คุรุการแพทย์ – บทที่ 7 ปาร์ตี้รับน้องใหม่

คุรุการแพทย์

บทที่ 7 ปาร์ตี้รับน้องใหม่

บทที่ 7 ปาร์ตี้รับน้องใหม่

สัมผัสได้แล้ว!

ภาพสามมิติปรากฏขึ้นในใจของเขา!

เขามองเห็นและสัมผัสได้ถึงความบิดเบี้ยวของกระดูกที่หัก

นับตั้งแต่สมัยโบราณ อาการกระดูกหักเช่นนี้สามารถพบได้บ่อยในคนที่ผ่านการทำงานอย่างหักโหม

และแล้วฟางชิวก็ได้เห็นวิธีการรักษารอยร้าวของกระดูกนั้น

สิ่งที่ฟางชิวกังวลก็คือ หมอในโรงพยาบาลอาจไม่สามารถจัดกระดูกที่มีอาการในระดับนี้ได้ อีกฝ่ายจะต้องทำการจัดกระดูกใหม่อีกครั้ง จากนั้นจึงปล่อยให้ชายคนนี้ไปพักฟื้นในโรงพยาบาล

ดังนั้น เขาจะต้องทำ

ฟางชิวเหลือบมองครูฝึก และพบว่าเจ้าตัวกำลังมองไปทางอื่นอยู่

นี่มันเป็นโอกาสที่ดี!

มือของฟางชิวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

กระดูกที่แตกร้าวเริ่มต่อติดเข้าที่อีกครั้งโดยพลัน!

จากนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยเท้าของคนเจ็บลง

ครูฝึกไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้นักศึกษาที่บาดเจ็บรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าตนปวดน้อยกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด เขามองมาที่ฟางชิวด้วยสายตาเหลือเชื่อ

“เท้าของนายหัก ฉันทำให้อาการทุเลาลงบ้างแล้ว ถ้ารถพยาบาลมาถึง แล้ว นายต้องพักฟื้นเพื่อให้กระดูกต่อกันนะ”

ฟางชิวจับไหล่ของคนเจ็บพร้อมกับยิ้มบาง ๆ จากนั้นถึงค่อยเอ่ยขอตัวกับครูฝึก

นักศึกษาที่เป็นคนเจ็บรู้สึกสับสน

“มันหมายความว่ายังไง? ฉันกระดูกหักงั้นเหรอ? ถ้าใช่แล้วกระดูกหักได้ยังไงในเมื่อยืนอยู่เฉย ๆ ตรงนี้?”

“แล้วอีกอย่าง คนคนนั้นกับฉันเองก็เป็นนักศึกษาใหม่นี่หว่า แล้วไปมีความรู้เรื่องศาสตร์การจัดกระดูกมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

ความสับสนทั้งหมดยังคงอยู่ จนกระทั่งรถพยาบาลมาถึง พวกเจ้าหน้าที่การแพทย์ต่างเร่งพาเขาไปโรงพยาบาล

ทันทีที่เขามาถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็พาเขาไปเอกซเรย์ทันที ซึ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งสับสนยิ่งขึ้นเมื่อได้รับการเอกซเรย์เสร็จ

เขากระดูกหักระหว่างการยืนในการฝึกทหารจริง ๆ!

และแพทย์ยังบอกเขาอีกด้วยว่ามันเป็นรอยร้าวเพียงเล็กน้อย แค่พักฟื้นก็เพียงพอที่จะให้กระดูกซ่อมแซมตัวเองได้แล้ว

นี่มันเหมือนกับที่คนคนนั้นพูดเลย!

“เจ้านั่นจัดกระดูกให้ฉันใหม่จริง ๆ เหรอ?”

“เจ้านั่นเป็นใครกันนะ?”

“อย่างเจ๋งเลย!”

เขารู้สึกผิดหวังหน่อย ๆ ที่ไม่ได้ถามชื่อของชายหนุ่มที่ช่วยรักษามา

“ถ้าได้เจอเจ้านั่นอีกครั้งจะต้องขอบคุณเขาให้ได้!”

เขาตั้งมั่นกับตัวเอง

หลังจากที่ฟางชิวได้ช่วยรักษาคนที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว เขาก็กลับเข้าไปที่ชั้นเรียนของตัวเองพร้อมกับมองดูผู้เคราะห์ร้ายถูกแบกขึ้นรถพยาบาล ก่อนจะเข้าฝึกภาคสนามต่อไป

เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น การฝึกทหารภาคสนามก็จบลง

ส่วนปาร์ตี้ตอนค่ำในฤดูใบไม้ร่วงของมหาวิทยาลัยเพิ่งจะเริ่ม!

เวลา 6.30 นาฬิกา

หลังมื้อเย็น บรรดาน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยพากันนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งแยกตามชั้นเรียนบริเวณสนามใหญ่ โดยแต่ละโต๊ะนั้นถูกตกแต่งไปด้วยลูกโป่งหลากสีและของตกแต่งอื่น ๆ อีกมากมาย

ทุก ๆ คนต่างพากันรอปาร์ตี้คืนนี้อย่างใจจดใจจ่อ เพราะการใช้เวลาที่แสนสนุกด้วยกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะต้องเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากแน่ ๆ!

ฟางชิวได้โทรศัพท์หาครอบครัวของตัวเอง และในตอนนี้เขาก็กำลังนั่งหลับตาตรงที่นั่งของตัวเองเป็นการทำสมาธิและพักผ่อนไปในตัว

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นตัวแทนแสดงความสามารถในช่วงเย็นของวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีเครื่องดนตรีหรือจะต้องสวมชุดแฟนซี เพราะทางมหาวิทยาลัยต้องการให้นักศึกษาน้องใหม่แสดงความสามารถในชุดทหารลายพราง

“เจียงเหมี่ยวอวี๋มาแล้ว!”

ใครสักคนในกลุ่มเพื่อนร่วมคลาสพูดขึ้น ทันใดนั้นทั้งชั้นเรียนก็เกิดความโกลาหล

หนุ่ม ๆ บางคนถึงกับเงยหน้าขึ้นแล้วมองไม่วางตา แม้กระทั่งผู้ชายที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน

“ไหน ๆๆ?! เธออยู่ไหน?!”

ฟางชิวค่อย ๆ ลืมตาและมองไปข้างหน้า จากนั้นเขาก็เห็นกลุ่มหญิงสาวที่แต่งตัวสวยกำลังเดินอยู่ข้างหน้าเขา…

แม้ว่าจะมีสาว ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ฟางชิวก็สามารถมองเห็นเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้อย่างง่ายดาย

ถึงเธอจะอยู่ในชุดทหารลายพราง แต่มันก็ยังยากที่จะซ่อนออร่าเปล่งประกายความสวยอย่างเป็นธรรมชาตินี้!

แต่ฟางชิวเกิดความงุนงง “เธอมาทำไมน่ะ?”

นี่เป็นปาร์ตี้ฤดูใบไม้ร่วงต้อนรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง ดังนั้นเจียงเหมี่ยวอวี๋จึงไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ในเมื่อเธอเป็นนักศึกษาสาขาฝังเข็มและการนวดแผนจีน

แต่บทสนทนาจากคนรอบตัวชายหนุ่มก็ได้ให้ความกระจ่างแล้ว

“ได้ยินมาว่าสาขาฝังเข็มและการนวดแผนจีนจัดกิจกรรมให้เข้าร่วมฟรีในเย็นนี้ แต่เหมือนเทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ของพวกเราจะสนใจงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่แฮะ”

ฟางชิวพยักหน้า

และในเวลานี้เอง เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็กำลังมองหาชั้นเรียนที่ฟางชิวอยู่

จังหวะเดียวกันนั้นเอง ทั้งคู่สบตากัน เจียงเหมี่ยวอวี๋ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้ม

ฟางชิวเองก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยังคงเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเธอ ขณะที่คนในชั้นเรียนของฟางชิวเริ่มวุ่นวายกันอีกครั้ง

“เห็นไหม ๆ! เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มให้ฉัน! เธอยิ้มให้ฉัน!!”

“ไปตายซะไปไอ้เวร! ก็เห็น ๆ อยู่ เทพธิดาเจียงยิ้มให้ฉันต่างหาก!”

“แกสองคนนั่นแหละไปให้พ้น! เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มให้ฉันต่างหาก! ฉันต้องยิ้มตอบเธอแล้วสิ!”

กลุ่มนักศึกษาชายในคลาสต่างเถียงกันเองด้วยความตื่นเต้นว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำให้เทพธิดาคนงามเจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้ม

ซุนฮ่าว พี่สามประจำห้องพักของฟางชิวคว้าโทรศัพท์ของชายหนุ่มไปแล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นประหนึ่งเป็นแฟนบอย “น้องเล็ก เห็นไหม ๆ?! เทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มให้ฉัน! เธอยิ้มให้ฉันล่ะ!! ฤดูใบไม้ผลิของฉันกำลังมาแล้ว!!”

ในอีกด้านหนึ่งของซุนฮ่าว เจ้าสี่ หรือโจวเสี่ยวเทียนกลับขัดขึ้นว่า “ไอ้โง่! เทพธิดาเจียงยิ้มให้ฉันต่างหาก!”

พี่ใหญ่สุด จูเปิ่นเจิ้งเองก็ไม่น้อยหน้า เขาแย้งกลับสั้น ๆ “เป็นฉัน!”

ฟางชิวมองทั้งสามคนก่อนจะพูด “ความจริงแล้ว… เธอยิ้มให้ฉัน”

ทั้งสามคนหันหน้ามามองฟางชิวพร้อมกันด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพร้อมใจกันแจกนิ้วกลางให้เจ้าน้องเล็กทันที!

ซุนฮ่าวพูดขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูก “ไอ้น้องเล็ก ฉันจะบอกอะไรให้นะ มันมากเกินไปแล้ว ถ้าจะแข่งกับพวกฉันจีบเทพธิดาเจียงมันน่ากลัวนะเว้ย!”

“ใช่! น่ากลัวมาก!”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนดูถูกฟางชิวพร้อมกัน

ฟางชิวกางมือของตัวเองราวกับยินดีที่จะถูกตบแล้วเอ่ยต่อ “ปัญหาก็คือ… เธอยิ้มให้ฉันจริง ๆ”

“ดูไอ้เจ้าน้องเล็กสิ สงสัยอยากโดนฟาดว่ะ ติดที่ต้องขึ้นแสดงความสามารถในวันนี้ ไม่งั้นฉันต้องจัดสักหน่อย!” ซุนฮ่าวพูดขึ้นอย่างเหี้ยมโหด

อีกสองคนที่เหลือก็เงื้อมือขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเช่นกันว่า “พวกฉันจะสนองให้นายเอง ต่อยมันเลย!”

“ฉันจะเก็บขาสองข้างและมืออีกหนึ่งข้างไว้ให้พวกนายเอง”

ฟางชิวมองไปที่คนทั้งสามด้วยสายตาดูถูก ก่อนที่จะยื่นมือซ้ายออกไปแล้วตะโกน “อย่านะได้โปรด!”

“กำลังอารมณ์เสียซะด้วยสิ!”

ซุนฮ่าวที่สวมเสื้อเชิ้ตได้ถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นแล้วโบกมือเป็นสัญญาณให้กับจูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียน จากนั้นก็ตะโกนสั่ง “จัดการมันเลย!”

หนุ่ม ๆ ทั้งสามคนพากันกระโจนเข้าหาฟางชิว

ฟางชิวร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ตัวของเขาถูกตรึงกับพื้นและถูกรุมต่อยตีอย่างแรง

ส่วนเฉินชงก็กำลังวอร์มร่างกายเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแสดงความสามารถพลางมองไปยังฟางชิว เขาคิดว่าฟางชิวสามารถสู้กลับได้ แต่ฟางชิวกลับไม่ทำ

และในขณะนั้นเอง ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น

เกือบจะหนึ่งทุ่มเห็นจะได้ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้ เจ้าภาพเองก็ขึ้นเวทีไปแล้วเรียบร้อย

เมื่อเห็นดังนั้น หนุ่ม ๆ ทั้งสี่ก็หยุดการกระทำตัวเองทันที

ซุนฮ่าวกระซิบข้างหูฟางชิว

“เจ้าน้องเล็ก นายจะยอมแพ้หรือยัง?”

ฟางชิวตบพื้นก่อนจะพูดด้วยท่าทางที่น่าสังเวช “ยอมแพ้แล้ว ๆ”

“รู้ไว้ก็ดีแล้ว!”

ทั้งสามคนปล่อยตัวฟางชิวแล้วพูดใส่อีกฝ่ายด้วยท่าทางผยองในชัยชนะ

ฟางชิวจัดเสื้อผ้าของตัวเองพลางคิด

‘ถ้าหากสู้กันจริงจัง ฉันใช้เพียงนิ้วเดียวจัดการพวกนายทั้งสามคนเลยก็ยังได้…’

แต่ตัวเขารู้ว่าเวลาไหนควรสู้ เวลาไหนไม่ควร

เมื่อเจ้าภาพงานเลี้ยงขึ้นเวทีมาแล้ว ทุก ๆ คนก็ปรบมือขึ้นพร้อมกัน

โดยในช่วงเริ่มแรกจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้บริหารที่มีมากความสามารถและรู้ว่าสิ่งที่นักศึกษาต้องการคืออะไร เขาพูดเพียงไม่กี่นาทีแล้วประกาศให้เริ่มงานเลี้ยงได้

เสียงปรบมืออย่างคึกคักและอบอุ่นดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวลงจากเวที

การแสดงความสามารถแรกคือ การเต้นที่ร้อนแรงและเซ็กซี่ ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ผู้ชมต่างรู้สึกตื่นเต้นและคึกคักเป็นอย่างมาก

การเต้นรำที่ร้อนแรงและสง่างามจากกลุ่มของสาว ๆ บนเวที เรียกเสียงเป่าปากจากพวกหนุ่ม ๆ กันเกรียวกราว

จริง ๆ ฟางชิวต้องการจะสนุกกับช่วงเวลานี้อย่างเงียบ ๆ แต่ว่าซุนฮ่าวที่อยู่ข้าง ๆ เขาเหมือนจะมีมือปรบมือไม่พอ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงคว้ามือของฟางชิวมาตบแรง ๆ

ช่วงเวลาที่น่าสนุกสนานมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

เพลงจบลง การแสดงการเต้นก็จบไปเช่นกัน

เสียงปรบมือดังขึ้น เหล่านักศึกษาที่ยังคงไม่สะใจกับการโชว์ก็ตะโกน “ขอมากกว่านี้…!”

หลังจากนั้นพิธีกรก็ขึ้นมาบนเวทีแล้วถาม “โชว์เต้นนี้เจ๋งใช่ไหม?”

“เจ๋ง!!!” เหล่าผู้ชมพากันขานพร้อมกัน

“อยากดูอีกไหม?”

“อยาก!!”

“งั้นการแสดงต่อไป เป็นการแสดงการร้องเพลง How Rare the Moon, So Round and Clear!’*[1] จากนักเรียนห้องหนึ่ง สาขาวิชายาแพทย์แผนจีน อ้ายเล่อเล่อ!”

ทันทีที่ประกาศจบ พิธีกรก็ลงจากเวทีทันที

ในตอนแรกเหล่าผู้ชมคิดว่าจะเป็นการแสดงการเต้นที่เร่าร้อน แต่กลับเป็นการแสดงร้องเพลงแทน ทำเอาคนดูใจแป้วเล็กน้อย ทว่าหลังจากนั้นมีสาวน้อยน่ารักขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเพลงที่เริ่มดังคลอขึ้น

ทุก ๆ คนพากันเงียบสนิท ถึงอย่างไรก็ไม่ควรทำตัวเย้ยหยันไม่สุภาพกับเธอ

“…พระจันทร์ดวงนั้นช่างกลมและใสยิ่งนัก! ด้วยถ้วยในมือฉัน… ฉันภาวนาต่อฟากฟ้า…”

เพียงร้องท่อนเริ่มต้นมา ทุก ๆ คนต่างเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับเพลงที่เธอร้อง ยิ่งเป็นเพลงที่ถูกร้องในช่วงบรรยากาศของเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นนี้ด้วย

ด้วยบทเพลงที่ไพเราะนี้ หัวใจที่กระสับกระส่ายของผู้ชมต่างพากันสงบลงทันที

พวกเขาเริ่มอินกับเสียงเพลง อ้ายเล่อเล่อก็ยังคงร้องต่อไป

“…ฉันไม่รู้ว่าในท้องฟ้ายามค่ำคืน งานรื่นเริงนี้มีชื่อว่าอะไร…?”

“…ฉันอยากจะกลับบ้าน… โบยบินไปบนท้องฟ้า แต่ก็กลัวความหนาวเหน็บข้างบนนั้น…”

เมื่อเพลงจบ ผู้ชมทุกคนต่างพากันร้องตาม

“…เธอหมุนตัวรอบปราการสีชาด ก่อนจะโค้งตัวลงตรงหน้าประตูกำมะหยี่ส่องประกายจนผู้คนไม่อาจหลับใหล ทำไมเธอจึงไม่โกรธที่เราจากลากันและปฏิเสธที่จะพบกันอีกครา?”

เมื่อมาถึงท่อน ‘สิ่งที่หายากคือความสุขอันแท้จริง… ดวงจันทร์ย่อมขึ้นข้างแรมและดับลงไป’ เหล่าบรรดาผู้ชมก็ร้องตาม

ฟางชิวเองก็ร้องเบา ๆ ตามเช่นกัน

“…บุรุษมาพบกันและบอกลา ฉันเพียงภาวนาให้ชีวิตของเรายืนยาว ให้วิญญาณของเราโบยบินไปสู่สวรรค์ด้วยกัน…”

จังหวะนี้เองที่โจวเสี่ยวเทียนหันมามองฟางชิวแล้วต้องช็อกตาตั้ง

เขาประหลาดใจที่ฟางชิวก็สามารถร้องเพลงนี้ได้ไพเราะไม่แพ้สาวน้อยน่ารักที่อยู่บนเวทีเลย ดีไม่ดีอาจจะร้องได้ดีกว่าด้วยซ้ำ!

ซุนฮ่าวเองก็สามารถรับรู้ได้ เขากับโจวเสี่ยวเทียนพากันมองหน้ากัน

“ทำไมเจ้าน้องเล็กมันทำทุก ๆ อย่างได้ดีขนาดนี้กันนะ?”

ฟางชิวไม่สนใจพวกเขาทั้งสองและยังคงร้องเพลงตามต่อไป

เสียงของบรรดาผู้ชมเริ่มดังขึ้นและดังขึ้น ถึงแม้ว่าเพลงจะจบลงแล้ว ทุกคนก็ยังคงร้องเพลงและอยู่ในภวังค์ตามเนื้อหาของเพลง จนกระทั่งพิธีกรเดินขึ้นมาบนเวทีแล้วร้องเพลงร่วมกับพวกเขา

ชายผู้เป็นพิธีกรดูเหมือนจะหูหนวกไม่ได้ยินเสียงตัวเองตอนร้อง เพราะเสียงร้องของเขาพังมาก!

และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือพิธีกรคนนี้มีไมค์อยู่กับมือ มันจึงทำให้เสียงร้องอันห่วยแตกของเขากลบเสียงผู้ชมคนอื่น ๆ จนหมด

เหล่าผู้ชมพากันโกรธเป็นอย่างมาก ทุกคนพากันหยุดร้องพลางจ้องไปยังพิธีกรด้วยสายตาเย็นชา

แต่ดูเหมือนว่าพิธีกรชายท่าทางจะหน้าด้านมาก เขามองเหล่าผู้ชมที่หยุดร้องแล้วก็พูดขึ้น “ในเมื่อทุก ๆ คนชอบร้องเพลงมาก บางทีทุก ๆ คนคงจะสนุกกับการแสดง Crosstalk ‘ชีวิตทั้งหมดของฉัน’ ของนักศึกษาห้องหนึ่ง สาขาวิชาพยาธิวิทยา หลี่จิน และจางเกาหยางเช่นกัน!!!”

“โห่!!!”

ยิ่งเห็นสีหน้าของพิธีกร เสียงโห่ก็ดังมาจากทั่วทุกทิศทาง

พิธีกรยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับก้าวลงจากเวทีทันทีที่เสียงประกาศจบ ปล่อยให้นักศึกษาทั้งสองคนที่จะแสดงการแสดงชุดต่อไปขึ้นเวทีแทน

ฟางชิวสังเกตเห็นว่าเฉินชงเดินออกไปหลังอาจารย์หลิวเฟยเฟยกระซิบอะไรบางอย่าง

ดูเหมือนจะได้เวลาแสดงของเฉินชงแล้วสิ

แน่นอนว่าฟางชิวคิดถูกเป๊ะ ๆ! หลังทั้งสองคุยกันจบ พิธีกรก็เริ่มประกาศเรียกผู้แสดงความสามารถศิลปะการต่อสู้ เฉินชง นักศึกษาห้องสาม!

เมื่อได้ยินว่าการแสดงชุดต่อไปเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้ เหล่าบรรดาผู้ชมก็ไม่สนใจอีกต่อไป

ความตื่นเต้นจากการชมการแสดงทั้งสี่ชุดก่อนหน้านั้นมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

การแสดงศิลปะการต่อสู้นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการชก ซึ่งมันไม่มีอะไรที่สวยงามและน่าพอใจ แน่นอนว่าไม่มีความน่าตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

มีเพียงแค่นักศึกษาจากห้องสามที่ปรบมือให้กำลังใจอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เฉินชง

อีกทั้งตัวเฉินชงเองก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับสายตานิ่งเฉยจากบรรดาผู้ชมคนอื่นนอกจากพวกนักศึกษาห้องเดียวกัน เขาย่างเท้าขึ้นไปบนเวทีด้วยความแข็งแกร่งและหนักแน่นพร้อมกับกำหมัดของตัวเอง ดวงตาเป็นประกายแรงกล้าดุจดั่งต้นสน

คนอื่น ๆ ย่อมไม่เข้าใจภาพที่เห็นบนเวที แต่ฟางชิวกลับยิ้มบาง ๆ พร้อมกับชื่นชมอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ

“เจ๋งเป้ง!”

จิตวิญญาณและพลังปราณภายในตัวเฉินชงถูกกระตุ้นขึ้นทันที สภาพของชายหนุ่มบนเวทีตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเสือร้ายที่กำลังออกล่าในป่าเลย ภายใต้ท่าทางที่ดูเหมือนนิ่งเฉย แต่ภายในของเขานั้นร้อนแรงราวกับไฟเผา!

[1] How rare the moon, so round and clear เป็นเพลงที่ถูกดัดแปลงมาจากบทกวีของซูซื่อ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับดวงจันทร์และท้องฟ้า

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท