บทที่ 91 ขุมทรัพย์สมุนไพร พุทราวิญญาณแดง!
บทที่ 91 ขุมทรัพย์สมุนไพร พุทราวิญญาณแดง!
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ดวงตาของฟางชิวก็เปล่งประกายสดใสทันที ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดว่าม้วนคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรจะถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำแห่งนี้
เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ และเขาก็ไม่รู้ว่าขุมทรัพย์สมุนไพรเป็นแบบไหน
ความจริง แค่ฟางชิวเจอกับเคล็ดลับวิชากระบวนท่าหัตถ์ทำลายล้าง เขาก็ตกตะลึงมากพอแล้ว แต่นี่เขายังได้รับคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรอีก
แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
ฟางชิวเปิดอ่านม้วนคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปภาพและคำอธิบายปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาทันที
เขาอ่านอย่างระมัดระวัง
คัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ได้บันทึกการปรากฏตัวของขุมทรัพย์สมุนไพรทั้งหมดเอาไว้ ด้านในจะมีคำอธิบายถึงขุมทรัพย์สมุนไพรเสียเป็นส่วนใหญ่
ด้วยความตื่นเต้นและความดีใจของฟางชิว เขาก็อ่านคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แล้วจดจำเนื้อหาและภาพทั้งหมดเอาไว้ในหัวของเขา
จากนั้นฟางชิวก็ห่อมันอย่างระมัดระวัง
“ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนไหนทิ้งสมบัติเหล่านี้เอาไว้ที่นี่กัน”
“แต่ก็ขอขอบคุณผู้อาวุโสแปลกหน้าด้วยนะครับ!”
ฟางชิวลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปที่ใจกลางถ้ำ จากนั้นก็คุกเข่าลงที่หน้าเตียงหวาย แล้วคำนับเก้าครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนจากไป
“นี่เป็นสีของท้องฟ้าเหรอ?” เมื่อเห็นท้องฟ้าที่สว่างไสวเพราะแสงยามเช้า ฟางชิวก็รีบหยิบมือถือของเขาออกมาดูทันที
หลังจากดูเวลาแล้ว ชายหนุ่มก็ตกใจ นี่เขาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในถ้ำเลยหรือนี่
“แย่แล้ว!” ฟางชิวตกตะลึง เพราะเขาสูญเสียวันและเวลาไปอย่างกะทันหัน เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว
“เหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้น” ความเร่งรีบก็เกิดขึ้นในใจของเขาทันทีทันใด
ฟางชิวรีบขยับกายเพื่อไปยังสถานที่ที่มีกระดูกของสัตว์ร้ายตามที่ชายชราบอก
แต่พอเขาเดินออกมาไม่เท่าไร เขาก็พบว่าหมาป่าตัวที่ถูกเขาทุบนั้นยังสลบอยู่ ฟางชิวจึงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ฟางชิวเดินเข้าไปหาหมาป่า แล้วเขกที่หัวของมันเบา ๆ เพื่อปลุกมัน
“บรู้วว…” หมาป่ารีบก้าวถอยหลังและคำรามใส่ชายหนุ่มทันที ก่อนจะหลบหนีไป และมันก็หนีไปทางทิศตะวันออกอีกครั้ง
ไอ้หมาป่าโง่ตัวนี้นี่!
ฟางชิวได้แต่หัวเราะอย่างขบขัน จากนั้นเขาก็ออกเดินทางต่อโดยยังคงไล่ตามหมาป่าไป!
เขาเดินวนไปรอบ ๆ หน้าผาซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำและตามหมาป่าไปทางทิศตะวันออก
ไม่นาน ฟางชิวก็ปีนขึ้นไปบนเนินเขาแห่งหนึ่ง และมาถึงหุบเขาที่มีภูเขาสามลูกมาบรรจบกัน ซึ่งก็เป็นตำแหน่งที่อยู่ห่างจากกระท่อมประมาณสี่สิบแปดกิโลเมตรทางทิศตะวันออกตามที่ชายชราบอกเอาไว้
เมื่อมาถึงที่หมาย หมาป่าก็แผดเสียงคำรามยั่วยุใส่ฟางชิว จากนั้นมันก็ไม่รอให้ฟางชิวทุบมันอีก มันรีบนอนหงายพร้อมกับชูขาทั้งสี่ขึ้นในอากาศแล้วแสร้งทำเป็นว่ามันตายแล้ว
ฟางชิวหัวเราะคิกคักออกมา แต่เขาก็ไม่สามารถเสียเวลาให้กับสิ่งมีชีวิตโง่ ๆ ตัวนี้ได้
และเมื่อฟางชิวสูดดมอากาศแถวนั้น เขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นทันที
“กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงมาก”
กลิ่นของเลือดจาง ๆ และกลิ่นเหม็นเน่ายังคงตลบอวลอยู่ในอากาศ
มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นทั่วไป แต่เป็นกลิ่นเหม็นของเนื้อที่เน่าเปื่อยแล้ว
หลังมองเข้าไปในหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า ฟางชิวก็สังเกตเห็นว่าหุบเขานั้นแคบแต่ยาว
เนื่องจากภูเขาสามลูกมาบรรจบกันที่นี่ หุบเขานี้จึงลึกเพียงสามสิบเมตรและกว้างเพียงสิบเมตรเท่านั้น พุ่มไม้ก็แย่งกันเติบโตเบียดเสียดจนเกือบจะปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขานี้
“ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน” ฟางชิวไม่กล้าที่จะประมาท
การเข้าไปในหุบเขานี้เหมือนกับการเดินเข้าไปในความมืด เขาเคลื่อนไหวได้ยากขึ้นเนื่องจากพุ่มไม้จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า
ภายในหุบเขา
ฟางชิวรวบรวมพลังปราณภายในกำจัดพุ่มไม้ให้พ้นทาง จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว
และในทุก ๆ หนึ่งหรือสองเมตร เขาก็เห็นกระดูกหลายชิ้นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นโดยมีเศษเนื้อเศษเลือดติดอยู่ และก็มีหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ไปทั่ว ฟางชิวเห็นแล้วรู้สึกขยะแขยง
เมื่อเดินมาไกลกว่าสิบเมตร ในที่สุดเขาก็มาถึงพื้นที่โล่งกว้าง
สถานที่ซึ่งซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้เขียวชอุ่มคือทุ่งโล่ง
ทุ่งโล่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหญ้า และก็ยังมีน้ำพุขนาดเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากภูเขา หญ้าขึ้นสูงประมาณหนึ่งฝ่ามือ มีกระดูกสัตว์จำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหน้าอก กระดูกขา หรือกะโหลก
แล้วกระดูกพวกนี้ก็ยังมีเศษเนื้อกับหยดเลือดติดอยู่ อีกทั้งยังมีหนอนจำนวนมากคลานไปมา ซึ่งไม่เข้ากับทิวทัศน์อันสวยงามนี้อย่างสิ้นเชิง
ใครบ้างจะทนกลิ่นเหม็นเน่าของซากสัตว์ที่หลงเหลืออยู่ในทุ่งแห่งนี้ได้
“นี่มันไม่ถูกต้อง!”
เมื่อเห็นแบบนั้น ฟางชิวก็ขมวดคิ้วและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะสถานที่แห่งนี้สงบเกินไป ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเห็นโดยสิ้นเชิง
“สัตว์ร้ายตายที่นี่เป็นเบือ แสดงว่าต้องมีบางอย่างที่ล่อใจพวกมันมา และก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ฆ่าพวกมัน” ฟางชิวครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
แล้วอะไรล่ะที่สามารถดึงดูดพวกสัตว์ป่าได้มากที่สุด?
สัตว์ป่าพวกนั้นต่างจากมนุษย์ตรงที่ไม่มีสติปัญญา แต่สัตว์ป่ามีประสาทสัมผัสทางธรรมชาติที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่ามนุษย์จะนึกถึง
เนื่องจากพวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงความอันตรายหรือสิ่งล่อใจได้ทันทีที่สิ่งนั้นปรากฎตัวและตัดสินใจเลือกได้ภายในเวลาอันสั้น
สิ่งที่ดึงดูดสัตว์ป่าได้มากขนาดนี้คืออะไรกันนะ?
ขุมทรัพย์สมุนไพรที่มีพลังปราณจากฟ้าดินต้องอยู่ที่นี่แน่นอน
ถ้าอย่างนั้นมันอยู่ที่ไหนล่ะ?
ฟางชิวพยายามสงบจิตสงบใจของตัวเอง
จากนั้น เขาก็มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังและสังเกตอย่างตั้งใจ
บนพื้นหญ้าไม่มีสิ่งใดนอกจากกระดูกสัตว์ และไม่มีอะไรเลยนอกจากความเขียวชอุ่มของภูเขา
“อาจจะอยู่ใต้ดิน” ฟางชิวพึมพำกับตัวเอง
เมื่อเขาได้รับคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพรมา เขาก็อ่านเจอว่าขุมทรัพย์บางส่วนถูกฝังอยู่ใต้ดิน สมุนไพรพวกนั้นจะมีกิ่งและใบเล็ก ๆ บางชนิดก็จะมีก้านขนาดประมาณนิ้วมือเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีการป้องกันที่แน่นหนา จึงทำให้ค้นพบขุมทรัพย์สมุนไพรแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของฟางชิว เขาก็ยังคงค้นหาต่อไป
คราวนี้เขาไม่ได้เพียงแค่มองไปรอบ ๆ เหมือนเดิมแล้ว เขาก้าวต่อไปบนพื้นหญ้าและสังเกตทุกรายละเอียดอย่างชัดเจน
“เจอแล้ว!” ฟางชิวร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นและความดีใจ
ฟางชิวได้เดินมาถึงปลายหุบเขา ข้างหน้าเท้าของเขานั้นเป็นกอหญ้าหนาทึบ และเขาก็มองกอหญ้าอย่างระมัดระวัง
ตรงกลางกอหญ้ามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับกระวาน สิ่งนั้นก็มีสีชมพูสดใสกึ่งโปร่งแสงขนาดเท่านิ้วก้อย
“ขุมทรัพย์สมุนไพร! พุทราวิญญาณแดง!” ฟางชิวมีความสุขมาก
เขาจำได้ว่าเคยเห็นสิ่งนี้ในบทแรกของคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพร
พุทราวิญญาณแดง มีคุณภาพเหมือนหยก แต่รูปร่างของมันเหมือนพุทรา
สมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้ล้ำค่ามากเท่าสมุนไพรชนิดอื่น แต่มันก็หาเจอได้ยากมากเพราะมันเติบโตใต้ดิน และจะเติบโตในสถานที่ที่อุดมไปด้วยพลังปราณฟ้าดินและถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังปราณ
และวิธีเดียวที่จะหาคู่ให้พุทราวิญญาณแดงนี้ได้ก็มีเพียงแค่ กระวานวิญญาณแดง ที่เป็นฝาแฝดของมันเท่านั้น
ตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์ขุมทรัพย์สมุนไพร พุทราวิญญาณแดงจะเติบโตขึ้นพร้อมกับแฝด กระวานวิญญาณแดงจะอยู่เหนือพื้นดิน ส่วนพุทราวิญญาณแดงจะยังคงอยู่ใต้ดิน ดังนั้นใครเจอกระวานวิญญาณแดงก็จะเจอพุทราวิญญาณแดงด้วย กระวานวิญญาณแดงกับพุทราวิญญาณแดงสามารถแยกจากกันได้ แต่พลังของกระวานวิญญาณแดงจะลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อกระวานวิญญาณกับพุทราวิญญาณเติบโตไปด้วยกัน มันก็เป็นขุมทรัพย์สมุนไพรในอันดับที่หกสิบเก้าจากรายชื่อสมุนไพรในคัมภีร์
ในที่สุดเขาก็เจอมันแล้ว!
ฟางชิวคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก ความหนักใจที่เคยมีก็พลันสลายหายไป
ทีนี้เขาก็จะมีโอกาสที่ได้เงินสามแสนหยวนตามที่เขาต้องการแล้ว
น่าเสียดายที่ในบรรดาขุมทรัพย์สมุนไพรทั้งหมด พุทราวิญญาณแดงนี้อยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ำ ไม่แน่ มันอาจจะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของตาเฒ่าได้ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะเก็บไว้ให้ตาเฒ่าก่อน
เมื่อนึกถึงตาเฒ่า ฟางชิวก็ยิ้มเศร้า ๆ ออกมา
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ ตาเฒ่าจะอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่
แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะต้องกลายเป็นแพทย์ระดับจักรพรรดิให้ได้ภายในหนึ่งปีครึ่ง!
หลังปลอบใจตัวเองแล้ว ฟางชิวก็เดินเข้าไปใกล้พุทราวิญญาณแดงอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่เขากำลังเอื้อมมือออกไปขุดนั้น เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นมา
“โฮก!”
“หือ?” ฟางชิวเลิกคิ้วและมองตามเสียงคำรามไป
และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น ร่างกายของเขาก็สั่นไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฟางชิวเห็นเงาดำขนาดใหญ่กระโดดออกมาบนหินสีดำที่อยู่ครึ่งทาง ตรงทางขึ้นไปบนภูเขาด้านข้างของหุบเขา
ภายใต้แสงอาทิตย์ ฟางชิวมองเห็นได้ชัดเจนว่าเงามืดนั่นใหญ่เพียงใด ดูเหมือนจะเป็นเสือที่มีแถบสีแดงและสีดำ
อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วไม่ควรจะมีเสืออยู่บนภูเขาไท่ซาน!
ภูเขาไท่ซานเป็นที่อยู่ของสัตว์สายพันธุ์หนึ่ง มันเรียกว่าหมาปัน เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่ดูคล้ายกับหมาจิ้งจอกที่รู้จักกันในนามราชาแห่งสัตว์ในภูเขาไท่ซาน
หลายคนยากที่จะเชื่อว่าสัตว์อย่างหมาปันจะสามารถเป็นราชาบนภูเขาได้อย่างไร
อันที่จริง หมาปันก็มีวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อใดก็ตามที่พวกมันเจอเสือ เสือดาว หมูป่า หรือสัตว์ล่าเหยื่อตัวอื่น ๆ พวกมันก็จะแกว่งหางและส่งกลิ่นเหม็นที่พิเศษมากออกมา ทำให้เกิดเป็นภาพลวงตาหลอกสัตว์ร้ายหรือแม้แต่มนุษย์ก็เช่นกัน เมื่อสัตว์ร้ายหรือมนุษย์คนไหนสูดดมกลิ่นเข้าไป พวกมันก็จะโจมตีด้วยกรงเล็บอันแหลมคมและกินอวัยวะร่างกาย
ในภูเขาไท่ซานไม่มีเสือก็เพราะหมาปันพวกนี้
เพราะฟางชิวรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าเงาดำนี้เป็นเสือ
ทว่า ก็มีสัตว์เดรัจฉานเพียงชนิดเดียวเท่านั้นในภูเขาไท่ซานที่มีลวดลายแบบนี้
นั่นคือเสือลายเมฆ!
เสือลายเมฆเป็นเสือที่มีลายสีดำรูปเมฆทั้งหมดหกจุดบนลำตัวทั้งสองข้าง มันมีรูม่านตาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวงรีเมื่อหดตัว ฟันของมันแหลมคมและหางก็ยาวมาก
เสือลายเมฆสามารถกัดเหยื่อขนาดใหญ่จนตายได้ คล้ายกับเสือเขี้ยวดาบที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
แม้ว่าจะมีชื่อเป็นเสือ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ภายใต้หมวดหมู่ของเสือ แต่จะอยู่ภายใต้หมวดหมู่ของชื่อมันเอง
“เสือลายเมฆที่ตัวใหญ่เบ้อเร่อขนาดนี้ นี่ถ้าถ่ายรูปมันทัน คนที่ได้เห็นต้องแตกตื่นแน่ ๆ!”
ฟางชิวรู้สึกประหลาดใจที่เสือลายเมฆตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก
เสือลายเมฆโดยเฉลี่ยควรมีลำตัวยาวหนึ่งเมตร มีความสูงไม่เกินหนึ่งเมตร ส่วนน้ำหนักก็ไม่เกินสี่สิบกิโลกรัม
แต่เสือลายเมฆตัวนี้ยาวเกือบสามเมตรและสูงเกือบสองเมตร หางของมันยาวกว่าปกติถึงสองเมตร
“โฮก…”
เสือลายเมฆที่ยืนอยู่บนหินสีดำจับจ้องไปที่ฟางชิว มันคำรามอย่างโกรธเคืองโดยอ้าปากกว้างราวกับว่าต้องการไล่ให้ชายหนุ่มออกไป
“ฉันจะเริ่มขุดแน่ ถ้าแกไม่กล้าลงมา” ฟางชิวหัวเราะคิกคัก จากนั้นเขาก็เหลือบมองเสือลายเมฆโดยที่ไม่ได้หยุดมือของเขาในการขุดพุทราวิญญาณแดง
เป็นเหตุให้เสือลายเมฆทวีความโกรธ
“โฮก…” หลังจากคำรามเพราะโกรธ มันก็กระโดดลงมาที่สูงราวประมาณเจ็ดแปดเมตรก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหาฟางชิว
“หึ…” ฟางชิวดูถูกมันอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วรวบรวมพลังปราณภายในร่างกาย ก่อนที่เสือลายเมฆจะเข้ามาถึงตัว จากนั้นเขาก็เหยียดมือขวาออกไปเพื่อจับกรามของสัตว์ร้ายเอาไว้ก่อนที่มันจะตกลงพื้น แล้วเขาก็ดันมันขึ้น
พรึ่บ!
เสือลายเมฆที่ดุร้ายถูกพลิกกลับด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของฟางชิว แล้วตีลังกาถอยหลังก่อนที่มันจะล้มลง
ใช่แล้ว เสือลายเมฆก็ไวมากเช่นกัน
แต่ทว่าฟางชิวไวกว่า
เนื่องจากฟางชิวเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ แล้วแค่เสือลายเมฆตัวนี้จะเป็นคู่ต่อสู้กับฟางชิวได้อย่างไร?