ตอนที่ 135 : ความกดดันเล็กน้อย
ฉันไม่ใช่บอสลับสักหน่อย ทําไมถึงเล็งเป้ามาที่ฉันกันด้วย?
เขาคิดอย่างนั้นและคลึกเข้าไปในกระทู้เพื่ออ่านมัน
ผู้โพสต์ได้บอกว่าเขาพบอาชีพลับนักทําลายเวทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษเพื่อตอบโต้กับผู้ใช้เวทมนตร์โดยเฉพาะ
ตราบใดที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เวทมนตร์หรือพลังเวทย์ ต่างก็จะพบกับโชคร้ายเมื่อเจอกับพวกเขา
และในหมู่ผู้ใช้เวทย์นั้น นักเวทย์น่าจะเป็นอาชีพที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่าหลังจากผ่านไปสักระยะ เขานั้นรู้สึกเหมือนกับวีรบุรุษที่เรียนเพลงดาบสังหารมังกร ทว่ากลับไม่มีมังกรให้สังหาร เพราะถึงยังไงนักเวทย์ก็น้อยและลดลงเรื่อยๆ
การจัดการพวกพ่อมดและนักบวชก็ไม่สนุกเท่าไหร่ มีเพียงการได้จัดการนักเวทย์เท่านั้นที่จะทําให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตามนอกจากการได้เปรียบสําหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ นักทําลายเวทย์นั้นค่อนข้างอ่อนแอในการเผชิญหน้ากับนักรบและผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว
ดังนั้นนักเวทย์จะแข็งแกร่งหรือไม่และจะมีจํานวนมากขนาดไหน คําถามเหล่านั้นสะท้อนถึงการมีตัวตนของเหล่าผู้ทําลายเวทย์
เมื่อตอนที่เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทําอะไรที่สําคัญได้อีกในอนาคต โรแลนด์ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เขามีความสุขเป็นอย่างมาก เขานั้นต้องการให้โรแลนด์แข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยวิธีนี้จะทําให้เขารู้สึกประสบความสําเร็จมากยิ่งขึ้นเมื่อสามารถจัดการนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ได้
ในขณะเดียวกัน เขาก็หวังว่าจะมีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งปรากฏตัวมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เหล่านักทําลายเวทย์มีความสําคัญและแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต
เมื่อตอนที่โรแลนด์เริ่มมีชื่อเสียง เขาก็เริ่มติดตามโรแลนด์ราวกับสโตกเกอร์
และตลอดเวลามานี้เขานั้นรู้สึกว่าเขาเหนือกว่าโรแลนด์มาโดยตลอด โดยเชื่อว่าเขานั้นจะได้เปรียบเหนือนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
จนกระทั่งสองวันก่อน เขาเห็นโรแลนด์พังกําแพงเมืองลงด้วยบอลเพลิงขนาดใหญ่ผ่านทางไลฟ์สตรีม
ความรู้สึกที่เหนือกว่าของเขานั้นหายไปทันที
“เขานั้นมีอาชีพที่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก ทว่าความได้เปรียบนั่นสามารถหายไปได้ในทันที ความต้านทานเวทย์ของนักทําลายเวทย์อย่างพวกเรานั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่มันก็มีข้อจํากัดอยู่ บอลเพลิงนั่นไม่ต้องเอ่ยถึงฉันเลย แม้แต่อาจารย์ของฉันก็ไม่สามารถต้านทานมันได้ด้วยซ้ํา นักเวทย์ทั่วไปค่อนข้างอ่อนแอ หลายคนในพวกเขาไม่สามารถร่ายบอลเพลิงนรกได้ด้วยซ้ํา ทว่าคนแข็งแกร่งอย่างโรแลนด์นั้นราวกับบอสภายในเกม”
หลังจากกล่าวชมเชยโรแลนด์ ผู้โพสต์ก็เขียนต่อไปว่า “พวกเราเหล่านักทําลายเวทย์สามารถขัดขวางเวทย์ในระยะที่กําหนดได้ และสามารถเพิ่มระดับความยากในการร่ายเวทย์ได้หนึ่งถึงสองระดับ แต่การขัดขวางนั้นไร้ความหมายกับระดับการควบคุมเวทย์ของโรแลนด์ ฉันพูดเรื่องพวกนี้เพื่อจะบอกว่าโรแลนด์นั้นไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน เขาเองก็มีจุดอ่อนเช่นกัน”
“อย่างแรกคือ การร่ายอย่างเต็มกําลังนั้นต้องใช้เวลาในการ “รวบรวม” พลังเวทย์เพื่อให้มีพลังโจมตีเพียงพอ”
“เวทมนตร์ที่สามารถพังกําแพงเมืองได้นั้นต้องใช้เวลาสิบสามวิในการเตรียมการ ซึ่งมันในศึกการต่อสู้นั้น พวกเรามีเวลามากมายที่จะโจมตีเขา”
“ถ้าหากเขานั้นอยู่ภายใต้การป้องกันที่แน่นหนา มันสําคัญที่จะต้องมีมือชนูประเภทซุ่มยิงจากระยะ 200-300 เมตร เพื่อโจมตีเขาจากระยะไกล และโจมตีเข้าที่ดวงตาของเขา”
“ถ้าโชคดี ก็อาจจะฆ่าเขาได้โดยตรง และถ้าหากโชคไม่ดีนัก อย่างน้อยก็สามารถขัดขวางการร่ายเวทย์ของเขาได้”
“เมื่อเวทมนตร์ที่ใช้เวลานานในการร่ายถูกขัดขวางลง พวกเขาจะต้องเปลี่ยนมาใช้เวทย์ที่มีความรุนแรงลดน้อยลงอย่างแน่นอน”
“เวทย์นั้นก็ยังคงมีความรุนแรงอยู่มาก ทว่าก็ไม่รุนแรงเท่าที่สามารถเปากําแพงเมืองทิ้งได้ และหากได้สวมใส่อุปกรณ์ที่ต่อต้านเวทย์ มันก็จะช่ายลดพลังทําลายของเวทมนตร์ได้อย่างมาก”
“นี่คือเหตุที่ฉันคิดว่าการจะจัดการกับผู้เล่นบอสอย่างโรแลนด์ พวกนายต้องมีคนอย่างน้อยห้าคน และจําเป็นต้องมีคนโจมตีระยะไกลและนักเวทย์หรือนักทําลายเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านมิติ เพราะถึงอย่างไรครั้งล่าสุดฉันเห็นโรแลนด์อัปโหลดแบบจําลองเวทย์ของเวทย์เคลื่อนย้าย หรือจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเขานั้นมีเวทย์มิติแล้ว และมันจะสามารถทําให้เขาสามารถวางแผนเพื่อหนีพวกเราได้ ดังนั้นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านมิติเพื่อป้องกันผลของเวทย์มิติ”
นักเวทย์ที่ไม่มีเวทย์มิตินั้นก็ไม่ต่างอะไรจากคนไร้ความสามารถ
“นี่เป็นเพียงแค่ความเห็นของฉันในฐานะนักทําลายเวทย์เท่านั้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วฉันอยากจะถามทางทีมผู้พัฒนาว่าพวกเขาทําให้นักเวทย์แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เป็นตามความตั้งใจของพวกคุณอยู่แล้วเหรอ? ไม่ใช่อาชีพต่างๆควรสมดุลกันหรอก? ถึงแม้ว่าฉันเองจะเป็นนักทําลายเวทย์ ทว่า ฉันก็ไม่สามารถรับมือเขาได้ ดังนั้นผู้เล่นคนอื่นจะเอาชนะเขาได้ยังไง?”
จากนั้นผู้เล่นต่างออกมาตอบโต้ในกระทู้นี้
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทําไมผู้เล่นนักเวทย์ถึงต้องมีการวิเคราะห์สกิลเหมือนบอสด้วย? เขาไม่ใช่ซานเต่สักหน่อย”
“คนนี้เรียกว่าดุร้ายกว่าซานจี๋เต๋อีก นายไม่ได้ดูเขาพังกําแพงเมืองเมื่อวันก่อนเหรอ เขานั้นเป็นพระเจ้า”
“สิบสามวิในการร่ายเวทย์บทเดียวมันก็เหมือนปืนใหญ่กระจกนั่นแหละ เมื่อเขากลายเป็นเป้าหมาย เขาก็กลายเป็นขยะเรียบร้อยแล้ว”
“อย่าลืมว่าตอนนี้โรแลนด์ระดับห้าเพียงเท่านั้นเขายังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าหากนายปล่อยให้เขาไปถึงระดับสิบละก็ บางทีเขาอาจจะสามารถเรียกฝนดาวตกออกมาจากที่ไหนสักแห่งก็ได้?”
“เท่าที่ฉันนึกออก เหมือนนักเวทย์จะมีเวทย์ล่องหนอยู่นะเป็นสกิลที่คล้ายๆกับของพวกโจร”
“เวทย์ของนักเวทย์มันเป็นสิ่งที่นายไม่สามารถจินตนาการได้หรอก ไม่มีอะไรที่พวกเขาทําไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการล่องหน, การเสริมพลัง หรือการอัญเชิญ ล้วนแล้วแต่สามารถทําได้ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะเรียนมันหรือไม่
“ฉันคิดว่าตอนแรกเขานั้นได้เปรียบ และฉันไม่เชื่อว่าเขานั้นอยู่ระดับเดียวกับนักเวทย์ที่แกร่งที่สุดไปได้ตลอด พวกคนรวยพวกนี้เพียงแค่มองดูโรแลนด์อย่างเดียวและทําตัวเหนือกว่าเขา”
“โทษทีนะ ประธานหวงก็เป็นคนรวยและมี 250 IQ ทว่าเขานั้นเป็นนักรบ”
“เฮ้ พูดกันตามสบายเลย แต่อย่าดึงฉันเข้าไปยุ่งด้วย”
ทันใดนั้นชื่อสีทองที่เป็นตัวแทนของความร่ํารวยปรากฏขึ้นมาภายในกระทู้หัวข้อทั้งหมดก็ถูกบ่ายเบี่ยงไปในทันที
“ประธานหวงได้ปรากฏตัวแล้ว นี่คุณก็มาเรียกกระแสกระทู้นี้เหมือนกันงั้นเหรอ”
“ประธานหวงคุณสามารถมอบนาฬิกา Apple ที่คุณไม่ต้องการให้ฉันได้ไหม?”
โรแลนด์ปิดฟอรั่ม เขารู้สึกปวดหัวเนื่องจากตอนนี้เขากลายมาเป็นเป้าหมายของพวกโง่เง่านั่น
ทว่าเมื่อเขาคิดถึงมัน เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นแบบนี้
เกมนี้ไม่ได้มีการห้ามการต่อสู้กันระหว่างผู้เล่น ในอีกความหมายคือในอนาคตการต่อสู้กันแบบกลุ่มหรือการต่อสู้ระหว่างกิลด์นั้นจะเกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ F6 จะสามารถต้านทานสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อวันหนึ่งพวกเขานั้นขัดแย้งกับกิลด์อื่น
เขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังทําลายล้างที่รุนแรงที่สุดในตอนนี้
ซึ่งนั่นเป็นอุปสรรคในการต่อสู้ระหว่างกิลด์
เพราะเหตุนั้นเป็นธรรมดาที่กิลด์ทั้งหลายจะจัดการเขาก่อน
ดูเหมือนว่าเขานั้นต้องระวังตัวมากขึ้นในอนาคต บางทีอาจจะมีผู้เล่นนักฆ่าพยายามเข้ามาจู่โจมเขา
ตราบใดเท่าที่เขาเก็บความลับเกี่ยวกับเรื่องระดับของเขา อุปสรรคของเขาก็คงลดลงมาก
ด้วยความคิดในหัว โรแลนด์ก็เลยถามผู้เล่นนักเวทย์นักเวทย์ภายในกลุ่มแชท ทว่าทุกคนต่างก็ตอบกลับกันมาเป็นเสียงเดียวกัน ว่าพวกเขานั้นไม่เคยพบเวทย์ป้องกันการล่องหนมาก่อน
สี่วันต่อมาโรแลนด์ก็กลับไปยังหอคอยเวทย์ เขานั้นไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อยทว่าพุ่งไปหาอัลโด้ทันที
เมื่อได้ยินความตั้งใจของโรแลนด์ อัลโด้ก็ยิ้มออกมา “มันมีเวทย์ที่ช่วยป้องกันการล่องหนอยู่มากมาย ทว่ามีเพียงสองเวทย์ที่ได้ผลชัดเจน อย่างแรกคือพื้นฐานที่สุดเวทย์ละอองฝุ่นส่วนอีกอย่างคือเวทย์พรระดับเล็ก เพียงแค่ขอพรว่า “ข้าต้องการมองเห็น” และร่ายออกมาตามเงื่อนไข”
โรแลนด์ถามออกมาอย่างเร่งรีบ “แล้วฉันจะสามารถเรียนมันได้จากที่ไหน?”
เขานั้นได้อ่านหนังสือภายในห้องสมุดของหอคอยเวทย์ทั้งหมดแล้ว และรับรู้ว่าไม่มีเวทย์สองบทนี้ถูกบันทึกไว้
“เวทย์ละอองฝุ่นนั้นเป็นเวทย์แปรสภาพเจ้าขอเรียนรู้มันได้กับนักเวทย์ที่ชื่อว่าคีเมียร์ที่เมืองหลวง ส่วนเวทย์พรระดับเล็กเจ้าสามารถเรียนรู้ได้จากโบสถ์แห่งโชคชะตาและบริจาคเงิน”
“ฉันต้องจ่ายเงินอย่างน้อยเท่าไหร่?” โรแลนด์ถามออกมา เขาจําได้ว่ามีโบสถ์ของเทพธิดาแห่งโชคชะตาอยู่ภายในเมืองนี้
“อย่างต่ําสี่สิบเหรียญทอง” อัลโด้ยิ้ม
แพงขนาดนั้นเชียว! โรแลนด์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาคิดว่าตัวเองรวยระดับหนึ่ง ทว่าเหรียญทองในกระเป๋ามิติของเขายังไม่เพียงพอในการเรียนเวทย์บทเดียวด้วยซ้ํา
ซานจ์เต = ผู้เล่นเกม WoW มีชื่อเสียงจากการฆ่าพันธมิตรภายในเกม
250 IQ = ไอ้โง่