บทที่ 173 ฟางชิวในวันวานกลับมาแล้ว!
บทที่ 173 ฟางชิวในวันวานกลับมาแล้ว!
และฟางชิวก็ได้ตอบคำถามในที่สุด ปรากฏว่ามันถูกต้อง พิธีกรจึงถามคำถามต่อไป ทำให้นักศึกษาอีกหกคนที่เคยตอบคำถามถูกไปแล้วหนึ่งข้อต่างกัดฟันและมีสมาธิจดจ่อมากขึ้น
แต่วินาทีต่อมา
“ปี๊บ!” เสียงเครื่องตอบรับของฟางชิวก็กะพริบเป็นสีแดงอีกครั้ง!
เวลานี้ฝูงชนก็เกิดความโกลาหลทันที
“แม่งเอ๊ย ฟางชิวได้ไปอีกแล้ว! สองคำถามติดกันด้วย!”
“ฉันดูผิดหรือเปล่าเนี่ย? นี่ฟางชิวคว้าสิทธิ์ในการตอบคำถามได้อีกแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“จะเข้าสู่รอบต่อไปแล้ว! ฟางชิวจะต้องเข้ารอบ! ฮ่า ๆ!”
“พลิกกลับแบบ 180 องศา โอ๊ยยย ใจดวงน้อยของฉันมันทนไม่ไหวแล้ว!”
“ฟางชิว นายทำได้!”
ชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีตอบคำถามทันที
“ถะ… ถูกต้องนะคะ!!! และคนสุดท้ายที่เข้ารอบก็คือ ฟางชิว จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงงงงง”
พิธีกรสาวประกาศอย่างตื่นเต้น การพลิกกลับครั้งใหญ่เช่นนี้จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร
ฟางชิวแทบไม่ได้ทำอะไรเลยในรอบที่สอง เมื่อเหลือโอกาสสุดท้ายเพียงข้อเดียว เขาก็พลิกกลับมาตอบคำถามแล้วเข้าสู่รอบที่สองได้
นี่คือปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อมาก!
ส่วนฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินที่นั่งอยู่โซนวีไอพีสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัย ต่างโล่งอกไปตาม ๆ กัน
มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ ตอนที่แทบจะไม่เหลือความหวัง แต่สุดท้ายฟางชิวก็ผงาดขึ้นมา
เจียงเหมี่ยวอวี๋หัวเราะออกมา เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็เช่นกัน ทั้งคู่แทบจะน้ำตารื้น
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นต่างตกใจตาค้างว่าเขาจะคว้าโอกาสถึงสองครั้งติดได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เกือบจะถูกคัดออกอยู่แล้วเชียว!
นี่คือการเอาคืนหรือ?
บนเวที
ชายหนุ่มพ่นลมอย่างโล่งใจ เขาต้องใช้เวลาทั้งการแข่งขันในการขับพิษออกจากร่างกายครึ่งหนึ่ง ขณะนี้อาการปวดท้องก็ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาต้องยอมรับว่าสามารถจัดการเวลาได้เยี่ยมยอด และอาจถูกคัดออกหากช้ากว่านี้เพียงวินาทีเดียว!
“หลังจากจบรอบนี้เราจะพักกันสักสิบนาทีนะคะ…” กล่าวเสร็จ พิธีกรสาวก็ก้าวลงจากเวที
เจียงเหมี่ยวอวี๋กับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็วิ่งไปหาฟางชิวทันที
“นายรู้สึกเป็นไงบ้าง? ยังปวดท้องอยู่ไหม?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามด้วยความกังวล
“นายทำอย่างนี้ได้ไง? นี่ป่วยอยู่นะ ทำไมยังฝืนตัวเองอีกล่ะ” แม้น้ำเสียงของเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยจะเจือการตำหนิ แต่ดวงตากลับอ่อนแสงด้วยความห่วงใย
ในเวลาเดียวกัน จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนที่เพิ่งกลับมาจากภูเขาเหยาหวังก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
“เจ้าห้า รู้สึกยังไงบ้าง”
“ถ้าทนไม่ได้ก็อย่าฝืน… ที่หนึ่งอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก”
“นั่นสิ หนทางยังอีกยาวไกล อย่าเอาสุขภาพมาเสี่ยงเลย”
ทั้งสามคนพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เมื่อมองไปที่ทั้งห้าคนที่อยู่รอบตัวเขา ฟางชิวก็เงยหน้าขึ้นแล้วคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะตอบว่า “ไม่เป็นไร ฉันยังไหวน่า”
เพราะพิษถูกขับออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง ฟางชิวจึงรู้สึกดีขึ้นมาก แต่พิษที่เหลือยังคงสร้างความเจ็บปวดให้อย่างรวดร้าว
หากจะขับให้ออกมาหมดก็เกรงว่าจะกินเวลาไปทั้งบ่ายอย่างที่สวีเมี่ยวหลินพูดเอาไว้
“กินยาที่เหลือก่อน” โจวเสี่ยวเทียนหยิบถุงยาร้อนออกมาส่งให้ฟางชิว “เมื่อเช้านายกินไปแค่ครึ่งเดียวเอง ช่างคำถามพวกนั้นก่อนเถอะ ห่วงตัวเองแล้วกินยานี่ก่อน”
ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ อย่างตื้นตันไม่นึกว่าโจวเสี่ยวเทียนผู้เฉยชาจะรอบคอบเพียงนี้
หลังจากรับยามา เขาก็กินหมดในอึกเดียว
เมื่อเห็นว่าคนป่วยกินยาแล้ว ความวิตกกังวลของทุกคนก็ผ่อนคลายลง
แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงซีดเซียว พวกเขาก็ยังไม่อาจวางใจ
‘โชคดีที่สารพิษส่วนหนึ่งถูกปิดผนึกทันทีหลังจากที่ได้รับพิษเมื่อวานนี้ ซ้ำยังใช้พลังปราณทั้งคืนขับพิษออกมา ถ้าต้องพึ่งยาเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ดีขึ้นแบบนี้’
ฟางชิวแอบชื่นชมในใจ แม้ว่าพลังปราณจะทรงพลัง แต่มันก็ไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น
สิบนาทีผ่านไปในพริบตา
การพักสิ้นสุดลงแล้ว จูเปิ่นเจิ้งกับรูมเมตอีกสองคนก็จากไป และพิธีกรสาวเดินกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง
ขณะนั้นเองที่ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วปล่อยพลังปราณที่ไร้ลักษณ์แต่เปี่ยมล้นออกมา
“เริ่มกันเลย!”
“ใครแพ้ใครชนะยังไม่ชัวร์!”
“ใครที่เอาชนะฉันได้ก็รีบโผล่หัวออกมา!”
ฟางชิวเดินไปที่พื้นที่พิเศษพร้อมกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยและเจียงเหมี่ยวอวี๋
พื้นที่พิเศษอยู่ด้านขวาของเวที ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งยี่สิบคนมารวมตัวกัน
“ต่อไปคือรอบที่สาม เป็นโค้งสุดท้ายของการแข่งขันแล้วนะคะ” พิธีกรสาวพยายามสร้างบรรยากาศให้ลุ้นระทึก “ในบรรดายี่สิบคนนี้… ใครจะคว้าแชมป์การแข่งขันประเภทเดี่ยวมาครองกัน… เรามาร่วมติดตามกันได้เลย!!”
หลังจากเธอกล่าวจบ ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็โห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
“ฟางชิว!”
“ฟางชิว!”
“หานอวี่เซวียน!”
…
ซูจือโม่ เถาอี้หราน และหานอวี่เซวียนก็ถูกขานชื่อเช่นกัน แต่ผู้ชมส่วนใหญ่จะตะโกนชื่อฟางชิวมากกว่า
“นี่มันน่าตื่นเต้นใช่ไหมคะ ฉันก็ลุ้นไม่ไหวแล้วเหมือนกันค่ะ!” หลังจากที่ผู้ชมโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ครู่หนึ่ง พิธีกรสาวก็เตรียมอธิบายต่อ “ต่อไป ฉันจะขอแนะนำกฎในรอบนี้”
“รอบที่สามคือการแข่งขันเดี่ยว…”
“ผู้เข้าร่วมการแข่งขันยี่สิบคนจะถูกจับคู่แบบสุ่มจากระบบ โดยใช้ลำดับที่เข้ารอบมาเป็นหมายเลข และผู้ที่กดเครื่องตอบรับก่อนจะได้สิทธิ์ตอบคำถาม”
“ใครก็ตามที่ได้เก้าคะแนนก่อนจะได้เข้ารอบต่อไปทันที”
“และผู้แพ้จะตกรอบ”
พิธีกรสาวหันไปเผชิญหน้ากับนักศึกษาทั้งยี่สิบคน “พวกเธอทั้งหมดพร้อมหรือยัง!!”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งยี่สิบคนพยักหน้าตอบรับ
“เอาล่ะ สุ่มคู่ต่อสู้รอบแรกกันเลย” เธอประกาศเสียงดังลั่น
ตัวเลขสองตัวบนหน้าจอใหญ่เริ่มหมุน
ครู่ต่อมา
[หมายเลข 5 VS หมายเลข 20]
เมื่อเห็นตัวเลขปรากฏ ฝูงชนก็ส่งเสียงฮือฮาทันที เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าฟางชิวจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมการต่อสู้เป็นคู่แรก!
แล้วนักศึกษาที่ชายหนุ่มต้องเผชิญหน้าก็มาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย
ไม่นานทั้งคู่ก็ขึ้นไปเผชิญหน้ากันบนเวที
บนเวทีจะมีการติดตั้งเครื่องตอบรับอัตโนมัติสองเครื่อง
“คำถามในรอบนี้จะถูกสุ่มขึ้นมาบนหน้าจอ หลังจากที่คำถามปรากฏขึ้น พวกเธอสามารถกดเครื่องตอบรับได้เลย ผู้ที่ตอบถูกจะได้รับหนึ่งคะแนน และหากตอบผิดจะเป็นการเพิ่มคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามหนึ่งคะแนน”
พิธีกรอธิบายก่อนจะพูดว่า “สุ่มคำถามได้เลยค่ะ”
ไม่ถึงอึดใจเดียว คำถามก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่
“ปี๊บ!” ทันทีที่คำถามปรากฏขึ้น ฟางชิวก็กดเครื่องตอบรับอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังอ่านคำถามไม่จบเลยด้วยซ้ำ!
ทุกคนหันมามองฟางชิวอย่างมึนงง เจ้าบ้านั่นกดเครื่องตอบรับในเวลาไม่กี่วิ มันไม่อวดดีไปหน่อยหรือไงฟะ!
ฟางชิวในวันวานมาทวงตำแหน่งคืนแล้วใช่ไหม? การกระทำเมื่อครู่สุดโต่งสิ้นดีและไม่มีวี่แววคนป่วยเลย!
คำถามแรกฟางชิวก็คว้าคะแนนไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาได้สิทธ์ตอบคำถามที่สองอีกครั้ง และก็ยังคงตอบถูก
อีกด้านหนึ่ง
นักศึกษาคู่แข่งพยายามกดเครื่องตอบรับโดยไม่อ่านคำถาม แต่ก็ยังเร็วไม่พอ
เพียงหนึ่งนาที ฟางชิวก็คว้าสิทธิ์ในการตอบคำถามเก้าข้อติดต่อและตอบทุกข้อได้อย่างถูกต้อง ทำให้เขาเข้าสู่รอบต่อไปทันที!
ฝ่ายตรงข้ามถูกกำจัดโดยไม่สามารถโต้ตอบได้เลย
ฉากนี้ทำให้เหล่าตัวแทนทุกคนตกใจ พวกเขาสังเกตเห็นว่าฟางชิวเปลี่ยนไป
แม้ว่าใบหน้าของฟางชิวยังคงซีดเซียว แต่กลิ่นอายได้ฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ เหมือนกับนายพลที่ดุร้ายในกองทัพ นี่จึงทำให้พวกเขารู้สึกด้อยกว่าอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มดูน่ากลัวกว่าเมื่อวานได้อย่างไรกัน! อาหารเป็นพิษจริงหรือ? นี่เป็นเรื่องตลกหรือเปล่าเนี่ย?
จากนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิบแปดคนก็แข่งขันกันต่อไป
เจี่ยงเมิ่งเจี๋ย ซูจือโม่ เถาอี้หราน หร่วนซือจิ้ง เจียงเหมี่ยวอวี๋ จ้าวเหยียนเฉิง หวังจื้อซิ่ง และหานอวี่เซวียน เข้ารอบไปตามลำดับ
คนสุดท้ายที่เข้ารอบคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์จงโจวที่อยู่ในจุดต่ำสุดมาตลอด
“รอบสอง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันห้าในสิบคนจะได้ผ่านเข้ารอบ” พิธีกรกล่าวว่า “กฎยังคงเหมือนเดิมนะคะ”
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันถูกสุ่มคัดเลือกบนหน้าจอขนาดใหญ่
[หมายเลข 13 VS หมายเลข 20]
แล้วก็เป็นฟางชิวอีกครั้ง สองรอบติดต่อกันแล้วที่ฟางชิวถูกสุ่มให้แข่งขันเป็นคนแรก
เห็นเช่นนั้น ฟางชิวก็ขึ้นไปบนเวทีด้วยกลิ่นอายสงบที่แผ่ซ่านออกมา
หมายเลข 13 ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฟางชิวคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจว
เมื่อเห็นว่าหมายเลขของตัวเองได้จับคู่กับฟางชิว นักศึกษาคนนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เพราะในความคิด… ฟางชิวนั้นเป็นคนประหลาด เขาไม่คิดจะต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เนื่องจากโชคชะตาฟ้าลิขิต เขาจึงก้มหน้าต้องยอมรับ
“เริ่มตอบคำถามได้ค่ะ!” พิธีกรกล่าว
ฟางชิวจึงเริ่มคว้าโอกาสในการตอบคำถามอีกครั้ง
เมื่อเห็นการกระทำของฟางชิวก่อนหน้านี้แล้ว คู่แข่งหมายเลข 13 จึงไม่อ่านคำถามเช่นกัน แต่เขาก็ยังเร็วไม่พอ…
ชายหนุ่มสามารถคว้าสิทธิ์ในการตอบคำถามเก้าข้อติดต่อกันและก็ตอบคำถามทั้งหมดได้อย่างถูกต้อง
ฟางชิวเข้ารอบอีกครั้ง!
ฟางชิวในวันวานกลับมาแล้ว พวกเขาโห่ร้องทันทีที่ชายหนุ่มได้รับชัยชนะ
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่เหลืออีกแปดคนก็ดำเนินการแข่งต่อไป
เถาอี้หรานชนะจ้าวเหยียนเฉิง
เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเอาชนะหร่วนซือจิ้ง
หานอวี่เซวียนเอาชนะเจียงเหมี่ยวอวี๋
และซูจือโม่เอาชนะหวังจื้อซิ่ง
ห้าอันดับแรกออกมาแล้ว!
ฟางชิวเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง
เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยกับหานอวี่เซวียนจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยนั้นได้เข้ารอบเหมือนกัน
สักพัก
มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็ได้กลายเป็นประเด็นร้อนของผู้ชมทันที เพราะหลายคนคิดว่าในการแข่งขันต่อไปนี้มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยจะได้เปรียบมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่น
ในรอบที่สามมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันห้าคนแล้ว หากต้องจับคู่ต่อสู้อีกก็เท่ากับว่าจะมีหนึ่งคนที่ไม่มีคู่ต่อสู้
ในขณะที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกันอย่างดุเดือด
พิธีกรก็เริ่มพูดว่า “ในรอบที่สาม กฎของเรามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย…”
“การแข่งขันยังคงเป็นประเภทเดี่ยวอยู่ หนึ่งในห้าของผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะไม่มีคู่ต่อสู้ แต่อีกสี่คนที่เหลือจะถูกจับคู่และสองคนจะถูกคัดออก”
“ผู้ชนะทั้งสองคนจะผลัดกันแข่งขันกับผู้ที่ไร้คู่ต่อสู้”
“แล้วผู้ที่ชนะจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ”
กฎนี้ฟังดูค่อนข้างซับซ้อน แต่มันก็สมเหตุสมผลดี นักศึกษาที่ถูกดึงให้ไปเจอกับคู่ต่อสู้จะมีโอกาสเข้ารอบเป็นพิเศษ
“แล้วการจับคู่ต่อสู้ของการแข่งขันครั้งถัดไปจะถูกสุ่มโดยระบบ”
“กรุณาสุ่มหมายเลขเลยค่ะ” พิธีกรกล่าว จากนั้นตัวเลขสองตัวก็เริ่มหมุนบนหน้าจอขนาดใหญ่
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที
ตัวเลขสี่ตัวก็ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
[หมายเลข 2 VS หมายเลข 4]
[หมายเลข 3 VS หมายเลข 20]
การแข่งขันถูกกำหนดออกมาแล้ว
หมายเลข 2 หานอวี่เซวียน vs หมายเลข 4 เถาอี้หราน
และหมายเลข 3 ซูจือโม่ vs หมายเลข 20 ฟางชิว
ส่วนเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย หมายเลข 8 เป็นคนสุดท้ายที่ไม่มีคู่ต่อสู้
เมื่อไม่มีคู่ต่อสู้ในรอบนี้ เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยจึงรู้สึกประหลาดใจและดีใจมาก เพราะมีโอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถึงสองครั้ง!
เหตุผลที่เธอสามารถเข้าสู่ห้าอันดับแรกได้ก็เพราะว่าความโชคดีในการสุ่มจับคู่ต่อสู้ และนอกจากเธอแล้วฟางชิว เถาอี้หราน ซูจือโม่ และหานอวี่เซวียนต่างก็มีความสามารถมาก
แล้วสองในสี่คนนั้นก็ยังแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเธอจะมีโอกาสสองครั้ง แต่ก็ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ไม่ง่ายดายนัก
“คู่แรก โปรดเดินขึ้นเวทีด้วยค่ะ” พิธีกรเอ่ยเรียก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานอวี่เซวียนกับเถาอี้หรานก็เดินขึ้นไปบนเวที
“พร้อมไหมคะ?” พิธีกรถาม
ทั้งคู่พยักหน้าด้วยความหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้น… เรามาเริ่มการแข่งขันได้!” พิธีกรสาวประกาศอย่างห้าวหาญ