คุรุการแพทย์ – บทที่ 132 ถูกเกลี้ยกล่อมให้เข้าร่วมแข่งขันกีฬา!

คุรุการแพทย์

บทที่ 132 ถูกเกลี้ยกล่อมให้เข้าร่วมแข่งขันกีฬา!

บทที่ 132 ถูกเกลี้ยกล่อมให้เข้าร่วมแข่งขันกีฬา!

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฟางชิวก็กดเข้าสู่โพสต์

ในขณะเดียวกัน ในหอพักอันเงียบสงบของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง นักศึกษาชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงสแล็ก และสวมแว่นตากำลังดูรายชื่ออยู่หน้าแล็ปท็อปเช่นกัน

“ใครจะไปคิดว่า นอกจากฉันแล้วยังมีคนที่ได้คะแนนเต็มอีกงั้นเหรอ?”

เขามองไปยังรายชื่อพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาจับจ้องอยู่ที่รายชื่อบรรทัดที่สอง

ชื่อนั้นหาใช่ใครอื่น มันคือชื่อของเขา จ้าวเหยียนเฉิง

ดูเหมือนว่าสาเหตุของความไม่พอใจนั้นคือชื่อของเขาไม่ใช่รายชื่อลำดับที่หนึ่ง

“ฟางชิว?”

จ้าวเหยียนเฉิงจับจ้องไปยังรายชื่อลำดับที่หนึ่งพลางเอ่ยพึมพำ “คนที่เสนอเรื่องโครงการฝึกงานสินะ?”

“หึ! คิดว่าที่เสนอไปจะออกมาดีอย่างที่ปากว่าเหรอ?”

“คราวนี้ฉันจะทำให้นายรู้ว่าใครคืออัจฉริยะที่แท้จริง!”

หลังจากรายชื่อนักศึกษาใหม่ที่ผ่านเข้าแข่งขันถูกประกาศออกมา เรื่องนี้ก็กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย

ไม่เพียงนักศึกษาใหม่ปีหนึ่งเท่านั้น แต่นักศึกษาชั้นปีอื่น ไปจนถึงรุ่นพี่ปีสี่ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้

“การทดสอบรอบนี้มีคนได้คะแนนเต็มสามคนเลยเหรอ?”

“ข้อสอบยากมากเลยนะ แต่มีคนได้คะแนนเต็มถึงสามคน แล้วยังมีตัวสำรองที่ได้คะแนนมากกว่าเก้าสิบคะแนนอีกสองคนอีก รุ่นน้องพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย!”

“ฮ่า ๆ สมเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิงของพวกเรา!”

“อย่าเพิ่งรีบยกยอเด็กพวกนั้นไป คะแนนพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรนักหรอก สิ่งสำคัญคือผลการแข่งขันต่างหาก อย่าลืมสิว่าผลการแข่งขันครั้งล่าสุด มหาวิทยาลัยของเราตกลงไปอยู่อันดับสองจากสุดท้าย แค่นึกก็อายแล้ว!”

“นั่นสิ หวังว่านักศึกษาใหม่รุ่นนี้จะกอบกู้และรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยของเราไว้ได้”

“จะเหลือเร้อชื่อเสียงน่ะ”

“ฉันว่านี่เป็นโอกาสที่ดีนะ ยังไงผลการแข่งขันครั้งที่แล้วแย่เกินไป น้องใหม่ปีนี้เลยไม่ต้องกดดัน ถ้าผลออกมาไม่ดีก็ยังมีผลคะแนนปีก่อนเป็นฟูกรองรับ แต่ถ้าทำได้ดีจริง ๆ พวกเขาจะเป็นฮีโร่กอบกู้ชื่อเสียงคืนสู่มหาวิทยาลัย…”

ในหอพัก

“อันดับหนึ่ง?”

ฟางชิวกดโพสต์เพื่อหารายชื่อนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย เขาจึงพบว่าเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยได้อันดับหนึ่ง อีกทั้งยังได้คะแนนเต็มด้วยเช่นกัน

เห็นแล้วฟางชิวก็อดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยถึงบอกว่าพวกเขาจะได้พบกันอีก

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย

แสดงความยินดีด้วยสักหน่อยแล้วกัน

“[ฟางชิว?]”

เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์

“สมแล้วที่เป็นเด็กเทพ ได้อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยอีกแล้ว ยินดีด้วย”

ฟางชิวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

[น่าจะเป็นฉันที่ต้องแสดงความยินดีกับนายหรือเปล่า?]

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “[การแข่งขันของมหาวิทยาลัยนายเข้มข้นกว่ามหาลัยฉันมาก คู่แข่งก็เยอะ แต่นายก็ยังได้อันดับหนึ่ง คะแนนเต็มอีกต่างหาก ใครจะทำได้เหมือนนายบ้าง เวลาแข่งขันก็ออมมือให้ฉันหน่อยล่ะ!]”

“วางใจเถอะ” ฟางชิวเอ่ย “ถึงตอนนั้น ฉันจะทำให้เธอร้องไห้กลับไปแน่นอน”

“[หึ!]”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยส่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ ก่อนเอ่ยตอบ

“[ใครกันแน่ที่จะร้องไห้!]”

ณ หอพักนักศึกษาหญิง มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง

“การจัดลำดับรายชื่อนี้คงขึ้นอยู่กับเวลาที่ส่งคำตอบ”

เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ เห็นว่าตนเองได้อันดับหนึ่งร่วมกับฟางชิวและจ้าวเหยียนเฉิง แต่ลำดับต่างกัน เจียงเหมี่ยวอวี๋จึงพึมพำเบา ๆ และเมื่อสายตาตกอยู่ที่ชื่อของฟางชิว รอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ดูอยู่สักพัก เจียงเหมี่ยวอวี๋จึงกดออกจากโพสต์

เมื่อกวาดสายตาไล่ลงไปในหน้าเว็บบอร์ด เธอก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ

“อับดับรายชื่อของอีกแปดมหาวิทยาลัย?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋กดเข้าไปทันที

“เมิ่งเจี๋ยก็ได้อันดับหนึ่งเหมือนกัน?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋ค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นชื่อของเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย แม้จะรู้ว่าเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเช่นกัน แต่ใครกันคาดคิดว่าความสามารถของเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยจะดีไม่น้อย

หญิงสาวรู้สึกยินดีกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย เพราะถึงอย่างไรก็เคยคุยกันอย่างถูกคอ เธอเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรไปแสดงความยินดี

แต่เมื่อโทรไป กลับมีสายซ้อนอยู่

เธอเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้

เจียงเหมี่ยวอวี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโทรหาฟางชิว

เป็นดั่งคาด มีสายซ้อนอยู่เช่นกัน

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ รอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขมขื่น

อีกด้าน ฟางชิวคุยกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยสักพักก็วางสาย ขณะที่เขากำลังจะปิดแล็ปท็อปของซุนฮ่าว เขาก็ได้รับข้อความ

“เจียงเหมี่ยวอวี๋?”

หลังจากอ่านข้อความ ฟางชิวจึงทราบว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋โทรหาเขา

เขาไม่ได้คิดอะไรมากนักเลยโทรกลับไปทันที

ตู๊ด…

ถึงเขาจะโทรติด แต่เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ไม่ได้รับสาย

ส่วนฝั่งหอพักหญิง เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็พลันดังขึ้น พอเหลือบตามองไปที่หมายเลขบนหน้าจอ เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็เม้มปาก ไม่มีท่าทีสนใจจะหยิบขึ้นมา

“เจียงเหมี่ยวอวี๋ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?”

หยวนเป้ยที่กำลังแต่งหน้าอยู่อีกมุมหนึ่ง หันมามองเจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไร” เธอยิ้มพร้อมเอ่ยต่อ “เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักน่ะ”

“อ้อ”

หยวนเป้ยพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วหันกลับไปแต่งหน้าต่อ

อีกด้าน ฟางชิวโทรไปสามครั้งติดต่อกันแต่ไม่มีใครรับสาย เขาจึงจำต้องวางสายอย่างไม่มีทางเลือก จากนั้นก็ไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปเรียน

เมื่อมาถึงห้องเรียน ฟางชิวก็กวาดสายตาหาจูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียน

“เป็นยังไงบ้าง”

เมื่อเขาเดินมาถึงทั้งสามคน ฟางชิวก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ได้เจอเขาไหม?”

ทั้งสามมองหน้ากันพลางส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง

“เห็นว่าเขาลางาน ไม่กลับมาในสองสามวันนี้” จูเปิ่นเจิ้งกล่าวด้วยความเสียดาย

“ทำไมต้องมาลางานช่วงนี้ด้วยนะ?”

โจวเสี่ยวเทียนขมวดคิ้วพลางคว่ำริมฝีปาก

“หรือนี่คือการลงโทษจากสวรรค์?” ซุนฮ่าวมองขึ้นไปบนฟ้าพลางถอนหายใจ

แต่ฟางชิวกลับยิ้มออกมา “ไม่ใช่การลงโทษจากสวรรค์หรอก แต่เป็นการบันดาลจากสวรรค์ต่างหาก พูดให้ถูกคือโอกาสของพวกนายมาถึงแล้ว!”

ได้ยินดังนั้น ทั้งสามก็ชักจะสับสน

“พูดออกมาได้ยังไง?” ซุนฮ่าวถามกลับไปทันที

“ยังต้องอธิบายอีกเหรอ?”

ฟางชิวส่ายหัวเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อ “เขาเป็นผู้ดูแลภูเขาเหยาหวัง ถ้าเขาไม่อยู่ ภูเขาเหยาหวังก็จะไร้ซึ่งคนดูแล ทำไมพวกนายไม่ใช้ประโยชน์จากการลางานของเขาไปช่วยดูแลภูเขาเหยาหวังล่ะ?”

“พวกนายลองคิดดูสิ ถ้านายดูแลภูเขาเป็นอย่างดี หลังจากที่เขากลับมา เขาจะรู้สึกยังไงกับพวกนาย?”

เมื่อทั้งสามได้ยิน ก็ราวกับมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

“ถ้าไม่ทำอะไรให้เขาประทับใจ ไปขอเข้ารับการอบรมอย่างลวก ๆ แบบนั้น เขาจะยอมรับพวกนายไหม เขารู้จักนายหรือไง?”

“ถ้าเขาประทับใจ ทำไมเขาจะไม่ยอมรับพวกนายล่ะ?”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฟางชิวก็หยุดพูดพลางมองไปที่รูมเมตทั้งสามคน

“นั่นสิ ทำไมคิดไม่ได้นะ”

ซุนฮ่าวตบโต๊ะพร้อมยกนิ้วโป้งให้ฟางชิวทันที

“ฉันมองนายไม่ผิดจริง ๆ ไอ้น้อง”

โจวเสี่ยวเที่ยวยกนิ้วโป้งให้เช่นกันพลางเอ่ยต่อ “นายคือ… ”

“หยุดเลย!”

ฟางชิวเอ่ยขัดโจวเสี่ยวเทียนที่กำลังจะพ่นคำไม่ดีออกมาในทันที

แต่โจวเสี่ยวเทียนยังคงเอ่ยออกมาว่า “นายเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในหอพักของเราจริง ๆ!”

ฟางชิวหมดคำพูด เขาก้าวไปยังที่นั่งที่ว่างอยู่ จากนั้นก็นั่งลงแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ

ทั้งสามคนที่ได้รับการชี้แนะจากฟางชิวก็เฝ้ารอเวลาที่จะได้ไปดูแลภูเขาเหยาหวังตลอดทั้งเช้า หลังเลิกเรียนก็ไปกินมื้อกลางวัน ตรงไปทำงานที่ภูเขาเหยาหวังทันทีโดยไม่มีความคิดที่จะพักกลางวันแต่อย่างใด

ฟางชิวกลับไปที่หอพักเพื่ออ่านหนังสือต่อ

ตอนบ่ายวิชาแรกคือวิชาพลศึกษา อาจารย์ผู้สอนคืออาจารย์ท่านเดิมที่เคยสอนบาสเกตบอลชื่อว่าซุนลี่

หลังจากอุ่นร่างกายเสร็จ อาจารย์จึงปล่อยให้นักศึกษาออกกำลังกายอย่างอิสระ แล้วเรียกฟางชิวให้ตามไปที่ข้างสนาม

“อาจารย์ซุน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

หลังเดินตามซุนลี่ไปจนถึงสนามหญ้าข้างสนามกีฬา ฟางชิวก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ฟางชิว ไม่คิดเลยว่าเธอจะวิ่งได้ดีขนาดนั้น”

ซุนลี่เอ่ยปากชม

ในฐานะที่เป็นอาจารย์ภาควิชาพลศึกษา เขาเคยได้ยินเรื่องความสามารถในการวิ่งของฟางชิวจากอาจารย์หม่าจากทีมกรีฑามาบ้างแล้ว

ตอนนั้น เขาประหลาดใจไม่น้อยกับสถิติของฟางชิว

ใครกันจะคาดคิดว่าในมหาวิทยาลัยและในชั้นเรียนของตนจะมีคนที่มีความสามารถขนาดนี้อยู่!

“ชินไปแล้วครับ ผมวิ่งตอนเช้าทุกวัน” ฟางชิวกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มสุภาพ

“วันนี้ที่เรียกหาเธอก็เพราะมีอยู่เรื่องหนึ่ง”

ซุนลี่เอ่ยตรง ๆ อย่างไม่ลังเลเช่นกัน “เดือนหน้านี้ จะมีการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยประจำมณฑล เธอทำผลงานได้ดีไม่น้อย ฉันอยากให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันในนามของมหาวิทยาลัย”

“โค้ชหม่าจากทีมกรีฑาขอให้อาจารย์มาเกลี้ยมกล่อมผมเหรอครับ?”

ฟางชิวเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ใช่”

ซุนลี่ไม่ปฏิเสธ เขาพยักหน้ารับและเอ่ยต่อ “การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยประจำมณฑลไม่เพียงนำชื่อเสียงมาสู่มหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วย ด้วยความสามารถของเธอ การคว้าชัยไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อถึงเวลานั้น นักศึกษาทั้งมณฑลจะรู้จักเธอ ไม่ดีเหรอ?”

“ถ้าเธอนำชื่อเสียงมาสู่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะปฏิบัติต่อเธออย่างยุติธรรม ตราบใดที่มีโอกาสได้ร่วมแข่งขันกีฬา มหาวิทยาลัยจะแนะนำเธอก่อนแน่นอน มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเธอเอง ไม่เพียงนำชื่อเสียงมาสู่มหาวิทยาลัย แต่เป็นโอกาสสร้างชื่อเสียงให้ตัวเธอเองด้วย นี่ไม่ใช่การยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรือไง?”

ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของซุนลี่ ใบหน้าของฟางชิวยังคงนิ่งเฉย

รอจนซุนลี่กล่าวจบ เขาก็ส่ายหน้าพร้อมเอ่ยคำ “ต้องขอโทษด้วยครับอาจารย์ ผมต้องเริ่มเตรียมตัวแข่งขันประกวดความรู้ทางการแพทย์แผนจีนสัปดาห์หน้า คงไม่มีเวลาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา”

การปฏิเสธนั้นตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ซุนลี่ถึงกับตกตะลึง

เขาไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้ ใครกันคาดคิดว่าฟางชิวจะปฏิเสธเขาง่าย ๆ

แม้เขาจะรู้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะมีการแข่งขันประลองความรู้ของนักศึกษาใหม่ในเร็ว ๆ นี้ แต่เขาก็ไม่รู้รายชื่อผู้เข้าแข่งขัน ไม่คาดคิดว่าฟางชิวคือหนึ่งในนั้นด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น จะเกลี้ยกล่อมทั้งทีก็ควรต้องเกลี้ยมกล่อมให้ถึงที่สุด

“แบบนี้ไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรอกเหรอ?”

ซุนลี่หัวเราะพลางเอ่ยต่อ “เรื่องการเรียน เธอเก่งมาก อาจารย์ของเธอให้ความสนใจกับเธอแน่นอน แต่ถ้าเธอสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยประจำมณฑลด้วย เธอจะกลายเป็นที่โปรดปรานของพวกผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วย”

“การแข่งกีฬาจัดทีหลัง ไม่ส่งผลอะไรกับการแข่งขันประกวดความรู้หรอก เธอทำทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กันได้แน่”

ฟางชิวส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมเอ่ยว่า “ผมก็ยังไม่อยากไปอยู่ดีครับอาจารย์”

“อย่าเพิ่งด่วนปฏิเสธสิ!”

ซุนลี่รีบเอ่ย “นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอจริง ๆ ถ้าทำผลงานในการแข่งขันกีฬาออกมาได้ดี มหาวิทยาลัยจะให้ทุกสิ่งที่ดีที่สุดแก่เธออย่างแน่นอน ไม่ว่าต้องการจะเรียนการแพทย์แผนจีนหรือเล่นกีฬา เธอจะมีอนาคตที่สดใสแน่ ลองคิดดูอีกทีเถอะ”

“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ”

เมื่อเห็นว่าซุนลี่ยังไม่ยอมแพ้ ฟางชิวจึงจำต้องเอ่ยคำ “อาจารย์ครับ ถ้าผมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโดยใช้ชื่อของผมเอง อาจารย์หม่าจะกระตือรือร้นในการเกลี้ยกล่อมผมแบบนี้ไหมครับ?”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท