คุรุการแพทย์ – บทที่ 114 ส่งมอบสามแสน!

คุรุการแพทย์

บทที่ 114 ส่งมอบสามแสน!

บทที่ 114 ส่งมอบสามแสน!

ซุนฮ่าวอ่านต่อ “หลี่เหม่ยเยี่ยน เพศหญิง ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มและการรมยา ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอก ผู้นำด้านการวิจัยการฝังเข็มและการนวดระดับจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยหลักของโรงพยาบาลแห่งแรกในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง ได้รับรางวัลผู้นำด้านวิชาการระดับจังหวัด เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีผลงานโดดเด่นในการช่วยชีวิตผู้คน และเป็นรองประธานสมาคมฝังเข็มประจำจังหวัด!”

ซุนฮ่าวครุ่นคิด

“ทำไมถึงมีให้เลือกเยอะแยะขนาดนี้?”

“อาจารย์ของฉันต่างหากที่ดีกว่า!”

โจวเสี่ยวเทียนจ้องมองด้วยความตื่นเต้น

“ขัดจังหวะจริงเว้ย! ใครคืออาจารย์ของนายกัน อย่ามาพูดมั่ว ๆ!”

ซุนฮ่าวจ้องมองโจวเสี่ยวเทียนอย่างดูถูกก่อนจะอ่านต่อ

“ประวัติส่วนตัว เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็ม รักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคจอประสาทตามีสารสี*[1] โรคตาขี้เกียจ*[2] โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม*[3] โรคสายตาอ่อนล้า*[4] และอาการปวดเมื่อย เช่น กระดูกคอ คอเคล็ด ไหล่แข็ง ปวดข้อ โรคเกาต์ ข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอวเสื่อม ไมเกรน และอื่น ๆ”

“ศาสตราจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยนมีส่วนร่วมในการวิจัยการฝังเข็มและการรมยาในแวดวงแพทย์แผนจีนมาเป็นเวลานาน และเป็นประธานในโครงการระดับมณฑลสองโครงการ เธอประสบความสำเร็จอย่างมากในการวิจัยการฝังเข็มและการรมยา การวิจัยทางคลินิกด้านการฝังเข็ม นวัตกรรมวิธีการการฝังเข็ม การพัฒนาการฝังเข็มและการรมยา ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งด้านผลงานการสอนระดับประเทศ รางวัลความก้าวหน้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับจังหวัดสองรางวัล รางวัลชนะเลิศวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกยอดเยี่ยมระดับชาติ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำที่สำคัญในด้านการวิจัยการฝังเข็มและการรมยาทั้งในและต่างประเทศ!”

อ่านจบซุนฮ่าวก็ถอนหายใจยาว อาจารย์ท่านนี้ประวัติเยอะเหลือเกิน

“อาจารย์คนนี้สุดยอดมาก ได้รางวัลระดับชาติเลยหรอ?”

โจวเสี่ยวเทียนกล่าวพร้อมกับทำตาโต “นี่ล่ะอาจารย์ของฉัน!”

“คนอื่น ๆ จะไม่ดีกว่านี้เหรอ?” จูเปิ่นเจิ้งถาม

ซุนฮ่าวอ่านต่อโดยไม่ลังเล

พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าฝึกงาน ดังนั้นต้องศึกษาอาจารย์ทุกคนให้ดีก่อนแล้วค่อยเลือกอาจารย์ที่เหมาะสม

ส่วนเหล่านักศึกษาคนอื่นที่เพิ่งมาถึงมหาวิทยาลัยก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นประกาศเช่นกัน ไม่นานข่าวสารก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

ในเว็บบอร์ดตอนนี้มีการโพสต์พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม

‘เรามาพูดถึงอาจารย์ที่ให้การอบรมทั้งห้าสิบคนกันเถอะ!’

โพสต์นี้ทำเอาทั้งเว็บไซต์ปั่นป่วน ดังนั้นผู้ดูแลเว็บไซต์จึงได้รวบรวมโพสต์ทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อดึงดูดผู้คนที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้รวมตัวกัน

[ว้าว อาจารย์หลี่เหม่ยเยี่ยน เคยแต่ได้ยิน ไม่คิดว่าจะได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมายขนาดนี้ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาปริญญาเอกด้วย โห เท่มากจารย์!]

[อาจารย์จางเจิ้นจงสิไอดอลผม!]

[ถึงผลงานของอาจารย์หยางซู่เหวินจะค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่เรื่องบรรยายน่ะเก่งอย่าบอกใคร ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็เหมือนกัน!]

[ไร้สาระ ในบรรดาอาจารย์ทั้งห้าสิบคน ใครบ้างที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้?]

[อาจารย์คนนั้นอายุเจ็ดสิบ เกษียณมามากกว่าสิบปีแล้ว ก็ต้องอาจารย์คนนี้เปล่าที่ได้รับเกียรติยศมากที่สุด เอ๊ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังจะสอนไหวไหมนะ?]

[หาอาจารย์ที่เหมาะสมกับตัวเองต่างหากที่สำคัญ อาจารย์ทุกคนมีจุดเด่นในตัวเอง ก่อนเลือกอาจารย์เราควรคิดให้รอบคอบนะว่าอยากศึกษาแขนงไหน จะได้ไม่เสียเวลา]

[หรือว่าต้องให้อาจารย์เป็นคนเลือกเรา?]

[เห็นด้วยกับคอมเมนต์บน +1]

[ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นเต้นไป เราสามารถเลือกอาจารย์ได้ก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วการคัดเลือกตามคุณสมบัติก็ยังอยู่ในมือของอาจารย์ หลังจากเลือกแล้วจะมีการสัมภาษณ์ คิดเหรอว่าเลือกแล้วจะได้ฝึกงานเลย?]

เหล่านักศึกษาต่างพูดคุยกันในกระทู้ของโรงเรียน

[แปลกจัง ทำไมไม่มีชื่ออาจารย์สวีเมี่ยวหลิน?]

[ฉันอยากให้อาจารย์สวีเมี่ยวหลินออกจากเขาสักที!]

[อาจารย์สวีเมี่ยวหลินคือที่หนึ่งในใจฉัน ทำไมไม่มีชื่ออะ?]

[เสียดายอะ ถ้ามีชื่ออาจารย์สวีเมี่ยวหลินละก็ ฉันจะเลือกฝึกกับเขาแน่!]

[ใช่แล้ว ไม่รู้มหาวิทยาลัยคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่เชิญอาจารย์สวีเมี่ยวหลินมา!]

[อาจารย์สวีเมี่ยวหลินเป็นดาวรุ่งแห่งสาขาการแพทย์แผนจีน ถ้าได้ฟังคำชี้แนะของเขา ผลการเรียนของพวกเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่มหาวิทยาลัยกลับไม่เชิญอาจารย์สวีเมี่ยวหลินมา เสียดายชะมัด!]

หลังจากเหล่านักศึกษาอ่านรายชื่ออาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วพบว่าไม่มีชื่อของสวีเมี่ยวหลินอยู่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่นด้วยความรู้สึกเสียดาย

ประสบการณ์และฝีมือของสวีเมี่ยวหลินเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน ทุกคนต่างตั้งตารอการปรากฏตัวของเขาทั้งนั้น คนที่รอคอยสวีเมี่ยวหลินจึงผิดหวังมาก

ณ หอพักหญิง

“อะไรเนี่ย?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังเอนกายบนเตียงเพื่อพักฟื้น เธอตรวจสอบรายชื่อเหล่าอาจารย์ในเว็บไซต์ของโรงเรียนพลางขมวดคิ้ว จากนั้นถึงพึมพำด้วยความเสียใจ “เป็นไปได้ยังไง อาจารย์สวีเมี่ยวหลินเก่งมาก แต่ทำไมถึงไม่มีชื่อเขา?”

แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่รายชื่อได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ความปรารถนาของเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่จะบูชาสวีเมี่ยวหลินในฐานะอาจารย์พังทลายในพริบตา

เธอเสียดายจนทำอะไรไม่ถูก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่านักศึกษาต่างเข้ามาพูดคุยถึงรายชื่ออาจารย์ทั้งห้าสิบคน ทางมหาวิทยาลัยก็ออกประกาศครั้งที่สองในทันที

[ในวันพรุ่งนี้ เวลาเก้านาฬิกา เหล่าอาจารย์ทั้งห้าสิบคนจะทำการสัมภาษณ์ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการฝึกงาน ณ สนามกีฬา!

นักเรียนคนใดที่สนใจสามารถไปที่นั่นเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ เหล่าอาจารย์จะสอบถามและประเมินทันที ผู้ที่ผ่านการประเมินจะได้รับอนุญาตให้เข้าฝึกงาน

แน่นอนว่าการที่อาจารย์จะรับเด็กคนใดเข้าฝึกงาน ย่อมขึ้นอยู่กับการพิจารณาและความพึงพอใจของพวกเขา หวังว่าทุกคนจะได้รับคะแนนยอดเยี่ยมจากการสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้!]

เนื้อหาของประกาศนี้สั้นมาก

อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงการประกาศเรื่องเวลาและสถานที่ในการประเมินผ่านการสัมภาษณ์เท่านั้น

แม้จะไม่มีอะไรในเนื้อหามาก แต่พวกนักศึกษาก็ต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็น

[เชี่ยเอ๊ย ทำไมเร็วขนาดนี้? โรงเรียนเราปุบปับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?]

[นั่นสิ เพิ่งประกาศวันนี้ จะให้ทำการสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้ เท่ากับว่าเราไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย!]

[กลัวว่ามหาวิทยาลัยอื่นจะนำหน้าไปน่ะสิ! เขาถึงให้เหล่าอาจารย์ทั้งห้าสิบคนมาสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเราก่อน!]

[ปุบปับเกินไปแล้ว เพิ่งจะประกาศรายชื่ออาจารย์ทั้งห้าสิบคนได้ไม่นาน ขอให้พวกเราเลือกและสอบสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้เลยเหรอ?]

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนตกใจ

ไม่มีใครคาดคิดว่าการสัมภาษณ์และการประเมินจะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้

แต่ในเวลานี้ก็มีนักศึกษาที่รู้สึกกลัวขึ้นมาเช่นกัน

[ฉันจะทำยังไงดี ฉันยังไม่พร้อม!]

[ฉันก็เหมือนกัน ฉันเพิ่งเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน แต่การสัมภาษณ์กลับกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ ฉันจะเตรียมตัวทันได้ยังไง?]

[จบแล้ว พวกเราไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย]

[แล้วพรุ่งนี้เราจะผ่านการสัมภาษณ์หรือเปล่า?]

[ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ฉันต้องรีบไปอ่านหนังสือแล้ว ยังไงก็ต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์และการประเมินให้ได้ ไม่งั้นชีวิตฉันจบสิ้นแน่]

นักเรียนหลายคนเริ่มกังวลเพราะการสัมภาษณ์และการประเมินในครั้งนี้กะทันหันเกินไป

หลายคนที่ได้ยินประกาศนี้ต่างประหม่า พวกเขารีบรุดเข้าไปในห้องเพื่ออ่านหนังสือเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้

แต่ยังมีเหล่านักศึกษามากมายที่มั่นใจในความสามารถของตนเอง พวกเขาต่างขะมักเขม้นในการเลือกอาจารย์ตามรายชื่อเพื่อให้ได้พบกับบุคคลที่เหมาะสมที่สุด

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวก็ไม่สนใจการสอบสัมภาษณ์และการเข้ารับการประเมินแต่อย่างใด เขาถือกระเป๋าเดินทางที่มีเงินสดจำนวนสามแสนหยวนแล้วเดินไปยังหอสมุดเพื่อยืมหนังสือ

แม้จะยังอยู่ในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่หอสมุดยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ด้านในคลาคล่ำไปด้วยผู้คน

หลายคนต่างเดินทางมาที่นี่เพื่ออ่านหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้ พวกเขาทั้งรอคอยและกังวลใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแตกต่างจากฟางชิวอย่างสิ้นเชิง

เมื่อจ้องมองไปยังประตู ชายหนุ่มก็พบว่าสวีเมี่ยวหลินกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

“สวัสดีครับอาจารย์สวี!”

ฟางชิวทักด้วยความเคารพ จากนั้นจึงวางกระเป๋าเดินทางสดจำนวนสามแสนหยวนไว้บนโต๊ะทำงานของสวีเมี่ยวหลิน

“หืม?”

บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดยังคงหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของฟางชิว เขาก็พลันเงยหน้าขึ้น

เขาจ้องมองไปยังกระเป๋าเดินทางที่ถูกวางไว้บนโต๊ะพลางถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร?”

“เงินครับ!”

ฟางชิวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “สามแสนหยวน”

“หา?”

สวีเมี่ยวหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติก็เข้าใจถึงสิ่งที่ฟางชิวกล่าว เขาจึงจ้องมองฟางชิวด้วยความประหลาดใจ

“นายได้เงินมาครบแล้วเหรอ?”

รวดเร็วถึงขนาดนี้เลยเนี่ยนะ?

เขาไม่ใช่ทายาทมหาเศรษฐีรุ่นที่สองของตระกูลหรอกหรือ?

“ครับ”

ฟางชิวพยักหน้า

“ฉันว่า…”

สวีเมี่ยวหลินจ้องมองไปยังกระเป๋าเดินทางบนโต๊ะพลางถามด้วยความสงสัย “นายเป็นทายาทมหาเศรษฐีเหรอ?”

ฟางชิวส่ายศีรษะ

“หรือนายเป็นทายาทลำดับที่สอง?”

ฟางชิวส่ายศีรษะอีกครั้ง

“หรือว่าพ่อของนายเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลร่ำรวย?”

ฟางชิว “…”

เมื่อมองไปยังดวงตาที่ไร้คำพูดของฟางชิว สวีเมี่ยวหลินก็ค่อย ๆ แย้มยิ้ม จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายคงไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายหรอกใช่ไหม?”

“นายไม่มีทางหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แน่ นายทำเรื่องผิดกฎหมายใช่ไหม?”

ฟางชิวกล่าวอย่างหมดหนทาง

“ไม่ครับ”

สวีเมี่ยวหลินแตะคางพลางพยักหน้า จากนั้นจึงจ้องมองไปยังฟางชิวด้วยแววตางุนงง

ฟางชิวกล่าวอย่างจริงใจ “ไม่ต้องห่วงครับ เงินทั้งหมดที่ได้มาไม่ผิดกฏหมาย”

“ดี!”

ใบหน้าฟางชิวจริงใจอย่างยิ่ง สวีเมี่ยวหลินจึงไม่ซักถามเกี่ยวกับที่มาของเงินอีกต่อไป เขาพยักหน้าพลางกล่าว “เอาเงินมาแล้ว เป็นอันว่าข้อตกลงเราก็ตามนั้นก็แล้วกัน ฉันจะรับเงินไว้ ส่วนนายกลับไปอ่านหนังสือได้ อ่านหนังสือที่ฉันบอกจนหมดแล้วค่อยกลับมาหาฉัน”

“จำไว้ว่าการอ่านซ้ำไม่ใช่เรื่องแย่!”

สวีเมี่ยวหลินเตือนอย่างเคร่งขรึม

“ครับ”

ฟางชิวพยักหน้า ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

สวีเมี่ยวหลินจ้องมองกระเป๋าเดินทางพลางตะโกนลั่น “เดี๋ยว!”

ฟางชิวหันกลับมา

“จะทิ้งไว้แบบนี้เหรอ?”

สวีเมี่ยวหลินเอ่ยถามแผ่วเบา

“หืม?”

ฟางชิวสงสัย

“นายคิดว่าฉันจะทุบกระเป๋าเดินทางนี้ด้วยหัวของตัวเองได้เหรอ?”

ฟางชิวส่ายศีรษะ

“แล้วจะไม่บอกรหัสปลดล็อกกระเป๋าเดินทางนี้ให้ฉันหน่อยเหรอ?

สวีเมี่ยวหลินจ้องมองฟางชิวที่ยังไม่พูดอะไร “หรือนายยังคิดจะให้ฉันเอาหัวตัวเองทุบมันให้แตกอยู่?”

“ขอโทษครับ! ขอโทษจริง ๆ ครับ! รหัสผ่านคือ 123 ครับ”

ฟางชิวตอบพร้อมเผยรอยยิ้มเขินอาย

สวีเมี่ยวหลินพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกบางสิ่งได้ เขาจึงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “พรุ่งนี้ตอนบ่ายนายพอจะมีเวลาไหม? ถ้ามีฉันจะชวนไปดูคนไข้ด้วยกัน”

[1] โรคจอประสาทตามีสารสี (Retinitis pigmentosa) คือ โรคจอประสาทตาเสื่อมที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์รับแสงของจอประสาทตา โดยมักจะพบเจอเพียง 1 ใน 3,000 คน

[2] โรคตาขี้เกียจ (Amblyopia/Lazy Eye) คือ โรคทางสายตาที่ทำให้ดวงตามองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน โดยปกติ ดวงตาข้างหนึ่งจะมองเห็นชัดกว่าอีกข้างเสมอ และอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ตาเข ตาพร่ามัว สายตาสั้น-ยาวไม่เท่ากัน

[3] โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular Degeneration) เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากการเสื่อมของบริเวณจุดภาพชัดของจอประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะส่วนกลางของภาพ โดยที่ภาพด้านข้างของการมองเห็นยังดีอยู่

[4] โรคสายตาอ่อนล้า (Asthenopia) คือ ภาวะที่ดวงตาอ่อนล้าจากการผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก หรือมีการใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท