คุรุการแพทย์ – บทที่ 63 เธอรู้ไหมว่าเขาสอบได้กี่คะแนน

คุรุการแพทย์

บทที่ 63 เธอรู้ไหมว่าเขาสอบได้กี่คะแนน?

บทที่ 63 เธอรู้ไหมว่าเขาสอบได้กี่คะแนน?

ฟางชิวมองไปที่คณบดีกับรองคณบดีอย่างสงสัย

แต่ดูแล้วเหมือนว่าอาจารย์ทั้งสองท่านจะสนใจข้อเสนอของเขามาก!

คณบดีกับรองคณบดีหน้าแดงจากการเถียงกันเป็นเวลานาน ในที่สุดพวกเขาก็กระหายน้ำ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอีกสองคนในห้อง

เป็นเหตุให้พวกเขาสองคนรู้สึกอับอายมาก

ฉีไคเหวินที่ผ่านการต่อสู้แย่งชิงผลงานอย่างหนักมา หันไปพูดกับเฉียวมู่ตามปกติ

“อาจารย์เฉียว คุณพานักศึกษาฟางชิวไปส่งที่ห้องเรียนเถอะ ฉันจะคุยกับรองคณบดีจางก่อน”

จากนั้นเขาก็หันไปบอกฟางชิวว่า “นักศึกษาฟางชิว ฉันให้สัญญากับเธอ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ตั้งใจเข้าร่วมการแข่งขันก็พอ”

ฟางชิวพยักหน้าแล้วเดินออกจากสำนักงานพร้อมกับเฉียวมู่ หลังจากออกจากอาคารมาแล้ว เฉียวมู่ก็ตบไหล่ฟางและให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ ล่ะ!”

ฟางชิวพยักหน้ารับ

“เรื่องในวันนี้ฉันขอโทษนะ…” เฉียวมู่ขยับเข้าไปใกล้ฟางชิวแล้วกระซิบบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ให้เขาฟัง

รวมถึงวิธีการที่รองคณบดีจางซินหมิงคัดชื่อฟางชิวออกและไม่ยอมให้เขาร่วมการแข่งด้วย

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เกิดอาการงงงวยจนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามที่สงสัยก่อนหน้านี้ รองคณบดีจางซินหมิงเล็งเป้ามาที่เขาจริง ๆ ด้วย

แต่วันนี้เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่หรือ?

ถ้างั้นก็ไม่ควรมีความแค้นต่อกันสิ

“ขอบคุณครับอาจารย์เฉียว” ฟางชิวกล่าวขอบคุณเฉียวมู่แล้วถามว่า “รองคณบดีจางมีญาติที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนี้ไหมครับ?”

ชายหนุ่มอยู่ที่มหาวิทยาลัยมามากกว่าสองสัปดาห์แล้ว และคงจะมีนักศึกษาแค่คนเดียวที่กล้าต่อกรกับรองคณบดีจาง ในตอนนี้มีนักศึกษาเพียงสองคนเท่านั้นที่มีความแค้นกับเขา

คนหนึ่งคือหลี่ชิงสือ และอีกคนคือเกาเฟย

ถ้าเป็นหนึ่งในสองคนนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว

“อืม…”

เฉียวมู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างไม่แน่ใจว่า “ดูเหมือนรองคณบดีจางจะเป็นลุงเขยของหลี่ชิงสือ”

ฟางชิวแค่นยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยิน เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

“ขอบคุณครับอาจารย์เฉียว”

ชายหนุ่มขอบคุณอาจารย์อีกครั้ง หลังจากแยกจากอาจารย์เฉียวแล้ว เขาก็เดินตรงกลับไปที่หอพัก

สำหรับข้าวเที่ยงนั้นคงไม่ต้องกินแล้วล่ะ ไม่กินข้าวเที่ยงหนึ่งอาทิตย์ยังไม่เป็นอะไร นับประสาอะไรกับแค่ไม่กินข้าวเที่ยงหนึ่งวัน

ปกติเขาจะอดอาหารสัปดาห์ละหนึ่งวัน แม้แต่ข้าวหรือขนมก็ตาม เขาจะไม่กินเลย เขาดื่มแต่น้ำผลไม้ น้ำหวานที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก

ทุกวันนี้โรคภัยต่าง ๆ มักเกิดจากการกินทั้งนั้น กินให้น้อยหน่อยคงดีกว่า

ตอนบ่าย

หลี่ชิงสือใช้ประโยชน์จากการขาดเรียนวิชาแรกในช่วงบ่ายเข้าสู่โลกออนไลน์ทันที เขาตั้งใจจะตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันความรู้ของน้องใหม่ รอไม่ไหวที่จะไม่เจอชื่อฟางชิวปรากฏอยู่บนนั้น

ชายหนุ่มเข้าสู่ระบบเครือข่ายของมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะเข้าสู่ระบบสำนักงานวิชาการ

เมื่อเลือกไฟล์รายการที่จะดาวน์โหลดแล้ว หลี่ชิงสือก็เปิดรายชื่อด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง สุดท้ายเขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเห็นชื่อของฟางชิวปรากฏอยู่บนนั้น

ความเจ็บปวดเข้ามารุกรานหลี่ชิงสืออย่างรวดเร็ว!

เขาคลิกดูรายชื่ออีกครั้ง

แล้วชายหนุ่มก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น เป็นเหตุให้ต้องหยุดชะงักการเคลื่อนไหวทั้งหมด!

เขาดูรายชื่อด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง

หลี่ชิงสือคิดว่าเขาสามารถตบหน้าฟางชิวได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าคนแรกในรายชื่อจะเป็นฟางชิว!!!

เรื่องนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่?

ไม่ใช่ว่าคัดชื่อออกไปแล้วหรือ?

เมื่อวานลุงเขยของเขาบอกว่าได้ลบชื่อของฟางชิวไปแล้ว แต่ทำไมถึงมีชื่อฟางชิวอยู่ที่นี่ล่ะ?

แถมยังเป็นคนแรกอีกต่างหาก!

สุดท้ายแล้วเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่

หลี่ชิงสือเริ่มหงุดหงิด เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาลุงเขยของเขาทันที

ชายหนุ่มสงสัยว่าเจ้าหน้าที่อาจจะทำงานผิดพลาด เขาจึงต้องขอให้ลุงเขยคัดชื่อฟางชิวออกโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวทุกคนก็เห็นรายชื่อไปเสียก่อน หลังจากนั้นคงแก้ไขอะไรยาก

หลังกดโทรติดแล้ว เสียงของจางซินหมิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“[ฮัลโหล ชิงสือเหรอ]”

“ลุงเขย!”

หลี่ชิงสือเอ่ยถามอย่างรีบร้อน “รายชื่อตัวแทนของการแข่งประกวดความรู้สำหรับน้องใหม่อัปโหลดไฟล์ผิดหรือเปล่าครับ ทำไมถึงยังมีชื่อฟางชิวอยู่อีกล่ะ? เจ้าหน้าที่ทำพลาดหรือเปล่า ช่วยลบชื่อฟางชิวออกให้ไวที่สุดด้วยครับ!”

“[เรื่องนี้เหรอ ไม่ได้พลาดหรอก]”

“ไม่ได้พลาด?” หลี่ชิงสือทวนประโยคของจางซินหมิงอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“[อืม ไม่ต้องรีบร้อน]”

จางซินหมิงก็รู้สึกขายหน้ากับเรื่องนี้เช่นกัน ตนได้สัญญากับหลานชายเอาไว้แต่ไม่ได้ทำตามสัญญา ตอนนี้จึงสามารถอธิบายได้เพียงแค่ว่า “[ฉันทำให้ไม่มีชื่อฟางชิวในไฟล์ที่อัปโหลดตอนเช้า พออาจารย์เฉียวมู่รู้เรื่องก็ไม่เห็นด้วย เขาพยายามที่จะเอาชื่อของฟางชิวกลับเข้าไปในรายชื่อของตัวแทนนักศึกษาให้ได้ ฉันก็เลยทำอะไรไม่ได้อีก]”

“เขาเป็นแค่อาจารย์ธรรมดา เขาจะขวางลุงได้เหรอ” หลี่ชิงสือถามทันควัน แล้วแสดงท่าทางไม่พอใจออกมาทันที

เขาไม่คาดคิดว่าจะมีอาจารย์ที่สนับสนุนฟางชิวด้วย

แต่จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะมีอาจารย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งกล้าไปเถียงกับรองอธิบดีแล้ว!

“[ยังมีฉีไคเหวินอีก]” จางซินหมิงพูดอย่างจนปัญหา

พอหลีชิงสือได้ยินชื่อคนคนนี้ เขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง

เขาไม่คิดว่าคณบดีจะคอยหนุนหลังฟางชิวด้วย!

เรื่องนี้เริ่มลำบากแล้ว เพราะเขารู้ว่าคณบดีกับรองคณบดีนั้นไม่ลงรอยกัน

“[ถ้าไม่ใช่เพราะพวกมัน แน่นอนว่าฉันคงไม่เพิ่มชื่อฟางชิวเข้าไปหรอก]”

เมื่อพูดถึงประโยคนี้ จางซินหมิงก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดเสริมว่า “[แต่ถึงยังไง นักศึกษาฟางชิวก็เป็นนักศึกษาที่มีศักยภาพ!]”

“มีศักยภาพ? ลุงไม่ได้หมายถึงความสามารถหรอกเหรอ?” หลี่ชิงสือมุ่ยหน้าอย่างดูถูก เขายอมรับว่าฟางชิวมีพรสวรรค์มาก

แต่ความสามารถคงไม่ถึงกับเป็นตัวแทนแข่งประกวดความรู้ของน้องใหม่หรอก!

“[ไม่ได้หมายถึงความสามารถ ฉันหมายถึงความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีน]” จางซินหมิงอธิบาย

“ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีน?”

หลี่ชิงสือหัวเราะแล้วเอ่ยเสียงดูถูกออกมา “ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน เขาก็เป็นแค่น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยและยังไม่มีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนเลย อย่างมากที่สุด เขาน่าจะเพิ่งอ่านหนังสือแค่สองสามเล่มมั้งครับ”

“[เฮ้อ!]”

จางซินหมิงถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า พวกเราดูถูกนักศึกษาคนนี้มากเกินไป!

“[สองปีที่แล้ว เธอเข้าร่วมการประกวดความรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนของเด็กปีหนึ่งด้วยนี่ ในการสอบข้อเขียนรอบแรก เธอได้กี่คะแนน?]”

“สี่สิบห้าคะแนน! ทำไมลุงถามแบบนี้ล่ะ” หลี่ชิงสือถามด้วยความสงสัย

แต่พอได้บอกว่าตัวเองสอบได้สี่สิบห้าคะแนน เขาก็รู้สึกค่อนข้างภูมิใจในตัวเอง

ใครก็ห้ามดูถูกคะแนนนี้ ถึงมันจะดูไม่สูง แต่คำถามของปีนั้นยากเกินไป คะแนนสูงสุดคือหกสิบห้าคะแนน และเขาทำได้สี่สิบห้าคะแนน ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว

หลี่ชิงสือได้ที่เก้าจากแปดสิบเอ็ดในตอนนั้น!

นับว่าอยู่ในอันดับสูงมาก!

ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เขาจะภูมิใจกับมันทุกครั้ง

“[เพื่อป้องกันไม่ให้ฟางชิวอยู่ในรายชื่อ ฉันเลยใช้แบบทดสอบชุดนี้กับฟางชิว]”

จางซินหมิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “[เธอคิดว่าเขาจะได้กี่คะแนน]”

“ยี่สิบหรือสิบมั้งครับ?” หลี่ชิงสือตอบอย่างดูแคลน

[แปดสิบหกจุดห้า!] จางซินหมิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เท่าไหร่นะ?!” หลี่ชิงสือตกตะลึงแล้วลุกขึ้นยืนกะทันหัน เมื่อกี้ราวกับว่าได้ยินไม่ชัด เขาจึงเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา

ฟางชิวทำคะแนนได้แปดสิบหกจุดห้าคะแนน สูงกว่าอันดับหนึ่งของปีนั้นยี่สิบเอ็ดจุดห้าคะแนน!

จางซินหมิงยังถามอีกว่า [เดาซิว่าเขาใช้เวลานานแค่ไหน?]

“นานแค่ไหน?” หลี่ชิงสือถามอย่างโง่เขลา เพราะเขายังไม่หายช็อกเมื่อรู้ว่าฟางชิวได้คะแนนสูงปานนั้น!

[สี่สิบห้านาที!]

“อะไรนะ?!” หลี่ชิงสือถามด้วยความประหลาดใจ

สี่สิบห้านาที!

แปดสิบหกจุดห้าคะแนนในเวลาสี่สิบห้านาที?

ตอนที่หลีชิงสือแข่งตอนนั้น เขาทำแบบทดสอบไม่เสร็จ ก็เลยได้แค่สี่สิบห้าคะแนน!

ผู้ชนะอันดับหนึ่งก็ใช้เวลาหกสิบนาทีเช่นกัน

แต่ฟางชิวใช้เวลาแค่สี่สิบห้านาทีก็ได้มากกว่าหกสิบคะแนนแล้ว!

เป็นไปได้อย่างไร

“คงไม่ได้มีใครเอาเฉลยไปให้เขาดูล่วงหน้าใช่ไหมครับ” หลี่ชิงสือถามโดยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

“[ไม่มีหรอก]” จางซินหมิงถอนหายใจและกล่าวว่า “[ก่อนที่ฟางชิวจะเข้าในสำนักงาน ไม่มีใครรู้ว่าฉันจะใช้แบบทดสอบนี้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะอ่านเฉลยล่วงหน้า]”

เมื่อฟังจบ ใบหน้าของหลี่ชิงสือก็แสดงความตกตะลึงออกมา

เขารู้ดี ลุงของเขาไม่ได้โกหก

เพราะต้องใช้แบบทดสอบสำหรับฟางชิวโดยเฉพาะ ลุงเขยต้องตรวจสอบแบบทดสอบชุดนั้นมาก่อนแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ฟางชิวไม่ได้โกง เขาแค่ใช้พรสวรรค์!

หลีชิงสือรู้สึกหดหู่ แม้แต่พรสวรรค์เขาก็เทียบฟางชิวไม่ติด

ขนาดความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนที่เขาภาคภูมิใจหนักหนาก็ไม่อาจเทียบกับฟางชิวที่เพิ่งเรียนหนังสือแค่ไม่กี่วัน!

สิ่งนี้ทำให้ความมั่นใจและความภาคภูมิใจของเขาถูกทำลายลง!

“ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ลุงคิดจะปล่อยเขาไปเหรอ?” หลี่ชิงสือกำหมัดแน่นและถามอย่างไม่ยินยอม

“[ไม่มีทาง!]” จางซินหมิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “[เขาทำให้ฉันอับอายต่อหน้าฉีไคเหวิน ฉันไม่มีทางลืมง่าย ๆ หรอก แต่ต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ ส่วนฟางชิว เราค่อยมาหาวิธีขัดขวางไม่ให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันได้อีกที]”

เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว ดวงตาของหลี่ชิงสือก็สว่างวาบขึ้นในทันใด

ใช่แล้ว!

ชื่อของฟางชิวอยู่ในอันดับแรกนี่

เมื่อถึงวันแข่งจริง ๆ ถ้าฟางชิวดันเกิดอุบัติเหตุจนเข้าร่วมการแข่งขันไม่ได้หรือทำคะแนนออกมาได้น้อย แค่นั้นก็ทำลายฟางชิวได้แล้ว!

อุบัติเหตุอย่างเช่น ท้องเสีย…

เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของหลี่ชิงสือก็กลับราบเรียบดังเดิม

รอบนี้เขายังไม่แพ้!

ไอ้ฟางชิว พวกเรายังสะสางกันไม่เสร็จหรอกนะ!

ความแค้นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องความรักอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย!

เขาจะเป็นลูกผู้ชายแห่งปีของการแพทย์แผนจีน ตำแหน่งลูกผู้ชายตัวจริงในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ต้องเป็นของเขา!

นี่เป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์!

มันอยู่ที่ว่าทุกคนจะโฟกัสตรงไหนก็เท่านั้นเอง!

และแน่นอนว่าฟางชิวนับว่าเป็นผู้ท้าชิงที่ดีที่สุดในการแข่งกันจีบเจียงเหมี่ยวอวี๋

พอหลี่ชิงสือนึกถึงเรื่องฟางชิวกับเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้ว เขาก็รู้สึกโกรธจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้

เจียงเหมี่ยวอวี๋ต้องเป็นของเขาและไม่มีใครแย่งชิงไปได้!

หลังจากวางสายแล้ว หลี่ชิงสือก็โทรหาคนคนหนึ่งทันที

เกาเฟย!

“[ฮัลโหล?]” เสียงของเกาเฟยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“เกาเฟย มีบางอย่างผิดแผนนิดหน่อย”

หลี่ชิงสือพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันคัดชื่อฟางชิวออกจากการแข่งขันความรู้ในครั้งนี้ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าขนาดลุงเขยของฉันออกโรงเองแล้วยังจัดการอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย”

แล้วเขาก็บอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้เกาเฟยฟัง

“[แม่งเอ๊ย! ทำไมมันเก่งขนาดนี้วะ]” เกาเฟยรู้สึกประหลาดใจ

เกาเฟยแปลกใจมาก ในตอนนั้นหลี่ชิงสือได้แค่สี่สิบห้าคะแนน แต่ฟางชิวกลับได้ แปดสิบหกจุดห้าคะแนน!

สัตว์ประหลาดชัด ๆ!

“[แล้วนายจะทำยังไงต่อไป]” เกาเฟยเอ่ยถาม

ดวงตาของหลี่ชิงสือวาววาบขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกระซิบว่า “ก็ใช้วิธีเก่า ให้บทเรียนกับเขาไง!”

“[ฮ่า ๆ วิธีเก่ายังคงได้ผลเสมอ!]” เกาเฟยหัวเราะแล้วพูดทิ้งท้ายว่า “[แล้วฉันจะรอข่าวดีจากนาย!]”

“ได้” หลี่ชิงสือหัวเราะอย่างมีความสุข

อีกด้านหนึ่ง ในตอนบ่ายหลังเลิกเรียน ฟางชิวก็ตรงไปที่ห้องสมุด

ทันทีที่ไปถึงจุดให้บริการยืมและคืนหนังสือ ฟางชิวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

บรรณารักษ์ไม่ใช่คนที่เขาคุ้นเคยอีกต่อไป แต่กลับถูกแทนที่ด้วยชายวัยกลางคนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“สวัสดีครับ ผมเอาหนังสือมาคืน” เมื่อเดินมาถึงที่เคาน์เตอร์ ฟางชิวก็ยื่นหนังสือในมือให้บรรณารักษ์แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “บรรณารักษ์คนก่อนไปไหนเหรอครับ?”

“ลากิจ”

บรรณารักษ์คนใหม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันมาแทนที่เขาแค่สองสามวัน”

“เหรอครับ” ฟางชิวพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ความสงสัยก็ยังปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา

ทำไมจู่ ๆ บรรณารักษ์ลึกลับคนนั้นถึงลากิจ?

เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?

หลังจากคืนหนังสือแล้ว ฟางชิวก็เดินเข้าไปในห้องสมุด ไม่ได้หายสงสัยแต่อย่างใด

เมื่อไม่มีบรรณารักษ์ลึกลับคนนั้น ถ้าต้องการจะยืมหนังสืออะไร คงมีแต่ต้องหาด้วยตัวเองเท่านั้นแล้วมั้ง

สี่สิบนาทีต่อมา ฟางชิวเดินออกจากห้องสมุดก่อนที่การบริการให้ยืมหนังสือจะปิด โดยที่มือของเขาถือหนังสือออกมาด้วยกองหนึ่ง

ตกกลางคืน

ตั้งแต่กลับมาถึงหอพัก ฟางชิวยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง เพ่งมองดูเหรียญทองแดงอีกครั้ง

หลังจากการฝึกฝนสองวันนี้ เขาควบคุมเหรียญทองแดงได้อย่างเชี่ยวชาญ แม้เขาจะใช้พลังจิตมากแค่ไหนในการออกคำสั่ง เหรียญทองแดงก็ยังไม่สามารถตั้งขึ้นมาได้

“ในเมื่อตั้งไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องเพิ่ม…”

การเพิ่มน้ำหนักอาจจะช่วยเขาได้

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท