บทที่ 103 การประมูล! ผู้เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะ!
บทที่ 103 การประมูล! ผู้เสนอราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะ!
“เหล่าอี้ สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่”
“ต้องจ่ายถึงสามแสนหยวนเลยเหรอ มันคุ้มแน่นะ”
“ไม่น่าจะเป็นสมุนไพรนะ ดูเหมือนอัญมณีมากกว่า แต่ถ้ามันไม่ใช่อัญมณี แล้วมันจะมีมูลค่าถึงสามแสนหยวนได้อย่างไร”
“เหล่าอี้ คิดให้ดี ๆ นะ ใช้เงินตั้งสามแสนหยวนเพื่อซื้อสมุนไพรต้นนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย”
คนที่อยู่รอบ ๆ ผู้อาวุโสอี้ต่างพูดขึ้นมาทีละคน
แต่ทว่า ผู้อาวุโสอี้ก็ไม่ยอมตอบคำถามอะไรเลย เขากำพุทราวิญญาณแดงในมือให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม
“ต้องการเท่าไหร่” ผู้อาวุโสอี้จ้องไปที่ฟางชิวแล้วถามราคาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำถามของผู้อาวุโสอี้ ฝูงชนแถวนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ
เสนอราคาไปแล้วสามแสนหยวน ฟางชิวก็ยังไม่ยอมขาย แล้วนี่ผู้อาวุโสอี้ยินดีที่จะเสนอราคาเพิ่มอีกหรือ?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้?
สรุปแล้วไอ้สมุนไพรต้นนั้นคืออะไรกันแน่?
“คุณเสนอมาสิ” แม้ต้องเผชิญกับฝูงชนที่กำลังตกตะลึง ฟางชิวก็ยังตอบคำถามของผู้อาวุโสอี้อย่างใจเย็น
“ห้าแสน” ผู้อาวุโสอี้เสนอราคาด้วยน้ำเสียงคาดหวัง สายตาจ้องมองฟางชิวอย่างไม่วางตา
คำพูดของผู้อาวุโสอี้กำลังบอกทุกคนเป็นนัยว่าสมุนไพรต้นนี้มีค่ามากกว่าห้าแสนหยวน จึงเป็นเหตุให้ฝูงชนเริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
ทุกสายตาหันไปมองพุทราวิญญาณแดงที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสอี้ด้วยความสนใจ แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังมองอะไรอยู่ก็ตาม
“ห้าแสน?” ฟางชิวหัวเราะออกมาแล้วถามว่า “นั่นคือราคาที่คุณยินดีจ่ายให้ขุมทรัพย์สมุนไพรเหรอ?”
ตู้ม!
ได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง!
ขุมทรัพย์สมุนไพร!
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ทุกคนเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ พวกเขาย่อมเคยได้ยินเกี่ยวกับขุมทรัพย์สมุนไพรในตำนาน
สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่เรียกว่าขุมทรัพย์สมุนไพรก็เป็นเพียงตำนาน ไม่มีใครเลยที่เคยเห็นขุมทรัพย์สมุนไพรของจริง
แต่ว่ามีขุมทรัพย์สมุนไพรอยู่ที่นี่?
ในงานแสดงสินค้าเล็ก ๆ แบบนี้เนี่ยนะ?
พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะจินตนาการอย่างไรแล้ว?
ขุมทรัพย์สมุนไพรเคยปรากฏเป็นครั้งคราวในงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ แต่พวกมันก็ถูกปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ระดับสูงประมูลไป
พวกเขาไม่เคยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในระดับนั้นจึงไม่เคยเห็น และแล้ววันนี้ขุมทรัพย์สมุนไพรได้อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
ช็อก!
ช็อกสุดขีด!
ทุกคนเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมผู้อาวุโสอี้ถึงกำมันไว้ในมือตั้งแต่เห็นครั้งแรก และเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขายังยอมเสนอราคากับฟางชิวอีก
เพราะว่ามันเป็นขุมทรัพย์สมุนไพรนี่เอง
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสอี้ตั้งใจจะซื้อมันไว้ ทุกคนจึงมั่นใจว่ามันเป็นขุมทรัพย์สมุนไพรแน่นอน
หลังจากนั้น เมื่อความตกใจค่อย ๆ จางหายไป ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในงานแสดงสินค้าทันที
สายตาทุกคู่ต่างวาบประกาย
ไม่มีใครคิดจะซื้อขายของกันอีกแล้ว ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ต่างปิดแผงขายของแล้วพุ่งความสนใจไปที่ขุมทรัพย์สมุนไพรแทน
ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างจ้องมองพุทราวิญญาณแดงที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสอี้ด้วยความประหลาดใจ
ผู้อาวุโสอี้รู้ว่ามันคืออะไรสินะ!
ผู้อาวุโสอี้มองไปที่ฟางชิว เขากำขุมทรัพย์สมุนไพรในมือแน่นขึ้น สายตาที่ร้อนแรงและปรารถนาที่อยู่รอบตัวทำให้เขารู้สึกกดดัน
เพราะผู้อาวุโสอี้ต้องการขุมทรัพย์สมุนไพรนี้เป็นอย่างมาก!
ฟางชิวหันไปหาชายหนุ่มแขนหักที่แอบอยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสอี้แล้วถามว่า “จะซื้อขุมทรัพย์สมุนไพรของฉันในราคาเท่าไหร่นะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ
สามหมื่นหยวน
สามหมื่นหยวนสำหรับขุมทรัพย์สมุนไพร?
นี่มันเป็นการปล้นชัด ๆ!
ตลกแล้ว!
ไม่มีใครจะเชื่อว่าชายหนุ่มจะกล้าเสนอราคานี้ออกมา แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเขาเอง
กระจ่างแล้ว…
เรื่องราวได้กระจ่างขึ้นมาแล้ว
ชายหนุ่มคนนั้นหาเรื่องตายจริง ๆ
ประการแรก ชายหนุ่มคนนั้นต้องการซื้อขุมทรัพย์สมุนไพรจากฟางชิวในราคาแค่สามหมื่นหยวนโดยปราศจากข้อตกลง และเขาก็ยังพยายามที่จะใช้กำลัง แต่สุดท้ายก็เอาชนะฟางชิวไม่ได้ เขาจึงหันไปใส่ร้ายฟางชิวแทน นี่ไม่ได้เรียกว่าหาเรื่องตายแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
บรรดาผู้ที่เคยเห็นอกเห็นใจชายหนุ่มคนนั้นก่อนหน้านี้ต่างรู้สึกละอายใจ
คนที่อยู่ใกล้ชายหนุ่มคนนั้นพากันส่งสายตาดุร้ายใส่ ก่อนจะผลักเขาออกจากฝูงชนไป
“ขุมทรัพย์สมุนไพร?”
“นี่เป็นขุมทรัพย์สมุนไพรจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันนึกว่าในชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันได้เห็นขุมทรัพย์สมุนไพรในตำนานแล้วซะอีก ได้เห็นที่นี่ถือเป็นบุญตาจริง ๆ!”
“ขุมทรัพย์สมุนไพรหายาก มีค่ามาก คนส่วนใหญ่น่ะไม่มีวันได้เห็นหรอก”
“ฉันได้ยินมาว่าขุมทรัพย์สมุนไพรสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ยสิ”
“เรื่องจริงสิ ขุมทรัพย์สมุนไพรเป็นอัญมณีวิเศษ มีพลังปราณอยู่ภายใน เพียงหนึ่งต้น ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นแล้ว แต่ขุมทรัพย์สมุนไพรหายากมาก เนื่องจากพวกมันถูกซ่อนไว้ในที่เร้นลับอย่างดี พวกเราตั้งใจหาก็หาไม่เจอหรอก”
“สุดยอดไปเลย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ! ขุมทรัพย์สมุนไพรถือเป็นของวิเศษสำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้เลยนะ!”
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง
“เหล่าอี้!” ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดกับผู้อาวุโสอี้ว่า “ขุมทรัพย์สมุนไพรมันยังไม่ถูกขายให้คุณ กำแน่นขนาดนั้นจะดีเหรอ?”
“ถ้าคิดจะครอบครองคนเดียวก็ไม่เหมาะสมหรอกมั้ง!!” ผู้อาวุโสอี้พลันหน้าแดง อับอายขึ้นมาเมื่อได้ยินชายวัยกลางกล่าวอย่างนั้น
ผู้อาวุโสอี้รู้ว่าพุทราวิญญาณแดงนี้เป็นขุมทรัพย์สมุนไพร แต่เขาไม่ยอมบอกใคร แ่เขากลับเก็บมันไว้ในมือและพยายามจะซื้อมันโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
แต่สุดท้ายฟางชิวก็เปิดเผยความจริงออกมา ในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้อาวุโสอี้ย่อมรู้สึกกระดากอาย
ชายวัยกลางคนยังกล่าวต่อ “ในเมื่อพวกเรายังไม่เคยเห็นขุมทรัพย์สมุนไพร ทำไมไม่เอามาให้พวกเราดูก่อนล่ะ?”
ฝูงชนพยักหน้ารับพร้อมกัน
“ไม่เหมาะสม!” ผู้อาวุโสอี้ลังเล “แล้วถ้ามีคนแย่งเอาไปกินล่ะ จะไม่แย่เอาหรือไง”
ได้ยินอย่างนี้แล้ว ฝูงชนก็ต่างตกใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมาให้มากความอีก
บางคนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จนกระทั่งผู้อาวุโสอี้เตือน
นี่เป็นถึงขุมทรัพย์สมุนไพร ไม่มีใครรู้ว่ารสชาติของมันจะเป็นอย่างไร ใครบ้างจะไม่อยากลิ้มลอง?
ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างใจกว้าง “ฉันจะรับผิดชอบเอง ไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวายหรอก”
ผู้อาวุโสอี้ถอนหายใจ จากนั้นหันไปมองฟางชิวอีกครั้งราวกับว่าต้องการขอความคิดเห็นจากเขา
“คุณรวยมากไหม” ฟางชิวหันไปถามชายวัยกลางคน
“มาก!” ชายวัยกลางคนตอบทันที ผู้อาวุโสอี้ก็พยักหน้าเช่นกัน
ฟางชิวเลยพยักหน้ายินยอม ชายหนุ่มไม่กลัวว่าจะมีใครมาขโมยขุมทรัพย์สมุนไพร เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของตนเองแล้ว ไม่มีใครในที่แห่งนี้สามารถเอาขุมทรัพย์สมุนไพรไปจากเขาได้
แต่ถึงจะมีคนกินเข้าไป ฟางชิวก็ไม่สามารถฆ่าคนคนนั้นได้อยู่ดี
ถ้ามีคนกินเข้าไป เขาคงหมดโอกาสหาเงินถ้าคนที่ก่อเรื่องเป็นพวกพาลที่ยอมตายดีกว่ายอมจ่ายค่าเสียหาย เขาก็คงสูญเสียครั้งใหญ่
และมันจะเป็นปัญหาจริง ๆ แน่นอน ถ้ามีคนโลภกินพุทราวิญญาณแดงเข้าไป
ฟางชิวไม่สามารถฆ่าคนได้ แต่พอมีคนบอกว่าจะรับผิดชอบ ฟางชิวจึงเลิกกังวล
ผู้อาวุโสอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้แล้ว ก็เอาตามที่คุณพูดเถอะ”
เมื่อฝูงชนจ้องมองไปที่พุทราวิญญาณแดงที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสอี้ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายสดใส
“มาดูสิ” ภายใต้การจับจ้องของสายตาที่มากมาย ผู้อาวุโสอี้ก็ยื่นพุทราวิญญาณแดงออกไปด้วยความไม่เต็มใจ
ชายวัยกลางคนรับมันมาดูทันทีและเริ่มดูอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นฝูงชนก็ผลัดกันแวะเวียนเข้ามาชม ทุกคนประคองมันด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะกลัวว่าตนเองจะออกแรงมากเกินไป
แล้วฝูงชนก็สังเกตเห็นว่า ผู้อาวุโสอี้คอยเฝ้าติดตามพุทราวิญญาณแดงอย่างใกล้ชิด ราวกับว่าจะกลัวเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ถึงจะมีคนบอกว่าจะรับผิดชอบเองถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เถอะ แต่ผู้อาวุโสอี้ไม่สนใจ เขาสนใจมากกว่าว่าขุมทรัพย์สมุนไพรจะบุบสลายหรือไม่ เพราะเขาอยากได้มันมาก
“นี่เหรอขุมทรัพย์สมุนไพร?”
“เหมือนมีเวทมนตร์เลย สัมผัสแล้วรู้สึกต่างออกไป”
“ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย นี่ครั้งแรกเลยล่ะ”
“สัมผัสครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าแตกต่าง เป็นขุมทรัพย์สมุนไพรจริงด้วย”
“เหมือนมีอะไรอยู่ข้างในนะ มันเป็นพลังปราณภายในเหรอ?”
“ฉันกำลังสัมผัสขุมทรัพย์สมุนไพร! ฉันได้สัมผัสขุมทรัพย์จริง ๆ!”
“วันนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้เห็นขุมทรัพย์สมุนไพรในตำนานด้วยตาตัวเอง!”
เสียงชื่นชมก็ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ
โชคดีที่ไม่มีใครก่อความวุ่นวาย กระนั้นผู้อาวุโสอี้ก็จับตาดูอย่างใกล้ชิดอยู่ดี
“น้องชาย ขายขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ราคาเท่าไหร่? ฉันจะซื้อเอง!”
“ฉันก็อยากได้เหมือนกัน ฉันขอแลกกับของบางอย่างได้ไหม”
“เขารับเงินสดเท่านั้น น้องชายจะเอาเท่าไหร่”
หลากหลายคำถามดังออกมาปากจากของฝูงชน ทว่าเมื่อคนสุดท้ายดูพุทราวิญญาณแดงเสร็จ ผู้อาวุโสอี้ก็ไปคว้ามันกลับมาแล้วพูดว่า “ฉันจองไว้แล้ว!”
“จองไว้? คุณยังไม่ได้ซื้อมันเลยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่แล้ว เหล่าอี้ เพื่อขุมทรัพย์สมุนไพรชิ้นเดียว คุณคงจะไม่ฆ่าพวกเราทุกคนที่นี่ด้วยกระบวนท่าเดียวหรอกใช่ไหม?”
“ให้โอกาสพวกเราบ้างสิ”
“ทำไมไม่ประมูลล่ะ”
“ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะ แบบนี้เป็นไง?” ผู้คนในฝูงชนต่างโห่ร้องกันออกมา
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสอี้ไม่พอใจ สีหน้าของเขาคล้ำมืดลง
อุตส่าห์เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นแท้ ๆ!
“คนที่มาก่อนต้องได้ไปไม่ใช่หรือไง?” ผู้อาวุโสอี้กล่าวพลางยกหมัดขึ้น
ฝูงชนกลับแสดงท่าทีเดียวกันแล้วตะโกนว่า “ต้องเป็นผู้ที่ให้ราคาสูงสุดเป็นผู้ชนะสิ!”
ผู้อาวุโสอี้พูดไม่ออก เขาจึงหันไปขอความคิดเห็นจากฟางชิว
คนอื่น ๆ ก็หันไปหาฟางชิวเพื่อรอการตัดสินใจของชายหนุ่มเช่นกัน
“แล้วแต่พวกคุณ ผมขอจำนวนเงินที่มากที่สุด” ฟางชิวเหลือบมองท่าทีทุกคนแล้วกล่าวเสียงราบเรียบออกมา
“ยอดเยี่ยม!” ชายวัยกลางตื่นเต้นทันที “พวกเราจะทำการประมูล ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะได้รับขุมทรัพย์สมุนไพรไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปหาผู้อาวุโสอี้แล้วพูดเสริมว่า “เหล่าอี้ รีบเอาขุมทรัพย์สมุนไพรไปคืนเจ้าของสิ พวกเราพร้อมเสนอราคากันแล้วนะ”
ผู้อาวุโสอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคืนพุทราวิญญาณแดงให้ฟางชิว
ชายวัยกลางคนบังคับตัวเองให้ละสายตาจากขุมทรัพย์สมุนไพรก่อนจะกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราจะใช้ราคาห้าแสนหยวนที่ผู้อาวุโสอี้เคยเสนอมาเป็นราคาเริ่ม ถ้าใครต้องการเสนอราคาก็ให้ยกมือขึ้นแล้วตะโกนราคาออกมาดัง ๆ”
“เริ่ม!” ชายวัยกลางคนตะโกนขึ้น
ผู้อาวุโสอี้ยืนมองด้วยสีหน้าหดหู่ ส่วนคนอื่นดูตื่นเต้นราวกับว่าถูกเลือดไก่ฉีดเข้าเส้น*[1]
“ห้าแสนห้าหมื่น!” ทันทีที่การประมูลเริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้นและเสนอราคาออกมา
“ห้าแสนหกหมื่น!” ชายอีกคนยกมือขึ้นทันที
“หกแสน!” ผู้อาวุโสอี้ตะโกนออกมาเสียงดัง
“หกแสนห้าหมื่น” ชายวัยกลางคนที่เสนอให้ประมูลตะโกนบอกราคาเช่นกัน
ในชั่วพริบตา ราคาพุทราวิญญาณแดงก็เพิ่มขึ้นจากห้าแสนหยวนเป็นหกแสนสามหมื่นหยวน
คนส่วนใหญ่ในฝูงชนไม่สามารถซื้อในราคานี้ได้ จึงเหลือเพียงเหล่าเศรษฐีที่ยังจับตามองดูการเสนอราคานี้อยู่
ในที่สุดฟางชิวก็รู้สึกโล่งใจที่เขาสามารถหาเงินสามแสนหยวนได้ในเวลาไม่นาน
ยิ่งเงินมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีก
“เจ็ดแสน!” ผู้อาวุโสอี้กลั้นหายใจก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง!
เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะครอบครองพุทราวิญญาณแดงให้ได้
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้คนจำนวนมากก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมา
เจ็ดแสนไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลย ถึงแม้ว่าบางคนจะมีเงินบัญชีมากกว่าเจ็ดแสนหยวน และใช้เงินเก็บซื้อขุมทรัพย์สมุนไพรนี้ได้ แต่พวกเขายังต้องกินยังต้องใช้จ่าย ประมูลไปแล้วจะหาเลี้ยงครอบครัวต่อได้อย่างไร?
ทุกครั้งที่มีคนเสนอราคาที่สูงกว่า คนก็ถูกคัดออกไปเรื่อย ๆ
“แปดแสน” ชายวัยกลางที่เสนอให้ประมูลตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
[1] ถูกเลือดไก่ฉีดเข้าเส้นคือ วิธีการรักษาที่นิยมในประเทศจีน ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 ถึงช่วงต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรม เพราะเชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนยาวิเศษรักษาสารพัดโรค โดยฉีดเลือดไก่สด ๆ เข้าทางเส้นเลือดของคน ในปัจจุบัน คำนี้ถูกใช้เป็นคำสแลง เป็นการบรรยายถึงบุคคลที่มีความกระตือรือร้นมาก ส่วนใหญ่คำนี้จะใช้ในการประชดประชัน