คุรุการแพทย์ – บทที่ 162 เพราะประหม่าก็เลยตอบผิดติดกันสามข้อ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 162 เพราะประหม่าก็เลยตอบผิดติดกันสามข้อ!

บทที่ 162 เพราะประหม่าก็เลยตอบผิดติดกันสามข้อ!

เมื่อฟางชิวกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้ยินเสียงโห่ร้อง ทั้งสองก็รีบไปหน้าเวทีแล้วคำนับผู้ชมทันที

ในสายตาของผู้คนจากมหาวิทยาลัยอื่น พวกเขาสองคนหน้าตาสวยหล่อไม่ธรรมดา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม!

“ทุกคนกรุณาเงียบก่อนนะคะ” พิธีกรสาวสวมชุดเดรสกล่าวกับผู้ชมด้วยรอยยิ้มบาง

ไม่นาน… เสียงเชียร์ในห้องประชุมก็ค่อย ๆ เบาลง

“นักศึกษาทั้งสองคนเชิญนั่งลงได้” พิธีกรส่งสัญญาณไปให้ฟางชิวกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ “ณ ตอนนี้ขอประกาศว่าการแข่งขันรอบสองระหว่างมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนทั้งเก้าแห่งได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”

สิ้นเสียงประกาศ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น

“ต่อจากนี้ขออธิบายกฎในการแข่งขันครั้งนี้”

“รอบแรกจะเป็นการตอบคำถาม”

“อย่างที่พวกคุณเห็น ตรงหน้าแต่ละคนจะมีกระดานคำตอบ หลังจากคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่อยู่ตรงนั้น สมาชิกทุกคนในทีมจะต้องตอบคำถามให้ถูกทุกคนเพื่อรับหนึ่งคะแนน และหากตอบผิดก็จะไม่ได้คะแนนนะคะ”

“เวลาในการตอบคำถามคือห้าวินาที”

“รอบนี้มีทั้งหมดยี่สิบคำถาม สิบเก้าคำถามแรกเป็นคำถามปกติ ส่วนคำถามสุดท้ายจะเป็นคำถามพิเศษนะคะ”

หลังจากอธิบายจบ พิธีกรหญิงก็คลี่ยิ้มให้กับนักศึกษาทุกคน “มีตรงไหนไม่เข้าใจไหมคะ”

“เข้าใจค่า!”

“เข้าใจครับ”

เหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างขานตอบ เพราะพวกเขารู้กฎอยู่แล้ว

“เอาล่ะ…” พิธีกรสาวพยักหน้าเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้น … ขอเริ่มการแข่งขัน ณ บัดนี้!”

หลังจากนั้น นักศึกษาทั้ง9 มหาวิทยาลัยต่างส่งเสียงดังกระหึ่ม และพร้อมที่จะแข่งขันแล้ว!

ด้านล่างเวที นักศึกษาที่มาชมก็พากันเงียบลง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา พวกเขาประหม่าและตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันนี้อย่างใจจดใจจ่อ

“เรามาเริ่มกันที่คำถามแรกกันเลยค่ะ”

พิธีกรหยิบกระดาษออกมาแล้วถามว่า “อาการปวดหัวส่วนบนเป็นของเส้นลมปราณใด? A. เส้นลมปราณหยางระดับไท่หยาง B. เส้นลมปราณหยางระดับหยางหมิง C. เส้นลมปราณหยินระดับจวีหยิน D. เส้นลมปราณหยินระดับเส้าหยิน”

“พวกคุณมีเวลาห้าวินาที! กรุณาเขียนคำตอบได้เลยค่ะ”

เมื่อได้ยินคำถาม นักศึกษาทั้งแปดสิบเอ็ดคนจากเก้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มเขียนคำตอบลงไป ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความมั่นใจ คำถามนี้จะง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเลย

ในเวลาเดียวกัน พิธีกรสาวก็เริ่มเวลานับถอยหลัง

“ห้า สี่ สาม… หมดเวลา! กรุณาแสดงกระดานคำตอบของทุกคนด้วยค่ะ”

ทุกคนต่างพลิกกระดานคำตอบให้กับผู้ชม

เหล่าผู้ชมและผู้แข่งขันต่างกวาดสายมองดูคำตอบทุกคน เมื่อเห็นคำตอบของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นก็หัวเราะออกมา

เมื่อแววตาฉงนจดจ้องไปที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็หัวเราะออกมาหลังจากที่ได้เห็นอย่างชัดเจน

เพราะกระดานคำตอบของทุกคนเขียนคำตอบ ‘C’ แต่จูเปิ่นเจิ้งจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่อยู่ในอันดับที่ 9 เขียนว่า ‘D’

นี่เป็นคำตอบที่ผิด!

ดูเหมือนว่าจูเปิ่นเจิ้งจะรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง สีหน้าของเขาจึงเผือดซีดด้วยความผิดหวัง

“คำตอบที่ถูกต้องคือ… C ค่ะ!” เสียงพิธีกรดังก้อง “ยกเว้นมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง แต่ละมหาวิทยาลัยจะได้หนึ่งคะแนน”

หลังจากได้ยินอย่างนั้น นักศึกษาที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

นี่แค่คำถามแรกเองนะ ทำไมถึงตอบผิดล่ะ? ซ้ำยังมีเพียงมหาวิทยาลัยของพวกเขาเท่านั้นที่ผิด!

ซุนฮ่าวกับโจวเสี่ยวเทียนต่างขมวดคิ้วมุ่น

“เรายังตอบคำถามนี้ได้เลย ดังนั้นสำหรับพี่ใหญ่แล้ว มันก็ไม่น่าจะยากไม่ใช่เหรอ?” ซุนฮ่าวกล่าว

“พี่ใหญ่ประหม่าเกินไป เขาเลยตอบผิด” โจวเสี่ยวเทียนถอนหายใจ แล้วพูดออกมาอย่างหดหู่

ทางด้านของผู้บริหารที่จ้องมองมา

สีหน้าของเฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินเผยแววเคร่งขรึม พวกเขาอยากจะคว้าคะแนนแรกมาให้ได้ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเช่นนี้…

ทุกคนตอบถูกหมดยกเว้นมหาวิทยาลัยของพวกเขา!

ฟางชิวที่อยู่บนเวทีก็มองไปที่เจ้าตัวอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เห็นว่าจูเปิ่นเจิ้งก้มหน้าลงด้วยความขมขื่น และไม่กล้าเงยหน้ามองใครอีกเลย

“ต่อไปเป็นคำถามที่สอง” พิธีกรสาวไม่ได้ให้เวลาทุกคนมากนักก็เอ่ยคำถามต่อไป “สัญญาณชีพจรที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร? A. ไม่ลอยหรือจม B. สงบและอ่อนโยน C. ลึกและแข็งแรง D. นุ่มนวลและแข็งแรง”

“กรุณาตอบค่ะ”

หลังจากที่คำถามนี้ดังขึ้นมา ทุกคนก็เลิกสนใจจูเปิ่นเจิ้งและรีบตอบทันที

“ห้า สี่ สาม… หมดเวลา! กรุณาแสดงกระดานคำตอบ!” พิธีกรกล่าวทันทีหลังจากนับถอยหลังเสร็จ

พรึ่บ! ทุกคนพลิกกระดานคำตอบ

แต่ในเวลาถัดมา จู่ ๆ ในห้องประชุมก็เริ่มลุกฮือ เพราะทุกสายตาจับจ้องไปที่กระดานคำตอบของจูเปิ่นเจิ้งอีกครั้ง!

ท่ามกลางผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 81 คน มี 80 คนเขียน ‘D’ แต่มีเพียงกระดานคำตอบของจูเปิ่นเจิ้งเท่านั้นที่เขียน ‘A’

ใบหน้าของจูเปิ่นเจิ้งซีดเผือด มือกำแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่จิตใจของเขาระส่ำระสายหลังจากที่ขึ้นมาบนเวที เขาคิดอะไรไม่ออกเลย หัวสมองขาวโพลนไปหมด!

นักศึกษามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่ด้านล่างเวทีต่างฉุนเฉียวไม่พอใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เขาคงไม่ใช่สายลับที่มาป่วนพวกเราใช่ไหม?”

“มหาวิทยาลัยอื่นได้สองคะแนน แต่มหาวิทยาลัยของพวกเรายังคว้าแต้มแรกมาไม่ได้เลย”

เสียงไม่พอใจดังจอแจ เมื่อได้ยินดังนั้นซุนฮ่าวกับโจวเสี่ยวเทียนก็แทบระงับโทสะไม่อยู่

คิ้วของเฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินก็ขมวดเข้าหากัน ในขณะที่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยอื่นแอบหัวเราะเยาะ

ฟางชิวที่อยู่บนเวทีก็ขมวดคิ้วเหลือบมองจูเปิ่นเจิ้งอีกครั้ง เวลานี้มีความกังวลฉายชัดในแววตาของเขา

นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นก็มองไปที่จูเปิ่นเจิ้ง และพากันส่ายหัวระอา

“ยกเว้นมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะได้หนึ่งคะแนน” พิธีกรยังคงดำเนินการแข่งต่อไป “จากนี้จะเป็นคำถามที่สาม” หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่จูเปิ่นเจิ้ง

เมื่อพิธีกรหยุดพูดกะทันหัน ทุกคนก็สงบสติอารมณ์เพื่อเตรียมตอบคำถามต่อไปทันที

“เราสังเกตความหนาของสารเคลือบลิ้นเป็นหลักเพื่อให้เข้าใจสิ่งใด? A. การอยู่รอดของน้ำลาย B. การมีหรือไม่มีแก๊สในกระเพาะอาหาร C. การเติบโตและการลดลงของความชื้น D. ความรุนแรงของปัจจัยก่อโรค”

“กรุณาโชว์แผ่นป้ายคำตอบค่ะ!”

ทุกคนบนเวทีเริ่มลงมือเขียนทันที

ห้าวินาทีต่อมา

“หมดเวลา! โปรดแสดงกระดานคำตอบ!” ในเวลาเดียวกัน ระหว่างที่พูด พิธีกรก็หันไปมองที่จูเปิ่นเจิ้ง

แต่พอเห็นคำตอบของเขาแล้ว ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนสีไป

เขาตอบผิดอีกแล้ว!

เพราะคำตอบของคนอื่นคือ ‘D’ แต่มีเพียงจูเปิ่นเจิ้งเท่านั้นที่เลือก ‘C’

มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ผิด!

พิธีกรแอบส่ายหัวและถอนหายใจ

“เนื่องจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงตอบผิด หนึ่งคะแนนจะถูกเพิ่มให้กับมหาวิทยาลัยอื่น”

คำถามที่สามจูเปิ่นเจิ้งก็ยังตอบผิดอีกครั้ง…

ช่วงเวลานี้ จูเปิ่นเจิ้งก็รู้สึกอับอายจนหน้าแดง เหงื่อกาฬชโลมไปทั่วร่าง อยากจะมุดหน้าหนีไปให้พ้น ๆ ซะ

ด้านล่างเวที

“ทำไมถึงตอบผิดทุกครั้งเลยล่ะ แล้วยังกล้าเข้าร่วมการแข่งขันความรู้อีกเหรอ?”

“ฉันเก่งกว่าเขาอีก!”

“ตอนนี้มันจบแล้ว เพราะปลาเน่าตัวเดียวก็เลยเหม็นทั้งข้อง!”

“ครั้งนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!”

เสียงซุบซิบต่าง ๆ นานาดังมากขึ้นกว่าเดิม

เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินต่างก็พูดไม่ออกเช่นกัน ฝ่ามือมีเหงื่อผุดซึมด้วยความวิตกกังวล นี่มันแตกต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง!

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงมีจุดอ่อนได้! แต่มันก็สายเกินไปที่จะหาตัวแทนแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงแข่งขันต่อไป!

เจียงเหมี่ยวอวี๋ จ้าวเหยียนเฉิง และคนอื่น ๆ ที่อยู่บนเวทีต่างก็หันไปมองจูเปิ่นเจิ้งด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

“นายกำลังทำอะไรอยู่? กะอีแค่คำถามง่าย ๆ แบบนี้ตอบไม่ได้เหรอ?” จ้าวเหยียนเฉิงตะคอกออกมาเบา ๆ ด้วยใบหน้าไม่พอใจ

“สู้ ๆ นะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋เห็นว่าจูเปิ่นเจิ้งรู้สึกประหม่า เธอจึงกล่าวปลอบโยนทันที

แต่เจ้าตัวยังคงก้มหน้าและไม่ยอมพูดอะไร

“พี่ใหญ่ สู้ ๆ!” ซุนฮ่าวกับโจวเสี่ยวเทียนที่อยู่ด้านล่างเวทีให้กำลังใจจูเปิ่นเจิ้ง

ทันใดนั้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

มีเสียงเคาะสามครั้งดังขึ้น

เป็นฟางชิวที่ใช้มือเคาะโต๊ะ “ผ่อนคลายหน่อย ใจเย็น ๆ”

คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะมีพลังวิเศษ เพราะจูเปิ่นเจิ้งผู้ที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา จู่ ๆ ก็ตัวสั่นเทิ้มราวกับว่ามีบางอย่างถูกยกออกไป เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากจึงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ

ฟางชิวก็พยักหน้ากลับด้วยรอยยิ้ม

ตอนที่จูเปิ่นเจิ้งตอบคำถามแรกผิด ฟางชิวก็ไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าพี่ใหญ่คงจะแค่ประหม่า

แต่หลังจากตอบผิดสามครั้งรวด เขาก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ เพราะความตึงเครียดของจูเปิ่นเจิ้งนั้นมีมากจนเกินกว่าใครจะคาดถึง

เนื่องจากผลการเรียนก่อนหน้านี้ของจูเปิ่นเจิ้งไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยความพยายามอย่างหนักของเขาจึงทำให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันความรู้ได้

เพื่อแข่งขันกับนักศึกษาอันดับต้น ๆ ของมหาวิทยาลัยอื่นต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ความกดดันทางจิตใจของจูเปิ่นเจิ้งจะต้องสูงมากแน่ ๆ

ดังนั้นตอนที่ฟางชิวเคาะโต๊ะ เขาก็แอบใช้พลังปราณ โดยหลอมรวมพลังปราณให้เข้ากับจังหวะเคาะโต๊ะ เหมือนกับการสะกดจิตผ่านจังหวะและท่วงทำนอง ทำให้เส้นประสาทที่ตึงของจูเปิ่นเจิ้งผ่อนคลายลง

จูเปิ่นเจิ้งหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกช้า ๆ และมองไปที่พิธีกรสาวด้านข้าง

พิธีกรสาวที่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าก็สังเกตเห็นทันที เธอจึงพูดว่า “คำถามต่อไปเป็นคำถามที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งข้อ”

เมื่อครู่ที่ได้ยินว่าเป็นคำถามที่ตอบได้มากกว่าหนึ่งข้อ ทุกคนก็รีบละสายตาและสงบสติอารมณ์เพื่อตั้งใจฟัง ส่วนจูเปิ่นเจิ้งเองก็เอียงหูฟังเช่นกัน

“ประโยคที่ถูกสลักไว้บนกระดองเต่ามีความหมายว่าอย่างไร?

A. ภาวะพร่องหยินและร้อนในกำเริบ ภาวะพร่องหยินและมีหยางมากเกินไป และลมเคลื่อนเพราะหยินพร่อง

B. ไตฝ่อ กระดูกเสื่อม

C. ก้อนเนื้อสะสมและโรคมาลาเรียเรื้อรัง

D. ภาวะหยินพร่องและมีความร้อนในเลือด ภาวะสมองขาดเลือด และภาวะประจำเดือนมามากเกินไป

E. ภาวะหัวใจขาดเลือด ใจสั่น นอนไม่หลับ และภาวะความจำเสื่อม”

“กรุณาเขียนคำตอบด้วยค่ะ!”

หลังจากพิธีกรสาวพูดคำถามจบ ทุกคนก็เริ่มเขียนคำตอบทันที

ห้าวินาทีผ่านไป

พวกเขาพลิกกระดานแสดงคำตอบ ขณะนี้สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่กระดานคำถามของจูเปิ่นเจิ้งอีกครั้ง!

ปรากฏว่าเป็น ABDE!

ทุกคนตกตะลึง

ฟางชิวคลี่ยิ้มออกมา นักศึกษาของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็หัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ

ในที่สุดจูเปิ่นเจิ้งก็ตอบถูกเสียที!

เมื่อจูเปิ่นเจิ้งเห็นคำตอบของคนอื่น เขาก็หัวเราะอย่างมีความสุขแล้วมองไปที่ฟางชิวอย่างซาบซึ้งใจ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะฟางชิว ตอนนี้เขาคงประหม่าไม่หายแน่ ๆ

“คำตอบที่ถูกต้องคือ ‘ABDE’ ค่ะ” พิธีกรประกาศคำตอบออกมา

ผู้คนของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงต่างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินคำตอบ

“ฟู่!”

พวกเขาทุกคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะครั้งนี้จูเปิ่นเจิ้งทำได้ดี!

ในที่สุดจูเปิ่นเจิ้งก็ตอบถูก ดังนั้นเขาต้องสู้ต่อไป!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จูเปิ่นเจิ้งตอบถูกก็มีนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นสองคนตอบผิด

หากเงยหน้าขึ้นมองจะพบว่าคำตอบของคนส่วนใหญ่คือ ‘ABDE’ มีนักศึกษาเพียงคนเดียวที่มาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงที่เขียนว่า ‘ADE’ และนักศึกษาอีกคนหนึ่งที่มาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยเขียนว่า ‘ABE’

ส่วนกระดานคำตอบของจูเปิ่นเจิ้งก็เขียนว่า ‘ABDE’

“มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงจิงและมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยตอบผิด หนึ่งคะแนนจะถูกเพิ่มให้กับมหาวิทยาลัยอื่น” พิธีกรสาวประกาศผ่านไมโครโฟน

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คนฟังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีกครั้ง

ในที่สุดมหาวิทยาลัยพวกเขาก็คว้าคะแนนมาได้เสียที!

ฟางชิวกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่บนเวทีก็ยิ้มให้กับจูเปิ่นเจิ้ง และให้กำลังใจเขาต่อไป

ส่วนจ้าวเหยียนเฉิงนั้น เขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอีก

การแข่งขันความรู้จึงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น…

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท