คุรุการแพทย์ – บทที่ 27 ไอ้ชายลึกลับมันก็แค่คนขี้ขลาด!

คุรุการแพทย์

บทที่ 27 ไอ้ชายลึกลับมันก็แค่คนขี้ขลาด!

บทที่ 27 ไอ้ชายลึกลับมันก็แค่คนขี้ขลาด!

“เฮอะ!”

ฉีไคเหวินยับยั้งอารมณ์อยากใช้ความรุนแรงของตนเองก่อนจะเดินออกไป

‘ทำหน้าบ้า ๆ แบบนั้น แปลว่าจะไม่ยอมให้น่ะสิ’

‘แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าได้ข้อมูลดี ๆ มาแล้วข้อหนึ่ง แสดงว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้มีนักศึกษาชายที่มีความจำดีเป็นเลิศไม่แพ้ไอ้รุ่นน้องตัวแสบของฉันแน่นอน’

‘สงสัยว่าเด็กคนนั้นจะเป็นนักศึกษาหนุ่มที่ชื่อฟางชิวหรือเปล่า?’

ในอีกด้านหนึ่ง…

หลังเลิกเรียนช่วงเช้า ฟางชิวที่กำลังไปโรงอาหารกดรับสายเจียงเหมี่ยวอวี๋ท่ามกลางสายตาล้อเลียนจากพวกรูมเมต

“พัฒนามิตรภาพ! พัฒนามิตรภาพ!”

ท่ามกลางความวุ่นวายจากการปลุกปั่นของสามรูมเมตตัวแสบ ฟางชิวก็ได้ยินหญิงสาวปลายสายเอ่ยขึ้นมา

เธอบอกว่าได้เลือกเพลงที่จะใช้แสดงแล้ว

เธอโทรมาถามว่าชายหนุ่มมีเรียนตอนเย็นหรือไม่? ถ้าหากเขาว่างก็จะได้ซ้อมเพลงหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ

ฟางชิวไม่มีวิชาที่ต้องเรียนในช่วงเย็นของวันนี้ มีเพียงแค่ต้องเข้าเรียนเกี่ยวกับลัทธิมาร์กซ์*[1] ในช่วงบ่ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ว่างยาว

หลังจากที่ตกลงเรื่องสถานที่และเวลาซ้อมกันได้แล้ว ฟางชิวก็วางสายท่ามกลางสายตาอันขมขื่นของรูมเมตทั้งสาม

“ใช่เรื่องพัฒนาความสัมพันธ์ปะ?”

โจวเสี่ยวเทียนถามฟางชิวอย่างไม่พอใจ

“…อย่าพูดถึงมันเลย”

ทั้งสามแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่พอใจ พวกเขาเลยเดินไปที่โรงอาหารด้วยกัน และทิ้งให้ฟางชิวอยู่เพียงลำพัง

หลังจากเข้าเรียนในชั้นเรียนตอนบ่ายและทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ฟางชิวก็มาหาเจียงเหมี่ยวอวี๋ตามสถานที่และเวลาที่ทั้งคู่นัดกัน สถานที่นั้นคือสวนตรงข้ามกับอาคารเรียน

ทว่าหลังหน้าต่างอาคารเรียน จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนต่างมารวมตัวกันซุ่มดูฟางชิวด้วยเจตนาแอบแฝง

เปล่าหรอก… พวกเขาไม่ได้สนใจฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋เลย…

สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือกลุ่มเพื่อนร่วมห้องหรือรูมเมตของเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อาจจะมาพร้อมกับเธอต่างหาก!

ซุนฮ่าวพูดอย่างมีความหวัง “ตามที่พวกเราตกลงกันไว้ พอเพื่อนของเจียงเหมี่ยวอวี๋มา พวกเราจะลงไปสานสัมพันธ์กับพวกเธอ ส่วนเจ้าห้ากับเทพธิดาเจียงจะเป็นตัวเชื่อมสะพานให้เรา!”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

เวลาหกโมงเย็นสามสิบนาที เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็มาที่สวน

เจียงเหมี่ยวอวี๋มาที่นี่โดยที่ไม่มีเพื่อนร่วมห้องของเธอมาด้วย รูมเมตของฟางชิวทั้งสามที่ตั้งหน้าตั้งตารอถึงกับผิดหวังเป็นอย่างมาก…

“โธ่ ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!”

ทั้งสามถอนหายใจพร้อมกัน

“อย่าท้อแท้สิ!”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนต่างเบือนสายตาออกจากหน้าต่าง มีเพียงซุนฮ่าวเท่านั้นที่พูดขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับรอยยิ้มร้ายว่า “อย่าลืมว่าเจ้าห้ากับเทพธิดาเจียงต้องการคนดูขอความเห็น คำแนะนำหลังจากซ้อมเสร็จ เราค่อยเสนอให้ดูพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องของเจียงเหมี่ยวอวี๋ ฉันมั่นใจว่าสองคนนั้นไม่ปฏิเสธหรอก…”

เมื่อซุนฮ่าวพูดจบ ดวงตาของจูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนก็เบิกกว้าง

“ใช่แล้ว!”

ในเมื่อพบโอกาสจีบสาว ทั้งสามก็มองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะ

ในอีกด้านหนึ่ง

ฟางชิวเห็นเจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังเดินมาพอดี ชายหนุ่มจึงเดินตรงเข้าไปหาเธอ

เมื่อเห็นชายตรงหน้า เจียงเหมี่ยวอวี๋นึกอยากจะขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยรักษาอาการข้อเท้าแพลงให้เธอเมื่อวันก่อน แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เปิดปากเอ่ยนั้น ฟางชิวก็พูดขึ้นทันที “อย่าขยับ!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋รีบหยุดเดินทันที แต่สายตายังคงมองไปที่ฟางชิวด้วยความสงสัย

ฟางชิวเอื้อมมือไปหยิบกลีบดอกไม้ที่ติดผมของเธออยู่ออกด้วยท่าทางอ่อนโยน

การกระทำนี้ทำให้เจียงเหมี่ยวอวี๋หน้าแดงแปร๊ด

ฟางชิวไม่ได้คิดมาก เขาถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “เท้าของเธอเป็นยังไงบ้าง? หายดีแล้วหรือยัง?”

“อ๋อ มันดีขึ้นมากแล้ว…”

เจียงเหมี่ยวอวี๋รีบปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วแสดงความขอบคุณออกมา “ขอบคุณมากนะ นายช่วยฉันเป็นครั้งที่สามแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ต้องขอบคุณเธอด้วยที่ไว้ใจฉัน” ฟางชิวตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

ทั้งสองได้แต่สบตากันก่อนจะระบายยิ้มออกมา

ในเวลานี้ คำพูดไหน ๆ ล้วนไม่จำเป็นอีกแล้ว

ทั้งสองจึงเลิกคุยเรื่องนี้แล้วเปลี่ยนไปคุยกันเรื่องเพลงที่จะใช้แสดงในพิธีเปิดเทอมแทน

“เธอเลือกเพลงอะไรน่ะ?” ฟางชิวถามด้วยความสงสัย

“เพลง ‘ของขวัญพิธีเปิดเทอม’ ของหลี่เค่อฉิน”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็อธิบายต่อ “ตอนแรก ฉันว่าจะเลือกเพลงแนวโบราณที่ให้อารมณ์ปลุกเร้าความรู้สึกผู้คน…”

“แต่พอฉันดูรายชื่อผู้แสดง มีผู้หญิงจากเอกการดนตรีเลือกเพลง ‘เชิญดื่มสุรา’ ไปแล้ว ฉันเลยเลือกเพลงที่ดูมีชีวิตชีวา เหมาะสมกับโอกาสต่าง ๆ อย่าง ‘ของขวัญพิธีเปิดเทอม’ แทน เธอเคยได้ยินไหม?”

“ของขวัญพิธีเปิดเทอมเหรอ?”

หลังจากใช้ความคิด ฟางชิวก็ส่ายหัว

เมื่อเห็นสีหน้าที่ชายหนุ่มแสดงออกมานั้น เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ อย่างช่วยไม่ได้ “เป็นนายเองนะที่ให้ฉันเลือกเพลงที่จะแสดงน่ะ เวลาฝึกซ้อมมีจำกัด พวกเราเปลี่ยนเพลงไม่ได้แล้ว หวังว่านายจะทุ่มเทสุดชีวิตซ้อมเพลงนี้นะ!”

ฟางชิวเห็นความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

เพลงนี้มันค่อนข้างจะเก่ามาก หลายคนอาจไม่เคยฟังด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะถามอีกฝ่าย “ให้ฉันลองฟังก่อนได้ไหม?”

“ได้สิ”

เจียงเหมี่ยวอวี๋หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเล่นเพลงที่เธอเลือกทันที

เพลงท่อนแรกทำฟางชิวแปลกใจ

“ภาษากวางตุ้งเหรอ?”

“ก็…”

เมื่อเห็นหน้าตาที่ดูตื่นตกใจของฟางชิว เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น

“นายสัญญากับฉันนี่ว่าจะแสดงเพลงอะไรก็ได้ที่ฉันเลือก ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”

จากนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจเติมเชื้อไฟ

“ฟางชิว เพลงนี้มันเป็นภาษากวางตุ้ง ถ้าเปลี่ยนให้เป็นภาษาจีนกลาง คำคล้องจองในเพลงคงหายไป ไม่เปลี่ยนก็ไม่มีใครเข้าใจว่าร้องอะไรอยู่หรอก เราจะแสดงแบบผลัดกันร้อง คนใดคนหนึ่งจะต้องร้องเป็นภาษากวางตุ้ง และอีกคนก็ร้องเป็นภาษาจีนกลาง งั้นนายก็…”

เมื่อพูดมาถึงประโยคนี้ เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็หยุดพูดแล้วมองไปที่ฟางชิวด้วยสายตาหยอกล้อ

“ฉันต้องร้องเป็นภาษากวางตุ้งใช่ไหม?”

ฟางชิวสรุปให้ง่าย ๆ

“ถูกต้อง!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ชูกำหมัดขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้ฟางชิวว่าเขาสามารถทำได้ “ฟางชิว ฉันเชื่อว่านายทำได้!”

พินิจใบหน้าสวย ๆ ของเจียงเหมี่ยวอวี๋ เขาค่อนข้างเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้อาจกำลังแก้แค้นเขา

นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มไม่ได้ช่วยเธอเตรียมตัวสำหรับการแสดงในงานนี้เลย

“ทำแบบนี้เพราะจะแก้แค้นฉันเหรอ?”

“มันก็แค่ภาษากวางตุ้งน่า จะเป็นเรื่องใหญ่อะไรกัน?”

“ฉันไม่ติดหรอก!”

เขาตั้งใจฟังเพลงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงแม้จะไม่รู้ความหมายของเพลง แต่ก็รู้สึกได้ว่าเพลงนี้ไพเราะมาก

“ฟางชิว นายคิดว่าไง?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋มองมาที่เขาด้วยความหวัง

“เพราะดีนะ!” ฟางชิวตอบ

“ดี! ตั้งแต่วันนี้พวกเราจะซ้อมเพลงนี้กัน ตอนนี้เรามาดูเนื้อเพลงกันก่อน เรื่องออกเสียงภาษากวางตุ้ง นายกลับไปซ้อมให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”

เจียงเหมี่ยวอวี๋เปิดเนื้อเพลงบนโทรศัพท์ จากนั้นก็เริ่มอ่านด้วยกัน

หลังจากอ่านเนื้อเพลงและเปรียบเทียบตัวโน้ตที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ ฟางชิวก็คิดว่า ต่อให้เขาเปลี่ยนเป็นร้องจีนกลางก็ไม่ง่ายเลย

ดูเหมือนเพลงนี้จะท้าทายทั้งคู่มากทีเดียว

ขณะเดียวกัน เหล่านักศึกษาก็กำลังมารวมตัวกันที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย

หลายคนยืนอยู่บนเวที บางคนสวมชุดเทควันโด บางคนสวมชุดมวยปล้ำ บางคนไม่สวมอะไรเลยนอกจากกางเกงขาสั้นของนักมวยสากลพร้อมกับถุงมือชกมวยเข้าคู่กัน

ทั้งผู้ที่ยืนอยู่บนเวทีและผู้ที่อยู่รอบนอกต่างมีเป้าหมายเดียว

นั่นคือชายลึกลับอย่างไม่ต้องสงสัย!

ทุกคนต่างพากันยืนนิ่ง สงสัยว่าชายลึกลับจะมาหรือไม่?

ยิ่งใกล้ถึงเวลาที่กำหนด บรรยากาศยิ่งดูตึงเครียดขึ้นเป็นทวีคูณ

“ชายลึกลับ รีบมาเร็ว ๆ เข้า!”

“ยังไงก็เถอะ วันนี้มีคนในสนามกีฬาอยากท้าทายชายลึกลับกันทั้งนั้น นายไม่อยากไปดูเหรอ?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มยี่สิบนาทีแล้ว เธอก็นึกขึ้นได้เลยถามฟางชิวออกมา

แต่ฟางชิวทำเพียงแค่ส่ายหัวแล้วหันไปฟังเพลงที่จะใช้แสดงต่อไป

“นายไม่สนใจตัวตนของชายลึกลับเลยเหรอ? ไม่อยากรู้เลยเหรอว่าชายลึกลับคนนั้นเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยังคงถามอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ

“มีคนที่ไม่สนใจตัวตนของชายลึกลับด้วยเหรอเนี่ย?”

ไม่กี่วันที่ผ่านมาหญิงสาวได้อ่านเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับชายลึกลับในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยที่โพสต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อนของเธอกรี๊ดกร๊าดชายลึกลับคนนั้นยกใหญ่ เจียงเหมี่ยวอวี๋รู้สึกเหมือนตนถูกทำให้สนใจตัวตนของเขาตามไปด้วย

“ฉันกับชายลึกลับเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องสนใจ” ฟางชิวตอบ

เจียงเหมี่ยวอวี๋ทำท่าดมเหมือนกับเธอได้กลิ่นอะไรบางอย่าง จากนั้นก็พูดว่า “ทำไมได้กลิ่นอิจฉากับกลิ่นอะไรเคือง ๆ ที่อธิบายไม่ได้กันนะ”

ฟางชิวหัวเราะลั่น ก่อนถามเธอว่า “เธอสนใจชายลึกลับคนนั้นเหรอ?”

หญิงสาวตอบ “แน่นอน คนทั้งมหาวิทยาลัยสนใจในตัวเขา”

“ห้ามตัวเองหน่อย ได้โปรดเถอะ เธอเป็นดาวมหาวิทยาลัย ถ้าแสดงท่าทางสนใจในตัวชายลึกลับออกนอกหน้ามากเกิน คนอื่น ๆ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง?” ฟางชิวพูด

“แต่นายก็ยังสบายดีอยู่นี่ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรใช่ไหมล่ะ?”

ดวงตาไร้เดียงสาของเจียงเหมี่ยวอวี๋มองมาที่ฟางชิวอย่างเบื่อหน่าย

คำถามข้อนี้ทำให้ฟางชิวถึงกับกลืนทุกอย่างที่เขาอยากพูดคืนมา สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือการเล่นเพลงต่อไป

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มน้อย ๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ชิงสือที่เดินตรงมาจากไกล ๆ ก็เหลือบเห็นร่างหญิงสาวในดวงใจของตัวเองกำลังอยู่กับฟางชิว แววตาของเขาทะมึนตึงชัดเจน

“ทำไมถึงอยู่ด้วยกันอีกแล้ว?”

คิ้วของหลี่ชิงสือขมวดชิดขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่พอใจมาก ดวงตาจ้องไปที่ฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ สองคนนั้นกำลังยืนอยู่ท่ามกลางไฟถนนสลัว ๆ

หลังเห็นทั้งสองคนถือโทรศัพท์คล้ายจะฟังอะไรสักอย่างด้วยกัน ความเป็นไปได้หนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ

“พิธีเปิดเรียนงั้นเหรอ?”

“นี่ทั้งสองคนจะแสดงร่วมกันในพิธีเปิดภาคเรียนงั้นเหรอ?!”

เมื่อคิดขึ้นได้ดังนั้น หลี่ชิงสือก็รีบไปที่สมาคมนักศึกษาของมหาวิทยาลัย

เขาขอยืมรายชื่อการแสดงจากห้องทำงานของสมาคมนักศึกษามาดู ชัดเจนเลย! เขาเห็นรายชื่อฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ร้องเพลงด้วยกัน แต่ยังไม่ได้สรุปเพลงที่ใช้แสดง

ฉากการแสดงสุดอลังการในงานปาร์ตี้รับน้องใหม่และงานฉลองวันไหว้พระจันทร์ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง หวนกลับเข้ามาในหัวของหลี่ชิงสืออีกครั้ง

สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวทันที

“ไม่ได้การ! ต้องหาทางหยุดทั้งคู่ไม่ให้แสดงร่วมกันอีก!” หลี่ชิงสือคิดอย่างชั่วร้าย

ในอีกด้านหนึ่ง

หลังจากฟางชิวและเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้อ่านเนื้อเพลงและแบ่งท่อนเพลงที่จะร้องกันแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายกัน โดยตกลงจะมาลองร้องจริง ๆ กันพรุ่งนี้ที่เดิมเวลาเดิม

หลังจากกลับไปที่หอพัก ฟางชิวก็เล่นเพลงของขวัญพิธีเปิดเทอมซ้ำแล้วซ้ำเล่น เขาพยายามที่จะจำเนื้อร้องภาษากวางตุ้งให้ได้ทุกคำ

สิบนาทีต่อมา ฟางชิวก็สามารถร้องเพลงได้อย่างไร้ที่ติ

จากนั้นเขาก็เก็บบทเพลงนี้ไว้ในใจแล้วเข้าสู่การเรียนต่อไป

เขาลืมสนิทเลยว่ามีคนท้าทายเขาไว้ที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัย

อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสนามกีฬารู้สึกเหมือนเพิ่งลงจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์

พวกเขามายังสนามกีฬาด้วยความสนุกสนาน เต็มไปด้วยความหวัง อีกทั้งยังคิดกันว่าชายลึกลับจะมาปรากฏตัวแน่นอน

แต่หลังจากการรอคอยอันแสนยาวนาน ชายลึกลับก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา

เมื่อถึงเวลาที่ท้าเอาไว้ ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอชายลึกลับปรากฏตัวที่เวทีเหมือนเมื่อคราวก่อน

จนเกิดเป็นภาพแปลกประหลาดปรากฏอยู่หน้าเวที

นั่นคือภาพทุกคนเงยหน้ามองทำมุมสี่สิบห้าองศาด้วยดวงตากลมโต ไม่แม้จะขยับเขยื้อน

ต่อให้ลมพัดจนน้ำตาไหล พวกเขาก็ยังคงนิ่งเฉย

อย่างไรก็ตาม ความเพียรพยายามของพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ชายลึกลับปรากฏตัวแต่อย่างใด ความผิดหวังทวีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มยี่สิบนาทีแล้ว

บริเวณหลังคายังคงว่างเปล่า

“ชายลึกลับไม่มา!!!”

หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็เริ่มยากเกินกว่าจะควบคุม ทุกคนก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็ต่างประณามชายลึกลับว่าเป็นคนขี้ขลาด

“ชายลึกลับ… ไอ้คนขี้ขลาด! ไม่ยอมมาปรากฏตัว!!!”

เฉินชงเดินเงียบ ๆ ออกจากที่เกิดเหตุ

ผู้คนที่รอคอยเกิดความขุ่นเคือง โพสต์ลงเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว

ทุกโพสต์และคอมเมนต์นั้นต่างให้ความเห็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือการที่ชายลึกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมา!

ตอนนี้เหล่าบรรดาแฟนคลับของชายลึกลับต่างพากันโกรธแค้น

ทั้งหมดต่างกระหน่ำคอมเมนต์ถึงชายลึกลับในทันที

[1] ลัทธิมาร์กซ์ หรือมักใช้ทับศัพท์ว่า ‘มาร์กซิสม์’ เป็นวิธีการวิเคราะห์สังคมและเศรษฐกิจซึ่งวิพากษ์ทุนนิยมผ่านกระบวนทัศน์การขูดรีด วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นและความขัดแย้งทางสังคมโดยใช้การตีความพัฒนาการประวัติศาสตร์แบบวัสดุนิยม และทัศนะวิภาษวิธีการแปลงสังคม (social transformation) ถือกำเนิดจากนักปรัชญาชาวเยอรมันสมัยคริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า โดยคาร์ล มาร์กซ์และฟรีดริช เองเงิลส์

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท