คุรุการแพทย์ – บทที่ 41 ฉีกหน้าในที่สาธารณะ

คุรุการแพทย์

บทที่ 41 ฉีกหน้าในที่สาธารณะ

บทที่ 41 ฉีกหน้าในที่สาธารณะ

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนต่างก็ตกตะลึงกับคำพูดอันอุกอาจของฟางชิว คิดไม่ถึงว่าฟางชิวจะแฉความสกปรกของอีกฝ่ายให้ทุกคนฟังโต้ง ๆ อย่างนี้

และดูเหมือนว่าฟางชิวจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง! พวกเขาถอยกลับไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องสนับสนุนพี่น้องร่วมห้องเท่านั้น!

อย่างไรหลี่ชิงสือก็ไม่ได้เล่นงานฟางชิวคนเดียว แต่ยังเล่นงานสมาชิกทั้งหมดในห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง!

“ใช่ นายมีลูกไม้อะไรอีกก็เอาออกมาให้เถอะ เลิกเสแสร้งได้แล้ว กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ! ไม่ว่าจะยังไง พวกเราชาวห้องพักห้าศูนย์หนึ่งจะสยบมันทั้งหมดเอง!” จูเปิ่นเจิ้งฝ่าฝูงชนไปข้างหน้า ชี้นิ้วไปที่หลี่ชิงสือแล้วพูดออกมาเสียงดัง

ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนมองไปที่จูเปิ่นเจิ้งด้วยแปลกใจ แม้ว่าจูเปิ่นเจิ้งจะเป็นพี่ใหญ่ของหอพัก แต่เขามักจะมีนิสัยสบาย ๆ ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร แต่คราวนี้อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แถมยังพุ่งตรงไปที่หลี่ชิงสืออีก

แน่วแน่มาก!

แน่นอนว่าที่เหลือไม่อิดออดที่จะทำตาม

“ใช่ ถ้านายยังแสแสร้งอีก พวกเราชาวห้องพักห้าศูนย์หนึ่งจะเปิดโปงมันเอง!” ซุนฮ่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วชี้นิ้วไปที่หลี่ชิงสือ โจวเสี่ยวเทียนไม่ได้พูดอะไร ทว่าเจ้าตัวก็เดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อสมทบเพื่อน ๆ เช่นกัน

เมื่อทั้งสามคนพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิงสือติดต่อกันอย่างนี้ หลี่ชิงสือเลยได้แต่จ้องมองทั้งสามคนกลับด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด สีหน้าของเขาคล้ำลงเรื่อย ๆ

เขาไม่คาดคิดว่าฟางชิวจะแฉเขาในที่สาธารณะ แล้วสามคนก็นั้นยังสนับสนุนการกระทำของฟางชิวอีก

หลี่ชิงสือโกรธมาก!

ความโกรธจุกอกด้วยความอับอายขายขี้หน้า

หลังทั้งสามคนพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิงสือก็เดินไปสมทบฟางชิว ภาพที่พวกเขาทั้งสี่คนยืนอยู่ด้วยกันเลยปรากฏในหมู่ชน

“บางทีทุกคนอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่ฟางชิวพูด ฉันจะเล่าให้ฟังเองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง!” จูเปิ่นเจิ้งกล่าวเสียงดัง

“วันพฤหัสบดีที่แล้ว ได้มีขยะจำนวนมากถูกทิ้งในห้องพักของเราอย่างลึกลับ แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดกลับหายไปดื้อ ๆ สภานักศึกษาก็ส่งใบประกาศเตือนมา ฟางชิวของพวกเราไม่พอใจมาก เขาฉีกใบกระกาศทิ้ง สมาชิกสภานักศึกษาเลยมาดักเราที่ประตูหอ!”

“พวกเขาใช้โซ่เลยนะ!”

“แล้วใครกันล่ะที่มีอำนาจในการสั่งการให้สมาชิกจากสภานักศึกษามาจัดการกับหอพักเล็ก ๆ ใครกันที่สามารถทำให้ภาพจากกล้องวงจรปิดหายไปจากหอพักได้?”

“มีอีกนะทุกคน!”

“วันอังคารที่แล้ว ทั้งหอพักรับรู้ว่าฟางชิวได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนร้องประสานเสียง ‘พิธีเปิดของมหาวิทยาลัย’ คู่กับเจียงเหมี่ยวอวี๋ แต่วันต่อมาตำแหน่งของฟางชิวก็ถูกคนอื่นแทนที่อย่างลึกลับ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไงถ้าไม่มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง!”

“ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมบางคนถึงใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนี้จัดการกับห้องพักของพวกเรา แต่ถึงยังไงพวกเราชาวหอพักห้าศูนย์หนึ่งก็จะตอบโต้ด้วยความตรงไปตรงมา หากพวกเราคนห้องห้าศูนย์หนึ่งยังทนยอมให้ถูกรังแกต่อไป ก็ไม่สมควรที่จะออกมาจากท้องแม่แล้ว! ”

“ใครก็ตามที่ใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้ ก็เป็นแค่ไอ้สารเลวคนหนึ่ง!”

“หลี่ชิงสือ นายจะกล้ายอมรับกับสิ่งที่ทำลงไปไหม!” จูเปิ่นเจิ้งไม่คิดจะยอมแพ้ในวันนี้

คำพูดเหล่านี้ทำให้คนรอบข้างตกใจ เพราะคำพูดฟังดูหยิ่งผยองอย่างยิ่ง!

นอกจากฟางชิวจะลงมือแบบไม่หวั่นเกรงแล้ว ในห้องพักห้าศูนย์หนึ่งยังมีคนที่ใจกล้ากว่าอีกหรือนี่

ฟางชิวหันไปยิ้มให้จูเปิ่นเจิ้ง ภายในใจพลันอุ่นวาบ

แบบนี้สิ ถึงจะนับว่าเป็นเพื่อนที่ดี!

เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดจากเขา เขาควรที่จะเป็นคนจัดการทุกอย่าง ไม่คิดว่าทั้งสามรูมเมตของห้องพักห้าศูนย์หนึ่งจะยืนหยัดช่วยกันจัดการปัญหาในครั้งนี้

ต่อหน้าทุกคนตอนนี้ ฟางชิวพยายามแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชาวห้องพักห้าศูนย์หนึ่งกำลังทำสงครามกับหลี่ชิงสือ! และยังทำสงครามกับสมาชิกสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์จีนทั้งหมดอีกด้วย!

คำพูดของจูเปิ่นเจิ้งนั้น อธิบายถึงสาเหตุและผลกระทบที่ได้รับ

ทำไมฟางชิวถึงต้องฉีกหน้าหลี่ชิงสือ?

ทำไมชาวห้องพักห้าศูนย์หนึ่งทั้งหมดถึงทำแบบนี้น่ะหรือ?

เป็นเพราะมีคนมาดักพวกเขาไง!

แถมยังมีคนแย่งตำแหน่งในการขึ้นแสดงพิธีเปิดของฟางชิวอีก!

พวกเขาต้องกล้าที่จะโต้กลับ!

ใครกันมีอำนาจมากที่สุด?

จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ หลี่ชิงสือประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยการแพทย์จีน!

ทุกคนในบริเวณนั้นพากันมองหลี่ชิงสือด้วยความสงสัย

เดิมที ภาพลักษณ์ของหลี่ชิงสือในหัวใจของพวกเขานั้นสูงส่งและสมบูรณ์แบบมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของหลี่ชิงสือจะลดต่ำลง

“ทำห้องพักให้สกปรกแล้วจัดฉากสภานักศึกษาตรวจสอบ?”

“ทั้งยังแย่งตำแหน่งของคนอื่นไปในงานพิธี แบบนี้มันไร้ยางอายจริง ๆ!”

สายตาที่เย็นชาของหลี่ชิงสือกวาดไปที่ชายทั้งสี่คนของห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง

ความโกรธของหลี่ชิงสือทำให้เขารู้สึกตื่นตัวมากยิ่งขึ้น!

เขาถูกฉีกหน้าในที่สาธารณะ แถมยังเป็นกลุ่มน้องใหม่อีก!

อัปยศ!

อัปยศอดสูยิ่งนัก!

“ใส่ร้ายคนอื่น มีใครบ้างล่ะที่พูดไม่เป็น!”

“ถ้าพวกนายมีหลักฐานอะไรก็เอามันออกมาสิ พวกนายใส่ใจสถานที่ด้วยเหรอ? ฉันไม่กลัว ฉันหลี่ชิงสือ กล้าทำกล้ารับอยู่แล้ว! ฉันไม่กลัวหรอกนะว่าคนอื่นจะพูดยังไง เพราะคนบริสุทธิ์ย่อมไม่กลัวความไม่ยุติธรรม!”

คำพูดของหลี่ชิงสือทำให้ผู้ชมเกิดความลังเลขึ้นมาในทันที

คำพูดนี้ดูจริงใจมาก ไม่ได้ดูปลอมสักนิด

ใครกันแน่ที่โกหก?

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนได้ยินดังนั้นก็พากันโกรธจัด

มารดาเถอะ! ทำเรื่องสกปรกมามากมาย แต่นายก็ยังกล้าปัดทิ้งอีก!

“พวกเราทุกคนเป็นนักศึกษาธรรมดา แต่นายเป็นประธานสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัย พวกเรามาพูดในที่สาธารณะทำไมน่ะหรือ ก็เพื่อความยุติธรรมไงล่ะ!”

ซุนฮ่าวพูดเสร็จก็หันกลับมาพูดกับฝูงชนต่อ “น้องใหม่ไร้อำนาจที่ไหนจะกล้าต่อกรกับประธานสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยในที่สาธารณะอย่างนี้ ลองคิดดูสิว่าอะไรที่ทำให้พวกเรากล้าทำอะไรแบบนี้?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังออกมา ความลังเลของทุกคนก็หายไปทันที

ที่พูดมันก็จริง

นักศึกษาธรรมดาทั้งสี่คนนี้ที่ไม่มีอำนาจคงมีความแค้นอัดอยู่มากมาย ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับประธานสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางในอนาคตของตน

ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่มีทำผิดต่อกัน ทุกคนในสังคมมีความสมานฉันท์ต่อกัน จะมีใครกล้าทำให้คนอื่นขุ่นเคืองในที่สาธารณะเหรอไง เพราะถูกคุมคามจากผู้มีอำนาจต่างหากล่ะ

เพราะทุกคนมีความเห็นอกเห็นใจให้ผู้อ่อนแอกว่า จึงเริ่มเชื่อคำพูดของชายทั้งสี่คนของห้องพักห้าศูนย์หนึ่งอย่างช้า ๆ

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว หลี่ชิงสือก็รู้สึกโกรธระคนวิตกกังวล ชักเสียใจที่ไม่ได้พาสมาชิกของสภานักศึกษามาที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ถูกไล่ต้อนแบบนี้หรอก

เขาตัดสินใจที่จะเล่นไปตามบท เพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะเขาจะบดขยี้ฟางชิวด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอง

เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

เพราะการถูกใส่ความนั่นคือสิ่งที่แกสมควรได้รับ!

กอดโอกาสของแกเอาไว้ให้ดี แกไม่ได้ดีเท่าคนอื่นหรอก!

“ความจริงคืออะไร พวกนายเข้าใจแบบไหน ฉันก็เข้าใจแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องมาเล่นลิ้นที่นี่!”

“หยุดพูดไร้สาระเถอะฟางชิว นายเลิกเปรียบเทียบได้แล้ว วันนี้ฉันจะทำให้นายรู้ว่าด้านนอกยังมีคนเก่งระดับเทพอยู่อีกมาก!” หลี่ชิงสือกล่าวกับฟางชิวด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ได้ตามที่ขอ!” ฟางชิวกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สิ้นเสียงก็เกิดความโกลาหลไปทั่ว

หลังจากโต้เถียงกันมานาน ในที่สุดก็ถึงฉากพีคสักที

หลักฐานและพยานไม่อยู่ มีเพียงฝีปาก การแข่งขันในครั้งนี้บอกได้ยากว่าใครจะเก่งกว่าใคร!

นี่ก็ไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของใครทั้งนั้น รีบสู้กันเลยดีกว่าไหม!

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบประชิดตัวหรือเป็นการแข่งขันทักษะอื่น

ถ้าไม่พอใจก็จัดการมันเลย!

การรับชมความสนุกนี้ไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่นัก เพราะทุกคนต่างตั้งตารอการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น

ยิ่งเรื่องราวใหญ่โตก็ยิ่งดี

ด้านชมรมฝังเข็ม

เจียงเหมี่ยวอวี๋เฝ้าดูอยู่อย่างกังวล เธอนึกไม่ถึงว่าฟางชิวกับหลี่ชิงสือจะมีความแค้นกันขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเธอเลยหนักใจอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เธอไม่มีอำนาจมากพอที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ สิ่งที่ทำได้จึงเป็นแค่การเฝ้าดูอย่างห่าง ๆ

“นายเล่นเครื่องดนตรีได้ ฉันก็เล่นเครื่องดนตรีได้เหมือนกัน ของฉันเป่าขลุ่ยเซียว แล้วนายล่ะ เป่าขลุ่ยได้ไหม” หลี่ชิงสือเอ่ยถาม

“นายอยากจะเป่าก็เป่าก่อนเลย ไม่ต้องสนใจฉัน” ฟางชิวกล่าว

“ได้!” หลี่ชิงสือพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา หยิบขลุ่ยเซียวที่พกมาจากสมาคมศิลปะพื้นบ้านแล้วเดินไปที่ใจกลางสนามกีฬา

“ฉันจะโซโล่เพลง ‘เสียงหัวเราะของทะเล’ ขอเชิญทุกคนรับฟัง!” หลี่ชิงสือปรับความสูงของไมโครโฟนแล้วพูดให้ทุกคนบริเวณนั้นฟัง

ฟางชิว จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนเดินเรียงแถวกันไปที่ด้านข้างสนามกีฬา โดยทำท่าทางเหมือนกันทุกประการ พวกเขาเอามือกอดอก ดวงตาเหล่มองดูหลี่ชิงสือ

หลี่ชิงสือเหลือบมองชายทั้งสี่ โดยเน้นไปที่ฟางชิว จากนั้นเขาก็แค่นเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น

เมื่อเช้า เขาได้คิดหาวิธีจัดการกับชายทั้งสี่คนของห้องพักห้าศูนย์หนึ่งแล้ว

เขาจะไม่ปล่อยให้ชายสี่คนนี้ลอยนวลไปแน่นอน!

หลี่ชิงสือดึงสมาธิกลับมาที่ปัจจุบัน ก่อนที่จะเริ่มผ่อนคลายตนเอง

เขาจะต้องไม่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของตัวเอง การแข่งนี้มันสำคัญมาก เขาเคยพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจะต้องไม่แพ้อีก!

สำหรับทักษะขลุ่ยของฟางชิวนั้นเขาไม่กลัวเลย

เครื่องดนตรีคือเครื่องดนตรี มือคือมือ และมือไม่สามารถแทนที่เครื่องดนตรีได้ไม่ว่าในทางใดทางหนึ่ง ทั้งในแง่ของเสียงต่ำหรือเสียงสูง

การแสดงครั้งแรกอาจเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับทุกคน

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว!

เขาหวังว่าฟางชิวจะเป่าขลุ่ยในการแข่ง

หลังจากปรับอารมณ์แล้ว หลี่ชิงสือก็พยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าทำท่ามือ ‘ตกลง’ แล้วเริ่มเปิดเสียงดนตรี

ทุกคนคุ้นเคยกับท่วงทำนองของเพลง ‘เสียงหัวเราะของทะเล’ เป็นเหตุให้ฉากคลาสสิกมากมายปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขาทันที

เสียงเป่าขลุ่ยเซียวของหลี่ชิงสือดังขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

พอท่วงทำนองที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในหู หลายคนก็เริ่มหลับตาลงแล้วฮัมเพลงตาม

ฟางชิวมองไปที่หลี่ชิงสือที่กำลังเป่าขลุ่ยอยู่ด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก

ต้องบอกว่าการเลือกเพลงของหลี่ชิงสือนั้นยอดเยี่ยมมาก

มีเพลงมากมายที่สามารถใช้ขลุ่ยเซียวเป่าได้ เลือกออกมาจากหนึ่งในสิบของอันดับเพลงก็ยังได้ แต่ถ้าทุกคนไม่รู้จักชื่อเพลงที่ฟัง ถึงจะฟังแล้วชอบ แต่อย่างไรก็ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจความหมายของเพลงอยู่ดี ฟังกับไม่ได้ฟังคงไม่ต่างกัน

แต่ ‘เสียงหัวเราะของทะเล’ นั้นแตกต่างออกไป ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกับเพลงนี้ เพราะสาเหตุนี้เอง คะแนนเสียงที่มาจากผู้ฟังก็เพิ่มขึ้น

คะแนนเสียงเพียงเท่านี้ก็เพียงพอให้ชนะแล้ว!

แต่ฟางเส้นสุดท้ายนี้จะกดดันฟางชิวได้จริงหรือ? ฟางชิวทำเพียงยกยิ้มที่มุมปากของเขาเล็กน้อยเท่านั้น

ท่วงทำนองเป็นเหมือนพระเอกของเพลง ตามมาด้วยเสียงขลุ่ยเซียวไม่อาจคาดเดาได้ ฟังเพลงนี้ช่วงหน้าร้อนเลยไม่ทำให้รู้สึกร้อนเท่าไรนัก แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นสบายและสนุกสนานเสียมากกว่า

ทุกคนมีความสุขและความเกลียดชังอยู่ในใจ

ความอยุติธรรมก็เช่นกัน

แม้จะฟังเพลงนี้สักพันรอบแล้ว แต่ยังรู้สึกไพเราะอยู่เสมอ!

พวกเขาเคยฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังฟังเวอร์ชันสด

เวอร์ชันสดมีความชัดเจนมากกว่ามาก แล้วความชัดเจนนี้ก็สามารถพุ่งไปที่หัวใจของพวกเขาได้โดยตรง

ระหว่างที่ฟังเสียงเป่าขลุ่ยเซียว

ทุกคนต่างจินตนาการว่าเห็นตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเรือท้องแบนในทะเล สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา นั่งจิบชาไม่ก็ดื่มเหล้า แล้วก็ร่วมกันขับขานเพลงของซีรีส์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นครั้งคราวเพื่อบรรเทากำลังใจที่หมดไปของตนเอง

แม้จะสิ้นหวังแต่ก็ยังร้องเพลงออกมา

แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่ก็ยังหัวเราะได้

นี่ล่ะความเย่อหยิ่งของลูกผู้ชาย สิ่งที่ผู้หญิงไม่ควรทำ!

เพลงดี! เพราะมาก!

ด้วยทักษะการเป่าขลุ่ยเซียวของหลี่ชิงสือ เสียงปรบมือจึงค่อย ๆ ดังขึ้นจากทั่วทุกมุมสนามกีฬา

เริ่มจะอลังการงานสร้างไปแล้ว

หากกวาดสายตาทั่วสนามกีฬา จะพบว่าทั้งสนามเต็มไปด้วยเสียงปรบมืออันอบอุ่น

ไม่มีเสียงเชียร์ มีแต่เสียงปรบมือเท่านั้น

เพราะต่างคนต่างกลัวเสียงเชียร์จะไปขัดจังหวะท่วงทำนองของเพลง

แต่ถ้าไม่ปรบมือก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่ได้ฟังเพลงออกมาได้

แม้ว่าเสียงปรบมือจะกลบเสียงเพลงของหลี่ชิงสือเล็กน้อย แต่เสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นนี้ก็แสดงให้เห็นว่าทุกคนรู้จักเพลงที่หลี่ชิงสือเล่น

ในตอนจบของเพลง หลี่ชิงสือโค้งคำนับให้คนฟังทุกคน

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองดูรอบ ๆ แล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาทำสำเร็จ

เสียงของขลุ่ยเซียวไม่สามารถเทียบกับเสียงร้องเพลงได้ แต่มันก็สามารถพิชิตใจของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี

แค่เพียงจังหวะของเสียงขลุ่ยเซียว ก็ครอบครองหัวใจของผู้ฟังได้แล้ว

เขาไม่เชื่อว่าฟางชิวจะสามารถทำอย่างนี้ได้

“ฟางชิว ถึงตานายแล้ว!” หลี่ชิงสือเหยียดตัวตรงแล้วกล่าวกับฟางชิวออกไป

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท