ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – บทที่ 216 วิธีคำนวณสินทรัพย์ถาวร

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

เช้าวันต่อมา เผยเชียนตื่นนอนแล้วก็เปิดหลังบ้านของเว็บอ้ายลี่เต่ามาตรวจสอบยอดสถิติต่างๆ

มียอดวิวและคอมเมนต์แล่นผ่านคลิปจำนวนหนึ่ง แต่รวมๆ แล้วไม่ได้เยอะมาก ถือว่าคลิปยังไม่ได้ดังอะไร

คอมเมนต์ส่วนใหญ่เป็นคอมเมนต์จำพวก ‘แม่เจ้า’ ‘พวกอวดรวย’ ‘เงินเยอะเหลือเกิน’ ‘มีเงินมาก ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เลยเอามาผลาญเล่น’ และอื่นๆ

แอ็กเคานต์ของเผยเชียนเพิ่งเปิดใหม่ หลังจากลงคลิปในหมวดดิจิทัลไป ทางแพลตฟอร์มก็ไม่ได้เอาไปขึ้นหน้าแนะนำ คนติดตามช่องก็ไม่มี จึงได้ยอดวิวเล็กน้อยจากคนที่หลงเข้ามาดู ทั้งคืนแทบจะไม่มีคนกดเข้ามาดูเลยด้วยซ้ำ

เผยเชียนไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่ได้หวังอยากได้ยอดวิวเยอะๆ อยู่แล้ว

ถ้ามีคนกดให้ทิปหรือได้เข้าร่วมแผนแบ่งกำไรกับทางแพลตฟอร์ม เขาก็จะคิด่ว่าได้เงินค่าขนมเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน

เผยเชียนกินขนมดูคลิปไปเรื่อย จู่ๆ หน้าจอระบบก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้า

<ระบบแปลงความมั่งคั่ง>

<เจ้าของ: เผยเชียน>

<อัตราแปลงกำไรอยู่ที่ 100:1 อัตราการขาดทุนอยู่ที่ 1:1>

<วันปิดบัญชีครั้งต่อไป: อีก 93 วัน>

<เงินทุนระบบ: 2,430,000 (↓5,570,000)>

<สินทรัพย์ถาวร: วิลล่ากึ่งพาณิชย์ในหมิงหยุนวิลล่า (6,620,000)>

<ความมั่งคั่งส่วนบุคคล: 357,412.5>

<ภารกิจพิเศษประจำรอบ: การดำเนินธุรกิจมีทั้งกำไรและขาดทุน ดูเหมือนว่าเจ้าของระบบจะหลงระเริงกับกำไรที่ตัวเองทำได้อยู่ ซึ่งไม่ใช่ทัศนคติที่นักธุรกิจควรจะมี ขอแนะนำให้เจ้าของระบบทำให้ตัวเองขาดทุนให้ได้ในรอบปิดบัญชีครั้งต่อไป>

<รางวัลที่จะได้รับเมื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษสำเร็จ: เปลี่ยนแปลงกฎระบบ>

<คำใบ้พิเศษ:>

<10% ของราคาสินทรัพย์ถาวรของบริษัทที่ระบบประเมินจะนับรวมเป็นเงินทุนระบบ ทำให้มีผลกับการสรุปบัญชี>

<เริ่มคำนวณเงินทุนระบบใหม่…>

<เงินทุนระบบ: 2,430,000+620,000 (↓4,950,000)>

<สินทรัพย์ถาวร: วิลล่ากึ่งพาณิชย์ในหมิงหยุนวิลล่า (6,620,000)>

<ความมั่งคั่งส่วนบุคคล: 357,412.5>

มันฝรั่งทอดที่เผยเชียนเพิ่งโยนเข้าปากหยุดกลางอากาศ

หมายความว่ายังไงกัน!

เขาอ่านเนื้อหาบนหน้าจอระบบอย่างละเอียด พอเห็นบรรทัดที่พูดถึงเรื่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ

ก่อนหน้านี้ทรัพยากรที่แพงที่สุดในครอบครองมาจากการเช่าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตึกสำนักงานหรือรถ ดังนั้นช่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ จึงไม่เคยปรากฏในหน้าจอระบบ

แน่นอนว่าโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่ซื้อเข้าบริษัทรวมถึงร้านอินเทอร์เน็ตก็นับเป็นสินทรัพย์ของบริษัทแต่ไม่ได้ทำให้ช่อง ‘สินทรัพย์ถาวร’ ปรากฏขึ้นมาในระบบ

น่าจะเป็นเพราะระบบมองว่าข้าวของพวกนี้มีราคาต่ำเกินไป

แต่พอเผยเชียนซื้อวิลล่าราคาหกล้านหยวน ระบบก็เพิกเฉยไม่ได้อีก

ตามกฎของระบบแล้ว สินทรัพย์ถาวรในหมวดสินค้าโภคภัณฑ์จะถูกประเมินราคาโดยระบบ ยอดสิบเปอร์เซ็นต์จากราคาที่ประเมินจะนับรวมเข้าไปในเงินทุนระบบและมีผลต่อการสรุปบัญชี

เผยเชียนทุ่มเงินก้อนโตซื้อวิลล่า ยอดเงินในบัญชีบริษัทตอนนี้อยู่ที่สองล้านสี่แสนสามหมื่นหยวน ขณะที่เงินทุนระบบตั้งต้นอยู่ที่แปดล้านหยวน ตามการคำนวณเดิม เขาจะมียอดขาดทุนอยู่ที่ห้าล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นหยวน

แต่ตามการคำนวณด้วยวิธีใหม่ ถ้ารวมยอดสิบเปอร์เซ็นต์จากราคาประเมินวิลล่า (6,220,000 หยวน) เขาจะขาดทุนแค่ 8,000,000 – 2,430,000 + (6,220,000×10%) = 4,950,000 หยวน!

ยอดเงินทุนระบบปรับใหม่คือ 2,430,000+620,000 ยอด 2,430,000 คือเงินในบัญชีบริษัทที่เขาสามารถใช้จ่ายได้ ส่วน 620,000 คือยอดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาประเมินวิลล่า ถึงจะนับรวมเป็นยอดตัวเลขที่ไม่สามารถใช้จ่ายได้ แต่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนระบบที่จะมีผลกับการสรุปบัญชี

เผยเชียนเกาหัว เขาไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขาหรือเปล่า

เห็นได้ชัดว่ากฎที่ระบบตั้งขึ้นมานี้จะลดข้อจำกัดในการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์มาเป็นสินทรัพย์ถาวร

ถ้าสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทนี้ไม่นับเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนระบบ เผยเชียนจะสามารถซื้ออะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ขอแค่มีเงินทุนพอ เขาก็สามารถกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์เท่าที่ใจอยากเพื่อให้ตัวเองขาดทุนได้

(แน่นอนว่าก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมในการซื้อ เขาไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้หมุนเงินหรืออยู่อาศัยได้ ต้องนำมาใช้เป็นทรัพยากรในการประกอบธุรกิจเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้)

ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินทุนระบบเหลืออยู่สิบล้านหยวน เผยเชียนสามารถเอาไปซื้อวิลล่าราคาเจ็ดล้านหยวนอีกหลัง (หาเหตุผลสักอย่างอ้างระบบ) เขาก็จะเหลือเงินอยู่สามล้าน จากเงินทุนระบบตั้งต้นแปดล้านหยวนก็จะกลายเป็นขาดทุนได้ง่ายๆ ห้าล้านหยวน

แบบนี้ก็จะขาดทุนได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นสินทรัพย์ถาวรจึงต้องนับรวมเป็นเงินทุนระบบด้วย

แต่ถ้านับรวมยอดจริงของสินทรัพย์ถาวรก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นอีก

เงินทุนระบบตั้งต้นอยู่ที่แปดล้านหยวน ถ้าเผยเชียนซื้อวิลล่าราคาสิบล้านหยวน ยอดสิบล้านก็จะนับรวมเป็นเงินทุนระบบ ทีนี้ก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะผลาญเงินตั้งต้นแปดล้านหยวน เว้นแต่จะขายอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาทิ้ง

ดังนั้นระบบจึงเลือกใช้วิธีการนี้

สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นสินทรัพย์ถาวรจะนับเป็นเงินทุนระบบในอัตราสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เผยเชียนสามารถซื้อสินทรัพย์ถาวรได้ตอนที่อยากทำให้ตัวเองขาดทุน ในทางกลับกัน เผยเชียนก็ไม่สามารถกว้านซื้อสินทรัพย์ถาวรเพื่อให้ตัวเองขาดทุนได้ง่ายๆ

“อืม…ถ้ามองในแง่ร้ายก็ถือว่าระบบปิดช่องทางหากินไปอีกช่อง ระบบคิดไปไกลกว่าฉันตลอดเลย…

“แต่ถ้ามองในแง่บวก ถ้าระบบไม่บอกเรื่องนี้ให้รู้ ฉันก็ไม่มีทางคิดไอเดียนี้ออกง่ายๆแน่…”

เผยเชียนคิดขึ้นได้ว่าถึงการซื้อสินทรัพย์ถาวรจะส่งผลกระทบกับการสรุปบัญชี แต่ก็ถือเป็นหนทางที่ดีในการผลาญเงิน

สมมติว่าเผยเชียนมีเงินทุนระบบเหลืออยู่สิบล้านหยวน เขาสามารถเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อวิลล่าหรือร้านค้าสักที่ได้ ถ้าใช้เงินซื้อไปห้าล้าน ยอดเงินในระบบก็จะเหลือตามนี้

10 ล้าน – 5 ล้าน + (5 ล้าน x 10%) = 5.5 ล้าน

ถ้าคิดตามนี้ ระบบจะสรุปว่าเขาขาดทุน 8 ล้าน – 5.5 ล้าน = 2.5 ล้าน!

แน่นอนว่าการทำแบบนี้ก็มีความเสี่ยง ถ้าเผยเชียนมีสินทรัพย์ถาวรเยอะ เกิดราคาประเมินสินทรัพย์ถาวรสักอย่างพุ่งขึ้นมา เงินทุนระบบของเขาก็จะพุ่งพรวดตาม

ถ้าจู่ๆ มูลค่าวิลล่าของเผยเชียนพุ่งพรวดไปเป็นสามสิบล้านหยวน ยอดเงินทุนระบบก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกสามล้านหยวนตามอัตราประเมินสิบเปอร์เซ็นต์

10 ล้าน – 5 ล้าน + (30 ล้าน x 10%) = 8 ล้าน

เขาจะกลายเป็นไม่ขาดทุนแทน!

ซ้ำร้ายกว่านั้นถ้าเผยเชียนมีสินทรัพย์ถาวรเยอะเกินไป ยอดประเมินแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็อาจจะรวมกันแล้วเกินเงินตั้งต้นที่ระบบให้มาได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้เผยเชียนใช้เงินในบัญชีบริษัทจนหมด เขาก็ยังทำให้ตัวเองขาดทุนไม่ได้อยู่ดี

ทางออกเดียวคือราคาสินทรัพย์ตกลงหรือไม่ก็ขายสินทรัพย์ทั้งหมดทิ้งแล้วเอาเงินมาใช้ให้หมด

เพราะยังไง…

โอกาสและความเสี่ยงก็เป็นของคู่กัน

หลังจากคิดคำนวณดู เผยเชียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

“อะไรกันเนี่ย จะหาทางขาดทุนทำไมต้องคิดหนักขนาดนี้ด้วย ทำไมกฎมันซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เลย…”

เผยเชียนตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนี้

ในอนาคตถ้าเขามีเงินทุนระบบสักยี่สิบสามสิบล้าน เขาจะแบ่งเงินสักล้านสองล้านไปซื้อร้านค้าสักที่ เงินทุนระบบก็จะเพิ่มมาแค่ไม่กี่แสน ถือเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว

ตอนนี้เขามีเงินทุนระบบไม่มาก ถ้าซื้ออสังหาริมทรัพย์เยอะเกินไปอาจจะส่งผลเสียได้ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

ถ้าอยากรอบคอบหน่อย เขาก็ควรจะใช้เงินตอนนาทีสุดท้าย

รอบบัญชีนี้ แค่ซื้อวิลล่ากึ่งพาณิชย์มาเปิดเป็นภัตตาคารระดับสูงก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ตัวเองขาดทุนแล้ว

ในเมื่อระบบแจ้งเตือนขึ้นมาแบบนี้ ก็แสดงว่าวิลล่าที่ซื้อไปผ่านกระบวนการต่างๆ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

เผยเชียนโทรบอกให้เลขาซินพาเขาไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่า

เขาอยากสรุปเรื่องการตกแต่งภายในของภัตตาคารระดับสูง และตรวจดูว่าสภาพธุรกิจในละแวกนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดขึ้นหรือเปล่า

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Status: Ongoing
ต้องทำธุรกิจให้ “ขาดทุน” เขาถึงจะรวย แต่ไม่รู้ดวงดีหรือดวงซวย ถึงได้แต่ “กำไร” เนี่ย!เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนโดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆแต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุนด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท