คุรุการแพทย์ – บทที่ 120 ทุกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว

คุรุการแพทย์

บทที่ 120 ทุกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว

บทที่ 120 ทุกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว

ในเวลาเดียวกัน คณบดีจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนทั้งแปดแห่งก็ได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับทางมหาวิทยาลัยของตนฟัง

ผู้ที่มีความกระตือรือร้นมากก็คือมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงที่อยู่ในเมืองเดียวกัน

คณบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงคือหลิวกั๋วหัว ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบปี

หลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง หลิวกั๋วหัวก็รีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงที่อยู่ในเมืองเดียวกัน โดยระหว่างทางกลับ เขาก็โทรหาผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเพื่อให้จัดประชุมทันที

ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิง ห้องประชุมสำหรับผู้บริหาร

“เป็นยังไงบ้าง?” ทันทีที่หลิวกั๋วหัวมาถึง ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยก็เอ่ยถามทันที

“มันสมบูรณ์แบบมาก!” หลิวกั๋วหัวหอบอย่างหนักขณะที่ตอบ “คุณต้องคาดไม่ถึงแน่ ๆ ว่ามันมีคนเยอะมากแค่ไหน ถึงขนาดว่านักศึกษาที่เป็นโรคลมแดดไม่ยอมออกจากแถวเลยนะ”

“เป็นไปไม่ได้!”

“บ้าแล้ว” บรรดาคณบดีประจำคณะที่ในห้องประชุมต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

“คุณช่วยเล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังหน่อย” คณบดีหนึ่งในนั้นถามขึ้นมาอย่างรีบเร่ง

“ก็แค่งานพบปะพูดคุยทั่วไป” หลิวกั๋วหัวจิบน้ำแล้วพูดต่อ “ครั้งนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงยอมลงทุนหนักจริง ๆ พวกเขาเชิญอาจารย์ที่มีชื่อเสียงห้าสิบคนมาเป็นอาจารย์คอยดูแลนักศึกษา พวกคุณรู้ไหม ขนาดหลี่เหม่ยเยี่ยนที่เกษียณไปแล้วก็ยังยอมมาสอนนักศึกษาเลย ไหนจะจางเจิ้นจงกับเสิ่นชุนอีก คนที่มีชื่อเสียงทั้งนั้นเลย! ตอนแรกผมนึกว่ารายชื่อเอาไว้โฆษณา ไม่คาดคิดว่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงจะมาร่วมงานทุกคน ดูแล้วพวกอาจารย์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก”

“พวกเขาจัดงานยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” คณบดีคนหนึ่งโพล่งออกมาด้วยความตกใจ

“ยิ่งไปกว่านั้น” หลิวกั๋วหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวว่า “ที่สำคัญที่สุดก็คือมีนักศึกษาที่ชื่อฟางชิวในมหาวิทยาลัยของพวกเขา”

“นักศึกษา?” ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกมึนงงกันอย่างมาก

เกี่ยวอะไรกับนักศึกษาเนี่ย?

พวกเขาต่างรู้สึกสงสัย

“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเหรอว่า โครงการฝึกงานนี้ได้ถูกเสนอโดยนักศึกษา” หลิวกั๋วหัวกล่าวเสริม “ข่าวนี้เฉินอินเซิงเป็นคนออกมายืนยันด้วยตัวเอง”

“นักศึกษาคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย ตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น เขายังให้คำแนะนำอีกสามข้อแก่เฉินอินเซิง แล้วคำแนะนำสามข้อนั้นก็ยอดเยี่ยมมาก!”

“แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ ฟางชิวคนนี้ เขาเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง!”

นักศึกษาปีหนึ่ง?

เก่งกาจขนาดนั้นเลย?

ทุกคนรู้สึกตกใจ

“คำแนะนำอะไรเหรอ? ช่วยบอกให้พวกเรารู้ด้วยสิ” คณบดีคนหนึ่งเอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคนออกมา

พวกเขาต่างอยากรู้คำแนะนำของนักศึกษาคนนี้มาก

“สองข้อแรกก็เป็นคำแนะนำธรรมดา ๆ ทั่วไป” หลิวกั๋วหัวเล่าต่อว่า “ข้อแรกจะเกี่ยวกับการจัดระเบียบระหว่างการสัมภาษณ์ เขาขอให้นักศึกษาทุกคนเข้าแถวและสัมภาษณ์ให้เสร็จภายในเวลาจำกัด ส่วนข้อที่สอง เขาแนะนำให้เตรียมซุปถั่วเขียวสำหรับนักศึกษา เผื่อในกรณีที่มีนักศึกษาเป็นโรคลมแดด สองข้อนี้ไม่มีอะไรพิเศษมาก คนทั่วไปก็สามารถคิดออกมาได้ แต่เฉินอินเซิงตื่นเต้นเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้ออก”

“แล้วสิ่งที่พิเศษที่สุดก็คือ ข้อครั้งสุดท้าย” พอหลิวกั๋วหัวเล่ามาถึงตอนนี้ ทุกคนในห้องประชุมก็พากันเงี่ยหูฟัง

“ฟางชิวแนะนำกฎที่เข้มงวดเกี่ยวกับทักษะพื้นฐานของนักศึกษา นั่นคือการที่นักศึกษาทุกคนต้องได้คะแนนอย่างน้อยแปดสิบห้าคะแนนในแต่ละหลักสูตร สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเงื่อนไขในครั้งแรก ก็จะเป็นเด็กฝึกงานชั่วคราว ถ้าหากว่าพวกเขาล้มเหลวกับการสอบอีกครั้ง พวกเขาก็จะถูกไล่ออกจากการเป็นเด็กฝึกงานทันที”

หา?

ทุกคนในที่ประชุมรู้สึกอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน

แปดสิบห้าคะแนนถือได้ว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก แต่ถูกกำหนดให้เป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำหรับการฝึกงานซะอย่างนั้น

เงื่อนไขนี้ค่อนข้างเข้มงวดมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดี ข้อเสนอนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ

นี่เป็นคำแนะนำที่ดีมาก!

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาแล้ว หลิวกั๋วหัวก็เล่าต่อทันที “ดังนั้นพวกเราต้องรีบแล้ว พวกเราไม่ควรปล่อยให้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมีชื่อเสียงแค่ที่เดียว แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในเมืองเดียวกัน แต่ในไม่ช้า มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะต้องใช้สื่อในการโฆษณาเรื่องนี้ พวกเราต้องเริ่มร่างแผนของโครงการฝึกงานเดี๋ยวนี้ แล้วก็รีบดำเนินการตามแผนนั้นเลยด้วย พวกเราอาจจะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากการโฆษณาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ได้”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราห้ามด้อยกว่าพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนก็ตาม”

เมื่อได้ยินดังนั้น คณบดีทุกคนก็พยักหน้าทันที พวกเขาต้องทำโครงการฝึกงานนี้ และต้องทำให้มันยิ่งใหญ่ด้วย!

พวกเขาจะไม่ปล่อยให้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก้าวขึ้นมาเหยียบหัวของพวกเขาได้!

แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงแห่งเดียวเท่านั้น

คณบดีของมหาวิทยาลัยแห่งอื่นต่างก็รายงานสถานการณ์ทางโทรศัพท์ เนื่องจากไม่สามารถกลับไปที่มหาวิทยาลัยของตนเองได้ในทันที

ทุกคนที่รายงานสถานการณ์ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก แล้วพวกเขาก็ได้เริ่มพัฒนาแผนการต่าง ๆ และส่งกลับไปที่มหาวิทยาลัยของตนเองอย่างรวดเร็ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่มหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เริ่มโครงการ แต่พวกเขาก็ตั้งเป้าที่จะเป็นมหาวิทยาลัยหนึ่งในสามแห่งที่เริ่มโครงการก่อนมหาวิทยาลัยที่เหลือ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

คณบดีจากมหาวิทยาลัยทั้งแปดก็ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับโครงการฝึกงานของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมา รวมถึงสถานการณ์ที่สำคัญ ๆ กลับไปที่มหาวิทยาลัยของตนเอง

เนื่องจากพวกเขาได้โทรศัพท์ไปเล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ล่วงหน้าแล้ว ทำให้ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเหล่านั้นได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว ทันทีที่เอกสารมาถึง พวกเขาก็ได้จัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการฝึกงานทันที

ณ ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนฮุ่ยโจว

“ตามรายงานนี้ งานพบปะพูดคุยของอาจารย์กับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง ดูแล้วเป็นงานที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย!”

อธิการบดีสูงวัยอุทานออกมาขณะที่กำลังอ่านเอกสาร “ฉันคาดไม่ถึงว่าข้อเสนอที่สร้างสรรค์แบบนี้จะมาจากนักศึกษาปีหนึ่ง”

“มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงบังเอิญได้ผู้มากความสามารถไปแล้วสิ!” อธิการบดีสูงวัยที่ดูเป็นมิตรในชุดสูทแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยรอยยิ้ม

“มันเป็นแค่การเสนอเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความสามารถที่เก่งกาจอะไรขนาดนั้น” คณบดีคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ในฐานะคณบดี เขาจะยอมรับผลงานของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกของผู้บริหารระดับสูงแล้ว เขาก็ไม่เคยคิดโครงการฝึกงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อนเลย แต่มันกลับถูกเสนอโดยอธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์จีนเจียงจิง และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฟางชิว

ถ้ายอมรับผลงานของฟางชิว ก็จะเป็นการยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถน่ะสิ

“ไม่ใช่แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ สิ แต่เสนอทุกอย่างในโครงการเลย” อธิการบดีสูงวัยส่ายหัวเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “นอกจากโครงการฝึกงานแล้ว นักศึกษาฟางชิวยังเสนอเรื่องเพิ่มเติมอีกสามข้อ สองข้อแรกเกี่ยวกับการจัดระเบียบการสัมภาษณ์ของนักศึกษา สองข้อแรกนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดถึง แต่ข้อสุดท้ายดีมาก”

“แล้วมันคืออะไร” คณบดีคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา

“ข้อที่สามคือกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับผลการศึกษาของนักศึกษาทุกคน” อธิการบดีสูงวัยคนเดิมอธิบายเพิ่มว่า“นักศึกษาคนนี้แนะนำให้มหาวิทยาลัยจำกัดเวลาของนักศึกษาในการสัมภาษณ์กับอาจารย์ และให้นักศึกษาที่มีคะแนนแปดสิบห้าหรือสูงกว่าสามารถฝึกงานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้นักศึกษาบางคนตั้งเป้าหมายเอาไว้สูงเกินไปหากยังไม่มีพื้นฐานที่มั่นคง แล้วถ้านักศึกษาคนไหนทำคะแนนออกมาไม่ดีในการสอบครั้งต่อไป อาจารย์ก็สามารถไล่พวกเขาออกจากการเป็นเด็กฝึกงานได้ทันที”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ดวงตาทุกคนในห้องประชุมก็เปล่งประกายขึ้นมา

คณบดีคนที่เอ่ยแย้งก่อนหน้านี้รู้สึกอับอายขึ้นมาทันที เพราะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย

กฎที่เข้มงวดนี้ฟังดูรุนแรงมาก แต่จริง ๆ แล้วมันกระตุ้นนักศึกษาได้ดีเลยทีเดียว หากพวกเขาพยายามเรียนอย่างเต็มที่ ผลงานโดยรวมของมหาวิทยาลัยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

และย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับมหาวิทยาลัย

“ฟางชิวคนนี้ไม่ธรรมดาเลย” อธิการบดีสูงวัยชราถอนหายใจ “น่าเสียดายที่เขาไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยของเรา ไม่เช่นนั้นโอกาสดี ๆ แบบนี้จะต้องเป็นของพวกเรา”

“ท่านอธิการบดีครับ แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี” คณบดีคนหนึ่งเอ่ยถามออกมา

“นั่นสิ พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?” อธิการบดีสูงวัยทวนคำถามซ้ำ

“พวกเราจะทำอะไรได้ นอกจากไปจัดการเริ่มโครงการฝึกงานเดี๋ยวนี้เลย!”

อธิการบดีสูงวัยตัดสินใจและพูดอย่างเด็ดขาดว่า

“ติดต่ออาจารย์ที่มีประสบการณ์ของพวกเราและโน้มน้าวพวกเขาให้กลับมาสอนน่ะสิ ถ้ามหาวิทยาลัยอื่นทำเรื่องนี้ชั่วคราวก็ดีสิ พวกเราต้องดำเนินการตามแผนของโครงการฝึกงานให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด อย่าปล่อยให้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงผูกขาดความสนใจเอาไว้ที่เดียวได้ พวกเราต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่เจ้าแรก แต่พวกเราจะทำเป็นเจ้าสุดท้ายไม่ได้!”

ณ ห้องประชุมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย

“ฉันไม่นึกเลยว่าโครงการฝึกงานนี้มันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้”

สมาชิกอาวุโสคนหนึ่งของฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยที่ยืนอยู่ที่ข้างโต๊ะประชุมได้ยื่นเอกสารที่เพิ่งได้รับมาให้กับอธิการบดี จากนั้นจึงกล่าวว่า “ดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยของพวกเราก็ควรจะรีบดำเนินโครงการนี้เช่นกันนะครับ”

“ส่งหนังสือแจ้งออกไป จะได้แนะนำโครงการฝึกงานให้กับนักศึกษาทุกคน รีบติดต่ออาจารย์ของพวกเราที่เกษียณไปทันที ต้องโน้มน้าวให้พวกเขามีส่วนร่วมกับโครงการนี้ให้ได้” หลังจากอ่านรายงานแล้วอธิการบดีก็ออกคำสั่งมา

จากนั้นอธิการบดีก็กล่าวเสริมว่า “อย่าลืมจับตาดูนักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่ชื่อฟางชิวด้วย ไปตรวจสอบดูสิว่าเขาอยู่ในรายชื่อของผู้เข้าแข่งขันไหม”

“หา? ฟางชิวเป็นน้องใหม่เหรอครับ?” คณบดีถามออกมาด้วยความประหลาดใจ ในตอนแรกเขาก็ตกใจมากที่รู้ว่าโครงการฝึกงานนี้ถูกเสนอจากนักศึกษาคนหนึ่ง โดยที่เขาไม่คิดว่าฟางชิวคนนี้จะเป็นแค่น้องใหม่

“ถูกต้อง” อธิการบดีพยักหน้าและกล่าวว่า “นักศึกษาคนนี้ได้เสนอคำแนะนำเพิ่มเติมให้กับรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงด้วย และผู้บริหารที่นั่นก็ทำตาม อีกไม่นานก็จะถึงงานแข่งขันความรู้ของน้องใหม่แล้ว ถ้าเขาไม่มีพรสวรรค์จริง ๆ เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยคงไม่เอาจริงเอาจังกับนักศึกษาคนนี้มากนักหรอก แล้วถ้าเกิดว่าเขาอยู่ในรายชื่อการแข่งขันละก็ ฉันเกรงว่างานแข่งขันปีนี้มันจะไม่ง่ายเหมือนปีก่อน”

ในเวลาเดียวกัน มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งอื่น ๆ ก็ได้จัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการฝึกงานเช่นเดียวกัน

หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนทั้งแปดแห่งก็ได้ออกมาประกาศความเคลื่อนไหวและเริ่มดำเนินโครงการฝึกงานในทันที เป็นเหตุให้สถานศึกษาเหล่านี้ยุ่งอยู่กับการติดต่ออาจารย์ที่มีประสบการณ์กับการประชาสัมพันธ์

เพราะการเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศจึงตื่นตระหนก

หลังจากอ่านรายงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเหล่านั้นก็ตกตะลึงในทันที เพราะพวกเขาเพิ่งรู้ว่าข่าวลือที่เคยได้ยินมันเป็นเรื่องจริง

แล้วโครงการฝึกงานนี้มันก็อาจจะกลายเป็นเทรนด์!

“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!”

“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทุกแห่งในประเทศนี้จะมีการฝึกงานแล้ว”

“การฝึกงานจะเป็นเทรนด์แล้ว!”

พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องที่ได้รู้

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศจึงเริ่มจัดการอภิปรายทันที

เมื่อเริ่มต้นการอภิปราย ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการฝึกงานก็ถูกส่งไปยังผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว

จากนั้นชื่อของฟางชิวก็กลายเป็นที่รู้จักของผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนหลายแห่งทั่วประเทศ

เช่นเดียวกับคณบดีของมหาวิทยาลัยทั้งเจ็ดแห่ง ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเหล่านี้รู้สึกทึ่งเมื่อพบว่านักศึกษาใหม่มีไอเดียที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชื่อของฟางชิวได้สร้างความประทับใจให้กับคณบดีมหาวิทยาลัยเหล่านี้มากแค่ไหน

ขณะที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมโครงการฝึกงานของตนเอง การสัมภาษณ์ในมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ฟางชิวยังคงเดินไปเดินมาในสนามกีฬาพลางสังเกตวิธีการรักษาของอาจารย์เหล่านั้นไปด้วย

อาจเป็นเพราะความอลังการของงาน สวีเมี่ยวหลินจึงเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย

“อาจารย์สวี อาจารย์มาได้ยังไงครับ?” เห็นสวีเมี่ยวหลิน ฟางชิวก็เดินไปทักทายเขาทันที

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท