คุรุการแพทย์ – บทที่ 12 จดหมายรักจากดาวมหาวิทยาลัย

คุรุการแพทย์

บทที่ 12 จดหมายรักจากดาวมหาวิทยาลัย

บทที่ 12 จดหมายรักจากดาวมหาวิทยาลัย

ท็อปสี่อันดับคนดังเป็นไปตามที่ใครหลายคนคาดไว้จริง ๆ!

คะแนนความนิยมของทั้งสี่คนสูงกว่าคนในหัวข้อข่าว ‘ปีสอง’ ก็จริง แต่ก็ยังน้อยกว่า ‘ปีสาม’ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คะแนนความนิยมของพวกเขามีมากขนาดนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเว็บบอร์ดข่าวของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง

นอกจากนี้ พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าชายหนุ่มผู้รักความยุติธรรมกับฟางชิวนั้นเป็นคนเดียวกัน และยังเป็นคนที่เฉินชงต้องการจะประลองด้วย

ในคืนนี้ ทั้งสองหัวข้อถูกหยิบยกมาพูดเพราะฟางชิว

หลังจากงานปาร์ตี้จบลง ฟางชิวกลับหอพักของตัวเองพร้อมกับรูมเมตทั้งสาม

ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงหอพัก รูมเมตทั้งสามคนของฟางชิวก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องสาว ๆ ในหอพักที่พวกเขาอยากจะจีบด้วย มีแต่ฟางชิวเท่านั้นที่เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองแล้วเอาแต่ซื้อของทางอินเทอร์เน็ต

สิ่งที่ชายหนุ่มซื้อนั่นก็คือ แส้หางม้าและเหรียญทองแดง

“นำแส้หางม้าห้อยกับเหรียญทองแดงไปไว้ในที่ที่ไร้ผู้คน สังเกตตัวเหรียญทองแดงด้วยตาแล้วเคลื่อนย้ายมันไปตามจินตนาการของคุณ แล้วความสำเร็จขั้นต้นจะบังเกิด”

นี่คือการฝึกฝนในการเข้าถึง ‘ขอบเขตจิตสำนึก’ ที่ถูกเขียนไว้ในทฤษฎีการจัดกระดูกนั่นเอง

ถึงแม้ว่าทฤษฎีการจัดกระดูกจะจำเป็นต้องเข้าไปถึงขั้น ‘เข้าใจ’ เป็นอย่างแรก ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้น ‘เชี่ยวชาญ’ ก็ตาม แต่ฟางชิวต้องการที่จะฝึกทั้งสองระดับพร้อมกันเพื่อประหยัดเวลา

สำหรับเหตุผลที่คนสมัยก่อนจัดลำดับเช่นนั้น อาจเป็นพราะกังวลว่าคนรุ่นต่อไปจะคิดลักไก่ข้ามขั้นการเรียนรู้ทั้งที่ยังมีความรู้พื้นฐานไม่แน่นพอ

แต่สำหรับกรณีของฟางชิวนั้นแตกต่างออกไป เขาไม่ได้มีแผนที่จะใช้สิ่งนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เขาจึงต้องเรียนรู้สิ่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

หลังจากที่ซื้อของผ่านระบบออนไลน์เสร็จแล้ว ฟางชิวก็อ่านหนังสือสักพักก่อนจะพักสายตาแล้วผล็อยหลับไป

แน่นอนว่า… ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาตอนช่วงเวลาตีสามอย่างเคย

แต่ก่อนที่ฟางชิวจะออกไปนั้น เขาก็เห็นเฉินชงยืนอยู่หลังต้นไม้ตรงทางออกของหอพัก

ดูเหมือนว่าเฉินชงจะรอเขาอยู่…

ฟางชิวยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ให้โอกาสอะไรแก่อีกฝ่ายเลย เขาปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วกระโจนไปยังจุดอื่น กลายเป็นเงาดำเร้นกายหายวับเข้าไปในกลางป่า

เขามาฝึกฝนที่เดิมอีกครั้งดั่งเช่นเมื่อวาน มันเป็นบริเวณเกาะเล็ก ๆ ใจกลางทะเลสาบ จากนั้นเขาก็เริ่มนั่งทำสมาธิ

คืนก่อน ตอนเขาเล่นฟลูตมือ ฟางชิวบังเอิญเข้าถึง ‘การหยั่งรู้สรรพสิ่ง’ ทำให้ตัวชายหนุ่มสามารถเข้าใจอะไรบางสิ่งขึ้นมาได้ วันนี้จึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะฝึกฝน

เวลาล่วงเลยมาถึงตีห้า ฟางชิวเดินกลับหอพักด้วยสภาพจิตใจที่สดชื่นขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าเฉินชงไม่ได้อยู่ที่ใต้ต้นไม้แล้ว

ฟางชิวกลับไปที่ห้อง ปลุกรูมเมตทั้งสาม หลังทุกคนตื่นก็รีบลุกจากเตียงอย่างไวเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัว จากนั้นก็ค่อยไปทานอาหารเช้าด้วยกัน

การฝึกทหารภาคสนามช่วงเช้ายังคงดำเนินต่อไปตามปกติ นั่นคือการฝึกเดินสวนสนาม และในช่วงบ่ายนี้จะเป็นการฝึกเดินขบวนพาเหรด

เพราะว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการฝึกทหารภาคสนาม และในวันมะรืนนี้จะเป็นวันเดินขบวนพาเหรด

เวลาในการฝึกกระชั้นชิดแถมภารกิจก็หนัก การฝึกทหารก็ยิ่งโหดขึ้นเรื่อย ๆ

เวลาบ่ายสามโมง นับเป็นช่วงเวลาที่แดดร้อนจัด เหล่านักศึกษาส่วนมากล้วนเหนื่อยล้าและรู้สึกร้อน

พวกเขาจะตายกันอยู่แล้ว!

มะรืนนี้ การตรวจตราการฝึกภาคสนามจะเริ่มขึ้น บรรดาครูฝึกต่างรอคอยที่จะรับการประเมินผล ดังนั้นการฝึกฝนนักศึกษาทั้งหมดจึงเข้มงวดขึ้นตามไปด้วย

นี่ทรมานเหล่านักศึกษาเป็นอย่างมาก

พวกเขาหมดแรงตั้งแต่ตอนมัธยมปีสามแล้ว ตอนนี้ก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัสอีก!

แต่ถึงจะทรมานอย่างไร นักศึกษาห้องสามก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันอดทน

เมื่อพูดถึงระดับของการฝึกภาคสนามนี้ แม้แต่เฉินชงยังแทบจะทนไม่ไหว ส่วนฟางชิวนั้นกลับดูปกติอยู่คนเดียว

หลังจากแอบดูฟางชิวอย่างลับ ๆ หลายครั้ง เฉินชงก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าฟางชิวนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ยิ่งสภาพอากาศที่ร้อนจัดและการฝึกโหดที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังแทบทานทนไม่ไหว แต่อีกฝ่ายกลับสามารถอดทนได้ และยังดูมีพลังเหลือเฟืออีกด้วย

นั่นยิ่งทำให้เฉินชงเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังสงสัย!

และยิ่งทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอการประลองในค่ำคืนนี้ เฉินชงอยากจะรู้ว่าฟางชิวจะกล้ามาตามคำท้าหรือไม่?

สาส์นท้าประลองการต่อสู้ได้ถูกส่งไปแล้ว ไม่ว่าฟางชิวจะโผล่หัวมาหรือไม่ เขาก็จะรออีกฝ่ายจนถึงเวลาเที่ยงของวันถัดไปเลย!

สาว ๆ ในห้องสามเองก็ยังคงพูดถึงฟางชิวพลางมองดูเขาเป็นครั้งคราว

หลังจากการแสดงเมื่อคืนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่ากลุ่มสาว ๆ ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดฟางชิวเป็นอย่างมาก

ซุนฮ่าวขยิบตาส่งซิกให้ฟางชิวหลังจากที่รู้สึกได้ถึงสายตาของผู้หญิงในชั้นที่มองมายังอีกฝ่าย

ฟางชิวไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม

แล้วทันใดนั้น กลุ่มคนที่กำลังพักอยู่ก็มองไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกัน ก่อนจะต้องอึ้ง นั่นคือ เจียงเหมี่ยวอวี๋!

หลังจากปาร์ตี้รับน้องใหม่เมื่อคืนนี้ ความนิยมในตัวเทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ดูเหมือนจะมากขึ้นไปอีก!

ความคลั่งไคล้ชมชอบในตัวหญิงสาวที่มากขึ้นนั้น เห็นได้ชัดว่ามาจากสายตาหนุ่ม ๆ

แล้วตอนนี้ เส้นทางที่เจียงเหมี่ยวอวี๋เดินมาดันเป็นจุดของห้องสาม

หนุ่ม ๆ ในห้องสามต่างรู้สึกกระชุ่มกระชวย แต่เพื่อสร้างความประทับใจต่อหน้าเทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ พวกเขาจึงพยายามระงับอาการตื่นเต้นด้วยการมองเธออย่างสงบแทน

ภายใต้สายตาของผู้คนที่มองอยู่นั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋กลับตรงเข้าไปหาฟางชิวแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าสตางค์

“โอ้…”

หนุ่ม ๆ ในห้องสามเริ่มเอะอะกันด้วยความฮือฮา

จดหมายนั่นมันหมายความว่าอย่างไร?

จดหมายมันก็แค่จดหมายล่ะว้า…

อีกอย่างทุกวันนี้ ทุก ๆ คนส่วนมากต่างก็เลือกใช้การส่งข้อความหรือแชตผ่านแอปวีแชตทั้งนั้น หมายความว่านี่ไม่ใช่แค่จดหมายธรรมดาแน่ ๆ และมันเป็นได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

นี่คือจดหมายรัก!

จดหมายรัก!

เทพธิดาเจียงส่งจดหมายรักให้ฟางชิว!

นี่มันเป็นปรากฏการณ์ใหญ่เลยนะ!

เมื่อเทียบกับเหล่าหนุ่ม ๆ ที่ต้องการจะก่อปัญหาแล้ว สาว ๆ ในห้องสามกลับมีสีหน้ามืดมนลงทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“นี่มันอะไร?”

ฟางชิวลุกขึ้นยืนแล้วถามด้วยความสับสน ในขณะที่จ้องจดหมายในมือของเจียงเหมี่ยวอวี๋

เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบด้วยรอยยิ้มซุกซน “มันคือจดหมายรัก… ฉันกำลังสงสัยว่านายจะกล้ารับไว้ไหม?”

แม้ชายหนุ่มจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฟางชิวก็ยังรู้สึกว่าใจตัวเองกำลังเต้นแรงแม้ว่าภายนอกของเขาจะยังคงสงบนิ่ง

“โอ้…”

เมื่อแน่ใจว่าเป็นจดหมายรัก ผู้คนโดยรอบก็เริ่มเอะอะกันอีกครั้ง โดยเฉพาะสามรูมเมตของฟางชิว

“ของใคร?”

ฟางชิวมองเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วถามเธอกลับด้วยเสียงเรียบ ๆ

“ของฉันไง!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบกลับด้วยสายตาหยอกล้อ

“เอาคืนไปเถอะ ฉันรับไว้ไม่ได้”

ฟางชิวตอบเธออย่างสุภาพ

“ฮ่า ๆ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดพร้อมรอยยิ้ม “นี่มาจากเพื่อนร่วมห้องของฉัน ขอให้ฉันเอามาให้นาย”

หลังจากพูดอย่างนี้ เธอก็มองมาที่ฟางชิวแล้วถามกลับ “แล้วสรุปจะรับมันไว้ไหม?”

เมื่อหนุ่ม ๆ ได้ยินว่าจดหมายรักนั้นมาจากเพื่อนร่วมห้องของเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในเวลาเดียวกัน เสียงเอะอะก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนพากันมองไปที่ฟางชิวเพื่อดูว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร

“จะรับหรือไม่งั้นเหรอ?”

ฟางชิวยังคงรู้สึกไม่แน่ใจ

“รับไว้คงไม่เหมาะ”

“จะไม่รับไว้เหรอ? ใจร้ายมากเลย!”

ในเวลานั้นเอง ก็มีนักศึกษาสวมแว่นกันแดด ในมือถือขวดน้ำแร่ เดินผ่านกลุ่มนักเรียนห้องสามไป

เวลาสำคัญขนาดนี้มีคนขัดจังหวะซะได้!

นักศึกษาห้องสามทั้งหมดต่างมองนายคนนี้ทันทีด้วยแววตาเย็นชา เพราะโกรธที่มาขัดจังหวะช่วงเวลาสำคัญนี้

นายคนนี้ก็มองมาที่นักเรียนห้องสามกลับด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเห็นฟางชิวท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาห้องสาม สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นทะมึนตึงทันที

คนมาใหม่ก้าวไปทางฟางชิวทีละสองสามก้าวช้า ๆ

ฟางชิวมองคนมาใหม่ด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะสวมแว่นกันแดด แต่ฟางชิวก็จำอีกฝ่ายได้

นี่มันไอ้คนรวยรุ่นสองที่ลงจากรถหรูวันที่ฝนตกนี่นา

ตอนนี้สีหน้าของเจ้าคนรวยรุ่นสองลังเลเป็นอย่างมาก

‘ฉันต้องพูดว่า ‘สวัสดี’ ด้วยไหม?’

ถังเฮิงหรือคนรวยรุ่นสองคิดในใจพลางนึกถึงคำเตือนของพ่อตัวเองหลังจากเกิดเรื่อง พ่อบอกไว้ว่าจะเป็นการดีกว่ามาก หากเลือกจะผูกมิตรกับคนตรงหน้า

‘หลังปะทะกับรอบนั้น ไม่ทักคงไม่ดี’

เขาสงสัยฟางชิวหลายอย่าง

ฟางชิวไม่ได้ยกมือขึ้นแต่อย่างใด แต่ผู้คุ้มกันทั้งสองของพ่อก็ยังกลัว!

เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ผู้คุ้มกันพูดเมื่อวันก่อน ๆ โน้นว่าชายคนนี้มันไม่ธรรมดา เขาก็ต้องเป็นกังวลใจอีกครั้ง

จู่ ๆ เขาก็เกิดความลังเล หยุดฝีเท้าลง ไม่แน่ใจขึ้นมาว่าควรไปเอาเรื่องอีกฝ่ายดีหรือไม่?

หลังมีท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินไปยังบริเวณที่นักศึกษาห้องสามยืนออกันอยู่

เหล่านักศึกษาห้องสามก็พากันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เจียงเหมี่ยวอวี๋เองก็จ้องถังเฮิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

เมื่อมาถึงตัวทั้งสอง ทันทีที่พบกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ ถังเฮิงก็ถึงกับชะงักกับความงามของเธอจนพูดไม่ออก

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามสลัดความสนใจในตัวเธอออกไป เขาไม่ลืมชายผู้น่าเกรงขามที่ตนมีธุระด้วย

อีกอย่าง เทพธิดาคนงามเหมือนจะส่งอะไรให้ไอ้ปีศาจตัวนี้ซะด้วย

บอกเป็นนัย ๆ ได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดาแน่ ๆ!

‘พวกเขาเป็นแฟนกันเหรอ?’

ภายใต้แววตาประหลาดใจของฟางชิว ถังเฮิงก็เดินมาหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “พี่ชาย… ดื่มน้ำหน่อยไหม?”

ฟางชิวชะงัก

‘นี่เราห่างเหินกันขนาดนั้นเลยเหรอ?’

ถังเฮิงเลื่อนสายตาไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ จากนั้นก็เริ่มยั่วยุฟางชิว แต่ดูเหมือนเขาจะเล่นผิดคนแล้ว เขาพูดว่า “ส่วนนี่ก็คงเป็นพี่สะใภ้ผมใช่ไหม? พี่สะใภ้ครับ ดื่มน้ำหน่อยไหม?”

นักเรียนห้องสามต่างพากันตกใจ

“เฮ้ย น้องชายฟางชิวมันปัญญาอ่อนหรือเปล่าวะ!”

“สมองคงไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง”

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันหรือเปล่า?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยังคงมองคนรวยรุ่นสองด้วยสายตาอันว่างเปล่า เธอไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘พี่สะใภ้’ ที่พูดกับเธอเลย

เจ้าคนรวยรุ่นสองทำให้ฟางชิวรู้สึกขบขันและเซ็งสุดขีด เพื่อที่จะหลบและปลีกตัวจากสถานการณ์แบบนี้ ชายหนุ่มจึงรับขวดน้ำแร่ทั้งสองขวดมาจากมืออีกฝ่ายแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณ”

“ตามสบายน่าพี่ชาย… ฉันชื่อถังเฮิง คราวหน้าถ้ามีโอกาส ผมจะเชิญพี่ชายกับพี่สะใภ้ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ แต่ตอนนี้… ผมต้องขอตัวก่อน!”

เมื่อเห็นว่าฟางชิวรับน้ำแร่จากมือตนแล้ว ถังเฮิงก็จากไปอย่างอารมณ์ดี

“ในเมื่อยอมรับน้ำแร่ไป ก็หมายความว่าเขาไม่ได้ถือสากับเหตุการณ์ไม่น่าประทับใจเมื่อตอนนั้นแล้วสินะ”

ถังเฮิงมีความสุขจากไปแล้ว แต่ด้านฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋กลับเหลือแต่ความกระอักกระอ่วน

อีกคนมองที่ขวดน้ำ อีกคนก็มองที่จดหมาย เขามองเธอ เธอมองเขา

ในที่สุดฟางชิวก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ส่วนเรื่องจดหมายนี่ ฝากขอบคุณเพื่อนเธอด้วยนะ แต่ฉันรับไว้ไม่ได้จริง ๆ”

“ถ้านายได้เห็นภาพแล้วอ่านจดหมายของเพื่อนฉัน นายจะต้องเสียใจ เธอเป็นสาวสวยเชียวนะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋พูดยิ้ม ๆ

“เพื่อนเธอสวยเท่าเธอเลยเหรอ?”

ฟางชิวพูดติดตลกพลางยิ้มตอบ

“น่ารักกว่าฉันอีก”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ตอบกลับเช่นกัน

“งั้นฉันก็ยิ่งรับไว้ไม่ได้แน่นอน ไม่งั้นฉันจะกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง ของผู้ชายทุกคนที่นี่” ฟางชิวก็ยังตอบกลับพร้อมกับยิ้มเบา ๆ

“นายกลัวเกินไปหรือเปล่า?” เจียงเหมี่ยวอวี๋บ่น จากนั้นก็มองเข้าไปที่ดวงตาของเขาแล้วพูดว่า “จะไม่รับจดหมายนี้แน่นะ?”

ฟางชิวพยักหน้าอย่างแน่วแน่

“ดี! จะต้องมีใครสักคนเสียใจแน่” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถอนหายใจ ก่อนจะถือจดหมายจากไป

หนุ่ม ๆ ในชั้นเรียนต่างมองหน้ากันด้วยความเหวอสุดขีดหลังเห็นฟางชิวปฏิเสธจดหมายรักนี้

มีคนให้จดหมายรัก แต่ดันไม่รับ!

แล้วยังมาจากสาวสวยดาวมหาวิทยาลัยด้วย!

พวกเขาซะอีก แม้จะอยากได้จดหมายรักเพียงใด ก็ไม่เคยได้สักที!

ส่วนพวกสาว ๆ ในห้องสามต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังสถานการณ์กลับมาปกติ เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็กล่าวลา ฟางชิวยื่นขวดน้ำขวดหนึ่งที่ได้รับมาจากถังเฮิงส่งให้เธอ “นี่ให้เธอ รับไปสิ”

เจียงเหมี่ยวอวี๋มองน้ำแร่ในมือฟางชิว ไม่รู้ว่าควรจะรับดีหรือไม่?

เพราะนี่มันสำหรับ ‘พี่สะใภ้’ แต่เธอไม่ใช่นี่นา

ถ้าเธอรับมัน นี่มันจะหมายความว่าเธอยอมให้อีกฝ่ายหรือเปล่า?

เจียงเหมี่ยวอวี๋คิดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ

ทันใดนั้น จู่ ๆ หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยพูดกับเขาว่า “งั้นนายเอาจดหมายนี้ไป ฉันรับน้ำนี้มา ยื่นหมูยื่นแมวกัน”

“โห่…”

มีเสียงร้องโห่ดังลั่นกลุ่มชั้นเรียน

“ดูซิว่าคราวนี้นายจะทำยังไง? จะรับมันไว้ไหม?”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท