คุรุการแพทย์ – บทที่ 157 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว!

คุรุการแพทย์

บทที่ 157 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว!

บทที่ 157 การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว!

“ในเมื่อทุกคนพูดแบบนี้ ก็ยกเลิกแล้วกันนะครับ” เฉินอินเซิงส่ายหัวด้วยความเสียดาย แต่มันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น ที่จริงแล้วเขากำลังหัวเราะเยาะด้วยความสาแก่ใจต่างหาก

การเปิดวิดีโอพิธีเปิดภาคเรียนเป็นความคิดของเขาเอง

แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ดูสีหน้าทุกคนเมื่อครู่ ลูกน้องก็รายงานข้อมูลต่าง ๆ ให้เขาทราบแล้ว

เขารู้ดีว่าเหตุผลที่เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยปฏิเสธที่จะแสดงความสามารถเป็นเพราะการแสดงของฟางชิว!

ยอมแพ้ก็ดีแล้ว!

“ถ้างั้นมาคุยกันต่อเถอะ” เฉินอินเซิงเอ่ยพลางนั่งลง จากนั้นก็หันหน้าไปมองฟางชิว ขณะคิดขึ้นในใจว่า

‘ฟางชิวสมกับเป็นสมบัติล้ำค่าของมหาวิทยาลัยเราจริง ๆ!’

การรับประทานอาหารค่ำกินเวลาไปถึงครึ่งชั่วโมง หลังมื้อค่ำที่เรียบง่ายนี้จบลง นักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนภายใต้การดูแลของผู้บริหารของพวกเขา

เวลานี้พวกเขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงแล้ว และก็รู้กระบวนการการแข่งขันแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก

ในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะพักผ่อนหนึ่งวัน จะเรียกว่าเป็นวันแห่งการทบทวนแทนก็ได้

วันมะรืนนี้ เวลา 09.00 น. การแข่งขันจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายก่อนการแข่ง ดังนั้นจึงไม่มีใครยอมเสียเวลาทำอย่างอื่นนอกจากทบทวนความรู้

และก็เป็นอย่างที่หลายคนคาดเอาไว้ ในวันถัดมา แม้ว่าทั้งมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดและความคาดหวัง ทว่าตลอดทั้งวันก็ไม่มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งแปดแห่งปรากฏตัวออกมาเลย ราวกับว่าพวกเขาหายไปในทันใด

วันเสาร์ที่สาม เวลา 08.00 น.

รถบัสขนาดใหญ่แปดคันก็แล่นมาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงอย่างตรงเวลา

ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งพานักศึกษาของตนเข้าไปในมหาวิทยาลัยทันที ภายใต้การนำของเฉินอินเซิง พวกเขาก็ได้นั่งรถมาถึงพื้นที่เปิดโล่งด้านหน้าอาคารเรียน

และทันทีที่พวกเขามาถึง ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยกับนักศึกษาต่างตกตะลึงทันที

เพราะพวกเขาเห็นว่าที่นอกห้องสอบ มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก และมีตั้งแต่ปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกเลย

เมื่อนักศึกษาทั้งแปดมหาวิทยาลัยลงจากรถ เสียงอุทานก็ดังขึ้นทันที

นักศึกษาที่ไม่มีอะไรทำต่างมุงดูนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น แล้วนักศึกษาครึ่งหนึ่งก็มุ่งความสนใจไปที่เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยที่เพิ่งก้าวขาลงจากประตูรถ พวกเขามองไปที่หญิงสาวด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม

สวยตามที่เขาลือกันจริง ๆ!

สวยจัง! นี่มันเทพธิดาชัด ๆ!

พวกเขาไม่คาดคิดว่าขนาดการแข่งขันยังไม่เริ่ม แค่เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยปรากฏตัวออกมาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนแล้ว

จะว่าไปก็อยากจะทรยศมหาวิทยาลัยตนเองขึ้นมาชอบกล

เมื่อนักศึกษาทุกคนลงจากรถแล้ว ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ออกมารับพวกเขา เป็นเหตุให้ผู้คนแถวนั้นโห่ร้องขึ้นมาทันที

“การแพทย์แผนจีนจงผงาด! มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจงผงาดขึ้น!”

เมื่อได้ยินประโยคแรก นักศึกษาและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็รู้สึกประทับใจ พวกเขารู้สึกว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมีความทะเยอทะยานดี

แต่พอพวกเขาได้ยินประโยคหลัง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน

อะไรกัน จะข่มพวกเราเพราะมีคนเยอะกว่าอย่างนั้นหรือ?

แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ที่นี่ก็คือมหาวิทยาลัยของคนอื่น เจ้าบ้านย่อมมีมากกว่า

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของผู้บริหารมหาวิทยาลัยอื่นเริ่มไม่พอใจ เฉินอินเซิงก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “การแข่งขันเป็นรอง มิตรภาพต้องมาก่อน! ระวังหน่อย!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักศึกษาที่มีหน้าที่กล่าวให้กำลังใจก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดของตน

พวกเขาประสานเสียงและยังคงตะโกนต่อไป

“การแพทย์แผนจีนจงผงาด! การแพทย์แผนจีนจงผงาด!…”

ในที่สุดสีหน้าของผู้บริหารกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นเริ่มดีขึ้น

“ที่นี่เป็นสถานที่สอบรอบแรก” เฉินอินเซิงใช้โอกาสนี้แนะนำสนามสอบ

เหล่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยหันไปมองตามการชี้นำของเฉินอินเซิง และพบว่าชั้นหนึ่งของอาคารเรียน มีห้องเตรียมสอบทั้งหมดสามห้อง ได้แก่ ห้องหมายเลขหนึ่ง ห้องหมายเลขสอง และห้องหมายเลขสาม

ชื่อของผู้เข้าแข่งขันได้ติดไว้ที่ประตูห้องสอบแต่ละห้องแล้ว

ทันใดนั้นเอง

บรื้นนนน!

เสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนไป

เมื่อเห็นรถคันนี้กำลังขับเข้ามา เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทุกคนก็รีบออกไปต้อนรับ

แบบทดสอบมาแล้ว…

ท่ามกลางฝูงชน ฟางชิวแอบคิดคนเดียวอย่างเงียบ ๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่ฟางชิวคิด เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทุกคนออกไปต้อนรับชายร่างสูงอายุประมาณสี่สิบปี ชายคนนั้นสวมชุดสูทสีเทา ลงจากรถพร้อมกับรอยยิ้ม ในมือถือกระเป๋าใบใหญ่เอาไว้

ในกระเป๋าของเขามีกระดาษทดสอบและโจทย์ของแบบทดสอบอยู่

ชายคนนี้เป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนอีกแห่ง

เฉินอินเซิงอยากแสดงความโปร่งใสในการแข่งขันจึงให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยอื่นจัดการเรื่องแบบทดสอบ โดยแบบทดสอบนี้จะไม่มีใครได้แอบอ่านก่อน

“ผู้บริหารทุกท่าน นี่คือเอกสารที่พวกคุณต้องการ รวมถึงคำถามทั้งหมดในการแข่งขันความรู้ครั้งนี้” ชายวัยกลางคนยื่นกระเป๋าให้เฉินอินเซิง

เฉินอินเซิงก็รับมาอย่างรวดเร็ว

“ลำบากคุณแล้ว!” เหล่าผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยเอ่ยคำขอบคุณชายคนนั้น

“ไม่ได้ลำบากอะไรเลย” ชายวัยกลางคนหัวเราะและพูดว่า “โชคดีที่เอกสารทดสอบกับคำถามทดสอบมาถึงทัน ขอให้พวกคุณทุกคนโชคดี อ้อ มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่พวกคุณจะต้องเปลี่ยน”

ผู้นำของแต่ละมหาวิทยาลัยต่างรอฟัง

เปลี่ยนกฎ?

“กฎอะไร” เฉินอินเซิงถาม

“ฉันแนะนำให้เปลี่ยนเวลาสอบข้อเขียนในตอนเช้าเป็นเก้าสิบนาที” ชายวัยกลางคนกล่าว “มีคำถามเพิ่มเข้ามาในกระดาษทดสอบน่ะ”

ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยพากันประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนที่ตั้งโจทย์กล่าวเช่นนั้น พวกเขาจึงต้องปฏิบัติตาม

เก้าสิบนาที?

ฟางชิวคลี่ยิ้มออกมา เพราะเดิมทีแล้ว เวลาสอบข้อเขียนคือหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้คนที่ตั้งโจทย์ได้ขอให้ขยายเวลาออกไปอีกครึ่งชั่วโมง

ดูเหมือนว่าแบบทดสอบครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว!

นักศึกษาคนอื่นคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทุกคนกลับแสดงสีหน้าหยิ่งผยองออกมา

พวกเขาไม่กลัวแบบทดสอบที่ยากแม้แต่นิด!

เพื่อทำหน้าที่รักษาความลับ แต่ละมหาวิทยาลัยจึงส่งหนึ่งคนไปเฝ้าที่คลังข้อสอบไว้ แบบทดสอบจะถูกเปิดผนึกอย่างเป็นทางการตอนเก้าโมง

เวลา 8.50 น.

นักศึกษาทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าห้องสอบแล้ว

“ทุกคน มาให้กำลังใจกันเถอะ” ฟางชิวมองไปที่เพื่อนทั้งแปดคนในทีม เขาเอื้อมมือออกไปแล้วพูดออกมา

อีกแปดคนที่เหลือพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับยื่นมือออกไป โดยใช้ฝ่ามือของฟางชิวเป็นฐาน แล้วให้ฝ่ามือซ้อนกันอยู่ข้างบน

“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง!” ฟางชิวตะโกนออกมา

ทุกคนจึงกดมือลงทันทีแล้วยกขึ้น

“สู้ ๆ!” หลังจากที่ยกฝ่ามือขึ้นแล้ว ทุกคนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

หลังจากนั้นฟางชิว เจียงเหมี่ยวอวี๋ และจูเปิ่นเจิ้งก็แลกเปลี่ยนสายตาก่อนจะยิ้มออกมา แล้วพวกเขาก็ก้าวเข้าไปในห้องสอบ

เดิมทีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอื่นต้องการที่จะตรงไปยังห้องสอบเลย แต่พอเห็นว่ามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงทำแบบนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจตัวเอง

หลังจากเติมพลังแล้ว ทุกคนก็ก้าวเข้าห้องสอบด้วยความกล้าหาญและมั่นใจ

ห้องสอบเต็มไปด้วยนักศึกษาสามคนของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง รวมแล้วเป็นยี่สิบเจ็ดคน

นอกเหนือจากนั้น เพื่อป้องกันการโกง นักศึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันจะถูกจับแยกไม่ให้นั่งข้างกัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยจะส่งกรรมการมาทั้งสิ้นเก้าคน

รูปแบบการจัดการแข่งขันที่ทรงพลังนี้ทำให้นักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันรู้สึกทึ่ง

เป็นครั้งแรกที่นักศึกษาทุกคนรวมถึงฟางชิวได้เห็นการแข่งขันที่เข้มงวดขนาดนี้ เพราะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไม่เข้มงวดขนาดนี้เลย

เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเกียรติยศของเก้ามหาวิทยาลัย มันจึงไม่แปลกที่จะเข้มงวดอย่างนี้

นอกจากเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว เอกสารแบบทดสอบสำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขันแต่ละคนก็แตกต่างกันไป

แม้ว่าคำถามจะเหมือนกันทุกประการ แต่จะเป็นแบบสุ่มทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการแอบดูและการโกงในหมู่ผู้เข้าแข่งขัน เรียกได้ว่ามีการป้องกันอย่างเต็มที่

เมื่อทราบข่าวนี้ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็นปัญหาอะไรมากมาย

ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาล้วนเป็นนักศึกษาที่มีความสามารถสูง ไม่ว่าพวกเขาจะแย่แค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถโกงได้ เพราะความภาคภูมิใจของพวกเขาไม่อนุญาตให้พวกเขาโกง!

เวลา 08.55 น.

ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนก็เข้าไปในห้องสอบเพื่อเตรียมตัวทำแบบทดสอบ สองนาทีต่อมา ผู้คุมสอบก็เข้าไปในห้องสอบ จากนั้นก็เริ่มเปิดกระดาษแบบทดสอบที่ผนึกไว้ต่อหน้าผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคน ก่อนจะเริ่มแจกกระดาษแบบทดสอบ

เวลา 09.00 น.

เสียงระฆังดังขึ้น เป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน ทุกคนจึงเริ่มเขียนคำตอบทันที

ทั่วทั้งห้องสอบเงียบมาก นอกจากเสียงก้าวเท้าของผู้คุมสอบแล้ว ก็มีเพียงเสียงขีดเขียนกระดาษเท่านั้นที่ดังขึ้นมา

แม้ว่าบรรยากาศจะอึมครึมมาก แต่หากสังเกตดูนักศึกษาที่กำลังทำแบบทดสอบดี ๆ แล้ว ก็จะพบว่านักศึกษาหลายคนที่พกความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม ต่างขมวดคิ้วทันทีที่เริ่มทำแบบทดสอบ

โจทย์ของแบบทดสอบในครั้งนี้มันยากมาก ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะยากขนาดนี้

หากโจทย์เป็นเหมือนแบบทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนการแข่งขันความรู้ พวกเขาก็จะสามารถทำแบบทดสอบให้เสร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ความยากของแบบทดสอบในครั้งนี้มันเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่ทำให้ทุกคนหดหู่ที่สุดก็คือ มีคำถามบางข้อที่ดูจะลำเอียงเป็นพิเศษ เพราะไม่สามารถถือว่าเป็นความรู้พื้นฐานของการแพทย์แผนจีนได้

ดังนั้น แม้ว่าในตอนแรกทุกคนจะตอบคำถามอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลายคนก็ทำได้ช้าลง เพราะพวกเขาต้องคิดและวิเคราะห์คำถามแต่ละข้อ

ณ ชั้นหนึ่งของอาคารสำนักงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารเรียน

เหล่าผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยรวมถึงเฉินอินเซิง ได้มารวมตัวกันในห้องควบคุมการแข่งขันเพื่อดื่มชาและสนทนา

“ไม่นึกเลยว่าแบบทดสอบครั้งนี้จะยากขนาดนี้”

เจียงไห่ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยมองไปที่แบบทดสอบที่เพิ่งเปิดออก เมื่อมองไปที่นักศึกษาผ่านกล้องวงจรปิด เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูจากความยากของโจทย์ โอกาสที่พวกเขาจะได้คะแนนเต็มเกือบจะเป็นศูนย์แล้ว หากจะทำให้ได้คะแนนสูง ๆ ก็คงยากเหมือนกันนะครับ”

“ยิ่งไปกว่านั้น” จางกั๋วต้ง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนฮุ่ยโจวเองก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “คำถามของแบบทดสอบครั้งนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาปีหนึ่งเลย ขนาดนักศึกษาชั้นปีที่สองที่เป็นนักศึกษาหัวกะทิอันดับต้น ๆ ก็อาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนกัน”

“แล้วมันไม่ดีเหรอ?” รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “คำถามที่ยากที่สุดก็ต้องทดสอบนักศึกษาที่เก่งที่สุด ถึงจะยากกว่าแบบทดสอบของปีที่แล้ว แต่มันก็เหมาะสมแล้ว ความยิ่งใหญ่ของการแพทย์แผนจีนจะได้กดความเย่อหยิ่งของพวกเขาลงบ้าง และจะได้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งของเด็ก ๆ ได้ด้วย”

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวลาทดสอบจะต้องขยายออกไปอีกครึ่งชั่วโมง”

เฉินอินเซิงส่ายหัว “นักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนได้รับการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยมาอย่างดี ในเมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว แทนที่จะพูดถึงความยากของแบบทดสอบ ทำไมพวกเราไม่อธิษฐานให้นักศึกษาทำแบบทดสอบได้คะแนนดี ๆ ล่ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ผู้บริหารของแต่ละมหาวิทยาลัยก็พยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อพูดถึงการอธิษฐาน ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าการอธิษฐานไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรู้พื้นฐานของนักศึกษาแต่ละคนต่างหาก

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท