บทที่ 61 คะแนนสูงจนน่าทึ่ง!
บทที่ 61 คะแนนสูงจนน่าทึ่ง!
คำถามที่สี่
ถูกต้อง!
เป็นเหตุให้ความสุขของจางซินหมิงลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะโชคดีจริง ๆ
คำถามที่ห้า
ถูกต้อง!
คำถามที่หก
ก็ถูกต้อง!
คำถามที่เจ็ด
ถูกต้องอีกแล้ว!
เมื่อดูคำถามที่เหลืออีกสามข้อ ใบหน้าของจางซินหมิงในตอนแรกที่เต็มไปด้วยความสุขก็พลันหายไป
ฟางชิวตอบถูกอีกสามข้อ
มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
เขาไม่เชื่อว่าฟางชิวจะตอบถูกทุกข้อหรอก
คำถามที่แปด
ถูกต้อง
คำถามที่เก้า
ถูกต้อง
…
จนมาถึงคำถามที่สิบสาม ฟางชิวก็ยังตอบถูก
จางซินหมิงเกิดความหงุดหงิดนิดหน่อย เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครโชคดีขนาดนั้น อย่างไรก็ต้องมีโชคร้ายบ้างแหละน่า คิดแล้วเขาก็ก้มหน้าตรวจคำตอบต่อไป
คำถามที่สิบสี่
ถูกต้อง!
คำถามที่สิบห้า
ถูกต้อง!
แล้วก็มาถึงคำถามที่ยี่สิบ
คำถามข้อสุดท้ายเป็นคำถามที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งคำตอบ
ใบหน้าของจางซินหมิงดูน่าเกลียดเล็กน้อย หัวใจของเขาก็แล่นตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ยี่สิบข้อของคำถามที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งคำตอบ ฟางชิวทำผิดเพียงข้อเดียว!
เขาไม่รู้ว่าฟางชิวทำได้อย่างไร
คำถามที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งคำตอบเหล่านี้มีจุดที่ทำให้ผู้ทำแบบทดสอบสับสนอยู่ น้อยคนนักสามารถตอบคำถามพวกนี้ได้ถูกต้องทั้งหมด
เนื่องจากมหาวิทยาลัยทั้งหมดเก้าแห่ง มีนักศึกษามากกว่าเก้าหมื่นคน แต่ละมหาลัยจะคัดเลือกคนที่เก่งที่สุดมาเก้าคนเป็นตัวแทน เมื่อรวมกันแล้วจะได้แปดสิบเอ็ดคน แล้วก็มีเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ตอบถูก ส่วนคนที่ตอบคำถามนี้ไม่ได้สักข้อมีห้าคน
เป็นอย่างที่ทุกคนคิด คำถามแบบที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งคำตอบนี้ยากสุด ๆ!
แล้วตอนนี้เด็กที่ถูกคัดชื่อออกก็ตอบผิดแค่ข้อเดียว!
ในใจของจางซินหมิงนั้นไม่สามารถยอมรับและเขาไม่ต้องการที่จะยอมรับมันด้วย
เวลานี้เขาทำได้แค่กัดฟันตัวเองเท่านั้น
จางซินหมิงรีบอ่านคำถามด้านล่าง ถ้าตอบคำถามด้านล่างถูกอีก ฟางชิวก็จะได้ เก้าจุดห้าคะแนน
นี่เป็นคำถามที่ให้เติมคำในช่องว่าง และมันก็เป็นคำถามที่ยากของจริง
แม้ว่าเด็กนี้จะเก่งตอบคำถามแบบปรนัยเก่งมากแค่ไหน แต่สำหรับคำถามแบบนี้แล้ว มันก็แค่นั้นแหละ ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก
ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งแหละน่า
คำถามเติมคำในช่องว่างไม่เหมือนคำถามปรนัยที่มีคำตอบให้เลือกหลายตัว ถ้าเติมคำในช่องได้ก็แสดงว่าทำได้ แต่ถ้าเติมคำไม่ได้ก็แสดงว่าทำไม่ได้ อีกทั้งยังห้ามเขียนผิด ไม่อย่างนั้นคำตอบในข้อนั้นก็จะผิดทันที!
คำถามแรก
ถูกต้อง
คำถามที่สอง
ถูกต้อง
คำถามที่สาม
ถูกต้อง
คำถามที่สี่
ก็ยังคงถูกต้อง!
คำถามที่ห้า
ถูกต้องเหมือนเดิม…
จางซินหมิงเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเพ่งดูคำตอบอยู่นาน เพราะคำถามข้อที่ห้านั้นเป็นคำถามที่เอาไว้เชือดผู้ทำแบบทดสอบโดยเฉพาะ
คำถามข้อนี้ไม่ยุติธรรมต่อผู้ทำแบบทดสอบมาก เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องตามฉบับแพทย์แผนจีน
นี่ไม่ใช่ความรู้พื้นฐานของแพทย์แผนจีนแบบธรรมดาแล้ว
แม้จะนับว่าเป็นพื้นฐานของการแพทย์แผนจีนเหมือนกัน แต่ก็เป็นพื้นฐานของการแพทย์แผนจีนสมัยโบราณ ไม่ใช่พื้นฐานของการแพทย์แผนจีนสมัยใหม่
ผู้สอบไม่สามารถหาคำตอบได้ในหนังสือทฤษฎีพื้นฐานของแพทย์แผนจีนทั่วไป
เขาจำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้ว มีผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งมาจากตระกูลแพทย์แผนจีน เด็กคนนั้นจำเนื้อหาในหนังสือโบราณได้หลายเล่ม เพราะเขาอ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นตอบคำถามข้อที่ห้าได้!
และตอนนี้ ฟางชิวก็สามารถตอบคำถามบางส่วนของคำถามที่ห้าได้เช่นกัน!
ทำให้จางซินหมิงอดไม่ได้ที่จะมองหน้าฟางชิว
แม้ความจริงจะอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ทำใจเชื่อไม่ลงอยู่ดี
เพราะเหตุใดเด็กปีหนึ่งคนนี้ถึงได้มีความรู้ที่ครอบคลุมอย่างนี้นะ
พอเขานึกถึงตอนที่ฟางชิวเขียนคำตอบแบบไม่หยุดพักเลย เขาก็รู้สึกหวาดผวาไปครู่หนึ่ง
รวดเร็ว แม่นยำ ครอบคลุมและนำไปใช้ได้จริง
ฉีไคเหวินได้พบต้นกล้าที่ดีจริง ๆ และฟางชิวจะเป็นอาวุธลับในการแข่งขันครั้งนี้
นั่นคือสิ่งที่จางซินหมิงไม่อยากเห็น!
ก่อนอื่นเขาต้องดูก่อนว่าต้นอ่อนที่ดีนี้เป็นอย่างไร?
ต้องตรวจต่อไป!
คำถามที่หก
ถูกต้อง
คำถามที่เจ็ด
ถูกต้อง
…
จนถึงคำถามเติมคำในช่องว่างข้อที่ยี่สิบ จางซินหมิงก็พบว่าฟางชิวตอบถูกหมดเลย
ฟางชิวได้คะแนนไปยี่สิบเก้าจุดห้าแล้ว
คำถามที่ให้เติมคำในช่องว่างนั้นตอบถูกทั้งหมด และก็มาถึงกับคำถามจริงหรือเท็จ
คำถามสี่สิบข้อ ใช้เวลาในการตอบข้อละครึ่งนาที
คำถามจริงหรือเท็จนั้นมักผิดพลาดได้ง่ายโดยเฉพาะเรื่องความรู้ด้านการแพทย์แผนจีน หากตอบผิดไปคำเดียวแล้ว คำตอบก็อาจจะผิดทั้งข้อ
ตัวอย่างเช่น หน้าที่ของชี่คืออะไร หากตอบว่าการใช้เปลี่ยนถ่ายเลือด ทุกคนจะคิดว่าคำอธิบายนี้ถูกต้อง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
แต่ถึงอย่างนั้น จางซินหมิงก็ยังจริงจังอยู่ดี และใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่เพียงแต่คิดว่าฉีไคเหวินพบต้นกล้าที่ดีแล้ว แต่เขายังคิดที่จะทำลายต้นกล้าที่ดีต้นนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย!
เขายังคิดว่าฟางชิวนี้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้เป็นอย่างดี และเขาก็เกือบจะเอาชนะฟางชิวได้แล้ว ในตอนนั้นเขาก็เกือบที่จะทำชั่วได้สำเร็จเช่นกัน!
คำถามสี่สิบข้อ ตอบผิดแค่ไปหกข้อ
ท้ายที่สุดแล้ว การแพทย์แผนจีนนั้นกว้างและลึกซึ้งมาก และหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนนั้นก็มีมากมาย ฟางชิวไม่สามารถอ่านหนังสือได้หมดแน่ ๆ ภายในเวลาอันสั้น
หากทำได้จริงก็จะเป็นความสามารถที่หายากมาก
หลังจากที่จางซินหมิงตรวจคำตอบของคำถามจริงหรือเท็จเสร็จแล้ว เขาก็ไปตรวจคำถามอธิบายคำศัพท์ที่มียี่สิบข้อทันที
นี่เป็นคำถามที่ค่อนข้างยากเช่นกัน
คำถามเติมคำในช่องว่าง เชี่ยวชาญเฉพาะบางส่วนก็ทำได้ ในขณะที่คำถามอธิบายคำศัพท์สั่งให้คุณต้องอธิบายความหมายทั้งหมดของคำศัพท์เหล่านี้อย่างละเอียด
ความยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ตอนนี้ฟางชิวได้คะแนนไปสี่สิบหกจุดห้าคะแนน เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟางชิวจะหยุดทำคะแนน
แต่เมื่ออ่านคำถามแรก ใบหน้าของจางซินหมิงก็มืดคล้ำลงทันที
แม่มันเถอะ! ถูกอีกแล้ว!
ไม่มีการเขียนผิดอีกต่างหาก! และความหมายที่อธิบายก็ละเอียดดีเลย!
นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแค่เด็กปีหนึ่ง เขาก็นึกว่าฟางชิวเป็นเครื่องตอบคำถามแล้ว!
คนที่มีความสุขที่เห็นสีหน้าของจางซินหมิงหมองลงเรื่อย ๆ ก็คือฉีไคเหวินกับเฉียวมู่
นี่แสดงให้เห็นว่าฟางชิวทำแบบทดสอบได้ดี
ส่วนจางซินหมิงทำได้แค่กลืนน้ำลายตนเองลงคอ
ฟางชิวที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นสงบนิ่งมาก
มองขึ้นไปที่นาฬิกาในสำนักงาน จะพบว่าเป็นเวลาสิบสองนาฬิกาห้าสิบนาที
ฟางชิวไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่จะปล่อยตัวเขากลับไปเมื่อไร เพราะเขามีเรียนตอนบ่าย
หลังจากตรวจถามที่ต้องอธิบายคำศัพท์เสร็จแล้ว ฝ่ามือของจางซินหมิงก็เริ่มมีเหงื่อออก
คำถามอธิบายคำศัพท์นี้ ต่อให้ช่วยกันตอบสี่คนก็ทำแบบฟางชิวไม่ได้
เด็กคนนี้ตอบได้สิบหกคะแนน ทำให้ตอนนี้มีคะแนนรวมหกสิบสองจุดห้าคะแนน!
ทะลุเส้นผ่านเกณฑ์!
เกือบจะแซงหน้าคะแนนยอดเยี่ยมแห่งปีไปแล้ว เพราะคะแนนยอดเยี่ยมแห่งปีมีหกสิบห้าคะแนน!
ถ้าคำถามอัตนัยอีกสองข้อด้านล่างตอบถูก คะแนนของฟางชิวก็จะนำหน้าคะแนนยอดเยี่ยมแห่งปีไปทันที!
คำถามอัตนัยสิบห้าข้อนี้รวมแล้วมีสามสิบคะแนน
ความสำเร็จของฟางชิวในตอนนี้ จางซินหมิงรู้ว่าดีเขาไม่สามารถหยุดเจ้าตัวได้อีกต่อไป และเขาก็ได้แต่หวังว่าคำถามต่อไปนี้ฟางชิวจะตอบผิด!
คำถามแรก
ถูกต้อง!
แค่ตอบมาตรฐานในหนังสือเท่านั้นแหละน่า
คะแนนของฟางชิวในเวลานี้ห่างจากคะแนนสูงสุดของปีนั้นอยู่หนึ่งคะแนน
คำถามที่สอง
ฮ่า ๆๆๆ
จางซินหมิงแอบมีความสุขเมื่อเขาเห็นคำตอบ แม้ว่าความหมายของคำตอบนี้จะถูกต้อง แต่ฟางชิวใช้ภาษาของตัวเองในการตอบ เพราะตราบใดที่มันไม่ใช่ภาษามาตรฐาน เขาก็จะกาว่ามันผิด
คำถามที่สาม
หลังจากที่อ่านคำตอบข้อที่สามแล้ว มือของจางซินหมิงก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวทันที
คำถามที่สาม
ถูกต้อง…
ฟางชิวได้คะแนนไปหกสิบห้าจุดห้าแล้ว!
ไม่ว่าฟางชิวจะตอบคำถามข้อต่อไปนี้อย่างไร คะแนนก็สูงกว่าคะแนนที่สูงที่สุดของสองปีที่แล้วอยู่ดี
เป็นไปไม่ได้!
นี่มันเป็นไปไม่ได้!
จางซินหมิงปฏิเสธอย่างฉุนเฉียวในใจ เขาสงสัยว่าเฉียวมู่จะแอบสมรู้ร่วมคิดกับฟางชิว แม้ว่าจะไม่มีใครสมรู้ร่วมคิดกับฟางชิว แต่เด็กคนนี้ก็อาจจะเห็นคำถามของแบบทดสอบชุดนี้โดยบังเอิญ
เพราะความสำเร็จนี้มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน!
จะเก่งกว่าเด็กปีสามทุกคนได้อย่างไร!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฟางชิวเก่งที่สุด!
ตอนนี้ฟางชิวกลับแซงหน้าพวกปีสามไปแล้ว!
จางซินหมิงก้มมองกระดาษทดสอบด้วยความยากลำบาก จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ
อย่าตอบถูกอีกได้ไหม ขอร้องเถอะ
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้สร้างความอัปยศอดสูให้ตนเอง
จางซินหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองฟางชิวอย่างพินิจพิจารณา จากนั้นเขาก็เสแสร้งยิ้มออกมาแล้วพับกระดาษคำตอบอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็หันไปพูดกับฉีไคเหวินว่า “นักศึกษาคนนี้มีผลการทดสอบดี ฉันจะเพิ่มเขาลงไปในรายชื่อก็แล้วกัน ส่วนคนที่อยู่อันดับสุดท้ายจะถูกคัดออก”
พูดจบก็ยัดแบบทดสอบกับกระดาษคำตอบลงในกระเป๋าทันที
คำตอบนี้ทำให้ฉีไคเหวินฉีกยิ้มออกมา
เขาชนะแล้ว
เฉียวมู่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ดีว่าฟางชิวต้องทำแบบทดสอบออกมาได้ยอดเยี่ยม รองคณบดีจางถึงได้พ่ายแพ้อย่างนี้
แต่ฟางชิวตอบคำถามแบบไหนนั้น เขาอยากจะรู้มาก
เฉียวมู่ควบคุมความอยากรู้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันก่อนที่จางซินหมิงจะรู้สึกตัว จากนั้นหยิบกระดาษคำตอบทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าของจางซินหมิงออกมาทันที
“ผมเองก็อยากจะดูว่ากระดาษคำตอบนี้เป็นยังไง!”
“เฉียว…”
จางซินหมิงอยากจะหยุดเฉียวมู่ แต่พบว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะกระดาษคำตอบอยู่ในมือของเฉียวมู่เรียบร้อยแล้ว
จางซินหมิงทำได้แค่ส่งยิ้มให้เฉียวมู่ แต่สายตาของเขานั้นเยียบเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
เฉียวมู่นั้นไม่สนใจแล้วก้มอ่านคำตอบอย่างรวดเร็ว ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งแสดงความตกใจออกมา
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองฟางชิวด้วยความตะลึง
แต่ตะลึงไม่นาน เฉียวมู่ก็ต้องก้มลงอ่านคำตอบข้อต่อไป
ท่าทางแบบนั้นของเฉียวมู่ทำให้ฉีไคเหวินอยากรู้อยากเห็นด้วยเช่นกัน
กระดาษคำตอบนี้ต้องตอบดีขนาดไหนถึงทำให้เฉียวมู่สนใจมากขนาดนี้ อีกทั้งจางซินหมิงยังไม่ต้องการแสดงกระดาษคำตอบนี้ให้พวกเขาดูอีก
ภายในเวลาไม่ถึงสามนาที เฉียวมู่ก็ใกล้จะตรวจคำตอบเสร็จ
ไม่ใช่ว่าเขาตรวจเร็ว แต่จางซินหมิงทำเครื่องหมายถูกและผิดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาแค่มองดูคร่าว ๆ เท่านั้น
ในที่สุดผลคะแนนก็ออกมา
แปดสิบหกจุดห้าคะแนน!
ผลคะแนนนี้ทำให้เฉียวมู่พูดไม่ออกด้วยความตกใจ!
“ได้กี่คะแนน?” ฉีไคเหวินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แปด… แปดสิบหกจุดห้าคะแนน” เฉียวมู่ตอบอย่างตะกุกตะกัก เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
คะแนนของฟางชิวสูงกว่าคะแนนสูงสุดเมื่อสองปีที่แล้วถึงยี่สิบเอ็ดจุดห้าคะแนน
“เท่าไหร่นะ?!” ฉีไคเหวินเอ่ยถามเสียงดังเพราะความตกใจ
“แปดสิบหกจุดห้าคะแนนครับ!” เฉียวมู่ตอบอีกครั้ง
เมื่อจางซินหมิงได้ยินผลคะแนนนี้ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็กระตุกไม่หยุด เพราะแม้แต่คำถามข้อสุดท้ายของคำถามอัตนัยก็ยังถูกต้อง!
“ดี! ดีมาก!”
ฉีไคเหวินยืนขึ้นแล้วตะโกนเสียงดังอย่างมีความสุข
จากนั้นเขาก็เดินออกจากโต๊ะและเดินวนไปวนมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมากในเวลานี้
“ในที่สุดมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนของพวกเราก็มีอัจฉริยะแล้ว!”
หลังจากพูดจบเขาก็หันไปมองฟางชิวทันที
“มีฟางชิวเรียนอยู่ที่นี่ ฉันเชื่อว่าพวกเราจะได้เห็นชัยชนะ! ” ฉีไคเหวินหัวเราะอย่างมีความสุข
ในขณะที่หัวเราะ เขาก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองจางซินหมิงอย่างภาคภูมิใจ
สีหน้าของรองคณบดีกลายเป็นขี้เถ้าในทันทีทันใดที่เห็นสายตาที่ภาคภูมิใจของฉีไคเหวิน!
ฮึ! จางซินหมิงพยายามหายใจเข้าลึก ๆ แล้วข่มใจบอกตนเองว่าเด็กคนนี้แค่โชคดีเท่านั้น!
บางทีฉีไคเหวินคนนี้อาจจะแอบแทงที่ด้านหลังของเขา ไม่เช่นนั้นตำแหน่งคณบดีก็จะเป็นของเขา!
“ใช่แล้ว! ถ้านักศึกษาฟางชิวเข้าร่วมการแข่งขันในนามของมหาวิทยาลัย พวกเขาก็จะได้ผลคะแนนที่สูงที่สุดแน่นอน!” เฉียวมู่พูดสนับสนุนอย่างอารมณ์ดี
นี่คือนักศึกษาที่เขาสอน
ยิ่งเกรดของฟางชิวดีขึ้นเท่าไร ผลการสอนของเขาก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น!
เมื่อเห็นทั้งสองคนมีความสุข สีหน้าของจางซินหมิงก็เปลี่ยนสีดำจนเหมือนก้นหม้อ แต่เขาก็ทำได้แค่ทำเสียงลมพ่นจมูกออกมาเบา ๆ เท่านั้น
ให้พวกแกภูมิใจกับชัยชนะครั้งนี้ไปก่อน
ใครจะไปรู้ โซ่อาจจะหลุดในช่วงเวลาสำคัญ*[1] ฟางชิวอาจจะท้องเสียก็ได้?
เมื่อคิดเช่นนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของจางซินหมิงก็ปรากฏขึ้นทันที ถึงจะขับให้ใบหน้าดูโหดร้ายไปหน่อยก็เถอะ
“ผมขอขัดจังหวะหน่อยนะครับอาจารย์ ผมได้ยินว่าอาจารย์ต้องการให้ผมเข้าร่วมการแข่งขันความรู้ของน้องใหม่ปีนี้ และการทดสอบในวันนี้คือการวัดระดับที่แท้จริงของผมว่ามีคุณสมบัติพอไหม” ฟางชิวเงยหน้ามองผู้ใหญ่ทั้งสามคนพร้อมกับเอ่ยถามออกมาเสียงดัง
“ใช่แล้วฟางชิว การแข่งขันครั้งนี้มันสำคัญมาก ดังนั้นเธอต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเกรดที่ดีและเพื่อสร้างเกียรติยศให้ตัวเองและมหาลัยด้วย”
ฉีไคเหวินก็สวมหมวกสูง*[2] ให้ฟางชิวอย่างมีความสุข
นักศึกษาที่เรียบร้อยมักชอบสวมหมวกสูงกันทั้งนั้น
“ขอโทษครับ แต่ผมจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้” ฟางชิวบอกอย่างใจเย็น
อะไรนะ!
ทั้งสามคนในสำนักงานมองฟางชิวอย่างไม่เชื่อสายตาพลางทำหน้าเหมือนฟังอะไรผิดไป
[1] โซ่หลุด หมายถึงเกิดวิกฤตในช่วงเวลาที่สำคัญ
[2] สวมหมวกสูง หมายถึงเยินยอ ยกยอ เป็นคำอุปมาที่ใช้เชิงลบ