คุรุการแพทย์ – บทที่ 126 เสมอกัน

คุรุการแพทย์

บทที่ 126 เสมอกัน

บทที่ 126 เสมอกัน

“อะไรนะ?!”

“ห้าสิบคน?!” หานเจิ้นตกตะลึง เหตุผลที่เขาถามถึงจำนวนคนไข้ของฟางชิวนั้น เพราะเขาเห็นว่าฟางชิวทำงานแค่วันเดียว แต่กลับได้รับคะแนนโหวตมากมาย

คะแนนโหวตของสัปดาห์ที่แล้วถูกล้างไปแล้ว และคะแนนเสียงของคนไข้หนึ่งคนสามารถนับเป็นหนึ่งเสียงเท่านั้น ด้วยสาเหตุนี้เอง มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ฟางชิวจะรักษาคนไข้ได้ถึงหนึ่งร้อยคนเพื่อให้ตัวเองได้คะแนนโหวตห้าสิบเสียง

เป็นไปได้ไหมที่ฟางชิวจะตรวจคนไข้หนึ่งร้อยคนต่อวัน?

เมื่อหานเจิ้นได้ยินจำนวนคนไข้ของฟางชิวจากปากของแพทย์ฝึกหัด เขาก็ตกใจมาก

คะแนนโหวตของคนไข้หนึ่งคนสามารถนับเป็นหนึ่งเสียงเท่านั้น ในความเห็นของเขา สิ่งที่ฟางชิวกำลังทำอยู่ตอนนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ ฟางชิวได้รับการโหวตจากคนไข้ทุกคน!

มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!

“ฟางชิวคงจะไม่ได้ปลอมคะแนนโหวตขึ้นมาใช่ไหม?” แพทย์ฝึกหัดกระซิบถามด้วยความทึ่ง

“เป็นไปไม่ได้” สีหน้าของหานเจิ้นมืดคล้ำลง เขาส่ายหัวก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มีคนจำนวนมากกำลังจับตาดูเขาอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าเขาต้องการจะโกง เขาจะกล้าปลอมคะแนนขึ้นมาได้ยังไง”

“ก็จริง” แพทย์ฝึกหัดพยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวเสริมว่า “ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ ฉันเลยพยายามไปห้าข้อมูลเพิ่ม ฉันถึงได้รู้ว่าคนไข้ของฟางชิวแต่ละคนมาจากการแนะนำของคนไข้รายเก่า”

“ฟางชิวเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริง ๆ…” หานเจิ้นกระซิบออกมาเบา ๆ

ทันใดนั้น

ก๊อก! ก๊อก!

พยาบาลวัยสามสิบเป็นผู้เคาะประตู เธอเคาะเสร็จก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนไข้

“หืม?” หานเจิ้นเงยหน้าขึ้น แล้วก็พบว่าคนที่เขาคุ้นเคยกำลังเดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องตรวจ

ผู้ชายคนนี้เป็นคนไข้รายเก่าของหานเจิ้น คนไข้รายนี้จะมารักษากับเขาทุกครั้งและจะโหวตคะแนนให้เขาทุกครั้งด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รักษาให้ไม่ดี แต่เป็นเพราะนิสัยการดำรงชีวิตของคนไข้รายนี้แย่มากต่างหาก ปัญหาสุขภาพจึงมากมายขนาดนี้

หานเจิ้นรีบมองดูนาฬิกาของเขาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก

เหลือหนึ่งนาทีสุดท้าย แม้มันจะเป็นเพียงนาทีเดียว แต่เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ครั้งนี้เขาชนะแล้ว!

หลังจากตรวจคนไข้รายนี้เสร็จ เขาก็จะได้รับคะแนนโหวตอันล้ำค่าอีกหนึ่งคะแนน นี่จึงทำให้หานเจิ้นมั่นใจมากว่าเขาจะเอาชนะฟางชิวได้

หานเจิ้นรีบไปตรวจคนไข้ทันที แต่อารมณ์ของเขาก็ดีผิดปกติ ดีจนทำให้คนไข้รู้สึกมึนงงไม่น้อย

เมื่อรักษาคนไข้แล้ว หานเจิ้นก็เดินออกมาส่งคนไข้ ระหว่างนั้นเขาก็ได้ขยิบตาให้แพทย์ฝึกหัดที่อยู่ข้าง ๆ

แพทย์ฝึกหัดจึงตามคนไข้ออกไปทันที แม้ว่าจะเป็นเวลาเลิกงาน แต่หานเจิ้นก็ยังไม่กลับบ้าน เขายังคงอยู่ในห้องตรวจเพื่อรอดูคะแนนโหวต

สองนาทีต่อมา

“หมอหาน” แพทย์ฝึกหัดวิ่งเข้ามาและพูดกับหานเจิ้นด้วยใบหน้าที่มีความสุข “คนไข้โหวตแล้วครับ”

“ยอดเยี่ยม!” หานเจิ้นยิ้มอย่างเจิดจ้าและถามว่า “ตอนนี้ฉันมีคะแนนโหวตเท่าไหร่?”

“ห้าสิบเอ็ดครับ” แพทย์ฝึกหัดตอบกลับ

“แล้วฟางชิวล่ะ?” หานเจิ้นถามด้วยความกังวล เพราะเขายังไม่มั่นใจอยู่

“ห้าสิบเหมือนเดิม” แพทย์ฝึกหัดตอบกลับ เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเจิ้นก็หัวเราะออกมาทันที

เขาหัวเราะจนพอใจ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก “ฉันมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่เขามีเวลาแค่บ่ายวันเดียวเท่านั้น ถึงชัยชนะนี้มันจะไม่น่าภูมิใจ แต่ความจริงก็คือความจริง ยังไงซะฉันก็ชนะแล้ว! สัปดาห์ก่อนเขาชนะฉัน แต่สัปดาห์นี้ฉันจะเอาชนะเขา!” หานเจิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ไม่มีร่องรอยของความละอายบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ใช่แล้ว!” แพทย์ฝึกหัดเปิดปากพูดทันที “รุ่นพี่ได้รับการยอมรับว่าเก่งที่สุดในหมู่แพทย์รุ่นเดียวกัน ผมมาฝึกงานที่นี่ก็เพราะชื่อเสียงของรุ่นพี่ ส่วนฟางชิวยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลย จะมาเทียบรุ่นพี่ได้ยังไง”

“พูดแบบนั้นไม่ได้สิ” หานเจิ้นส่ายหัวพลางยิ้มออกมาอีกรอบ “ฟางชิวสามารถวินิจฉัยคนไข้ได้ห้าสิบคนในหนึ่งวัน ถือว่าน่าทึ่งเลยทีเดียว”

“ใช่ใช่” แพทย์ฝึกหัดพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “หมอฟางชิวยอดเยี่ยมมาก แต่รุ่นพี่ยอดเยี่ยมกว่า”

หานเจิ้นหัวเราะลั่น ใด ๆ ใครเล่าจะไม่ชอบแพทย์ฝึกหัดที่รู้จักประจบสอพลอ

แพทย์ฝึกหัดคนนี้มีอนาคตที่สดใสแน่นอน!

“ไปกันเถอะ!” หลังจากหัวเราะแล้ว หานเจิ้นก็กล่าวว่า “ไปที่แผนกกระดูกและข้อ ไปหาหมอฟางชิวกัน”

“ครับ” แพทย์ฝึกหัดพยักหน้าเห็นด้วย

จากนั้นทั้งสองคนก็ได้ถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดทางการแทน จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากห้องตรวจเพื่อไปยังแผนกกระดูกและข้อที่อยู่บนชั้นเจ็ด

เมื่อพวกเขามาถึงชั้นเจ็ด พวกเขาก็ได้พบกับเฉาเจ๋อที่เพิ่งเลิกงาน

“หมอหาน?” เมื่อเห็นหานเจิ้น เฉาเจ๋อก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แล้วทันทีที่เฉาเจ๋อนึกถึงการแข่งขันระหว่างหานเจิ้นกับฟางชิว เขาก็เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายในวันนี้ได้ทันที

แน่นอนว่าเฉาเจ๋อย่อมเป็นคนกลางในการแข่งขันของทั้งสองคน สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าใครจะชนะ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่ในฐานะคนของแผนกกระดูกและข้อ เฉาเจ๋อก็ต้องสนับสนุนฟางชิวอยู่ดี

“ไง เฉาเจ๋อ!” หานเจิ้นทักทายเฉาเจ๋อพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “นายได้เรียนรู้จากหมอเสิ่นชุนอย่างนี้ อีกไม่นานคงทำงานในโรงพยาบาลเต็มตัวแล้วสิ”

“พูดแบบนั้นก็เร็วไปครับ ยังไงซะก็ต้องผ่านการทดสอบก่อนเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลอยู่ดี” เฉาเจ๋อยิ้มตอบ

“สำหรับนายแล้ว เรื่องทดสอบไม่น่าจะยากนะ” หานเจิ้นกล่าวยิ้ม ๆ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและถามว่า “แล้วหมอเสี่ยวฟางจากแผนกนายล่ะ อยู่ที่ไหนแล้ว?”

“เขายังอยู่ในห้องตรวจอยู่เลย” เฉาเจ๋อตอบตามความจริง

“เขายังอยู่ในห้องตรวจ?” หานเจิ้นตกใจและถามอย่างสงสัย “นี่ไม่ใช่เวลาเลิกงานแล้วเหรอ? ทำไมเขาถึงยังอยู่ห้องตรวจอีกล่ะ?” ขณะที่ถาม ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็ปรากฏขึ้นในใจของหานเจิ้น

ฟางชิวยังอยู่ในห้องตรวจ! เขากำลังวินิจฉัยคนไข้รายที่ห้าสิบเอ็ดหรือเปล่า?

นี่จะไม่เท่ากับว่า คะแนนมันจะเสมอกันหรือ?

“ไม่รู้สินะครับ!” เฉาเจ๋อส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดว่า “ครึ่งนาทีก่อนหมอเสี่ยวฟางก็จะเลิกงานแล้ว แต่จู่ ๆ เขาก็มีคนไข้เพิ่ม เสื้อผ้าของคนไข้น่ะขาดรุ่งริ่ง แถมมายืนรอถึงหน้าห้องตรวจแล้ว หมอเสี่ยวฟางเลยปฏิเสธไม่ได้ เขาก็เลยต้องทำงานต่อ”

“ครึ่งนาทีที่แล้ว?” หานเจิ้นขมวดคิ้ว

“ใช่” เฉาเจ๋อพูดพลางขมวดคิ้ว “แต่วันนี้หมอเสี่ยวฟางทำงานได้รวดเร็วมาก เขาวินิจฉัยคนไข้หนึ่งรายใช้เวลาแค่สามถึงสี่นาที แต่ว่านี่ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีแล้ว คนไข้ยังไม่ออกมาเลย”

อันที่จริงเฉาเจ๋อก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน เขาและฟางชิวสังกัดแผนกกระดูกและข้อ ห้องตรวจของพวกเขาจึงอยู่ใกล้กันมาก ตั้งแต่วันแรกที่ฟางชิวเริ่มทำงาน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟาวชิงก็จะอยู่ในสายตาของเฉาเจ๋อเสมอ เรียกว่าเขารู้ทุกอย่างที่เป็นเรื่องของฟางชิวก็กว่าได้

วันนี้ฟางชิววินิจฉัยคนไข้ได้ห้าสิบราย โดยใช้เวลารักษาคนไข้เกือบทั้งหมดแค่สองถึงสามนาทีเท่านั้น ถึงจะมีคนไข้ไม่กี่รายที่ต้องใช้เวลารักษาถึงห้านาที แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่คนไข้ไม่ได้ออกมาหลังจากที่ผ่านไปแล้วสิบนาที

หานเจิ้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล ยิ่งฟางชิวใช้เวลาวินิจฉัยคนไข้นานเท่าไร เขาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันมีแนวโน้มว่าฟางชิวจะทำให้คนไข้พึงพอใจได้

คนไข้จะลงคะแนนให้ฟางชิวแน่ ถ้าเขาชื่นชอบฟางชิว

คะแนนโหวต 51 ต่อ 51 นี้ มันไม่บังเอิญเกินไปหรอกหรือ?

“หมอหาน อยากดูไหม” เฉาเจ๋อรู้จุดประสงค์ของหานเจิ้น เขาจึงลองเชิญหานเจิ้นไปด้วยกัน

หานเจิ้นพยักหน้าตกลง จากนั้นทั้งสามคนก็ไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องรอตรวจ

เมื่อมองไปที่เตียงในห้องตรวจ ร่างชายวัยกลางคนสกปรกสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนนั้น

ขณะที่ยืนอยู่หน้าเตียง ฟางชิวก็ไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าของชายวัยกลางคนจะสกปรกหรือไม่ เขาวางมือลงบนกระดูกสันหลังของชายคนนั้นตรง ๆ และสัมผัสอย่างระมัดระวังจากบนลงล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ด้วยพลังสัมผัสสัมบูรณ์ของฟางชิวแล้ว ชายหนุ่มจึงสัมผัสได้ถึงสภาพร่างกายของคนไข้และสาเหตุของโรคได้อย่างง่ายดาย แต่อาการของคนไข้รายนี้สาหัสจนเกินไป

กระดูกสันหลังของคนไข้รายนี้เคลื่อนเกือบทั้งหมด ถ้าตามสถานการณ์ปกติแล้ว คนไข้รายนี้จะต้องมีอาการอัมพาตครึ่งซีก

ทว่าคนไข้รายนี้กลับสามารถพยุงร่างกายมาโรงพยาบาลเพื่อมารับการรักษาได้ ในสายตาของแพทย์คนอื่น ๆ แล้วนี่ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ แม้แต่ฟางชิวก็ยังประหลาดใจ

นั่นเป็นเหตุผลที่ฟางชิวพยายามสัมผัสกระดูกอย่างระมัดระวัง เพราะเขาไม่อยากพลาดจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป

ทางด้านของชายวัยกลางคนที่กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง เขาปล่อยให้ฟางชิวสัมผัสกระดูกของเขาอย่างเงียบ ๆ

หากสังเกตเสื้อผ้าของคนไข้รายนี้ดี ๆ ก็จะพบว่าเสื้อผ้าที่สวมนั้นเก่าซอมซ่อ แต่ก็ไม่ได้สกปรก เป็นเพราะว่าไม่ได้สระผมเป็นเวลานานก็เลยทำให้ดูไม่ค่อยสะอาด

นอกจากผมที่มันเยิ้มและสกปรกแล้ว คนไข้รายนี้ก็ยังมีเคราที่ไม่ได้โกนมาเป็นเวลานานอีกด้วย รูปร่างของเขาก็ผอมบางอีกต่างหาก

ฟางชิวหยุดการรักษาและหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากที่สัมผัสอย่างระมัดระวังมาหลายรอบแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจอาการป่วยทั้งหมดของคนไข้รายนี้ นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เพราะคนไข้รายนี้มีอาการสาหัสมาก

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฟางชิวจึงตัดสินใจให้สิทธิ์คนไข้เลือกว่าจะรักษาอย่างไร

“อาการป่วยของคุณค่อนข้างรักษายาก มีทางเลือกในการรักษาอยู่สองทาง หนทางแรกคือการรักษาแบบรวดเดียว ส่วนหนทางที่สองคือแบ่งการรักษาออกเป็นหลายรอบ”

“การรักษาแบบรวดเดียวจะเจ็บปวดมาก เพราะกระดูกสันหลังของคุณเคลื่อนมากเกินไป การเคลื่อนของกระดูกจะต้องได้รับการจัดให้เข้าที่ทั้งหมด แต่ถ้าคุณแบ่งการรักษาออกเป็นหลายรอบ ความเจ็บปวดก็จะกระจายออกไปอย่างเท่า ๆ กัน”

“รักษาฉันแบบรวดเดียวเถอะ” ชายวัยกลางคนตอบไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันมีเงินไม่มากหรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางชิวก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ไม่มีปัญหา!”

“แต่คุณต้องอดทนไว้ แล้วแจ้งให้ผมทราบทันทีถ้าทนไม่ไหว” คนไข้ได้ยินแล้วก็ยิ้มพลางพยักหน้า

จากนั้น ฟางชิวก็วางมือบนกระดูกสันหลังส่วนบนของคนไข้ หลังจากนั้นเขาก็จัดกระดูกอยู่สักพัก

ความจริงแล้วการจัดกระดูกสันหลังส่วนบนไม่ได้ทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าการจัดกระดูกในตำแหน่งนี้จะส่งผลต่อกระดูกซี่โครง และเมื่อกระดูกซี่โครงขยับ คนไข้ก็จะรู้สึกเจ็บอย่างยิ่ง

และความเจ็บปวดนั้นก็ยากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับไหว

ฟางชิวกังวลว่าคนไข้จะทนความเจ็บไม่ไหว

“ระบายออกมาเถอะครับ มันจะได้ไม่เจ็บมาก” ฟางชิวถอนหายใจแล้วพูดออกมาในที่สุด

“เรื่องของฉันมันไม่น่าฟังเท่าไหร่” คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงตอบด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ

“ทุกคนล้วนมีเรื่องราว และผมมั่นใจว่าคุณก็มีเหมือนกัน คุณระบายให้ผมฟังได้เลย ผมเต็มใจฟัง” ฟางชิวกล่าว เพราะตอนที่สัมผัสกระดูกของคนไข้รายนี้ เขาก็รู้สึกว่าคนไข้รายนี้มีเรื่องราวน่าเจ็บปวดในอดีต อีกอย่าง เขารู้สึกถึงพลังแห่งความดีในตัวคนไข้ เขาจึงอยากรู้เรื่องราวของคนไข้รายนี้มาก

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง คนไข้ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้าด้วยความปลงตก “ก็ได้”

จากนั้นคนไข้ก็ถามฟางชิวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “หมอคิดว่ามนุษย์จะเลวได้มากแค่ไหน”

“ไม่รู้สิ” ฟางชิวส่ายหัวและพูดว่า “เพราะผมไม่เคยเจอใครที่ชั่วร้ายได้ขนาดนั้น”

ตอนยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม ฟางชิวไม่ได้เข้าสังคมมากนัก คนที่ชั่วร้ายที่สุดที่เขาเคยเจอก็คือเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายที่มีนิสัยนักเลง เพราะเพื่อนร่วมชั้นคนนี้รังแกเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ สุดท้ายจึงถูกเขาเล่นงานกลับไป

ส่วนคนอื่น ๆ ก็คงจะเป็นคนที่โกงค่าสมุนไพรระหว่างที่เขาเดินทางไปภูเขาไท่ซาน

“ฮ่า ๆ” คนไข้วัยกลางคนหัวเราะออกมาอย่างเศร้า ๆ แล้วพูดว่า “ก็มีแล้วคนหนึ่ง คนอยู่ที่ตรงหน้าหมอนี่ไง”

พบจบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

กร๊อบ!

ฟางชิวพยายามบังคับให้กระดูกสันหลังส่วนบนซี่แรกของคนไข้กลับเข้าที่

“โอ๊ย…” คนไข้ร้องคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด กล้ามเนื้อและร่างกายของเขาที่กำลังผ่อนคลายอยู่ตึงขึ้นในทันใด

“นี่แค่ครั้งแรกนะครับ ครั้งต่อไปจะเจ็บมากกว่านี้ คุณยังแน่ใจอยู่ใช่ไหมว่าไม่ต้องการแบ่งการรักษาออกเป็นหลายรอบจริง ๆ” ฟางชิวถามด้วยความเป็นห่วง

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท