บทที่ 14 ฉันหล่อมาก…
บทที่ 14 ฉันหล่อมาก…
“เอาเลยเฉินชง! เอาเลย!!!!!”
เสียงเชียร์เฉินชงจากนักศึกษาห้องสามดังกระหึ่มอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้เฉินชงไม่รับรู้สิ่งรอบตัวอีกแล้ว สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นตอนนี้มีเพียงคู่ต่อสู้ตรงหน้าเท่านั้น แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้ามีฝีมือการต่อสู้ไม่เก่งเท่าตนเอง ทว่าเขาเองก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน
หวังคังเข้าไปใกล้เฉินชง พบว่าอีกฝ่ายยังคงตั้งมือขึ้นมาโดยไม่มีการเคลื่อนไหวอื่น ๆ เลย หวังคังจึงยิ้มเย็นชา พุ่งตัวเข้าไปใกล้เฉินชงก่อนจะเหวี่ยงหมัดซ้ายเข้าไปที่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างจัง
หมัดนี้ทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานี!
แต่นี่ยังไม่ใช่ไม้ตายของหวังคังแต่อย่างใด หมัดนี้ยังไม่ได้อยู่ในขั้นสูงสุด ไม้ตายที่แท้จริงของเขาก็คือลูกเตะขาขวาต่างหาก
เมื่อหมัดซ้ายของหวังคังถูกดึงกลับ เขาก็ฟาดขาลูกเตะขวา ไปยังข้างศีรษะของเฉินชงอย่างแรง
ดูเหมือนเฉินชงจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลย เขายังคงนิ่งเฉย หวังคังได้ใจมาก คิดว่าการโจมตีครั้งนี้ของตนจะสำเร็จ
ในขณะที่ท่าเตะไม้ตายของหวังคังกำลังจะจัดการเฉินชง เฉินชงก็เริ่มขยับตัว ฝีเท้าไม่ขยับแต่อย่างใด เขาทำเพียงเบี่ยงตัวเองไปในมุมที่เหมาะเจาะเพื่อหลบลูกเตะ
เท้าขวาของเฉินชงฟาดเข้าที่ขาซ้ายของหวังคัง
มันสายไปแล้วสำหรับหวังคังที่จะแก้เกมลูกเตะของตัวเอง เขาสูญเสียการทรงตัวและล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นในที่สุด
“นายสูญเสียการทรงตัว แถมขาของนายก็ไม่แข็งแรง” เฉินชงวิจารณ์
หวังคังลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ได้แต่กำหมัดด้วยความเจ็บใจก่อนจะลงจากเวที
นักสู้มืออาชีพย่อมสามารถรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้เพียงแค่เห็นหนึ่งท่วงท่าจากอีกฝ่าย ตัวหวังคังรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะเฉินชงได้อย่างแน่นอน หลาย ๆ คนเคยแพ้ให้กับเขา เขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะแพ้ให้กับอีกฝ่ายจากการล้มลงเพียงครั้งเดียว
แทนที่จะอยู่บนเวทีอย่างอับอาย สู้ลงเวทีไปดีกว่า!
ขืนดื้อด้านสู้ต่อไปเขาต้องแพ้แน่นอน หวังคังไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว!
ผู้ชมที่อยู่นอกเวทีต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะจบเร็วขนาดนี้
เพราะการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ มันใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ!
“สุดยอด!”
แปะ ๆๆๆ!
เสียงปรบมือดังลั่นทั่วพื้นที่
ตามมาด้วยเสียงเชียร์จากนักศึกษาห้องสามที่พากันร้องตะโกน “เฉินชง! เฉินชง!”
กลุ่มคนจากชมรมศิลปะการต่อสู้มีท่าทางที่ไม่สู้ดีอย่างเห็นได้ชัด พวกเขารู้ดีว่าเฉินชงนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด ดังนั้นจึงยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ประธานชมรมศิลปะการต่อสู้กำลังคิดว่าจะชวนเฉินชงให้เข้าชมรมศิลปะการต่อสู้อย่างไรดีในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้
ถ้าหากในชมรมศิลปะการต่อสู้มีเฉินชงร่วมด้วยละก็… จะต้องมีคนมาสมัครเข้าเยอะแน่นอน!
ชื่อเสียงของชมรมที่เพิ่งสูญเสียไปสักครู่นี้ก็ยังพอมีทางกอบกู้ได้ ยิ่งเฉินชงมีชื่อเสียงมากเท่าไร ชมรมศิลปะการต่อสู้ก็จะยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น!
ทางด้านตัวเฉินชงเองก็รู้สึกดีกับเสียงเชียร์นอกเวทีเป็นอย่างมาก เขายังคงกำหมัดแล้วรอเป้าหมายปรากฏตัวต่อไป
ชายที่เขากำลังรออยู่นั้นยังไม่มาสักที
ในตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มสิบแปดนาที… เหลือเวลาอีกแค่สองนาที…
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะฟางชิว!”
ในเวลานี้ ไฟทั้งสองข้างทางของเวทีก็พลันสว่างขึ้น พื้นที่รอบ ๆ ก็สว่างขึ้นเช่นกัน
เข็มนาฬิกาตอนนี้ตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มยี่สิบนาทีแล้ว!
เฉินชงทอดสายตามองไปยังกลุ่มนักศึกษาห้องสาม เห็นว่าฟางชิวยังไม่มา ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ นึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
“อ๊ะ?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องตะโกนขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
ฝูงชนมองไปที่เขาด้วยความสงสัย
คน ๆ หนึ่งชี้ไปที่คานเหล็กเหนือเวทีขึ้นไป
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางที่เขาชี้นิ้วไปด้วยสายตาไม่ทันได้คิดอะไร
ที่ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนคานเหล็กที่สูงจากพื้นประมาณแปดถึงเก้าเมตร
แถมยังสวมชุดเครื่องแบบฝึกทหารกับหน้ากากอีกด้วย!
ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้ขึ้นไปอยู่บนนั้นตั้งแต่เมื่อไร?
และไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขาปีนขึ้นไปบนนั้นได้อย่างไร?
เหล่าคนดูมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่พบบันไดหรือพื้นที่ตรงไหนที่น่าจะใช้ปีนขึ้นไปข้างบนได้เลย
เฉินชงมองขึ้นไปยังชายที่นั่งอยู่บนคานเหล็กอย่างสบาย ๆ ด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่บนนั้นเลยตอนที่เขามาที่นี่ อีกทั้งยังแน่ใจว่าคนที่ขึ้นไปอยู่บนนั้นคือใคร!
แต่จนถึงตอนนี้เฉินชงก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นขึ้นไปอยู่บนนั้นตั้งแต่เมื่อไรและปีนขึ้นไปอย่างไร?!
ด้วยความสูงระดับนั้น ดูอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไป!
“หมอนั่นมันใครกัน?”
คำถามผุดขึ้นในใจเขาทันที
ไม่เพียงตัวเฉินชงเท่านั้น เหล่าผู้ชมที่อยู่นอกเวทีก็ซุบซิบกันด้วยความสงสัย ต่างคนต่างไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นคือใคร และมาที่นี่ทำไม?
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ชายที่อยู่บนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขากระโดดลงมาจากคานเหล็กที่สูงจากพื้นไม่เจ็ดก็แปดเมตร!
“เห้ย!”
ทุกคนต่างร้องตะโกนออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ความสูงแปดถึงเก้าเมตรเช่นนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดา กระโดดหรือตกลงมาจากตรงนั้นคงจะเจ็บตัวไปแล้ว!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจยิ่งกว่าก็ได้เกิดขึ้น
ชายหนุ่มคนนั้นกระโดดลงมาถึงพื้นอย่างนุ่มนวลและเงียบเชียบ!
มันทำให้ทุกคนรู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ได้กระโดดลงมาจากความสูงแปดถึงเก้าเมตร แต่กลับดูเหมือนกระโดดลงมาจากความสูงเพียงแปดถึงเก้าเซนติเมตรซะมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกระโดดลงมาอย่างนุ่มนวลอีกด้วย!
“ทำไมถึงไม่มีเสียงเลยล่ะ?!”
เฉินชงจ้องไปยังเท้าของชายตรงหน้า ดวงตาฉายแววตกใจอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่คู่ต่อสู้ทำมันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
นี่เขาเป็นนักสู้กังฟูประเภทไหนกัน?
เฉินชงไม่เคยเห็นใครที่สามารถทำเช่นนี้ได้มาก่อน แล้วไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้ด้วยที่จะสามารถทำแบบเมื่อครู่นี้
“นายคือ?”
เฉินชงมองชายตรงหน้าโดยตรง
“ไม่ใช่ว่านายกำลังตามหาฉันอยู่เหรอ?”
เขาคือฟางชิว แต่เสียงของเขานั้นเปลี่ยนไป รูปร่างก็ไม่ได้บางเหมือนก่อน อีกทั้งยังดูสบาย ๆ มากกว่า
“ฟางชิว?” เฉินชงขมวดคิ้ว ปฏิเสธที่จะขานรับ น้ำเสียงและร่างของฟางชิวดูไม่เหมือนผู้ชายแม้แต่น้อย “เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสาส์นท้าดวลของฉันบังเอิญเชื้อเชิญคนสุดเจ๋งคนอื่นมา แถมเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนฉันด้วย?”
“นายเป็นใคร? ทำไมถึงไม่เผยตัวตนจริง ๆ ของตัวเองออกมา?” เฉินชงถาม
ผู้ชมทั้งหมดที่อยู่นอกเวทีพากันมองฟางชิวด้วยดวงตาเป็นประกาย ในใจอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร?
“ไม่จำเป็นหรอก”
ฟางชิวเหลือบมองไปที่ผู้ชมนอกเวที จากนั้นก็เบือนหน้ากลับมามองเฉินชงแล้วพูดว่า “ใบหน้าของฉันค่อนข้างจะดีมาก กลัวนายจะอิจฉาน่ะ…”
เฉินชงถึงกับพูดไม่ออก…
ผู้ชมที่อยู่นอกเวทีเกือบจะล้มลงกับพื้น
จากนั้นไม่นาน ก็ตามมาด้วยเสียงโห่ดังออกมา
“ไอ้หมอนี่ไม่กล้าโชว์หน้าจริงของตัวเอง ชัดอยู่แล้วว่าหน้าตาต้องทุเรศ!”
“ใช่! ชัวร์ป้าบ! ถ้าหน้าตามันหล่อจริง ทำไมไม่กล้าโชว์หน้าตัวเองล่ะวะ?”
“หน้าตาทุเรศ! หมอนี่จะต้องหน้าตาทุเรศแน่นอน!”
“เฮ้ ๆ พวกนายอยากจะเห็นหน้าฉันจริง ๆ ใช่ไหม?” ฟางชิวถามพวกผู้ชมนอกเวทีกลับ
“เออดิ!”
ทุกคนพากันขานรับพร้อมกัน
“ได้! ฉันจะให้ดู… ดูว่าใบหน้าหล่อ ๆ มันเป็นยังไง?!”
ฟางชิวเอื้อมมือไปข้างหลังใบหูเพื่อถอดหน้ากาก
เฉินชงเพ่งมองการกระทำของฟางชิว เขาต้องการดูว่าไอ้หมอนี่มันใครกันแน่?
เหล่าผู้ชมนอกเวทีต่างก็มองเหตุการณ์ตรงหน้าและเพ่งดูว่าชายคนนี้หน้าตาเป็นยังไง?
“จะหน้าตาทุเรศหรือหล่อกันนะ?”
“ฉันรู้จักเขาหรือเปล่า?”
ฟางชิวมองไปที่สีหน้าคาดหวังของทุกคน ดวงตาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
“เฮ้ ๆ” ฟางชิวยิ้ม
เขาโยนหน้ากากทิ้งไปแล้ว
“บ้าไรวะเนี่ย?!”
ผู้ชมที่อยู่นอกเวทีพากันสบถพร้อมกัน
มันมีหน้ากากอีกอันอยู่ใต้หน้ากากอีกที!
แล้วหน้ากากนั้นถูกวาดเป็นทรงคิ้วที่กำลังหัวเราะเยาะเย้ย พร้อมกับรอยยิ้มยิงฟันขาว
เหมือนเขากำลังหัวเราะเยาะใส่ผู้ชมทั้งหมด!
ตอนนี้ถ้ามีไข่อยู่ในมือ พวกเขาคงจะปาใส่ไอ้เวรนี่แน่!
เขาหลอกทุกคน!
ไอ้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูน่าเกรงขามสำหรับทุกคนอีกต่อไป!
หลังจากที่แกล้งหลอกพวกเขาแล้ว ฟางชิวก็ไม่สนท่าทีของเหล่าผู้ชมอีกต่อไป เขาท้าเฉินชงออกไป “มาเริ่มกันเลยดีกว่า!”
“โอเค! ให้ฉันดูหน่อยเถอะว่าวันนี้นายจะเก่งแค่ไหน?! ช่วยชี้แนะด้วย!” เฉินชงเอ่ยพร้อมกับกำหมัด
หลังจากเฉินชงหยุดพูด เหล่าผู้ชมนอกเวทีก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเฉินชงนั้นเปลี่ยนไป
มันดูแตกต่างกันมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเขาดูผ่อนคลายกว่านี้ แต่ตอนนี้เฉินชงดูเหมือนเสือที่กำลังจ้องเหยื่อเพื่อรอขย้ำ
เมื่อเทียบกับท่าทางที่เขาแข่งกับหวังคังเมื่อครู่นี้ พวกเขาทั้งหมดก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินชงนั้นเอาจริง!
หากเขาใช้แค่กระบวนท่าเดียวเอาชนะมืออาชีพจากชมรมศิลปะการต่อสู้โดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายได้ เอาจริงขึ้นมาจะมีพลังมากขนาดไหน?
ทุกคนจับตามองการประลองตรงหน้า
“โปรดชี้แนะด้วย!”
ฟางชิวกำหมัด ยื่นแขนขวาออกไปเล็กน้อย ท่าเดียวกับที่เฉินชงทำก่อนเริ่มต่อสู้ไม่ผิดเพี้ยน
ท่วงท่าแบบนี้ทำให้เฉินชงเลิกคิ้ว
มันเป็นเหมือนท่วงท่าที่เขาทำเมื่อก่อนหน้านี้ มันไม่เป็นไรถ้าพวกเขาจะมีท่วงท่าที่เหมือนกัน แต่ความหมายของมันมีเบื้องหลังมากกว่านั้น
มันหมายความว่า… ฟางชิวอยู่ที่นี่มาตลอดนับตั้งแต่ที่เขาประลองกับหวังคัง!
มากไปกว่านั้น! เขาเองก็ไม่อาจเลียนแบบท่านี้ได้
คู่ต่อสู้ของเฉินชงขึ้นไปยังคานเหล็ก ยิ่งทำให้เฉินคงประเมินคู่ต่อสู้สูงขึ้นกว่าเก่า
เฉินชงย้ายเท้าของตัวเอง ดวงตาจดจ้องไปที่ฟางชิว
เขาไม่รอให้คู่ต่อสู้ได้เริ่มก่อน ตัดสินใจพุ่งเข้าไปเป็นฝ่ายเปิด!
ทว่าฟางชิวนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด สิ่งที่ทำมีเพียงการหรี่ตามองอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เฉินชงพุ่งไปด้านข้างฟางชิว เริ่มโจมตีโดยไม่มีการอารัมภบทใด ๆ หมัดซัดไปยังอกของฟางชิวโต้ง ๆ รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
อย่างน้อย ๆ หมัดนี่น่าจะซัดโดนหน้าหรือหัวของอีกฝ่ายได้!
แต่ถึงอย่างนั้นเฉินชงก็ไม่ทำ มันเสี่ยงเกินไป เขาจึงตั้งใจจะหยุดแล้วถอยไประยะหนึ่ง ถึงอย่างไรนี่คือการประลองเท่านั้น ไม่ใช่การวิวาทถึงแก่ชีวิต
แต่ในเวลาต่อมา เสียง ‘โครม!’ ก็ดังขึ้นให้ได้ยิน เฉินชงถูกต่อยกลับจนร่างถอยกรูดไปสิบเมตร ตัวเขาทำได้แค่ยื้อร่างตัวเองไว้กับกำแพง
“เฮ้ย?”
ผู้ชมที่อยู่นอกเวทีถึงกับอ้าปากค้าง พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?!”
“เห็นไม่ทันเลย? เฉินชงลอยได้ไง?”
ทุกคนเห็นเพียงการโจมตีของเฉินชง แต่กลับไม่เห็นฟางชิวเหยียดมือออกมาแต่อย่างใด
ตั้งแต่เฉินชงเริ่มโจมตีแล้วลอยถอยหลังกลับไป ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงในชั่วพริบตาเท่านั้น
“นี่มันเร็วไปหรือเปล่า?”
“นี่มันโคตรเจ๋งเลยใช่ไหม?”
เฉินชงกุมหน้าอกของตัวเอง มองคู่ต่อสู้ของตัวเองด้วยสีหน้าหวาดผวา คนอื่น ๆ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขานั้นรู้ดี
ตอนหมัดเขาพุ่งตรงไปที่อกฟางชิว ชายหนุ่มตรงหน้ากลับถอยหลังอย่างนุ่มนวลแล้วใช้มือซ้ายสวนมาที่แผ่นอกเขาโดยตรง!
เฉินชงรู้ในตอนนั้นเองว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะตั้งท่าป้องกัน… เพราะอีกฝ่ายนั้นเร็วมาก!
ร่างของเฉินชงถึงกับปลิวถอยหลังไปทันทีด้วยแรงโจมตีเพียงครั้งเดียว!
พลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นแม่นยำมาก เขาต้องรีบถอยกลับมาทันทีที่โดนโจมตี
ถึงมันจะทำให้ร่างของเขาลอยออกไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เฉินชงบาดเจ็บแต่อย่างใด
เฉินชงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้!
กระบวนท่าเดียว!
เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น!
คู่ต่อสู้ของเขาจัดการเขาได้เพียงกระบวนท่าเดียว!
วิชากังฟูที่เฉินชงภาคภูมิใจนั้นดูอ่อนแอไปในทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตรงหน้านี้!
ผู้ชมนอกเวทีไม่อาจเข้าใจผลการต่อสู้เช่นกัน
ตอนเฉินชงสู้กับนักสู้มืออาชีพจากชมรมศิลปะการต่อสู้ เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในกระบวนท่าเดียว!
แต่มาคราวนี้ เฉินชงไม่สามารถทำแบบเดิมได้เมื่ออยู่ต่อหน้าฟางชิว!
“โคตรเจ๋งเลยนี่หว่า!”
ตอนนี้เหล่าผู้ชมนอกเวทีลืมสนิทแล้วว่าตัวเองโดนชายสวมหน้ากากหลอกลวงแกล้งให้ดูโง่เมื่อนาทีที่แล้ว ตรงกันข้าม พวกเขากลับพากันมองไปที่ชายสวมหน้ากากด้วยความเกรงกลัวและนับถือ
นักศึกษาห้องสามในตอนนี้หยุดความคิดอื่น ๆ ทั้งหมด
ชายสวมหน้ากากคนนี้ทำให้พวกเขาตกใจกับความแข็งแกร่ง
ชายคนนี้จัดการเฉินชง จนเกือบจะเป็นการฆ่ากันแล้วชัด ๆ!
หลิวเฟยเฟยเพ่งมองไปยังชายสวมหน้ากากที่อยู่บนเวทีอย่างเหลือเชื่อ เห็นได้จากดวงตาของเธอที่เบิกกว้างขึ้น
“มหาวิทยาลัยเรามีนักศึกษาชายที่เก่งกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”
“เขาปรากฏตัวออกมาได้ยังไง?”