บทที่ 38 ไปจัดการเขากัน!
บทที่ 38 ไปจัดการเขากัน!
อันดับที่หนึ่ง ชายลึกลับ ยอดความนิยมอยู่ที่ 41,879
อันดับที่สอง เจียงเหมี่ยวอวี๋ ยอดความนิยมอยู่ที่ 36,890
อันดับที่สาม ฟางชิว ยอดความนิยมอยู่ที่ คือ 36,574
อันดับที่สี่ ชายผู้รักความยุติธรรม (อันธพาลประจำถิ่น) ยอดความนิยมอยู่ที่ 9,548
…
ความนิยมของเจียงเหมี่ยวอวี๋เพิ่มขึ้นจาก ‘ของขวัญพิธีเปิด’ ดอกไม้ดอกใหม่ของมหาวิทยาลัยมีเสน่ห์มากพอในการสร้างชื่อในพิธีเปิด ยอดความนิยมก่อนหน้านี้สูงพอที่จะรักษาตำแหน่งที่สองไว้ได้
แม้ฟางชิวจะยังคงอยู่ในอันดับสาม แต่ฐานแฟนคลับใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะทำให้ช่องว่างระหว่างเจียงเหมี่ยวอวี๋ลดลงเท่านั้น แต่ยังตีตื้นตามหลังขึ้นมาติด ๆ อีกด้วย พอเปรียบเทียบกันแล้วก็พบว่าผลตอบรับในการร้องเพลงของฟางชิวนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
ในทางกลับกัน ยอดความนิยมของหลี่ชิงสือกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ดูเหมือนจะทิ้งห่างจากกันไปไกล อีกทั้งยังมีความนิยมห่างจากอันดับสามอยู่ไกลมากโข
หลี่ชิงสือ ยอดความนิยมอยู่ที่ 5,010…
หลี่ชิงสือดูข้อมูลเกี่ยวกับการร้องเพลงของฟางชิวในพิธีเปิดทางโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อดูจบเขาก็สูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอด แล้วปิดโทรศัพท์ลง อย่างไรพรุ่งนี้เขาก็มีงานประจำปีของชมรมรับสมัครสมาชิกใหม่
เป็นเพราะว่าฟางชิวมันเก่งกาจเหรอ?
เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะบดขยี้นายลงเอง!
ก็แค่ร้องเพลงไม่ใช่เหรอ?
ฉันก็ทำได้เหมือนกัน!
ฟลูตมือ?
ฉันก็ทำได้!
ดูสิว่านายจะสามารถทำอะไรได้อีกไหม!
ถึงแม้ว่าหลี่ชิงสือจะยอมรับการแสดงของฟางชิวในพิธีเปิด แต่เขาก็ไม่ยอมรับว่าเขาแย่กว่าฟางชิว เขาแค่ยอมรับว่าเพลงของฟางชิวนั้นได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ถ้าเขาได้ร้องเพลงนี้ เขาอาจจะร้องดีกว่าฟางชิวด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฉวยโอกาสของฟางชิว ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยอมให้ฟางชิวได้รับความสนใจครั้งใหญ่นี้ไปหรอก พลาดแล้วจริง ๆ
แต่ร้องคู่กันคราวนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเจียงเหมี่ยวอวี๋ดีมากขึ้น และเขายังได้กำไรอีกด้วย
คงมีทั้งได้และมีทั้งเสีย หลังพิธีเปิดจบไปแล้วสองชั่วโมงครึ่ง ทุกคนก็จากไปกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนต่างพูดเรื่องฟางชิวร้องเพลง ส่วนเจ้าตัวนั่งลงดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเจียงเหมี่ยวอวี๋
[ยินดีด้วย นายร้องเพลงได้สุดยอดมาก]
ฟางชิวเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตอบกลับไปสั้น ๆ ว่า [ขอบคุณ] จากนั้นวางโทรศัพท์ลง และลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับหนังสือในมือ ระหว่างทางไปโรงอาหาร ฟางชิวก็เห็นมามีคนชี้มาหา
“ดูนั่นสิ! ฟางชิวล่ะ!”
“เป็นผู้ชายที่หล่อมาก!”
…
ฟางชิวเพิ่งเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าหลังจากที่ใช้ความคิดไปชั่วครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์ของการร้องเพลงจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจหยิบหน้ากากอันเดียวกับหน้ากากของชายลึกลับออกจากกระเป๋า
ตอนนี้เขาใส่หน้ากากแล้ว เขาไม่ต้องกังวลกับการถูกคนสงสัย
แต่การใส่หน้ากากในช่วงหน้าร้อนเป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ
อีกทั้งยังเป็นทรมานตัวเองอีกต่างหาก…
พอถึงช่วงบ่าย ฟางชิวก็อ่านหนังสือต่อ ส่วนตอนกลางคืน เขาก็ฝึกเคลื่อนเหรียญทองแดง ชีวิตของฟางชิวนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังฟางชิวกลับมาจากการฝึกข้างนอก เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่ารูมเมตสามคนในหอพักพากันตื่นเช้า
เพิ่งจะตีห้าเอง!
ทุกคนกำลังจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาแล้วหรือ?
“ทำไมถึงวันนี้ตื่นเช้ากัน” ฟางชิวถามด้วยความสงสัย
“ฉันนอนไม่หลับ วันนี้ชมรมทั้งมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ พอฉันคิดว่าชมรมเต็มไปด้วยสาว ๆ ฉันก็อยากเข้าร่วมชมรมจนทนไม่ไหวแล้ว ฉันก็เลยต้องตื่นแต่เช้านี่ไง” โจวเสี่ยวเทียนกล่าวขณะที่ยังนั่งอยู่บนเตียง
“แล้วพวกนายล่ะ?” ฟางชิวมองไปที่ซุนฮ่าวกับจูเปิ่นเจิ้ง
“เหมือนกัน” ทั้งสองเอ่ยอย่างยากลำบากจนสังเกตเห็นได้ชัด เพราะพวกเขายังคิดอยู่ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างไรให้ถึงเก้าโมงเช้า
จากนั้น ทั้งสามคนก็คุยเรื่องน่าตื่นเต้นกันบนเตียง โดยพูดคุยกันว่าชมรมใดจะมีผู้หญิงมากกว่ากัน และชมรมใดจะมีผู้หญิงที่มีสวยกว่ากัน
ฟางชิวต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงชวนรูมเมตทั้งสามไปกินข้าวด้วยกันแทน
แปดโมงสามสิบนาที
ฟางชิวไม่สามารถอดทนต่อคำเชิญที่ไม่รู้จบจากรูมเมตทั้งสามคนในหอพักได้ ดังนั้นเขาจึงไล่พวกรูมเมตออกไปก่อนที่จะกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนเดินไปที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข พื้นที่ตรงนี้เป็นสถานที่ที่ชมรมทั้งหมดเปิดรับสมาชิกใหม่ แล้วฟางชิวก็จะไม่อาจแย่งซีนไปจากพวกเขา ถ้าฟางชิวไม่ได้ไปด้วย
ตอนนี้เจ้าห้าฟางชิวร้ายกาจเกินไปแล้ว ในข่าวบอกว่าสาวทุกคนถูกเจ้านี่ตกเข้าให้แล้ว นี่ถ้าเบอร์มือถือของฟางชิวถูกเปิดเผย โทรศัพท์คงจะดังไม่หยุด ข้อความสารภาพรักก็อาจถูกส่งมาทุกวันแน่ ๆ
ชมรมที่ต้องการรับสมาชิกใหม่ทั้งหมดเคยได้ยินชื่อฟางชิวมาก่อน ชมรมต่าง ๆ ย่อมต้องการแย่งตัวฟางชิวอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่พวกเขาสามคน
ถ้าฟางชิวเข้าชมรมไหน ชมรมนั้นจะต้องมีสมาชิกผู้หญิงเยอะแน่ ๆ แล้วพวกเขาสามคนก็อาจจะสมัครเข้าชมรมนั้นไม่ทัน
เพราะงั้น ตอนนี้แหละดีที่สุดแล้ว
เมื่อมาถึงสนามกีฬา ทั้งสามก็อึ้งกับฝูงชนที่เดินกันเต็มพื้นที่ ยังไม่ถึงเก้าโมง สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยก็คึกคักแล้ว แผงขายของทุกชนิด ป้ายโปสเตอร์ทุกประเภท ถูกวางเรียงรายเป็นแถว นี่ถ้าไม่รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เปิดรับสมาชิกใหม่ของชมรม บางคนอาคคิดว่าเป็นตลาดก็เป็นได้
แล้วทั้งสามก็พบว่าเหล่านักศึกษาให้ความสนใจเกี่ยวกับการเปิดรับสมาชิกใหม่ของชมรมหนึ่งเป็นพิเศษ!
เมื่อเห็นดังนั้น ทั้งสามในหอพักก็รีบวิ่งไปที่สนามกีฬา เพื่อไปเอาใบปลิวโฆษณาชมรมต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามก็มาถึงชมรมฝังเข็ม แล้วพวกเขาก็เห็นว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋อยู่ที่นี่ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของชมรมด้วย
เจียงเหมี่ยวอวี๋เห็นทั้งสามก็เริ่มทักทายแล้วถามว่า “เพื่อนร่วมชั้นพวกนายล่ะ ฟางชิวอยู่ที่ไหน ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวเสี่ยวเทียนก็รีบพูดทันทีว่า “ฟางชิวตั้งใจเรียนหนังสือจนไม่รักชีวิตตัวเองแล้ว เขายังอ่านหนังสืออยู่เลย”
“อ่านหนังสืองั้นเหรอ?”
เจียงเหมี่ยวอวี๋ประหลาดใจ เพราะคาดไม่ถึงฟางชิวจะอ่านหนังสือในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของมหาวิทยาลัย
“เซอร์ไพรส์ที่ยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์ ดูการแสดงแรกกับแสดงพิธีเปิดเมื่อวานเสร็จแล้ว เขาก็นั่งอ่านหนังสือทั้งวันเลย ร้ายกาจมากใช่ไหมล่ะ?” โจวเสี่ยวเทียนตอบคล้ายกับว่ากำลังอวดไอดอลของตัวเอง ส่วนจูเปิ่นเจิ้งกับซุนฮ่าวก็พยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มแล้วเงียบไป
ฟางชิวตั้งใจดูการแสดงแรกในพิธีเปิด แค่นั้นเหรอ?
เป็นเพราะว่าเขาอยากจะเห็นว่าหลี่ชิงสือกับฉันร้องเพลงด้วยกันแล้วเป็นอย่างไรงั้นเหรอ?
หมายความว่าแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม?
ในตอนนั้นอารมณ์ของนายเป็นอย่างไรกันนะ?
เธอรู้สึกชัดเจนว่าตั้งแต่หลังวันที่ฝนตก เธอกับเขากลายเป็นคนแปลกหน้ากันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะทักทายเมื่อเจอหน้ากัน แต่ก็เป็นแค่ตามมารยาทเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เจียงเหมี่ยวอวี๋รู้สึกเศร้าจนอธิบายไม่ถูก
หลังจากบอกลาเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้ว จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนก็ยังคงกวาดสายตามองหาสาวสวยต่อไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดึงดูดผู้หญิงให้มองไม่ได้เลย
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เก้าโมงเช้า แต่พวกเขาสามคนก็ตัดสินใจที่จะรอ เพราะจะได้รู้ว่าสาว ๆ สมัครที่ไหนเยอะที่สุด ว่ะฮ่าฮ่า! ทั้งสามคิด
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังดูไปรอบ ๆ ป้ายก็ขึ้นแขวนตรงมุมสนามกีฬาแบบเงียบๆ ‘ขอแสดงความห่วงใยต่อโม่อี้ฉี เพื่อนร่วมชั้นที่ป่วยเป็นมะเร็งของพวกเรา’
หลังจากเห็นแล้ว นักศึกษาหลายคนก็ร่วมบริจาคเงิน ขณะเดียวกันก็รู้สึกอาวรณ์ต่ออาการป่วยของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ พวกเขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม กำลังได้ใช้ชีวิตอย่างเบ่งบานแท้ ๆ แต่ก็ต้องมาสะดุดเพราะโรคภัย
ในเวลาเดียวกัน ใจกลางสนามกีฬา เหล่าชมรมก็เริ่มจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นชมรมศิลปะการต่อสู้และชมรมศิลปะพื้นบ้านเตรียมแสดงความสามารถเพื่อดึงดูดสมาชิกใหม่
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชมรมทั้งหมดจะได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ พวกเขาก็ได้ให้ผู้ที่รับผิดชอบกิจกรรมบริจาคเพื่อการกุศลขึ้นกล่าวคนแรก และขอให้เธออธิบายเกี่ยวกับอาการป่วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารของโม่อี้ฉี รวมถึงสถานะครอบครัวของเธอเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนยื่นมือช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นคนนี้
นักศึกษาจึงพากันเข้าไปบริจาคกันเป็นจำนวนมาก จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็บริจาคเงินคนละร้อยหยวน
…
ในหอพัก
ฟางชิวกำลังอ่านหนังสืออยู่
พอถึงสิบโมงเช้า จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็กลับมาที่หอพักอย่างมีความสุข แต่ละคนมีกองใบปลิวอยู่ในมือ
“ลงทะเบียน?” ฟางชิววางหนังสือในมือลงแล้วเอ่ยถาม
“ก่อนอื่นเลย ต้องเอาใบปลิวกลับมาอ่านให้ดี แล้วค่อยไปสมัครทีหลัง เวลาลงทะเบียนหมดตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง ตอนนี้ยังทันอยู่”
โจวเสี่ยวเทียนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพลิกแผ่นพับในมือไปด้วย
ส่วนซุนฮ่าวก็เอนตัวไปทางฟางชิวแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าห้า ทายซิว่าพวกเราเจอใคร?”
“ใคร” ฟางชิวถาม
“เจียงเหมี่ยวอวี๋น่ะสิ!” ซุนฮ่าวพูดพร้อมกับขยิบตาให้ฟางชิว “เธอยังถามถึงนายอยู่เลย เจ้าห้า ฉันสามารถบอกได้เลยว่าดอกไม้ของมหาวิทยาลัยเป็นห่วงเป็นใยนายมาก!”
เจียงเหมี่ยวอวี๋? ฟางชิวได้ยินแล้วก็ระบายยิ้ม แต่ก็ไม่ตอบอะไร
“ทายสิว่าพวกเรายังเจอใครอีก”
ซุนฮ่าวยังคงถามต่อไป
“ใคร?” ในครั้งนี้ฟางชิวชักจะอยากรู้จริง ๆ
แม้ว่าเขารู้จักคนเยอะ แต่ก็มีจำนวนคนไม่มากพอที่จะสามารถเดาปริศนาของซุนฮ่าวได้
“หลี่ชิงสือ!”
ซุนฮ่าวตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “นายคงไม่เคยเห็นว่าหลี่ชิงสือหยิ่งแค่ไหน ตอนที่สมัครสมาชิกของชมรม ทุกคนดูดีใจที่มันมา คนน่าขยะแขยงอย่างนี้ยังสามารถดึงดูดผู้คนได้อีกหรือ นี่มันบ้าไปแล้ว!”
หลี่ชิงสือ?
ฟางชิววางหนังสือในมือลง ในดวงตาวาบประกายไฟของเขา ในเมื่อพิธีเปิดสิ้นสุดลงแล้ว ความคับแค้นใจของพวกเขาควรได้รับการแก้ไข!
“เขาแสดงความสามารถอะไรที่สนามกีฬา?”
“ร้องเพลงกับเป่าขลุ่ย ที่เหลือไม่รู้ แต่ยังไงก็ย้อนกลับไปก็คงไม่ทันแล้ว” ซุนฮ่าวดูหดหู่ลงทันที
“พวกนายดูไม่ได้เต็มใจกลับหอนะ กลับมาเพราะเบื่อใช่ไหม?” ฟางชิวถามยิ้ม ๆ
“ไร้สาระ! ถ้านายเจอศัตรูในหอพักของพวกเรา นายไม่อยากจัดการเขาเหรอ น่าเสียดายที่นายทำอะไรหลี่ชิงสือไม่ได้ คงต้องอัดเขาในที่ลับตาเท่านั้นแหละ!”
ฟางชิวลุกยืนขึ้นแล้วตบไหล่ซุนฮ่าวพร้อมพูดว่า “ไปที่สนามกีฬากันเถอะ”
“ไปสนามกีฬาทำไม?”
ซุนฮ่าวงุนงงเมื่อได้ยินประโยคนั้นเลยถามกลับไปว่า “นายหมายความว่าไง?”
จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนมองไปที่ฟางชิวอย่างสงสัย แล้วดูเหมือนจะคาดเดาตำตอบได้แล้ว แววตาตื่นเต้นถึงปรากฏขึ้นในดวงตา
“ไปอัดเขากัน!” ฟางชิวตอบ
“อัดคน? อัดใคร? หลี่ชิงสือเรอะ! ฮ่า ๆๆ เจ้าห้า นายก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ!”
ซุนฮ่าวดีใจมากทันทีที่ได้เห็นปฏิกิริยาของฟางชิว เขาวิ่งออกไปว่องไวปานสายลมเพื่อเปิดทางให้ฟางชิวได้จัดการกับหลี่ชิงสือได้อย่างเต็มที่
คนที่มีความสามารถเหนือกว่าหลี่ชิงสือในแง่ของพรสวรรค์ มีเพียงแค่ฟางชิวเท่านั้น
ความสามารถของฟางชิวในปัจจุบันไม่ได้มีแค่เพียงการเป่าฟลูตมือกับร้องเพลง ใครจะรู้ว่าชายคนนี้ยังจะซ่อนพรสวรรค์อื่นไว้อีกไหม
แค่ทักษะการเป่าฟลูตกับการร้องเพลงก็สามารถบดขยี้หลี่ชิงสือได้แล้ว!
จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนดีใจมากเมื่อได้ยินฟางชิว ในที่สุดเจ้าห้าก็จะลงมือแล้วหลังจากผ่านไปหลายวัน!
วันนี้ทุกคนในห้องพักห้าศูนย์หนึ่งที่ถูกรังแกจะต้องเอาคืน!
ทั้งสองจึงรีบออกไปที่ประตู
ทั้งสี่มาที่สนามกีฬาประหนึ่งเป็นเทพขาใหญ่
หลี่ชิงสือมองเห็นฟางชิวได้จากระยะไกล เขามองดูรอบ ๆ นึกในใจว่าฟางชิวไม่ควรเสร่อมา แต่ยังไงซะเมื่อเผชิญหน้ากันแล้ว ความอยากเอาชนะฟางชิวไม่ว่าจะจากการร้องเพลงหรือความสามารถอื่น ๆ ก็บังเกิดขึ้น!
ดูสิว่าใครจะเก่งที่สุด!
หลี่ชิงสือไม่กลัวฟางชิว เขามั่นใจในทักษะการร้องเพลงของเขา เพราะเขาได้เรียนรู้จากครูสอนร้องเพลงโดยตรง จึงไม่กลัวการแข่งขันความสามารถด้านอื่น ๆ เนื่องจากเขาเคยอยู่ในชั้นเรียนของเหล่าอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งยังมีใบรับรองอีกมากมาย
เขาตัดสินใจที่จะบังคับให้ฟางชิวแข่งด้วย!
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ชิงสือก็เดินไปที่กลางสนามกีฬาทันที เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อหลี่ชิงสือ เป็นประธานนักศึกษาการแพทย์แผนจีน และก็เป็นรองประธานของชมรมศิลปะพื้นบ้านด้วย”
“ฉันรู้ว่ามีอัจฉริยะไม่เปิดเผยตัวอยู่ในหมู่นักศึกษาอีกมาก แต่ฉันรู้สึกว่า การร้องเพลงของฟางชิวนั้นดีมาก โดยเฉพาะเพลงเมื่อวาน ‘เชิญดื่มสุรา’ เพลงนั้น”
“เมื่อครู่นี้ฉันเห็นฟางชิวพอดี เพื่อป้องกันความเขินอายในการขึ้นเวทีของฟางชิว ฉันหวังว่าพวกคุณจะช่วยขอร้องให้ฟางชิวร้องเพลงต่อจากฉัน”
ทันทีที่ประโยคเหล่านี้ดังออกมา ทุกคนก็ตกตะลึง!
“ฟางชิวมาแล้วเหรอ”
“อยู่ไหนล่ะ ว่าแต่ใครคือฟางชิวเหรอ?”
“เมื่อวานเขาร้องเพลงเชิญดื่มสุราได้ดีมาก จนฉันฟังไปตั้งหลายรอบ!”
“ฉันตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเรียบร้อยแล้ว!”