คุรุการแพทย์ – บทที่ 143 สามารถโจมตีแบบนี้ได้ด้วยหรือ

คุรุการแพทย์

บทที่ 143 สามารถโจมตีแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

บทที่ 143 สามารถโจมตีแบบนี้ได้ด้วยหรือ?

เห็นดังนี้แล้ว ทุกคนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

สำหรับฟางชิว การที่เขาขึ้นสังเวียนไม่ใช่เพื่อรักษาหน้า แต่เพราะเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าผู้ฝึกยุทธ์นั้นเก่งกาจเพียงใด อย่างไรเขาก็ไม่เคยต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์มาก่อน

ดังที่กล่าวกันว่าดูหลายครั้งไม่สู้ได้สู้เพียงครั้งเดียว

บนสังเวียน

ฟางชิวแอบระงับพลังการต่อสู้ของเขาให้อยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์เพราะไม่ต้องการเปิดเผยให้มากเกินไป

ในขณะเดียวกัน พิธีกรสาวสวยที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่งก็รีบก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมเอ่ยถามฟางชิวด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษค่ะ แขกผู้มีเกียรติท่านนี้ชื่ออะไรคะ?”

“นิรนาม”

ฟางชิวเอ่ยตอบ

พิธีกรตัวแข็งค้าง

นิรนาม?

ไร้ซึ่งนามน่ะนะ?

พิธีกรสาวยิ้มอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นรัวและเอ่ยคำ “งั้นช่วยบอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณหน่อยได้ไหมคะ?”

“ไม่จำเป็น” ฟางชิวตอบปฏิเสธ

บรรยากาศกระอักกระอ่วนปกคลุมพื้นที่นั้นอีกครั้ง ใบหน้าของพิธีกรพลันเกิดริ้วสีแดงระเรื่อ ก่อนจะเหลือบมองฟางชิวพร้อมเอ่ยต่อ “ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อคุณนิรนามชอบทำตัวลึกลับ งั้นเรามาวางเดิมพันกันเลยดีกว่าค่ะ”

เมื่อกล่าวจบ บริกรทั้งสี่ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

ฝูงชนต่างวางเดิมพัน ส่วนใหญ่เดิมพันข้างฟางชิว ไม่ใช่เพราะคิดว่าฟางชิวจะเป็นผู้ชนะ แต่ทุกคนอคติกับเหลียงหย่งเจี๋ยไปแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องกำลังภายในอันแข็งแกร่งของคนขายขุมทรัพย์สมุนไพร แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่เคยได้ยินมา ส่วนความแข็งแกร่งของเหลียงหย่งเจี๋ยเป็นของจริง ทุกคนเองต่างได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดกับตา

พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟางชิวจะสอนบทเรียนให้แก่เหลียงหย่งเจี๋ย

ถึงเหลียงหย่งเจี๋ยจะชนะอีกครั้งก็ไร้ซึ่งคนเดิมพัน ถึงพวกเขาจะแพ้แต่ก็ขอเดิมพันให้มณฑลของตัวเอง!

หงุดหงิดเสียจริง!

ชายวัยกลางคนที่นั่งข้างฟางชิวกรอกคำว่านิรนามลงไปในตอนที่เขาวางเดิมพัน

“ยังไงก็ต้องชนะ!”

เขาหยิบเงินออกมาหนึ่งพันหยวนเพื่อวางเดิมพันข้างฟางชิว

อีกด้าน

ทายาทเศรษฐีสองคนที่เคยได้เห็นความแข็งแกร่งของฟางชิวมาแล้ว ไร้ซึ่งความลังเล วางเดิมพันไปที่ฟางชิวทันที

เหอเกาหมิงหยิบเงินออกมาหนึ่งพันหยวนเพื่อวางเดิมพันข้างฟางชิวเช่นกัน

แม้จะไม่รู้จักชายสวมหน้ากากคนนี้ แต่เราต้องสนับสนุนมณฑลของเรา แม้ว่าเราจะไม่มีเงินให้เสีย!

ในขณะเดียวกัน

ลึกเข้าไปข้างใน

“ผู้อาวุโสอี้”

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องใต้หลังคา ก่อนจะเอ่ยกับผู้อาวุโสอี้ซึ่งกำลังดื่มชา “คนขายขุมทรัพท์สมุนไพรในงานแสดงสินค้าครั้งล่าสุดมาแล้ว”

พรวด!

ผู้อาวุโสอี้พ่นชาออกมาโดยพลัน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ใครมานะ?”

“คนที่ขายขุมทรัพย์สมุนไพรให้คุณ”

“เขาอยู่ที่นี่ด้วย?”

ผู้อาวุโสอี้รีบยืนขึ้นและเอ่ยถามอีกรอบ “เขามาที่นี่เพื่อแข่งขันด้วยหรือ?”

“ครับ กำลังจะแข่งแล้ว คุณอยากดูไหม?” ชายหนุ่มออกปากถาม

“แน่นอนอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสอี้ยิ้มพร้อมเอ่ยคำ “ฉันสงสัยเรื่องเขามาตลอด ฉันจึงอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของเขา นายอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ฉันจะไปคนเดียว”

เพียงชั่วครู่ ผู้อาวุโสอี้ก็มาถึง ฝูงชนต่างลุกขึ้นยืนพร้อมคารวะ ทุกคนให้ความเคารพอย่างสูงสุดต่อผู้อาวุโสอี้ เมื่อเดินไปถึงที่นั่ง ผู้อาวุโสอี้ก็นั่งลง ก่อนจะมองไปยังฟางชิวที่อยู่บนสังเวียน

“ผู้อาวุโสอี้” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผมได้ยินมาว่าชายนิรนามคนนี้ทรงพลังมาก ท่านคิดว่าใครจะชนะการแข่งขันนี้”

“บอกได้ยากเหมือนกัน” ผู้อาวุโสอี้ส่ายหัวเบา ๆ พลางเอ่ยต่อ “ฉันดูชายลึกลับที่สวมหน้ากากไม่ออก ทั้งยังไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาในแวดวงศิลปะการต่อสู้เลย”

ส่วนบนสังเวียน การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น

“เริ่มการแข่งขันได้!”

หลังจากตะโกนเสียงดังพิธีกรจึงลงจากสังเวียน

บนสังเวียน ฟางชิวมองไปยังเหลียงหย่งเจี๋ยที่แผ่ซ่านไอทมิฬออกมาอย่างใจเย็น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ ในใจจึงมีความคาดหวังบางอย่างอยู่

ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขาทั้งหมดล้วนมาจากอาจารย์ ซึ่งคือการเผชิญหน้าด้วยกำลังภายใน แต่ไม่ได้มีประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติมากนัก ครั้งนี้ เขาจะได้รู้ฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์ ทั้งยังได้เรียนรู้จากประสบการณ์การต่อสู้จริง

ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่เขามองเห็นจุดอ่อนของกระบวนท่าของเหลียงหย่งเจี๋ยได้ นั่นก็เพราะเขาคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวและกลอุบายของศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ในตอนที่เขาเรียนรู้จากอาจารย์

แต่พอถึงเวลาต้องลงมือจริง ๆ เขาอาจจะล้มเหลียงหย่งเจี๋ยไม่ได้ก็ได้

“เชิญ!”

เหลียงหย่งเจี๋ยคารวะให้ฟางชิว

“นายจะพักสักห้านาทีก่อนก็ได้”

ฟางชิวกล่าวอย่างถ่อมตัวพลางลดความแข็งแกร่งของเขาลง

“หืม?”

เหลียงหย่งเจี๋ยเลิกคิ้วก่อนจะก้มหน้าลง

นี่คือสิ่งที่เขาเอ่ยกับว่านชูเฉวียน และว่านชูเฉวียนพ่ายแพ้แก่เขา

กำลังดูถูกเขาอย่างนั้นสิ?

ฝูงชนต่างส่งเสียงหัวเราะให้กับคำพูดของฟางชิว

เหลียงหย่งเจี๋ยคนนี้เคยกล่าวประโยคนี้เพื่อยั่วยุ แต่ตอนนี้กลับถูกชายสวมหน้ากากเอ่ยเพื่อยั่วยุเขาเช่นกัน แล้วจะไม่ให้คนอื่นหัวเราะได้อย่างไร?

“สู้กับนาย ฉันไม่จำเป็นต้องพัก”

เหลียงหย่งเจี๋ยกล่าวอย่างหยิ่งทะนง

“งั้นเริ่มเลยเถอะ” ฟางชิวหัวเราะเบา ๆ

เมื่อกล่าวจบ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม มือกำหมัดแน่น กำลังที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ฟางชิวจึงกำหมัดแน่น พุ่งเข้าหาเหลียงหย่งเจี๋ยด้วยการก้าวเท้าเพียงครั้งเดียว

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นในทันที

ปั่ก! ปั่ก!

กำปั้นของทั้งสองกระทบกันดังราวกับเสียงฝน ปะทะกันอย่างดุเดือด ไม่เหมือนครั้งก่อน ในการแข่งขันครั้งนี้ เหลียงหย่งเจี๋ยไม่ได้เหนือกว่าแม้แต่น้อย

ตอนที่อยู่นอกสังเวียน ฟางชิวสังเกตกระบวนท่าของเหลียงหย่งเจี๋ยไว้แล้ว เขาจึงใช้รูปแบบการต่อสู้เดียวกับคู่ต่อสู้ ทันทีที่เคลื่อนไหว เขาก็โจมตีออกไปตรง ๆ ด้วยพลังมหาศาล

ทั้งสองต่อสู้กัน เสียงกระทบกระทั่งดังสะท้อนไปทั่ว นั่นทำให้ผู้คนทั่วบริเวณตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

“ชายนิรนามคนนี้ มีความสามารถขนาดนี้เชียวหรือ?”

“ได้ยินมาว่า จุดแข็งของเหลียงหย่งเจี๋ยคือหมัดเหล็ก มวยสิงอี้เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ของเขา ในมณฑลหลินไม่มีใครกล้าต่อสู้กับเขาหรอก แต่ดูสิ ชายนิรนามผู้นี้สามารถรับกำปั้นเหล็กของเขาได้”

“หมัดเหล็กไร้เทียมทาน เหลียงหย่งเจี๋ย?”

“ไม่อยากเชื่อแล้วว่าจะเป็นเขา!”

“ฉันไม่ได้คิดไว้สักนิดเลย”

“ได้ยินมาว่าไม่เคยมีใครในมณฑลหลินเอาชนะเขาได้เลย”

ฝูงชนต่างพูดคุยกันอย่างออกรส

ในตอนแรกทุกคนไม่ได้มองฟางชิวในแง่ดีเท่าไร แต่ในสถานการณ์นี้ ชายหนุ่มได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้ว

“ชายนิรนามคนนี้แข็งแกร่งไม่น้อยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เขาต้องมาสู้กับเหลียงหย่งเจี๋ย”

“นั่นสิ ถ้ายังคงต่อสู้อย่างดุเดือดเช่นนี้ ผลที่ออกมาคงมีแต่ความพ่ายแพ้ ฉายาหมัดเหล็กไร้เทียมทานของเหลียงหย่งเจี๋ยไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว”

“หวังว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้กลายเป็นที่ลับคมฝีมือของเหลียงหย่งเจี๋ยนะ”

หลังจากอุทานกันอย่างตกตะลึง ฝูงชนก็เริ่มเสียดายฝีมือของฟางชิว

บนสังเวียน

“หืม?”

เหลียงหย่งเจี๋ยหรี่ตาลง ราวกับว่ากำลังสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ในทันใดนั้น เขาก็ปล่อยหมัดพร้อมเคลื่อนเท้าอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดกระแสลม ชายหนุ่มเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี มือและเท้าของเขาพุ่งออกมาพร้อมกัน ดูโหดกว่าเมื่อครู่หลายเท่า

“ไม่เลว”

เมื่อเหลียงหย่งเจี๋ยเปลี่ยนกระบวนท่า ฟางชิวก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ

เหลียงหย่งเจี๋ยผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถรอบด้านอีกด้วย

แม้ว่าความแข็งแกร่งของฟางชิวจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ประสบการณ์การต่อสู้จริงและการเปลี่ยนกระบวนท่ายังคงด้อยกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เรียนรู้การต่อสู้ด้วยตนเอง ที่ผ่านมาได้แต่มองตามแผ่นหลังของอาจารย์โดยมีโอกาสได้ต่อสู้จริงไม่มากนัก และแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับท่วงท่าต่าง ๆ ก็จริง แต่การเปลี่ยนกระบวนท่าก็ยังด้อยกว่า

ระหว่างการโจมตีที่ดุเดือดของคู่ต่อสู้ ฟางชิวก็ถอยหลังออกมาพร้อมกับสังเกตกระบวนท่าและการเคลื่อนไหว

แน่นอนว่าภาพนั้นตกในสายตาของฝูงชน

“อันที่จริง หมัดเหล็กคู่ของเหลียงหย่งเจี๋ยน่ะไม่มีใครต่อกรได้หรอก ถึงชายนิรนามจะแข็งแกร่ง แต่จะเสียเปรียบในการแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้ก็ถูกแล้ว”

“นี่แค่ไม่กี่กระบวนท่า นิรนามก็สู้ไม่ไหวแล้ว”

“เฮ้อ คนรุ่นใหม่วงการเราหมดหวังแล้ว”

“เมื่อกี้ยังสู้กันอย่างสูสี ทำไมจู่ ๆ ถึงเพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว?”

ด้านล่างสังเวียน ฝูงชนต่างส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ

“อ๊ะ คนลึกลับนั่น แล้วเงินของฉันล่ะ!”

เหอเกาหมิงเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่น ใบหน้าของทายาทเศรษฐีสองคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับเขานั้นก็เต็มไปด้วยความสับสน

“ไม่ใช่สิ ด้วยความแข็งแกร่งของผู้อาวุโส เขาเอาชนะชายคนนั้นจากมณฑลหลินได้แน่ แล้วทำไมเขาถึงถูกอัดแทนล่ะ?”

หนึ่งในนั้นเลิกคิ้วพลางเอ่ยพึมพำ

“เป็นไปได้ไหมว่าคนคนนี้ไม่ใช่ผู้อาวุโสคนนั้น?”

ชายอีกคนเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ไม่น่าจะผิดคนนะ”

ชายคนแรกส่ายหัวด้วยกลัดกลุ้ม ก่อนเอ่ยคำ “รอดูไปก่อน บางทีผู้อาวุโสคนนี้อาจมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ”

บนสังเวียน

“อย่างนี้นี่เอง”

ฟางชิวที่เอาแต่ตั้งรับเข้าใจทุกอย่างแล้ว แววตาเขาถึงกับวาบประกาย

เขาได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ทั้งหมดของเหลียงหย่งเจี๋ยแล้ว

หลังจากนั้นฟางชิวจึงเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของเท้าทั้งสอง

ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

ความเร็วที่ใช้นั้นไม่น้อย เขาเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับที่เหลียงหย่งเจี๋ยทำก่อนหน้านี้ เขาเปลี่ยนฝ่ายตั้งรับเป็นฝ่ายรุก ก่อนจะเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง

ในตอนนี้ ทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่ใช่ว่าเราถูกอัดอยู่เหรอ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ในชั่วพริบตา?”

“ทำไมฉันรู้สึกแปลก ๆ”

“พวกนายดูสิ ทำไมเทคนิคการต่อสู้ที่เขาใช้ถึงเหมือนกับของเหลียงหย่งเจี๋ยล่ะ?”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนก็เริ่มให้ความสนใจ

หากมองดี ๆ จะเห็นว่าทักษะการต่อสู้ของฟางชิวนั้นเหมือนกับเหลียงหย่งเจี๋ยทุกประการ

เพียงพริบตาเดียว ทุกคนก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

“เขาไม่ได้กำลังจะแพ้ แต่กำลังเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ของอีกฝ่าย”

“ไม่ แต่ก็ไม่น่าจะเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้นะ?”

“ลองคิดดูดี ๆ ตอนที่ทั้งสองเริ่มประมือกัน ชายนิรนามและเหลียงหย่งเจี๋ยเสมอกันได้อย่างไร เพราะนิรนามใช้วิธีและเทคนิคการโจมตีเดียวกันกับเหลียงหย่งเจี๋ยทุกประการไงล่ะ หลังจากที่เหลียงหย่งเจี๋ยเปลี่ยนกระบวนท่า ชายนิรนามจึงเสียเปรียบทันที ตอนนี้กลับมาสูสีอีกครั้งแล้วเพราะลอกเลียนการเคลื่อนไหวอีกรอบ ดูสิ ลักษณะการโจมตีที่เขาใช้คือท่าของเหลียงหย่งเจี๋ยหลังจากเปลี่ยนกระบวนท่า มันใช่เรื่องบังเอิญเหรอ?”

เพียงคำพูดเดียวปลุกคนให้ตื่นจากฝัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างจ้องไปยังฟางชิวบนสังเวียนเพื่อดูว่าชายนิรนามกำลังเรียนรู้และเอามาฟาดฟันอยู่หรือไม่

บนสังเวียน

“เกิดอะไรขึ้น?!”

เหลียงหย่งเจี๋ยเองก็ตกใจเช่นกัน

ตอนเปลี่ยนกระบวนท่าเพื่อโจมตีชายนิรนาม เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้ แต่ในพริบตา ชายนิรนามกลับใช้ทักษะการต่อสู้แบบเดียวกับเขาซัดกลับมา เขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร

“เป็นไปไม่ได้ เวลาอันสั้นเช่นนี้จะเรียนรู้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

เหลียงหย่งเจี๋ยเปลี่ยนกระบวนท่าของเขาโดยพลัน

เขาต้องการดูว่าชายนิรนามกำลังเรียนรู้ในขณะที่ต่อสู้จริงหรือไม่

เนื่องจากชายนิรนามใช้กระบวนท่าของเขา เขาจึงรู้ว่าวิธีการต่อสู้แบบใดที่สามารถยับยั้งกระบวนท่านี้ได้

เป็นดั่งคาด ทันทีที่เหลียงหย่งเจี๋ยเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี ฟางชิวก็ค่อย ๆ เสียเปรียบ

แต่อีกด้าน

“หืม?”

ฟางชิวที่กำลังเสียเปรียบไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใด ในทางตรงกันข้าม เมื่อเขาเห็นเหลียงหย่งเจี๋ยเปลี่ยนวิธีการโจมตี นัยน์ตาของเขาก็วาบประกาย

“นายสามารถโจมตีแบบนี้ได้ด้วยสินะ!”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท