บทที่ 78 ร้องเพลงก่อนจากลา!
บทที่ 78 ร้องเพลงก่อนจากลา!
“ไม่ล่ะ” ฟางชิวส่ายหัว สายตายังมองเจียงเหมี่ยวอวี๋อยู่ เจ้าตัวกำลังถูกเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งตามติดอยู่ไม่ห่าง
“เจ้าห้า!” จูเปิ่นเจิ้งเอนตัวเข้าไปใกล้ฟางชิว และเอ่ยถามด้วยความสงสัยระคนห่วงใย “พวกนายสองคนมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า เมื่อก่อนออกจะสนิทสนมกันนี่!”
โจวเสี่ยวเทียนอดมองฟางชิวอย่างสงสัยไม่ได้
ปัญหา?
“ไม่มี” ฟางชิวส่ายหน้าปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ อีกห้าสิบนาทีรถจะออกแล้ว รีบไปเอาตั๋วของพวกนายได้แล้ว ขืนช้ากว่านี้ก็ไม่ทันพอดี” เมื่อทั้งสามคนได้ยินดังนั้นก็รีบเรียกทุกคนให้ไปเอาตั๋วด้วยกัน
สิบนาทีต่อมา มีคนมากกว่าสามสิบคนออกมาจากห้องรับตั๋ว
ทุกคนมารวมตัวกันที่ใจกลางจตุรัสหน้าสถานีรถไฟ พร้อมที่จะไปที่ประตูฉีกตั๋วด้วยกัน
ทันใดนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกเบสบอลปีกต่ำ ใส่ชุดตัวโคร่ง แบกกีตาร์ไว้ข้างหลัง ถือไมโครโฟนไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ลากลำโพง ผู้หญิงคนนั้นเดินตรงมาหาพวกเขา
จากนั้นเธอก็ปรับไมโครโฟน ลำโพง กีตาร์ วางกระเป๋ากีตาร์ในมือลงบนพื้น พลางใช้มือข้างหนึ่งถือกีตาร์และพูดกับผู้คนรอบข้างว่า
“เพลง ‘ความหมายของการเดินทาง‘ ฉันจะมอบให้กับทุกคน ฉันหวังว่าวันหยุดของทุกคนจะมีแต่ความสุขนะ!”
ว้าว!
ร้องเพลงล่ะ!
กลุ่มนักศึกษาพากันหยุดดู ยังมีเวลาอีกสี่สิบนาทีก่อนออกเดินทาง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเพลิดเพลินไปกับสองสามเพลงแล้ว
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เหล่านักศึกษาได้เห็นการร้องเพลงในที่สาธารณะแบบนี้ พวกเขาจึงสนอกสนใจอย่างยิ่ง
ผู้คนเริ่มสนใจการร้องเพลงในที่สาธารณะนี้มากขึ้น โดยไม่กลัวเทศกิจมาจับเลยแต่อย่างใด
แต่พอมาคิดดูแล้ว ดึกขนาดนี้พวกเทศกิจน่าจะเลิกงานกันไปหมดแล้วล่ะ คงไม่มีใครมาไล่หรอก!
เนื่องจากไม่มีเทศกิจมาไล่ เพราะอย่างนั้นต้องตั้งใจฟังเพลงแล้ว ฮิ ๆ!
ฟางชิวมองหญิงสาวที่กำลังถือกีตาร์ด้วยความสงสัย เพราะเขาได้ยินน้ำเสียงที่แฝงความประหม่าเอาไว้เล็กน้อยของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างชัดเจน
ทันทีที่หญิงสาวเริ่มร้องเพลง ความตึงเครียดทั้งหมดของเธอก็หายไป
จากความประหม่าก็กลายเป็นความชำนาญ!
“เธอเคยเห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงามมามากมาย
เธอเคยเห็นผู้หญิงที่งดงามมามาก
เธอหลงทางอยู่บนแผนที่ในทุกช่วงเวลาสั้น ๆ”
…
หญิงสาวเปิดปากร้องเพลงไปเรื่อย ๆ
คนเดินบนถนนรอบ ๆ ที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบต่างก็หยุดฝีเท้าโดยอัตโนมัติ
พวกเขามาล้อมวงเข้าไปดู ไม่มีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ และไม่มีการดัดแปลงเสียงแต่อย่างใด มีแค่กีต้าร์ตัวเดียวกับเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งเท่านั้น
ร่างของหญิงสาวเคลื่อนไหวเบา ๆ ตามจังหวะเพลง
เพราะว่าเธอก้มศีรษะลงจึงยากที่จะเห็นหน้าเธอ แล้วเมื่อน้ำเสียงที่ไพเราะดังกระจายออกมา ฝูงชนที่กำลังเดินเตร่อยู่ในจัตุรัสก็อดไม่ได้ที่จะหันไปหาต้นตอของเสียงแล้วมองดูหญิงสาวที่มีเสียงร้องราวกับเสียงสวรรค์
เพราะมาก!
ผู้คนถูกดึงดูดด้วยเสียงร้องเพลงของหญิงสาวจนต้องหยุดฟัง
แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาว แต่แค่เสียงร้องก็ทำให้พวกเขามึนเมาแล้ว!
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่ชื่อเพลงก็เหมาะแล้ว!” ซุนฮ่าวกล่าวชื่นชมเสียงร้องเพลงราวกับเสียงสวรรค์นี้ ขณะที่จ้องหญิงสาวคนนั้นไม่วางตา “แต่เนื้อเพลงไม่ค่อยเหมาะสมนิดหน่อย ความหมายของเพลงเกี่ยวกับความรัก ไม่ใช่การเดินทาง!”
จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
เสียงดีจริง ๆ!
ไพเราะมาก!
จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย!
โชคดีจริง ๆ ที่ได้เพลิดเพลินกับเพลงเพราะ ๆ ก่อนออกเดินทาง!
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ฉันว่าเพราะจะตาย!” ฟางชิวที่อยู่ใกล้ ๆ เอ่ยพลางยิ้ม
เมื่อได้ยินฟางชิวพูด ซุนฮ่าวก็เลิกคิ้วทันที จากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าห้า! นายเห็นไหมว่าอีกเดี๋ยวพวกพี่น้องของนายก็จะไปแล้ว จะทำแค่มาส่งเหรอ ทำไมไม่ร้องเพลงให้พวกเราฟังล่ะ เพลงอะไรก็ได้ขอแค่เพราะก็พอแล้ว!”
“ถูกต้อง เดี๋ยวพวกเราก็ไปแล้ว คงจะไม่เจอกันอีกสองสามวัน ไม่ให้ของขวัญหน่อยเหรอ?” พูดแล้วดวงตาของโจวเสี่ยวเทียนก็เปล่งประกาย
“เจ้าห้า ร้องสักเพลงสิ!” จูเปิ่นเจิ้งเอื้อมมือออกไปตบไหล่ของฟางชิวเบา ๆ
หลายคนก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของทั้งสามคนทันที
“ร้องเลย ฟางชิว! ร้องเลย!”
ทุกคนคิดว่าแค่ได้ดูฟางชิวร้องเพลงก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ต่างคนต่างตะโกนให้ฟางชิวร้องเพลงตอนฝึกทหารออกมาดัง ๆ
ตอนนี้พวกเขาทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น แค่โยกตัวตามเพลงเบา ๆ ก็รู้สึกคึกคักแล้ว
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงคนร้องขอให้ฟางชิวร้องเพลง เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ทำตามทันที
“ร้องเลย ฟางชิว! ร้องเลย!” พวกเขาพากันนึกถึงการร้องเพลงที่น่าอัศจรรย์ของฟางชิวในพิธีเปิด
นั่นเพราะยังไม่มีใครลืมลง
พอได้ยินว่าฟางชิวจะร้องเพลงให้ก่อนออกเดินทางก็ตื่นเต้นกันขึ้นมา
ฟางชิวครุ่นคิดอย่างลังเล คนกลุ่มนั้นเห็นเลยเริ่มเกลี้ยกล่อม
“ฟางชิว นายแค่ร้องเพลงแค่เพลงเดียวเอง สร้างสีสันไง!”
“ใช่ นายร้องเพลงเพราะจะตาย น่าเสียดายออกถ้าทุกคนไม่ได้ฟัง พวกเราสามสิบกว่าคนกำลังรอนายอยู่นะ!”
“ถ้านายไม่ร้อง พวกเราก็ไม่ไปไหน!”
“เวลาไม่เคยคอยใคร ฟางชิว นายมาร้องเพลงเถอะ!”
“ร้องเลย! ร้องเลย!” ในที่สุดเสียงทุกคนก็เป็นมติเอกฉันท์ เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงเหมี่ยวอวี๋ส่งยิ้มให้ฟางชิวที่กำลังลังเลใจ
เธอสงสัยว่าฟางชิวจะยอมร้องเพลงไหม?
โจวเจิ้น เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ข้าง ๆ เจียงเหมี่ยวอวี๋มองฟางชิวด้วยความอิจฉา ถ้าเขาสามารถร้องเพลงได้มันจะดีแค่ไหนกันนะ
ทว่า เมื่อเขานึกถึงหลี่ชิงสือที่รู้กันดีว่าร้องเพลงได้เพราะ แต่ก็ยังถูกฟางชิวโค่นลง เขาก็หยุดความคิดเรื่องร้องเพลงทันที
เขาจะร้องเพลงเพราะกว่าฟางชิวได้อย่างไร
ตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยรับรู้ถึงความสามารถในการร้องเพลงของฟางชิวแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา
ทำไมเขาถึงไม่มีพรสวรรค์นี้บ้างนะ?
เสียงตะโกนของบรรดานักศึกษาเริ่มดึงดูดความสนใจจากฝูงชน
ฝูงชนต่างหันมามองนักศึกษาทีละคนสองคน ไม่ลืมที่จะมองฟางชิวด้วย
นักศึกษาพวกนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?
เหมือนมีคนอยากจะร้องเพลงเลย?
ร้องเพลงทำไม?
จะแย่งซีนเหรอ?
ในเวลานี้ หญิงสาวที่เพิ่งร้องเพลงที่สองเสร็จก็มองมาที่กลุ่มของฟางชิวด้วยความสงสัย
ฟางชิวทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันใด
ทุกอย่างปุบปับมาก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะปฏิเสธ ตอนนี้เสียงตะโกนดังไกลออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“โอเค ฉันจะร้องเพลง!” ฟางชิวพยักหน้า
เพื่อเพิ่มสีสันในการเดินทาง!
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่ามันเป็นการแย่งซีนเลย
“โอ้โห” ได้ยินแล้วพวกนักศึกษาก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
เจียงเหมี่ยวอวี๋จ้องมองฟางชิวด้วยสายตาที่เป็นประกาย เธอตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าฟางชิวจะร้องเพลงอะไรออกมา
เพราะคำตอบรับของฟางชิว ทุกคนเลยหยุดตะโกนแล้วมองตามเจ้าตัวไป
เมื่อเห็นว่าฟางชิวเดินไปที่หญิงสาวคนนั้นแล้ว ทุกคนก็เงียบลงทันที
ทุกคนมองฟางชิวด้วยสายตาที่คาดหวังและพร้อมที่จะปรบมือให้ทุกเมื่อ
ไม่ต้องสนใจว่าฟางชิวจะร้องเพราะไหม พวกเราแค่ต้องสร้างบรรยากาศนี้ให้ครึกครื้นเข้าไว้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเป็นฟางชิวร้องล่ะก็ อย่างไรซะมันก็ต้องออกมาเพราะอยู่แล้ว!
ในเวลาเดียวกัน
ภายนอกฝูงชนที่กำลังมุงดู มีคนกลุ่มหนึ่งที่ภายนอกดูเหมือนผู้ชมธรรมดา แต่พอพวกเขาเห็นฟางชิวเข้าไปใกล้หญิงสาวที่มีเสียงสวรรค์แล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาตกใจและหวั่นใจไปในตัว
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ชายคนหนึ่งลดระดับเสียงลงแล้วถามอย่างกังวล
“ไม่รู้สิ เด็กคนนั้นจะทำอะไร” อีกคนจ้องไปที่ฟางชิวอย่างไม่วางตา น้ำเสียงของแฝงความกระตือรือร้นเอาไว้อย่างชัดเจน
“บอส คุณต้องการให้เราเชิญเขาออกไปไหมครับ” หนึ่งในชายกลุ่มนั้นเอ่ยถามกับชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะมีตำแหน่งใหญ่โต
ชายวัยกลางคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คอยดูไปก่อน ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาขมวดคิ้ว ขณะจ้องไปที่ฟางชิวที่กำลังเดินเข้าไปหาหญิงสาวเสียงสวรรค์ ในใจชักอยากรู้ว่าฟางชิวจะทำอะไร
หญิงสาวเสียงสวรรค์ในฝูงชนนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการร้องเพลงที่เพิ่งถูกค้นพบ ปีหน้าจะถูกดันให้เป็นนักร้อง ที่เธอถูกขอให้มาร้องเพลงในสถานีรถไฟที่มีผู้คนหนาแน่นก็เพื่อการฝึกความกล้าหาญของเธอเอง
สำหรับน้องใหม่ ไม่ประหม่าเลยก็แปลกแล้ว
ก่อนเดบิวต์อย่างเป็นทางการ นักร้องต้องฝึกความกล้าหาญก่อนเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนกบนเวที
อย่างไรก็ตาม การฝึกนี้กำลังไปได้ดี แต่แล้วทำไมจู่ ๆ ชายหนุ่มคนนั้นถึงปรากฏขึ้นมา?
ชายวัยกลางคนกลัวว่าถ้าฟางชิวจะร้องเพลงจริง ๆ สถานการณ์จะวุ่นวาย แต่พอดูอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ดูไม่เหมือนคนที่จะมาหาเรื่อง เขาเลยรอดูสถานการณ์ต่อไป
“ครับ!” ชายหนุ่มรอบ ๆ ชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับแล้วจ้องไปที่ฟางชิวเขม็ง
ในขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ฟางชิวก็มาถึงที่หมายแล้ว
“สวัสดี” เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว ฟางชิวก็เอ่ยอย่างสุภาพว่า “คือ เพื่อนร่วมชั้นของฉันกำลังจะขึ้นรถไฟแล้ว ฉันเลยอยากร้องเพลงให้พวกเขาฟังเป็นบอกลา ขอยืมกีตาร์กับของพวกนี้ได้ไหม?”
อยากร้องเพลง?
หญิงสาวมองฟางชิวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็หัวเราะแล้วพยักหน้าตกลง
“ได้สิ!” พูดจบเธอก็ยื่นกีตาร์ให้ฟางชิว
“ขอบคุณ!” ฟางชิวรีบโค้งคำนับขอบคุณและหยิบกีตาร์ขึ้นมา
เขาวางมือลงบนสายกีตาร์ ลองทดสอบเสียงของมัน จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนร่วมชั้น
คนรอบข้างต่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมอบกีตาร์ให้ชายหนุ่มอีกคน
ชายคนนี้ก็ต้องการร้องเพลงเหมือนกันเหรอ?
ชายวัยกลางคนกับเหล่าชายหนุ่มที่อยู่รอบข้างต่างอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีเจตนาร้าย เขาแค่อยากจะร้องเพลงเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ไม่รู้อะไรซะแล้ว จะมาสู้กับคนที่จะเดบิวต์ได้อย่างไร
แต่ก็ดีเหมือนกัน ทุกคนก็จะได้รู้ว่าคนของพวกเขาร้องเพลงได้ดีแค่ไหน
ที่สำคัญอาจจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กปั้นคนนี้ได้!
“สวัสดีทุกคน ฉันขอร้องเพลงเพลงหนึ่ง เนื่องจากวันนี้เพื่อนร่วมชั้นของฉันกำลังจะไปเที่ยว แล้วฉันก็ไม่สามารถไปกับพวกเขาได้ด้วยเหตุผลส่วนตัว ฉันเลยอยากร้องให้พวกเขา อวยพรให้พวกเขามีความสุข!
ฟางชิวส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้น “ฉันขอมอบเพลง ‘เมืองในเทพนิยาย’ ให้กับทุกคน!”
ทุกคนยิ้มและปรบมือ
เมืองในเทพนิยาย?
ชื่อเพลงแปลก ๆ แฮะ
ทุกคนรอบ ๆ มองไปที่ฟางชิวอย่างสงสัย บางคนกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าจะเดินออกไปดีไหม
ทันใดนั้น ฟางชิวก็สะบัดมือเบา ๆ
แล้วเสียงกีตาร์ก็บรรเลงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฟังดูแล้วเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย แต่จังหวะที่เร็วขึ้นก็ทำให้ผู้ชมเงียบเสียงลงทันที ส่วนผู้ที่ต้องการจะจากไปในตอนแรกกลับหยุดยืนฟังเพลงต่ออย่างเงียบ ๆ
“ได้ยินว่าสโนไวท์กำลังวิ่งหนี
หนูน้อยหมวกแดงกังวลเรื่องหมาป่า
ได้ยินว่าช่างทำหมวกชอบอลิส
ลูกเป็ดขี้เหร่เปลี่ยนเป็นหงส์ขาว…”
“เสียงนี้…”
“เสียงดีมาก!”
“ไม่ใช่แค่โทนเสียงดีนะ เพลงนี้มีการใช้เทคนิคเยอะ เขาก็ใช้เทคนิคได้ดีเลย ไม่มากไม่น้อยเกินไป!”
พนักงานของบริษัทบันเทิงต่างตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อฟังเพลงที่ฟางชิวร้อง พวกเขาเป็นมืออาชีพ แค่ได้ยินเนื้อเพลงสี่ประโยคก็ฟังออกแล้ว!
ชายคนนี้ไม่ธรรมดา!
ฟางชิวร้องเพลงได้น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษไหม?
ก็ไม่!
เสียงร้องเพลงของฟางชิวในครั้งนี้ไม่ได้โดดเด่น ทำนองก็ช้า แตกต่างจากการร้องเพลงของหญิงสาวเสียงสวรรค์มาก การร้องเพลงของฟางชิวนั้นฟังดูแล้วมีเสน่ห์และผ่อนคลายมาก
ที่โดดเด่นก็คือความรู้สึกไร้เดียงสา! ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่บนเตียงเมื่อตอนที่พวกเขาเป็นเด็ก ฟังพ่อแม่ของพวกเขาเล่านิทานด้วยความอุ่นใจ
ฟังเพลินเลย!
ความเพลิดเพลินนี้หาที่เปรียบไม่ได้แล้ว!
ชายวัยกลางคนจ้องมองฟางชิวที่กำลังดีดกีตาร์และร้องเพลงอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
ใช้ได้นี่ไอ้หนุ่ม!
ร้องเพลงได้เพราะเหลือเกิน!
แต่เขาจะคอยฟังต่อไปว่าจะร้องเพลงได้ดีแค่ไหน!