คุรุการแพทย์ – บทที่ 42 เชิญเลือกตามสบาย ส่วนฉันยังไงก็ได้

คุรุการแพทย์

บทที่ 42 เชิญเลือกตามสบาย ส่วนฉันยังไงก็ได้

บทที่ 42 เชิญเลือกตามสบาย ส่วนฉันยังไงก็ได้

ประโยคที่ว่า ‘ฟางชิว ถึงตานายแล้ว’ ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ฟางชิวในทันที ทุกคนมองไปที่เบื้องหน้าเพื่อรอชมการแสดงของฟางชิว มาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะสามารถหัวเราะหลังจบการแข่งนี้ได้

“สู้ ๆ!” จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนกระซิบบอกกับฟางชิว ฟางชิวพยักหน้าแล้วเดินไปที่ใจกลางสนามกีฬา

“นายจะเลือกเครื่องดนตรีอะไร ถ้าที่นี่ไม่มี ฉันจะได้ให้พวกเขาเอามาให้!” หลี่ชิงสือใช้นิ้วชี้ไปที่เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีเหล่านั้นมีทั้งขลุ่ยเซียว กีตาร์ ขลุ่ย กู่เจิง ผีผาหรือแม้กระทั่งซอเอ้อร์หู ไวโอลิน เชลโล อื่น ๆ อีกมากมาย

เครื่องดนตรีเหล่านี้เป็นของชมรมศิลปะพื้นบ้าน แสดงให้เห็นว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมีความสามารถเกี่ยวกับเครื่องดนตรีโบราณไม่น้อยเลย

ฟางชิวชี้ไปที่เครื่องดนตรี แล้วหันมายิ้มให้กับหลี่ชิงสือ

“หมายความว่าไง?” หลี่ชิงสือถามด้วยความงุนงง

“แล้วแต่นายเลย” ฟางชิวตอบอย่างจองหอง

โอ้ว!

ผู้ชมต่างตกตะลึง ฟางชิวไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม เครื่องดนตรีตรงนี้มีอย่างน้อยสิบชนิดเลยนะ มีทั้งเครื่องดนตรีในประเทศ ต่างประเทศ ดั้งเดิม สมัยใหม่ กล้าดีอย่างไรที่บอกว่าจะให้อีกฝ่ายเลือกได้ตามใจชอบ?

ฟางชิวจะบอกว่าเล่นเป็นหมดทุกอย่างเลยเหรอ? ถ้าจะโม้ว่าตัวเองเก่ง แต่ไม่จำเป็นต้องโม้ขนาดนี้ก็ได้ไหม? ในการแข่งขันต้องเลือกสิ่งที่ถนัดที่สุดสิ

เรียนดนตรีชนิดเดียวแค่ปีเดียวยังรู้ไม่ถึงไหนเลย กว่าจะเรียนให้ลึกซึ้งคงต้องใช้เวลาเป็นสิบปี!

ตอนนี้ฟางชิวเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง?

สิบเจ็ดไม่ใช่เรอะ!

นี่คงไม่ได้เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่อยู่ในท้องแม่หรอกนะ?

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และ โจวเสี่ยวเทียนตกใจกับคำพูดของฟางชิวเช่นกัน ทุกคนจึงพยายามกลืนก้อนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ

ไอ้น้องรักของพี่!

เมื่อก่อนพวกเขารู้ว่าฟางชิวนั้นร้ายกาจมาก เดาได้อยู่หรอกว่าฟางชิวร้ายกาจกว่านี้อีก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าฟางชิวจะร้ายกาจขนาดนี้!

เชิญพี่ชายเลือกเครื่องดนตรีที่ต้องการได้เลย!

มันกล้าจริงเว้ย!

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยังคงจ้องไปที่ฟางชิวด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เครื่องดนตรีพวกนี้… ฟางชิวเล่นได้ทั้งหมดเลยเหรอ?

หลี่ชิงสืออึ้งกับคำพูดของฟางชิว เขาใบ้กินเป็นเวลานาน แต่ในที่สุดเขาก็ตอบออกมาพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ

“ไม่ได้ล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”

“ไม่ได้ล้อเล่น” ฟางชิวตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ

“ซอเอ้อร์หู!” หลี่ชิงซือเลือกเครื่องดนตรีนี้ในทันที

เขาไม่สนใจว่าฟางชิวจะพูดจริงหรือว่าโกหก!

ในเมื่อเจ้าตัวโม้อย่างนั้นแล้ว เขาก็จะเลือกอันที่ยากที่สุดให้เองแล้วมารอดูซิว่าจะทำอย่างไรต่อไป! เขาไม่เชื่อสิ่งที่ฟางชิวพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเลยเลือกซอเอ้อร์หูที่วางอยู่ไกลที่สุดในบรรดาเครื่องดนตรีที่อยู่ที่นี่

คนทั่วไปนั้นเล่นซอเอ้อร์หูไม่เป็น มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เล่นเป็น แต่ถึงจะเล่นเป็นแล้ว มันก็ยากที่จะเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีชนิดนี้!

โดยทั่วไปแล้ว เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายจะเรียนรู้ยากที่สุด ยากกว่าเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าเสียอีก

เครื่องสายแบ่งออกเป็นใช้คันสีกับดีด

เครื่องสายที่ใช้วิธีดีดนั้น จะรักษาโทนเสียงได้อย่างแม่นยำ ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานในแง่ของโทนเสียง

สำหรับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่ใช้คันสีนั้น โทนเสียงของเครื่องดนตรีจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟังของผู้เล่น ความสามารถในการแยกแยะโทนเสียง และการควบคุมนิ้วมือข้างซ้าย

ถ้าคน ๆ หนึ่งร้องเพลงแล้วไม่สามารถแยกแยะโทนเสียงได้ เขาอาจจะไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีที่มีคันสีได้เลย

กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ใช้คันสี ฟางชิวได้พิสูจน์ในพิธีเปิดแล้วว่าเขาเล่นกีตาร์ได้อย่างไร ทว่าซอเอ้อร์หู ไวโอลิน และเชลโลนั้นต้องใช้คันสีในการเล่น

ทำไมหลี่ชิงสือถึงไม่เลือกไวโอลินกับเชลโลน่ะหรือ เพราะมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในวงการดนตรีว่า ยิ่งสายของเครื่องดนตรีน้อยเท่าไรมันก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น สามารถอธิบายได้ว่า ซอเออร์หูนั้นเล่นยากมาก

หลี่ชิงสือไม่เชื่อว่าฟางชิวจะเล่นเป็น!

“ได้!” ฟางชิวพยักหน้าแล้วเดินไปที่ชมรมศิลปะพื้นบ้าน

เมื่อเห็นฟางชิวเดินมา สมาชิกของชมรมศิลปะพื้นบ้านก็พากันหลีกทางให้โดยไม่รู้ตัว

ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป

เมื่อคนรอบข้างได้ยินว่า ฟางชิวกำลังจะเล่นซอเอ้อร์หู พวกเขาก็เลยแอบวิพากษ์วิจารณ์หลี่ชิงสือที่เลือกเครื่องดนตรีชนิดนี้

เพราะในความเห็นของพวกเขา ซอเอ้อร์หูข้องเกี่ยวกับคนแก่ตาบอด จะโทษที่พวกเขามีความเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ เนื่องจากผู้ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในการเล่นซอเอ้อร์หูนั้นจะเป็นคนแก่ตาบอดซะส่วนใหญ่

เหมือนกับเพลง ‘บ่อเอ้อร์เฉวียนสะท้อนเงาจันทร์’ ที่ต้องเล่นด้วยความเศร้ารู้สึกทั้งหมด

โทนเสียงของซอเอ้อร์หูนั้นฉุนเฉียวมาก ไม่เหมาะให้วัยรุ่นเล่นสักเท่าไร อีกอย่างมันก็ไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์และนิสัยของฟางชิวเลย

ฟางชิวถือซอเอ้อร์หูขึ้นมาแล้วย้ายเก้าอี้ไปที่ใจกลางของสนามกีฬาท่ามกลางความสนใจของทุกคน

เขาปรับความสูงของไมโครโฟน จ่อไปที่ซอเอ้อร์หู นั่งลงบนเก้าอี้แล้วปรับสายซอเอ้อร์หู ชายหนุ่มลองสีดู จากนั้นค่อยพยักหน้าพออกพอใจ

หลี่ชิงสือที่ยืนอยู่ไม่ไกลจ้องไปที่ฟางชิว แม้ว่าเขาเองจะเข้าใจเกี่ยวกับซอเอ้อร์หูไม่มากนัก แต่ก็มีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง ท่าทางของฟางชิว และการเคลื่อนไหวต่อเนื่องนั้นทำให้เขาชักมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย

หรือว่าฟางชิวจะเล่นเป็นจริง ๆ?

ก็ว่า ทำไมฟางชิวถึงดูไม่ค่อยกังวลเลย แต่ว่ามันจะมาเทียบกับทักษะการเป่าขลุ่ยเซียวที่เขาฝึกมาเป็นสิบ ๆ ปีได้เหรอ?

ฟางชิวลืมเลือนสิ่งรอบข้างไปชั่วขณะ เขาเอ่ยเสียงดังว่า “ฉันจะเล่นเพลง ‘ม้าศึก’ ให้ทุกคนฟัง”

เพลงม้าศึก?

ทุกคนต่างมึนงง

ซอเอ้อร์หูเป็นเครื่องดนตรีชนิดที่เหมาะกับเพลงเศร้าหรือเล่าเรื่องราวไม่ใช่หรือ? เพราะเสียงมันดุดันมาก

ก่อนที่พวกเขาจะได้สติ ฟางชิวก็เริ่มบรรงเลงเพลงแล้ว

ท่วงทำนองที่เข้มข้นได้จุดชนวนผู้ฟังทันที ทุกคนมองไปที่ฟางชิวด้วยความตกตะลึง

อะไรกัน!

สามารถดึงศักยภาพอย่างนี้ของซอเอ้อร์หูออกมาก็ได้เหรอ?

รุนแรงมาก พวกเขารู้สึกได้ว่ามีทหารศึกอยู่หมื่นนายเพิ่งจะควบม้าวิ่งผ่านหน้าพวกเขาไป

พวกเขายังได้ยินเสียงร้องของม้า?

ซอเอ้อร์หูเล่นแบบนี้ได้ด้วย?

อะไรอีกล่ะเนี่ย! เกิดอะไรขึ้นที่นี่?

ทำไมถึงมีเสียงเกือกม้าล่ะ?

“ดาดาดาดาดา…”

พวกเขาหันมองไปที่ฟางชิวทันที แล้วก็พบว่าฟางชิวกำลังขยับคันสีในมือจำลองเสียงกีบม้า

สุดยอดมาก พี่ชาย!

เสียงแบบนี้ก็ยังสีเป็น!

อันที่จริง มันไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาเห็นหรอก

เพื่อจำลองเสียงกีบม้า ฟางชิววางแขนของคันสีใกล้กับสายเพื่อถูสายขึ้นลง แล้วสีอย่างต่อเนื่องด้วยความร่วมมือที่สมบูรณ์แบบของทั้งสองมือ เสียง ‘ดาดา’ จึงออกมา

แค่เทคนิคที่ยอดเยี่ยมนี้เพียงพอแล้วสำหรับบุคคลอื่น แต่ฟางชิวยังใช้วิธีการอื่น ๆ เพิ่มอีก เขาใช้คันสีและขนของคันสีถูสายคู่ด้านในและด้านนอก อีกทั้งยังควบคุมมือซ้ายเพื่อเลียนแบบเสียงร้องของม้า

เหมือนจริงมาก สมจริงสุด ๆ!

เป็นเหตุให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้ควบม้าศึกหมื่นตัวที่เพิ่งแล่นผ่านหน้าพวกเขาไปเมื่อครู่

มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงเกินไปแล้ว!

คนฟังต่างรู้สึกอึ้ง!

ท่วงทำนองอันเร่าร้อนนำทางให้พวกเขานึกถึงภาพอันสง่างามของการฝึกทหารม้าและการต่อสู้

ดูเหมือนพวกเขาจะเห็นภาพของทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดและกองทหารม้าผู้แข็งแกร่งอาวุธครบมือพร้อมที่จะไปรบ

ทันใดนั้น เสียงแตรเร่งทำศึกก็ดังขึ้น

กองทหารศึกที่เก่งกาจบุกเข้าไปประชิดเขตแดนของศัตรู ทำให้พวกศัตรูต้องวิ่งหนีกระเจิง

ในตอนนั้นเอง ม้าศึกก็ส่งเสียงร้อง ได้ยินเสียงการสังหารไปทั่วทุกแห่งหน เสียงกรีดร้องและเสียงกีบม้าดังพร้อมกัน!

หลังจากที่สู้รบกันดุเดือด ศัตรูก็พ่ายแพ้และหนีไป กองทหารม้าศึกจึงได้เป็นฝ่ายปราชัย การต่อสู้จบลงด้วยเสียงของม้าศึกที่ร้องอย่างภาคภูมิใจ

เพลง ‘ม้าศึก’ ทำให้เลือดของคนฟังเดือดพล่าน

ทุกคนในบริเวณนั้นหวังว่าเหล่าทหารศึกจะเป็นทหารที่กล้าหาญ ต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่กลัวตาย ปกป้องประเทศกับประชาชน!

สิ้นเสียงเพลง เสียงปรบมือก็ดังก้องไปทั่ว

เมื่อเทียบกับเพลง ‘เสียงหัวเราะของท้องทะเล’ ของหลี่ชิงสือแล้ว เพลง ‘ม้าศึก’ ของฟางชิวนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้เพื่อคนทั้งประเทศ เอาเข้าจริง การแสดงของหลี่ชิงสือนั้นไม่ได้มีอะไรน่าตกใจเท่าไร

ฟางชิวร้ายกาจจริง ๆ!

ทุกคนต่างพูดได้เลยว่านี่เป็นเพลงที่ดี ไม่ว่าจะเล่นแบบไหนก็ตาม เพลงที่ดีก็คือเพลงที่ดี และมันจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากกว่าเสมอ!

วัฒนธรรมจีนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ ‘ความเจริญรุ่งเรือง’ พวกเรายังเยาว์วัย ยังต้องพัฒนาตนเองให้มากขึ้นไปอีก!

จุดประสงค์ของการพัฒนาตนเองก็เพื่อปลูกฝังวินัยตนเอง เสริมสร้างระเบียบในครอบครัว ช่วยกันปกครองประเทศ รักษาความสงบสุขของโลก!

ความรู้สึกส่วนตัวของเยาวชนจะเทียบกับความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของประเทศได้อย่างไร! แม้ว่าท่วงทำนองของหลี่ชิงสือจะยอดเยี่ยม แต่ก็ยากที่จะเอาชนะท่วงทำนองของฟางชิว

ในที่สุด จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนก็หายใจได้ทั่วท้องแล้ว

แม่งเอ๊ย!

ใช้ได้นี่หว่าเจ้าห้า!

สีซอเอ้อร์หูก็เป็นด้วย!

ในอนาคตถ้าพวกเขาไม่มีเงิน ก็กะจะพาฟางชิวขึ้นนั่งบนสะพานลอยแถวตลาดนัดกลางคืน ให้ฟางชิวแกล้งทำเป็นคนตาบอดมาสีซอเอ้อร์หูหาเงินประทังชีพ!

ใบหน้าของหลี่ชิงสือในเวลานี้ดูน่าเกลียดน่ากลัวมาก เพราะเสียงปรบมือรอบ ๆ ตัวเขาทำให้เขารู้สึกว่าการแสดงของเขามันแย่กว่าฟางชิว

คิดไม่ถึงว่าฟางชิวจะเล่นซอเอ้อร์หูเป็นจริง ๆ และยังเล่นได้ยอดเยี่ยมมากด้วย นับว่าฟางชิวเลือกเพลงฉลาดได้มาก

ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เขาก็จะไม่เลือกซอเอ้อร์หูกับเครื่องดนตรีประเภทใช้คันสีแน่นอน

หลี่ชิงสือคิดว่าเขาแค่โชคร้ายเท่านั้นที่ดันเลือกสิ่งที่ฟางชิวถนัด

แต่แล้วไงล่ะ วรรณกรรมไม่มีที่หนึ่ง ศิลปะการต่อสู้ไม่มีที่สอง ศิลปะพื้นบ้านอยู่ในหมวดหมู่ของวรรณคดีและการแสดง เป็นไปได้ยากที่จะแยกแยะระหว่างความดีและความชั่วออกจากกัน แม้ว่าการแสดงของเขาจะมีเสียงปรบมือที่เบากว่าเล็กน้อย แต่ใครจะแยกออกว่า การแสดงของเขาแย่กว่าของฟางชิว?

ฟางชิวรู้ว่าหลี่ชิงสือกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเลยลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ทุกคนโดยรอบ จากนั้นก็หยิบซอเอ้อร์หูขึ้นมาแล้วเดินไปที่สมาคมศิลปะพื้นบ้าน พร้อมกับขาตั้งไมโครโฟน

ทุกคนประหลาดใจทันทีกับสิ่งที่ได้เห็น

นี่จะทำอะไรอีกอะ?

ยังอยากได้อุปกรณ์อีกเรอะ?

จะทำอะไรกับขาตั้งไมโครโฟน?

เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็มองไปที่ฟางชิวอย่างสงสัย การแสดงของฟางชิวนั้นทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ เธอพบว่าตนเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟางชิว เพื่อนร่วมชั้นคนนี้เลย เธอรู้แค่ว่าเขาสามารถร้องเพลง เล่นฟลูต ดีดกีตาร์ ชอบอ่านหนังสือ ส่วนการเล่นซอเอ้อร์หูนั้น เธอไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

ฟางชิวเป็นคนที่ลึกลับ ยากที่คนอื่นจะดูออก

เธอรู้สึกว่าคนคนนี้ยังซ่อนความลับที่คนอื่นไม่รู้ไว้อีกมากมาย

เพียงไม่นาน ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคน ฟางชิวก็เดินมาที่ที่วางเครื่องดนตรีของชมรมมศิลปะพื้นบ้าน เขาวางขาตั้งไมโครโฟนกับซอเอ้อร์หูลง แล้วเอื้อมมือไปหยิบขลุ่ยเซียวออกมา

จะทำอะไรน่ะ?

ทุกคนเกิดสับสนเมื่อเห็นการกระทำของฟางชิว

หลี่ชิงสือรู้สึกว่าลางสังหรณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ฟางชิวมองมา และยิ้มให้อย่างเยือกเย็น

ทุกคนยังคงจดจ้องฟางชิวอยู่ ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง! เขาหยิบขลุ่ยเซียว จากนั้นก็เดินตรงไปที่ตำแหน่งของไมโครโฟน

จู่ ๆ เสียงเพลงก็ดังก้องไปทั่วสนามกีฬา มันคือเพลง ‘เสียงหัวเราะของท้องทะเล’ ที่หลี่ชิงสือเพิ่งจะเล่นไป

ตู้ม!

คนฟังพากันตะลึง

ตบหน้าว่ะเฮ้ย!

นี่คือการตบหน้าหลี่ชิงสือแน่นอน!

เล่นเพลงเดียวกัน เครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน ตบหน้าจัง ๆ!

นี่คือการประกาศว่า ถึงนายจะเล่นไม่เป็นแต่ฉันเล่นเป็น และต่อให้นายเล่นเป็น ฉันก็เล่นเป็นเหมือนกัน!

สีหน้าของหลี่ชิงสือมืดมนลงทันที

หลังที่ฟางชิวเป่าไปได้สักพัก เขาก็วางขลุ่ยเซียวลง แล้วหันไปหยิบผีผาแทนโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

แล้วเขาก็ยังคงเล่นเพลง ‘เสียงหัวเราะของท้องทะเล’ เหมือนเดิม

แม่งเอ๊ย!

ตบหน้าอีกแล้ว!

และนี่คือการตบหน้าครั้งที่สอง!

ถึงนายจะเล่นไม่เป็นแต่ฉันเล่นเป็น และต่อให้นายเล่นเป็น ฉันก็เล่นเป็นเหมือนกัน!

ฟางชิวกลายเป็นคนชอบตบหน้าไปแล้ว!

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากที่สุดก็คือประโยคที่ฟางชิวพูดก่อนหน้านี้ “แล้วแต่นายเลย” ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด อีกทั้งยังเล่นเพลงเดียวกันกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นได้อีก

หมายความว่าเขาเล่นเครื่องดนตรีได้ทั้งสี่ประเภทเหรอ?

ฟางชิววางผีผาลง เดินไปที่กู่เจิงแล้วนั่งลงท่ามกลางการจ้องมองอันครึ้มทะมึนของหลี่ชิงสือ

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท