บทที่ 8 สวีดัด สวัสดี! ฉันชื่อฟางชิว!!
บทที่ 8 สวีดัด สวัสดี! ฉันชื่อฟางชิว!!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บทเพลงก็ดังขึ้น
มันคือเพลง ‘Wind and Cloud’ ของถูหงกัง ซึ่งจัดเป็นเพลงประกอบการแสดงการต่อสู้ที่ให้ความรู้สึกคึกคักมีชีวิตชีวา
ทันทีที่เสียงเพลงดังขึ้น เฉินชงก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ เผยให้เห็นเสื้อกั๊กสีดำแนบเนื้อพร้อมมัดกล้ามที่แข็งแรง
มัดกล้ามอันบึกบึนของเขาทำให้สาว ๆ ร้องกรี๊ดกร๊าด
“โอ้วมายก๊อด!!!!”
เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ดังกว่าเสียงเฮโลของผู้ชายก่อนหน้านี้ซะอีก
“เฮอะ! ทำมาเป็นโชว์!” ซุนฮ่าวคำรามด้วยความอิจฉา
เขาพูดเหมือนเสียงส่วนใหญ่ของบรรดาพวกผู้ชายที่อยู่ข้างล่างเวทีที่หมั่นไส้เฉินชง
…สายลมพัดฝุ่นขึ้นมา!…
เมื่อเพลงท่อนแรกเริ่มขึ้น เฉินชงกระโดดขึ้นและเตะสูงอย่างแม่นยำ
เขาลดขาลงข้างหนึ่งโดยไม่มีเสียง
กระบวนท่าเดียวทำให้ชายหนุ่มได้รับเสียงชม “สุดยอดดดด!”
ท่วงท่าของเขาดำเนินเป็นไปอย่างเงียบ ๆ มันงดงามและไร้ที่ติมาก กระนั้นก็ยังไม่หมดแค่นั้น!
…เหล่าวีรบุรุษมีมานับไม่ถ้วน…!
ต่อมาตัวเฉินชงก็หมุนตัวเตะด้วยมุมเจ็ดร้อยยี่สิบองศา
…พลังแห่งความยุติธรรมมีมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน…
จังหวะที่เขาหยุดลง เขาก็หมุนตัวอีกครั้ง
…คมดาบทิ่มแทงอย่างเร็ว!…
แต่ละท่อนเพลงตามมาด้วยท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่หนักแน่นและดุดันเป็นอย่างยิ่ง
เฉินชงกระโดดตีลังกาทำมุมห้าร้อยสี่สิบองศาเตะขาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว จากนั้นก็ตีลังกาถอยหลัง แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั่นก็คือ… เขาสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องและไม่หยุดพักเลย!
คนบางคนที่ได้มีโอกาสฝึกฝนวิชากังฟูล้วนแอบประทับใจกับการแสดงความสามารถของเฉินชง มันเป็นการการผสมผสานการเคลื่อนไหวของศิลปะการต่อสู้ พอเอามาแข่งขันมันจะทำให้ได้คะแนนสูงมาก ที่สำคัญเฉินชงสามารถเล่นท่วงท่าทั้งหมดนี้ได้
ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วฝูงชน
ในเวลานี้ บรรดานักศึกษาที่เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างพากันตะลึงกับความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ของเฉินชง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักสู้มืออาชีพ แต่ก็สามารถบอกได้เลยว่าความสามารถในการต่อสู้ของเฉินชงนั้นยอดเยี่ยมมาก!
พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นการโชว์ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อน
ฟางชิวดูการแสดงตรงหน้าพลางยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าเฉินชงจะมองมาที่ตัวเขาทุกครั้งที่เปลี่ยนท่วงท่าการต่อสู้ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามอวดและยั่วยุเขา!
ซึ่งสิ่งที่ฟางชิวคาดไม่ผิดแต่อย่างใด เฉินชงพยายามจะยั่วยุฟางชิวจริง ๆ!
ในตอนแรก เขาตั้งใจจะแสดงท่วงท่าพื้นฐานของกังฟูเท่านั้น แต่เมื่อเขาพบว่าฟางชิวเองก็อาจจะเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้เช่นกัน เขาจึงเปลี่ยนมาแสดงท่วงท่าที่ล้ำลึกและน่าอัศจรรย์มากขึ้น
ท่วงท่าทั้งหมดที่เขาแสดงนั้นเป็นอะไรที่ท้าทายมาก เขาจงใจยั่วยุฟางชิว!
แต่ฟางชิวไม่สนใจการยั่วยุแต่อย่างใด สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่ดูการแสดงของเฉินชงด้วยความชื่นชมจากใจจริง
ตัวเขามีคำวิจารณ์เพียงไม่กี่คำสำหรับการโชว์นี้
น่าตื่นเต้นและสะดุดตา แต่ไม่มีแก่นสาร!
ศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นจะสามารถสังหารเป้าหมายได้เพียงท่วงท่าเดียว!
ทำไมอีกฝ่ายจะต้องเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าที่เยอะแยะและซับซ้อนโดยไม่จำเป็นแบบนั้น?
อย่างไรก็ตาม ฟางชิวสามารถรับรู้ได้ถึงทุก ๆ การเคลื่อนไหวของเฉินชง แต่ถ้าหากเป็นตัวเองทำการแสดงนี้ เขาสามารถทำเป็นร้อย ๆ ครั้งมากกว่าเฉินชงเสียอีก!
…มิตรภาพเท่านั้นที่ลึกล้ำและไร้ขอบเขตดั่งทะเล ไม่ว่าหมู่มวลเมฆจะก่อตัวรวมกัน…
เมื่อเพลงมาถึงท่อนจบ เฉินชงผู้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อก็ลดท่วงท่าการเคลื่อนไหวลง สื่อว่าสิ้นสุดการแสดงแล้ว
เสียงปรบมือและผิวปากอย่างความชื่นชมดังออกมาจากผู้ชมไม่ขาดสาย
การแสดงศิลปะการต่อสู้นี้ไม่เพียงแต่ปลุกเร้าฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน*[1] ของหนุ่ม ๆ เท่านั้น มันยังไปปลุกไฟราคะในใจสาว ๆ อีกด้วย!
อาจารย์สาวสวยอย่างหลิวเฟยเฟยก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการแสดงนี้จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ บรรดาเพื่อนร่วมห้องสามเองต่างก็ภูมิใจในการแสดงของเฉินชงเช่นกัน
พิธีกรกลับขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเสียงปรบมือ แต่เฉินชงกลับไม่ยอมลงจากเวทีทั้งที่จบการแสดงแล้ว สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการคว้าไมโครโฟนมาจากพิธีกร
ผู้ชมเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินชงน่าจะมีอะไรบางอย่างต้องการพูด
เฉินชงจับไมโครโฟนแน่น ดวงตาของเขามองหาบริเวณที่ฟางชิวน่าจะดูเขาอยู่
“พวกคุณอาจจะคิดว่าความสามารถและการแสดงของผมนั้นน่าทึ่ง แต่ผมรู้ว่าที่นี่ยังมีคนที่มีความสามารถมากกว่าผมนั่งรวมอยู่ท่ามกลางทุกคน”
ด้วยคำประกาศของเขา เหล่าผู้ชมต่างพากันประหลาดใจมาก
“มีปรมาจารย์การต่อสู้นั่งอยู่กับพวกเรางั้นเหรอ?”
“การแสดงโชว์ของผมในครั้งนี้เป็นเพียงการกระตุ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ปรมาจารย์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชมแสดงตัวออกมาพร้อมแลกเปลี่ยนชี้แนะศิลปะกังฟูกับผม ดังนั้นคืนพรุ่งนี้ ในเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ ผมจะรอจนกว่าคุณจะมา!”
เขาว่าพร้อมกับเบือนสายตาจ้องมาที่ฟางชิว
ฟางชิวหัวเราะ
ในเวลานี้ กลุ่มผู้ชมเริ่มเกิดความโกลาหล
นี่… นี่มันคำท้าแข่งต่อสู้นี่นา!
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาจะได้เป็นสักขีพยานในการประลองนี้!
มากไปกว่านั้น คำท้าประลองต่อสู้นี้ยังถูกท้ากันในปาร์ตี้ต้อนรับน้องใหม่อีกด้วย!
จากนั้นก็มีเสียงบ่นจอแจจากผู้ชมคนอื่น ๆ เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าคำพูดของเฉินชงตั้งใจจะสื่อถึงใคร?
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าพรุ่งนี้สถานที่แห่งนี้จะมีแข่งการต่อสู้กลางที่สาธารณะ!
ใบหน้าของพิธีกรบนเวทีกำลังซึมไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ที่แตกพล่านออกมา
เขาไม่เคยคิดว่าเฉินชงจะกล้าท้าทายประลองต่อหน้าคนทั้งหมด และสงสัยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้เลือกจะต่อสู้กับใครคนนั้นที่เขาประกาศถึง?
พิธีกรเหลือบมองไปทางอธิการบดี ซึ่งอีกฝ่ายก็ลอบยิ้มบาง ๆ เป็นการรับรู้
แต่ตัวเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเห็นคืออะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม ตัวพิธีกรก็รีบคว้าไมค์กลับมาก่อนจะพูดต่อ “โอเค ๆ ขอบคุณคุณเฉินชงมากสำหรับการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้ แต่คืนนี้เรายังไม่ควรจะเน้นเรื่องของการท้าสู้แบบส่วนตัว ต่อไป เชิญสนุกกับการแสดงบทกวี ‘Eulogy of the Bright Moon ทำการแสดงโดย อู่ซื่อหยวน จากห้องสอง สาขาวิชาการวิจัยแพทย์แผนจีน!!”
…
ทันทีที่เดินลงมาจากเวที เฉินชงปรายตามองไปยังฟางชิวที่ดูเหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ ทั้งนั้น ก่อนจะกลับเข้าไปที่กลุ่มห้องเดิมของตัวเองจังหวะเดียวกับที่ผู้ชมคนอื่น ๆ เริ่มพากันนั่งลงประจำที่ดังเดิม
ฟางชิวรู้สึกประหลาดใจที่เฉินชงประกาศท้าสู้กับเขากลางที่สาธารณะ
“การเคลื่อนไหวนี้มันรุนแรงทั้งกับฉันและตัวเขาเอง!!”
“ไม่ว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปหรือไม่… ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันทั้งนั้นแหละ!”
ในขณะที่การแสดงบทกวีผ่านไปได้ครึ่งทาง หลิวเฟยเฟยซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นของฟางชิวก็แอบมาหาเขา
เธอมองตาฟางชิวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การแสดงต่อไปหลังจากนี้คือการแสดงฟลูตมือของเธอนะ เฉินชงเองทำให้พวกเราภูมิใจมาก ตอนนี้ ชั้นเรียนของพวกเราจะสามารถสร้างชื่อในงานปาร์ตี้รับน้องใหม่นี้ได้หรือไม่ ทุกอย่างมันอยู่ที่มือเธอแล้ว! เพราะฉะนั้น… ตั้งสมาธิไว้ให้ดี! แล้วก็ตั้งใจแสดงล่ะ!”
“ไม่ต้องห่วงหรอกอาจารย์ ผมไม่ได้อยากจะพูดเกินจริง แต่ผมยืนยันได้ว่าฟลูตมือของผมนั้นยอดเยี่ยมมาก! การันตีได้เลย! รับประกันว่าผู้ชมทุกคนจะต้องชื่นชมผม!”
ก่อนที่ฟางชิวจะพูดอะไรมากกว่านี้ ซุนฮ่าวก็ยิ้มจนเห็นฟัน แล้วแกล้งทำทีเป็นเป่าขลุ่ย
ฟางชิวมองไปที่ซุนฮ่าวอย่างเอือมระอา ก่อนจะเบือนสายตามาทางอาจารย์สาวที่ดูจะเครียดมากกว่าเขา
“อาจารย์กำลังกดดันผมมากนะ ไม่กลัวว่าผมจะกังวลจนมีผลกับการเป่าฟลูตมือเหรอ?”
“โอเค ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ!”
หลิวเฟยเฟยจับไหล่ของฟางชิวแล้วยกกำปั้นขึ้นมา “ไปกันเถอะ!”
“ไปกัน!”
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนต่างพากันเชียร์ฟางชิว
“ลุยเลย!!”
ฟางชิวตอบรับ จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหายไปในหมู่ผู้ชม
เขากับอาจารย์เดินไปยังหลังเวทีที่ทั้งเก่าและโทรม ทันใดนั้นฟางชิวก็ต้องตกใจเมื่อพบกับคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่ นั่นคือ เจียงเหมี่ยวอวี๋ สาวสวยขวัญใจหนุ่ม ๆ นั่นเอง
ข้างตัวของเธอนั้นมีหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งอยู่ด้วย เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม ระหว่างที่เธอกำลังคุยกับพิธีกร
ฟางชิวรู้จักชายคนนี้ เขาคือประธานนักศึกษา มีชื่อว่าหลี่ชิงสือ
เขาเรียนอยู่สาขาเดียวกับอาจารย์หลิว นับว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน
บอกเป็นนัย ๆ ได้ว่า สองคนดังจากสาขานี้รู้จักกัน โดยดูได้จากที่ทั้งสองพยักหน้าให้กันและกัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ ดวงตาของหลี่ชิงสือไม่ได้มองที่ฟางชิวเลย แต่กลับมองผ่านไปยังหลิวเฟยเฟยและเจียงเหมี่ยวอวี๋แทน
ฟางชิวสามารถให้คำ ๆ หนึ่งกับนายหลี่ชิงสือคนนี้ได้ว่า… หยิ่งว่ะ!
“เข้าไปนั่งรอตรงนั้น เตรียมตัวให้ดี อย่าเพิ่งขึ้นไปบนเวทีจนกว่าพิธีกรจะเรียกชื่อเธอ โอเค๊?”
หลิวเฟยเฟยชี้ไปที่เก้าอี้แล้วพูด “ฉันต้องไปแล้ว จะต้องรีบไปดูนักศึกษาของฉัน เดี๋ยวพวกเขาจะก่อปัญหาเอา”
ฟางชิวพยักหน้า และเมื่อหลิวเฟยเฟยจากไป เขาก็เดินตรงไปที่เก้าอี้
มาจนถึงตอนนี้ เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็เห็นฟางชิว เมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่หลังเวที เธอก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ก็หันมาพยักหน้าให้เขาพลางส่งยิ้มให้
ฟางชิวเองก็ยิ้มกลับ
ในเวลานี้ หลี่ชิงสือก็จ้องมองฟางชิวตรง ๆ ชัด ๆ ครั้งแรก หลังจากที่เขาพินิจพิเคราะห์ตัวฟางชิวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ก่อนพลันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหยียดหยาม จากนั้นเจ้าตัวก็เบือนสายตาออกไป
ฟางชิวเองก็ไม่สนใจสายตาดูถูกของหลี่ชิงสือ เขาเดินไปยังเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงแล้วหลับตาเพื่อทำจิตใจให้สงบ
“การแสดงของเธอถูกจัดให้อยู่สามการแสดงสุดท้าย ต่อจากการแสดงสตรีตแดนซ์ฮิปฮอป แล้วก็การแสดงของเธอในเพลง ‘Hélène’ (เฮเลน)*[2] ฉันจะรอดูการแสดงเธอนะ”
พิธีกรพูดกับเจียงเหมี่ยวอวี๋
ฟางชิวถึงกับลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋อีกครั้งด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเธอจะร่วมการแสดงในปาร์ตี้รับน้องใหม่นี้ด้วย!
ชายหนุ่มคุ้นเคยกับเพลง ‘Hélène’ เป็นอย่างดี เพราะนี่ก็เป็นเพลงโปรดของเขาเช่นกัน เขาชอบทั้งเวอร์ชันภาษาฝรั่งเศสและภาษาจีนเลย
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋จะทำการแสดงเพลงนี้
บทเพลงที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนหวานอย่างนี้ช่างเหมาะกับหญิงสาวเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ!”
เจียงเหมี่ยวอวี๋ขานรับอย่างสุภาพพลางแย้มยิ้ม
พูดจบ หญิงสาวก็ออกจากหลังเวทีพร้อมกับประธานนักศึกษาหลี่ชิงสือ
ฟางชิวนั่งเงียบ ๆ อยู่หลังเวทีตัวคนเดียว รอให้พิธีกรขานชื่อ
สิบนาทีต่อมา พิธีกรก็เรียกชื่อ “ต่อไปเชิญพบกับการแสดงฟลูตมือเพลง ‘Blue and White Porcelain’ จากนักศึกษาห้องสาม สาขาแพทย์แผนจีน ฟางชิว!!”
ทันทีที่พิธีกรประกาศ ฟางชิวก็ได้ยินเสียงเชียร์ดังมาจากพวกนักศึกษาห้องเดียวกับเขา
“ฟางชิว! ฟางชิว!”
เสียงเชียร์ที่ดังที่สุดเห็นได้ชัดว่าดังมาจากรูมเมตของเขาสามคน
ฟางชิวรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นทันทีก่อนจะก้าวขึ้นเวทีไปด้วยรอยยิ้ม
“ฟลูตมือเหรอ?”
นอกเวทีนั้น ดวงตาคู่สวยของเจียงเหมี่ยวอวี๋มองขึ้นไปยังบริเวณที่ฟางชิวจะแสดง เมื่อครู่นี้เธอได้ยินว่าเขาจะทำการแสดง แต่ไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะนำอุปกรณ์อะไรมาด้วยเลย เธอจึงคิดว่าเขาน่าจะแสดงการร้องเพลง เธอจึงรู้สึกแปลกใจมากที่เขาจะเล่นฟลูตมือที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
แล้วจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ชื่อเขาเลย
“ฟางชิว? ฟางชิว?”
“ฉันสงสัยจัง คำว่า ‘ชิว’ ของเขามันสะกดยังไง?”
“แต่ชื่อเขาเพราะดีนะ”
ตอนนี้เจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังตั้งหน้าตั้งตารอดูการแสดงของชายหนุ่มที่ช่วยรักษาเธอเมื่อวันก่อน
นักศึกษาที่อยู่ถัดจากเจียงเหมี่ยวอวี๋รู้สึกได้ถึงท่าทางแปลก ๆ ของหญิงสาวถามขึ้น “เธอรู้จักเขาเหรอ?”
หลี่ชิงสือที่อยู่ใกล้ ๆ เช่นกันก็แอบเงี่ยหูฟัง
“อื้ม… เคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวน่ะ” เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดยิ้ม ๆ
คนที่ถามก็พยักหน้า หลี่ชิงสือก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเบือนสายตาไปยังฟางชิวที่อยู่บนเวที
หลี่ชิงสืออยากดูการแสดงของชายคนนี้ที่มีโอกาสได้พบกับเทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ และยังทำให้เธอจำได้ด้วย!
เสียงปรบมือให้ฟางชิวค่อนข้างเบา ยกเว้นจากห้องสาม
เพราะคนส่วนมากไม่รู้ว่าฟลูตมือนั้นจะสามารถบรรเลงเพลงที่ไพเราะได้อย่างไร? ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจจะดูการแสดงดนตรีแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าเสียงปรบมือจะค่อนข้างแผ่ว แต่ฟางชิวก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรเลย เขาเดินตรงไปยังไมโครโฟนที่ถูกตั้งไว้กลางเวทีและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและนิ่งเรียบ “อย่าลืมว่าทำไมคุณมายืนอยู่ที่จุดนี้ ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น …หากอยากทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย งั้นก็มีเพียงคุณเท่านั้นที่ต้องปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงแห่งความสำเร็จ! แล้วคุณจะได้รู้ …ว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด สวัสดีทุกคน ผมคือ ฟางชิว!
“ฟาง… ชิว”
“‘ชิว’ ที่ว่านี่หมายถึง ภูเขา สินะ”
เจียงเหมี่ยวอวี๋คิดในใจ
นี่มันคือการแนะนำตัวเองแบบที่ไม่คาดคิด ซึ่งทำให้ทุก ๆ คนจำชื่อ ‘ฟางชิว’ ได้ทันที
“ฟางชิว! ฟางชิว!”
รูมเมตของฟางชิวทั้งสามคนคว้าโอกาสนี้สนับสนุนเพื่อน จากนั้นก็ตะโกนชื่อของฟางชิวแล้วโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น
แต่ต่อมา ช่วงเวลาที่น่าอายก็มาถึง
ทุก ๆ คนในบริเวณเดียวกันต่างพากันเงียบสนิท ยกเว้นแต่รูมเมตทั้งสาม จนทุกสายตาเปลี่ยนไปมองทั้งสามคนนั้นในทิศเดียว
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาทางพวกเขา ทั้งสามก็ต้องผงะ
สีหน้าดี๊ด๊าของพวกเขาถึงกับแข็งค้างทันที
พวกเขาหัวเราะแห้ง ๆ แล้วตะโกนเชียร์ต่อไป แต่เสียงก็ค่อย ๆ จางหายไป ในที่สุดจึงยอมลดมือลงอย่างอึดอัด
“ฮ่า ๆๆๆ…!!!”
เหล่าผู้ชมคนอื่น ๆ ต่างระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
แม้แต่ฟางชิวที่อยู่บนเวทีเองก็ยังรู้สึกขำ จากนั้นเขาก็พูดผ่านไมค์ “ขอบคุณสำหรับเสียงเชียร์นะรูมเมตของผมทั้งสาม แล้วก็… ให้ผมแนะนำพวกเขาสั้น ๆ หน่อย …พวกเขาทั้งหมดยัง ‘โสด’ ครับ”
ทุกคนถึงกับตัวแข็งค้างเป็นหิน
“หยุดพูดตั้งนาน แต่กลับพูดเพียงแค่คำเดียวว่า ‘ยังโสด’!”
“ช่างเป็นการแนะนำที่ยอดเยี่ยม!”
“ฮ่า ๆๆๆ…!!!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็เกิดเสียงหัวเราะลั่นในหมู่ผู้ชม
ในทางกลับกัน รูมเมตทั้งสามคนของฟางชิวกลับรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี พวกเขาอยากจะผลุนผลันขึ้นเวทีไปฟาดเจ้าน้องเล็กสุดเกรียนนี่!
เจ้าน้องเล็กนี่มันทำอะไรกับพวกเขา?!
“ไอ้เจ้าน้องเลว! ได้เห็นดีกันแน่!!!”
[1] ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน เป็นฮอร์โมนเพศชายที่สำคัญ โดยผลิตจากอัณฑะของผู้ชาย ทำหน้าที่ควบคุม เกื้อหนุนลักษณะการแสดงออกทางเพศชาย สนับสนุนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและมวลกระดูก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
[2] เป็นเพลงป๊อปของปี 1989 ถูกแต่งขึ้นโดย Roch Voisine นักร้องชาวแคนาดา และถูกนำไปร้องเป็นภาษาจีนด้วย