้อยู่ที่สองล้านสี่แสนสามหมื่นหยวน ขณะที่เงินทุนระบบตั้งต้นอยู่ที่แปดล้านหยวน ตามการคำนวณเดิม เขาจะมียอดขาดทุนอยู่ที่ห้าล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นหยวน
แต่ตามการคำนวณด้วยวิธีใหม่ ถ้ารวมยอดสิบเปอร์เซ็นต์จากราคาประเมินวิลล่า (6,220,000 หยวน) เขาจะขาดทุนแค่ 8,000,000 – 2,430,000 + (6,220,000×10%) = 4,950,000 หยวน!
ยอดเงินทุนระบบปรับใหม่คือ 2,430,000+620,000 ยอด 2,430,000 คือเงินในบัญชีบริษัทที่เขาสามารถใช้จ่ายได้ ส่วน 620,000 คือยอดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาประเมินวิลล่า ถึงจะนับรวมเป็นยอดตัวเลขที่ไม่สามารถใช้จ่ายได้ แต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนระบบที่จะมีผลกับการสรุปบัญชี
เผยเชียนเกาหัว เขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขาหรือเปล่า
เห็นได้ชัดว่ากฎที่ระบบตั้งขึ้นมานี้จะลดข้อจำกัดในการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์มาเป็นสินทรัพย์ถาวร
ถ้าสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทนี้ไม่นับเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนระบบ เผยเชียนจะสามารถซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ขอแค่มีเงินทุนพอ เขาก็สามารถกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์เท่าที่ใจอยากเพื่อให้ตัวเองขาดทุนได้
(แน่นอนว่าก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมในการซื้อ เขาไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้หมุนเงินหรืออยู่อาศัยได้ ต้องนำมาใช้เป็นทรัพยากรในการประกอบธุรกิจเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้)
ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินทุนระบบเหลืออยู่สิบล้านหยวน เผยเชียนสามารถเอาไปซื้อวิลล่าราคาเจ็ดล้านหยวนอีกหลัง (หาเหตุผลสักอย่างอ้างระบบ) เขาก็จะเหลือเงินอยู่สามล้าน จากเงินทุนระบบตั้งต้นแปดล้านหยวนก็จะกลายเป็นขาดทุนได้ง่ายๆ ห้าล้านหยวน
แบบนี้ก็จะขาดทุนได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นสินทรัพย์ถาวรจึงต้องนับรวมเป็นเงินทุนระบบด้วย
แต่ถ้านับรวมยอดจริงของสินทรัพย์ถาวรก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอีก
เงินทุนระบบตั้งต้นอยู่ที่แปดล้านหยวน ถ้าเผยเชียนซื้อวิลล่าราคาสิบล้านหยวน ยอดสิบล้านก็จะนับรวมเป็นเงินทุนระบบ ทีนี้ก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะผลาญเงินตั้งต้นแปดล้านหยวน เว้นแต่จะขายอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาทิ้ง
ดังนั้นระบบจึงเลือกใช้วิธีการนี้
สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นสินทรัพย์ถาวรจะนับเป็นเงินทุนระบบในอัตราสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เผยเชียนสามารถซื้อสินทรัพย์ถาวรได้ตอนที่อยากทำให้ตัวเองขาดทุน ในทางกลับกัน เผยเชียนก็ไม่สามารถกว้านซื้อสินทรัพย์ถาวรเพื่อให้ตัวเองขาดทุนได้ง่ายๆ
“อืม…ถ้ามองในแง่ร้ายก็ถือว่าระบบปิดช่องทางหากินไปอีกช่อง ระบบคิดไปไกลกว่าฉันตลอดเลย…
“แต่ถ้ามองในแง่บวก ถ้าระบบไม่บอกเรื่องนี้ให้รู้ ฉันก็ไม่มีทางคิดไอเดียนี้ออกง่ายๆแน่…”
เผยเชียนคิดขึ้นได้ว่าถึงการซื้อสินทรัพย์ถาวรจะส่งผลกระทบกับการสรุปบัญชี แต่ก็ถือเป็นหนทางที่ดีในการผลาญเงิน
สมมติว่าเผยเชียนมีเงินทุนระบบเหลืออยู่สิบล้านหยวน เขาสามารถเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อวิลล่าหรือร้านค้าสักที่ได้ ถ้าใช้เงินซื้อไปห้าล้าน ยอดเงินในระบบก็จะเหลือตามนี้
10 ล้าน – 5 ล้าน + (5 ล้าน x 10%) = 5.5 ล้าน
ถ้าคิดตามนี้ ระบบจะสรุปว่าเขาขาดทุน 8 ล้าน – 5.5 ล้าน = 2.5 ล้าน!
แน่นอนว่าการทำแบบนี้ก็มีความเสี่ยง ถ้าเผยเชียนมีสินทรัพย์ถาวรเยอะ เกิดราคาประเมินสินทรัพย์ถาวรสักอย่างพุ่งขึ้นมา เงินทุนระบบของเขาก็จะพุ่งพรวดตาม
ถ้าจู่ๆ มูลค่าวิลล่าของเผยเชียนพุ่งพรวดไปเป็นสามสิบล้านหยวน ยอดเงินทุนระบบก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกสามล้านหยวนตามอัตราประเมินสิบเปอร์เซ็นต์
10 ล้าน – 5 ล้าน + (30 ล้าน x 10%) = 8 ล้าน
เขาจะกลายเป็นไม่ขาดทุนแทน!
ซ้ำร้ายกว่านั้นถ้าเผยเชียนมีสินทรัพย์ถาวรเยอะเกินไป ยอดประเมินแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็อาจจะรวมกันแล้วเกินเงินตั้งต้นที่ระบบให้มาได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้เผยเชียนใช้เงินในบัญชีบริษัทจนหมด เขาก็ยังทำให้ตัวเองขาดทุนไม่ได้อยู่ดี
ทางออกเดียวคือราคาสินทรัพย์ตกลงหรือไม่ก็ขายสินทรัพย์ทั้งหมดทิ้งแล้วเอาเงินมาใช้ให้หมด
เพราะยังไง…
โอกาสและความเสี่ยงก็เป็นของคู่กัน
หลังจากคิดคำนวณดู เผยเชียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
“อะไรกันเนี่ย จะหาทางขาดทุนทำไมต้องคิดหนักขนาดนี้ด้วย ทำไมกฎมันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เลย…”
เผยเชียนตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนี้
ในอนาคตถ้าเขามีเงินทุนระบบสักยี่สิบสามสิบล้าน เขาจะแบ่งเงินสักล้านสองล้านไปซื้อร้านค้าสักที่ เงินทุนระบบก็จะเพิ่มมาแค่ไม่กี่แสน ถือเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว
ตอนนี้เขามีเงินทุนระบบไม่มาก ถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์เยอะเกินไปอาจจะส่งผลเสียได้ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
ถ้าอยากรอบคอบหน่อย เขาก็ควรจะใช้เงินตอนนาทีสุดท้าย
รอบบัญชีนี้ แค่ซื้อวิลล่ากึ่งพาณิชย์มาเปิดเป็นภัตตาคารระดับสูงก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ตัวเองขาดทุนแล้ว
ในเมื่อระบบแจ้งเตือนขึ้นมาแบบนี้ ก็แสดงว่าวิลล่าที่ซื้อไปผ่านกระบวนการต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
เผยเชียนโทรบอกให้เลขาซินพาเขาไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่า
เขาอยากสรุปเรื่องการตกแต่งภายในของภัตตาคารระดับสูง และตรวจดูว่าสภาพธุรกิจในละแวกนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดขึ้นหรือเปล่า