บทที่ 174 ฟางชิวชนะแล้ว! เขาเป็นแชมป์!
บทที่ 174 ฟางชิวชนะแล้ว! เขาเป็นแชมป์!
คำถามปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอขนาดใหญ่ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสองคนก็ต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิ์ในการตอบคำถามอย่างบ้าคลั่ง
น่าแปลกที่สองคนนี้มีแข็งแกร่งและความเร็วในการกดเครื่องตอบรับพอ ๆ กัน พวกเขาผลัดกันตอบโดยที่ไม่มีใครตอบผิดเลย
แต่แล้วผลลัพธ์ก็ได้รับการตัดสินหลังจากผ่านไปสิบเจ็ดคำถาม หานอวี่เซวียนเอาชนะเถาอี้หรานไปหนึ่งคะแนน ทำให้เถาอี้หรานพ่ายแพ้
จากนั้นฟางชิวกับซูจือโม่ก็ขึ้นไปบนเวที ทั้งคู่ได้ที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยตนเอง และทั้งคู่ก็ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันความรู้ด้วยคะแนนเต็มร้อยคะแนน
การแข่งขันรอบที่แล้วผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีความสามารถมากทั้งคู่ แต่การเผชิญหน้าระหว่างฟางชิวกับซูจือโม่น่าดึงดูดใจกว่ามาก เพราะซูจือโม่จะเป็นตัวชี้วัดว่าฟางชิวจะสามารถสร้างตำนานได้อีกหรือไม่
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ฟางชิวกับซูจือโม่ต่างก็ทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ แต่ซูจือโม่ก็ยังคงช้ากว่าชายหนุ่มไปมากโข
แม้เขาจะมีอาการปวดท้องและยังคงมีพิษหลงเหลือ แต่ก็สามารถเอาชนะซูจือโม่ไปได้ห้าคะแนน จากนั้นผู้ชมก็โห่ร้องพร้อมกับปรบมือ
หลังจากการแข่งขันครั้งนี้ ฟางชิวก็ได้เข้าสู่หนึ่งในสามอันดับแรกสำหรับการแข่งขันประเภทเดี่ยวแล้ว และนี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเจียง
“ต่อไปคือการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ!” ในเวลานี้พิธีกรได้ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง “ขอเสียงปรบมือดัง ๆ ให้เหล่านักศึกษาทั้งสามที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยค่ะ”
“คนแรกคือ หานอวี่เซวียน จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย!” หลังจากสิ้นคำ เสียงปรบมืออย่างอบอุ่นจากผู้ชมก็ดังขึ้น แต่มีเสียงเชียร์น้อยมาก
“คนที่สอง เจี่ยงเมิ่งเจี๋ย จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ย!” ทันใดนั้นนักศึกษาชายทุกคนที่ด้านล่างเวทีก็ส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม
การที่เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยยืนอยู่บนเวทีอย่างนี้ ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริง ๆ แม้ว่าจะมาจากมหาวิทยาลัยอื่น แต่เหล่านักศึกษาชายก็อยากจะให้กำลังใจเธอ
“คนสุดท้าย ฟางชิว จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง” ขณะที่พิธีกรกล่าวแนะนำ เธอก็หันไปมองชายหนุ่ม
เกิดเสียงเชียร์ดังลั่นจนหลังคาแทบทะลุ เพราะที่นี่เป็นถิ่นของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง!
และฟางชิวก็เป็นตัวแทนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นความหวังสุดท้ายอีกด้วย
แม้ว่าผลลัพธ์ของสามอันดับแรกจะดีมาก แต่ก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลงานอันน่าทึ่งของฟางชิวก่อนหน้านี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่ฟางชิวจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศและมุ่งสู่การเป็นแชมป์ของการแข่งขันประเภทเดี่ยว
ทุกคนจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงตั้งตารอสิ่งนี้ ในขณะที่ปรบมือ พวกเขาก็ตะโกนในใจว่า
ฟางชิวสู้ ๆ!
ส่วนผู้บริหารทั้งเก้าแห่งนี้กลับแสดงออกแตกต่างกันไป
เจียงไห่ รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก สำหรับเขาผลลัพธ์สุดท้ายไม่สำคัญอีกต่อไป
แน่นอนว่าจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อเป็นที่หนึ่ง แม้ว่าจะไม่สามารถชนะได้ แต่อย่างน้อยมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจิงเป่ยก็คว้าอันดับที่สองจากคะแนนรวมในการแข่งขันความรู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้นสองในสามอันดับแรกเป็นของมหาวิทยาลัยพวกเขา นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะรักษาหน้าไว้ได้
เวลานี้การแสดงออกทางสีหน้าของผู้บริหารมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ดูขมขื่นกันมาก ยกเว้นผู้บริหารของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนฮุ่ยโจว และมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนจงโจวที่ได้อันดับที่สี่และห้าตามลำดับ
มหาวิทยาลัยอื่นไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพราะอันดับถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่ทำได้คือการดูการแข่งขันของคนอื่นด้วยความอดสู
เมื่อกองเชียร์เงียบลง พิธีกรบนเวทีจึงประกาศต่อว่า “การแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
“คู่แรกคือฟางชิวกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย!” ระหว่างที่พิธีกรสาวพูด ฟางชิวกับเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็ส่งรอยยิ้มให้กัน ก่อนที่จะขึ้นไปบนเวที
เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของชายหนุ่ม เธอก็รู้สึกกังวลกว่าเดิม
“อย่าแพ้ฉันนะ” ฟางชิวพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายก็ด้วย” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยพูดเบา ๆ
จากนั้นการแข่งขันก็เริ่มขึ้น ไม่มีใครเป็นตัวถ่วงของใคร พวกเขาให้เกียรติคู่ต่อสู้ด้วยการพยายามอย่างเต็มที่ เนื่องจากนี่คือการแข่งขัน แม้จะเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็ตาม แต่ก็ต้องทำตามกฎ
ในที่สุด ฟางชิวก็เอาชนะเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยไปหนึ่งคะแนน
“ขอบคุณที่ออมมือให้นะ” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยพูดเบา ๆ ขณะที่ก้าวลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ
ชายหนุ่มทำเพียงยิ้ม เพราะต่อให้ออมมือ …ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิม
ความจริงฟางชิวเอาชนะด้วยคะแนนส่วนต่างที่มากกว่านี้ได้แม้อาการยังไม่หายดีก็ตาม แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ เพราะอดีตเพื่อนร่วมชั้นไม่ใช่คนแปลกหน้า…
หลังจากพักไปห้านาที ชายหนุ่มก็นั่งลงที่ด้านล่างเวที ส่วนเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเริ่มเผชิญหน้ากับหานอวี่เซวียน
ทั้งคู่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าใครจะชนะ แล้วก็ไม่รู้ว่าเพื่อจะแข่งขันกับฟางชิวหรือต้องการพิสูจน์ความเก่งของตัวเองกันแน่ หานอวี่เซวียนถึงเอาชนะเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยไปสองคะแนน ซึ่งมากกว่าฟางชิวคะแนนเดียว
ตอนนี้เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยตกรอบไปแล้ว ทำให้เหลือเพียงฟางชิวกับหานอวี่เซวียนบนเวที และการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ใกล้เข้ามาทุกที!
“ต่อไป… คือการแข่งขันรอบสุดท้าย!” พิธีกรตะโกนอย่างกระตือรือร้น “ในรอบสุดท้าย คำถามแต่ละข้อจะมีค่าเท่ากับสิบคะแนน ผู้เข้าร่วมการแข่งขันมีเวลาในการตอบคำถามแต่ละข้อสิบวินาที หลังจากสิบวินาทีไปแล้ว คำถามจะหายไป”
“ผู้เข้าร่วมการแข่งขันสองคนจะต้องกดเครื่องตอบรับภายในสิบวินาทีเพื่อชิงสิทธิ์ในการตอบคำถาม ใครก็ตามที่ได้หนึ่งร้อยคะแนนก่อนจะเป็นผู้ชนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ชมก็ตั้งหน้าตั้งตารอชมการแข่งขันอย่างตื่นเต้น
ฟางชิวกับหานอวี่เซวียนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและยืนอยู่บนเวทีเพื่อแข่งกันเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อสังเกตดี ๆ จะพบว่าหานอวี่เซวียนดูมั่นใจมาก สายตาของเขาที่มองฟางชิวนั้นมีความกลัวเล็กน้อย แต่มันก็มีความเย่อหยิ่งมากกว่า
ในรอบแรกเขาแพ้ฟางชิวไปสามคะแนน ต่อมาก็ถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ในที่สุดก็สามารถยืนหยัดต่อสู้กับฟางชิวเป็นครั้งสุดท้ายได้ นี่ถึงเวลาที่เขาจะแสดงพลังแล้ว และเขายังต้องการดูว่าใครเก่งมากกว่ากัน
แววตาของหานอวี่เซวียนเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจ แต่ฟางชิวยังคงหน้าซีดเหมือนเดิม
จู่ ๆ อาการปวดท้องพลันทวีความรุนแรง ทำให้เขาต้องเอามือกุมท้อง เวลานี้เขาดูอ่อนแอและอิดโรยไร้เรี่ยวแรง
พิษนี้คือพิษชนิดใดกัน? ทำไมถึงรุนแรงแบบนี้? แม้แต่ปรมาจารย์อย่างเขาก็ยังไม่สามารถรับมือได้
ฟางชิวรู้สึกสับสนขึ้นมา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ทั้งสองคนบนเวที แต่เมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่มแล้ว พวกเขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างฉงน
“นี่รอบชิงชนะเลิศแล้ว ได้โปรดล่ะ อย่ามีปัญหาไปมากกว่านี้เลย”
“เกิดอะไรขึ้นกับฟางชิวน่ะ?”
“ถ้าเขาไม่ป่วย ตำแหน่งแชมป์ก็คงไม่พ้นเขาแน่ ๆ ดูจากความเร็วเมื่อวานนี้สิ คนเหล่านั้นจะมีโอกาสอะไร”
“บางทีโชคชะตาอาจจะสงสารพวกเขาก็เลยทำให้ฟางชิวทำผลงานได้ไม่ดีเท่าเมื่อวาน”
ผู้ชมต่างภาวนา พวกเขาหวังว่าฟางชิวจะไม่หมดสติไปก่อนจบการแข่งขัน
กระนั้นผลงานของชายหนุ่มในสองรอบที่แล้วทำให้พวกเขากังวล เพราะฟางชิวไม่มีความได้เปรียบเรื่องความเร็วอีกต่อไป
ตอนนี้ทั้งคู่จะต้องแข่งขันกันที่ความรู้ เพื่อดูว่าใครจะตอบถูก!!
พิธีกรมองไปที่ฟางชิวด้วยความกังวล “ฟางชิว อาการของเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากจะพักสักหน่อยไหม”
“ไม่จำเป็นครับ ผมยังไหว” ฟางชิวหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อต่อต้านความเจ็บปวด จากนั้นก็สะบัดศีรษะสองสามทีแล้วพูดว่า “มาเริ่มกันเลย”
“โอเค เราจะมาต่อกันเลย!” พิธีกรสาวจึงดำเนินการแข่งขันต่ออย่างรวดเร็ว
เพราะถูกกระตุ้นด้วยความเจ็บปวด สิทธิ์ในการตอบคำถามจึงสลับไปมาระหว่างฟางชิวกับหานอวี่เซวียน
หานอวี่เซวียนดูเหมือนจะเร็วกว่าฟางชิวด้วยซ้ำ เพราะได้รับโอกาสในการตอบคำถามมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเขาก็ตอบคำถามผิดสองข้อ ทำให้ถูกหักไปยี่สิบคะแนน แต่ฟางชิวกลับตอบคำถามสองข้อนี้ได้อย่างถูกต้อง
ตอนนี้หานอวี่เซวียนมีคะแนนรวมเก้าสิบคะแนน ฟางชิวก็ไม่รั้งรออีกต่อไปเลยเสมอกันที่เก้าสิบคะแนน
ณ ตอนนี้ผู้คนทั้งด้านบนและด้านล่างเวทีต่างก็รู้สึกประหม่า เพราะนี่คือจุดชี้ชะตา!
ผู้ชนะจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตอบคำถามถัดไปได้อย่างถูกต้อง
บนเวที
เมื่อต้องเผชิญกับฟางชิว หานอวี่เซวียนก็หายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ และเตรียมพร้อมที่จะยุติตำนานของฟางชิว!
ครั้งนี้เขาต้องชนะ!
เขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้โดยมีเป้าหมายเป็นแชมป์ แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าชัยชนะของเขาไม่ยุติธรรม เพราะอาหารเป็นพิษของฟางชิว
แต่ใครสนกันล่ะ? ที่ฟางชิวต้องทรมานจากอาหารเป็นพิษนั้น มันคือความยุติธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว มิฉะนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจะไม่ได้รับโอกาสตอบคำถามใด ๆ เลย
เพราะฉะนั้นเขาต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม!
ทางด้านของฟางชิว เขายังคงเอามือกุมท้องเพราะอาการปวดยังไม่ทุเลาลง
ถ้าไม่ได้ถูกวางยาพิษ หรือพิษในร่างไม่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งละก็ เขาคงจะไม่เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน
และความเร็วก็คงไม่ตกลง หานอวี่เซวียนคงไม่ได้มาถึงรอบชิงชนะเลิศหรอก
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่ที่สุดคือ ยาพิษนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มันทำให้เขาทรมานมาก
“มารดามันเถอะ!” เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวด ฟางชิวก็กัดฟันและพูดอย่างโกรธเคืองในใจ ‘ใครก็ตามที่วางยาฉัน คอยดูเถอะ ฟางชิวคนนี้จะชนะให้ดู!’
จากนั้นชายหนุ่มก็เหยียดหลังตั้งตรง เผยให้เห็นท่วงท่าสง่างาม อีกทั้งยังกระตุ้นพลังปราณควบคู่ ก่อนจะปล่อยให้มันเป็นอิสระ
เขาไม่ควบคุมพิษอีกต่อไปแล้ว เพราะความสนใจทั้งหมดพุ่งไปที่คำถามสุดท้าย!
“คำถามต่อไปเป็นคำถามสุดท้าย กรุณาตอบด้วยค่ะ!” พิธีกรสาวกล่าว
จากนั้นคำถามที่ไม่ยากก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่
“หน้าที่ใดของพลังปราณที่สามารถกระตุ้นอวัยวะภายในทั้งหมดและเสริมสร้างสรีรวิทยาของเส้นลมปราณได้?: A. ทำให้อุ่น B. ช่วยในการเคลื่อนไหว C. ช่วยป้องกัน D. ช่วยการดูดซึม E. ทำให้เกิดปราณ”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ง่ายสำหรับทุกคน ทำให้คะแนนของคำถามนี้เกือบจะเหมือนแจกฟรี
ฟางชิวกับหานอวี่เซวียนกดเครื่องตอบรับพร้อมกัน
“ปี๊บ!” เสียงเครื่องตอบรับดังขึ้น
ทุกคนมองไปที่พวกเขาสองคน แล้วพยายามหาว่าใครได้สิทธิ์ตอบคำถามนี้
ก่อนที่พวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังไปถึงหูของทุกคน
“คำตอบคือ B”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็หันหน้าไปอย่างพร้อมเพรียง คนที่พูดคือฟางชิวหรือเปล่า?
เมื่อหันไปมองก็เป็นตามที่คาดไว้ เพราะเวลานี้เครื่องตอบรับของฟางชิวกะพริบเป็นสีแดง!
“ถูกต้อง!” พิธีกรประกาศอย่างตื่นเต้น
ชนะแล้วหรือ?
ฟางชิวชนะแล้ว?
ฟางชิวได้แชมป์?
มหาวิทยาลัยของพวกเราได้ที่หนึ่ง?
หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นักศึกษาทุกคนของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นและโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
“เย้ พวกเราชนะ! พวกเราชนะ!”
“ฮ่า ๆ ฉันรู้ว่าฟางชิวจะต้องทำได้”
“โคตรเจ๋ง! ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องก้มหัวให้พวกมหาวิทยาลัยอื่น ๆ พวกเรานี่มันสุดยอด”
“ครั้งก่อน มหาวิทยาลัยของพวกเรารั้งอันดับสุดท้าย ทำให้ถูกหลายมหาวิทยาลัยหัวเราะเยาะ มีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่ไม่หัวเราะเยาะพวกเรา? ตอนนี้จะกล้าถือดีพูดจายโสอีกไหม?!”
“ทำไมพิธีกรไม่ประกาศผลรอบสุดท้าย”
“ยังจะต้องประกาศอะไรอีก? มันไม่สำคัญแล้ว เพราะพวกเรารู้แน่นอนแล้วว่า คะแนนรวมของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะเป็นที่หนึ่งอย่างแน่นอน และการแข่งขันประเภทเดี่ยวก็เช่นกัน! ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงทีเดียว!”
…
ในโซนวีไอพีสำหรับผู้บริหาร เฉินอินเซิงกับฉีไคเหวินต่างพ่นลมอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งสองแทบจะหุบยิ้มไม่ได้!
พวกเขาชนะแล้ว!
ในที่สุดก็ชนะสักที!
ที่หนึ่ง! พวกเราไม่เคยเป็นที่หนึ่งมาก่อน! ในที่สุดวันนี้พวกเราก็เป็นแชมป์!
มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงจะต้องใช้โอกาสนี้เพื่อความรุ่งโรจน์!