บทที่ 181 เจอตัวคนวางยาแล้ว!
บทที่ 181 เจอตัวคนวางยาแล้ว!
“ใคร?”
ฟางชิวเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“[รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยของคุณ จางซินหมิง]” เหอเกาหมิงเอ่ยตอบ
จางซินหมิง?
ฟางชิวพลันตกตะลึง
เป็นเขาอย่างนั้นหรือ?
จะเป็นเขาได้อย่างไรกัน?
พวกเขาก็ไม่ได้ล้ำเส้นหรือมีข้อบาดหมางกันขนาดนั้นนี่น่า?
“ทำไมเขาถึงวางยาฉัน”
ชายหนุ่มรีบถามต่อ
“[ไม่ใช่พราะนายโดดเด่นเกินไปหรอกหรือ?]”
เหอเกาหมิงหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ ”[ไม้ใหญ่มักโดนลมโค่น! จางซินหมิงคนนี้ เดิมทีตั้งใจจะเป็นคณบดีมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนของนาย ใครจะคาดคิดว่าจะมีคนรายงานถึงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขาในช่วงวิกฤต เป็นผลให้ฉีไคเหวินได้รับตำแหน่งแทน ดังนั้นจึงตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ฉีไคเหวินลงจากตำแหน่ง]”
“[แต่ใครจะรู้ นายยอดเยี่ยมไม่น้อยเลยจริง ๆ ฉีไคเหวินอาจไปไกลได้มากกว่านี้เพราะนาย ดังนั้นหากต้องการให้ฉีไคเหวินลงจากหลังม้า เขาย่อมต้องจัดการกับนายก่อน ตราบใดที่นายมีปัญหาก็จะช่วยดึงฉีไคเหวินลงจากหลังม้าได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นายว่าเขาจะไม่กล้าทำเชียวหรือ?]”
เมื่อได้ยินดังนั้น ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจของฟางชิว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจางซินหมิงจะวางยาพิษเขาด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้
แม้ว่าพิษนั้นจะไม่ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต แม้แต่เขาที่นับได้ว่าเป็นคนเก่งคนหนึ่งยังใช้เวลาในการกำจัดพิษตั้งหนึ่งวัน ทั้งยังต้องใช้ยาสมุนไพรร่วมด้วย
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าคงต้องนอนโรงพยาบาลสิบวันหรือครึ่งเดือน ไม่แน่ว่าอาจจะลงเอยด้วยผลร้าย จนเกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการร้ายแรงก็ได้!
จางซินหมิงคนนี้ เพียงเพื่อตำแหน่งเขากลับเหี้ยมโหดได้ถึงเพียงนี้!
ในฐานะรองอธิการบดี เขามีจิตใจเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้อย่างไร?
“[นายรู้เหตุผลทั้งหมดแล้ว ตอนนี้นายโกรธหรือเปล่า ต้องการแก้แค้นหรือเปล่าหรืออยากระบายออกมาไหม?]”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหอเกาหมิงก็หัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน “[หึ ๆ ฉันมีหลักฐานเรื่องที่เขารับสินบนอยู่ในมือ นั่นคือสิ่งที่เจอมาเมื่อสามวันก่อน ฉันคิดว่าชายคนนี้จะกล้ายุ่งกับนาย และคิดว่านายต้องเล่นงานเขากลับอย่างแน่นอน หลักฐานเหล่านี้เป็นอาวุธอย่างดีเพื่อใช้ในการจัดการเขา เป็นไง ต้องการมันไหม?]”
“นายกำลังยื่นข้อเสนอนี่”
ฟางชิวเอ่ยตอบทันที
“ไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน!”
คนในสายกล่าวต่อ “[เดิมทีเราเป็นพี่น้องกัน ฉันไม่ควรขอเงินนาย แต่พรุ่งนี้ฉันจะเข้าร่วมการพบปะกับคนในแวดวงศิลปะการต่อสู้ ครั้งนี้มีปรมาจารย์มาด้วย จึงจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับซื้อโควตาเพื่อที่จะได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ท่านนี้ เพราะแบบนี้ฉันเลยไม่มีทางเลือก ช่วยบริจาคให้คนยากจนเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ]”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มพลันนึกถึงช่วงการแข่งขันในครั้งนั้น
“หมอนี่คงไม่ได้จะสู้กับฉันหรอกใช่ไหม”
เมื่อคิดเช่นนี้ในใจ เขาก็นิ่งงันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เขายังไม่ทันคิดให้ดีเลยว่าจะเอาหรือไม่!
หากแต่ชายคนนี้คิดเรื่องที่จะใช้เงินแล้ว!
“ราคาเท่าไหร่?”
ฟางชิวถาม
“[ห้ามพูดนะว่าไม่เห็นแก่มิตรภาพของการเป็นพี่น้องกัน!]”
เหอเกาหมิงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย “[ค่านักสืบคราวนี้ฉันจะไม่คิด แล้วหลักฐานนี่ก็จะลดราคาให้ด้วย ให้ฉันหนึ่งหมื่นก็พอ]”
ฟางชิว “…”
หนึ่งหมื่นหยวน ยังมีหน้ากล้าบอกว่าถูก?
“ฉันว่านี่ยังแพงไป นายลดให้ได้เท่าไหร่”
ชายหนุ่มต่อรอง
“[แบบนั้นคงจะไม่ได้]”
อีกฝ่ายตอบกลับสบาย ๆ “[นายก็รู้ว่าฉันทำธุรกิจโดยขึ้นอยู่กับอารมณ์เสมอ ถ้าฉันอารมณ์ไม่ดี ถึงนายจ่ายเงินมา นายอาจจะไม่ได้ของก็ได้]”
“ส่งหมายเลขบัญชีของนายมาให้ฉัน แล้วฉันจะโอนเงินให้เดี๋ยวนี้”
มุมปากของฟางชิวคว่ำลงพร้อมเอ่ยตอบ
“ดี!”
เหอเกาหมิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางสายไป
เกือบจะทันทีที่เขาวางสาย ฟางชิวก็ได้รับข้อความพร้อมหมายเลขบัญชี
…หน็อย เป็นเรื่องเงินแล้วเร็วเชียวนะ!
หลังจากนั้น ฟางชิวก็โอนเงินให้เขาทันที
หลังจากโอนเงินเรียบร้อย
เหอเกาหมิงก็ส่งข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ว้าว ฉันเห็นเงินเข้าบัญชีแล้วล่ะ หลักฐานที่นายขอก็น่าจะไปถึงแล้วเหมือนกัน’
ก่อนที่ฟางชิวจะได้ตอบอะไร
ในตอนนั้นเองก็มีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
“ฮัลโหล?”
ฟางชิวรับสาย
“[สวัสดีครับ พัสดุมาส่งครับ ช่วยมาเซ็นรับด้วยครับ]”
“คุณอยู่ตรงไหนครับ?”
ฟางชิวเอ่ยถาม
ขณะในใจก็ชื่นชมเหอเกาหมิงไม่น้อย ร้ายกาจจริง ๆ เงินไม่ไปของก็ไม่มาสินะ!
“[หน้ามหาวิทยาลัยครับ ยามไม่ให้ผมเข้าไปครับ]”
อีกฝ่ายตอบกลับมา
“โอเค รอสักครู่ เดี๋ยวผมออกไปครับ”
หลังจากกล่าวจบ ชายหนุ่มก็วางสายก่อนจะรีบไปยังประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อมาถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็รับพัสดุมาและกำลังจะกลับไป ทว่า…
“นี่… นักศึกษา! เดี๋ยวก่อน”
คนส่งพัสดุส่งเสียงดังไล่หลังมา “คุณยังไม่ได้ชำระค่าบริการ พัสดุนี้เป็นแบบเก็บเงินปลายทางน่ะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางชิวก็ทำได้เพียงสบถออกมา!
เหอเกาหมิง หมอนี่ไม่ยอมจ่ายกระทั่งค่าส่งพัสดุแค่สิบหยวนอย่างนั้นหรือ?
ให้ตายเถอะ แม่เจ้า!!
ขี้เหนียวเกินไปไหม?
เช่นนั้นชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกนอกจากควักเงินจ่าย
หลังจากคนส่งพัสดุออกไป เขาก็รีบเปิดดูของด้านในทันที และพบว่าหลักฐานทั้งหมดอยู่ในซองเอกสารซองหนึ่ง
หลักฐานนี้ค่อนข้างละเอียด
เดาว่าเหอเกาหมิงใช้ความพยายามกับเรื่องนี้ไปไม่น้อยทีเดียว
เมื่ออ่านจบ ฟางชิวก็หยิบกระเป๋าเอกสาร ก่อนเดินออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปทำสำเนาเอกสารนี้ในที่ลับนอกมหาวิทยาลัย
เสร็จแล้วจึงกลับหอพัก
ตอนเย็น…
ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกหนัก ดาวเดือนล้วนเลือนหาย
หลังจากที่รูมเมตทั้งสามหลับไปทีละคน ฟางชิวก็ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะออกจากหอพักพร้อมกับสำเนาหลักฐานการติดสินบนของจางซินหมิง
จุดหมายคืออาคารสำนักงาน ฝ่ายบริหาร
ด้วยเป็นเวลาแห่งการพักผ่อน ทั้งมหาวิทยาลัยจึงเงียบสงัด
ขณะนี้มีเงาสีทมิฬกำลังเคลื่อนผ่านเข้ามาในมหาวิทยาลัย
เมื่อมาถึงอาคารสำนักงาน ฟางชิวก็ทะยานขึ้นไป ก่อนจะกระโจนเข้าไปในสำนักงานของเฉินอินเซิงทันที
และทิ้งกองหลักฐานไว้
เพียงครู่เดียวก็จากมา…
เหตุผลที่เขาถ่ายสำเนาหลักฐานไว้ชุดหนึ่งก็เพื่อดูว่าเมื่อทราบแล้วว่าจางซินหมิงเป็นทั้งคนวางยาพิษ ทั้งยังรับสินบน เขาจะจัดการกับจางซินหมิงได้หรือไม่
วันต่อมา
เวลาแปดโมงเช้า เฉินอินเซิงมาที่สำนักงาน แต่ทันทีที่เปิดประตูไปก็พบว่ามีเอกสารอยู่บนโต๊ะ
เขาหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาอ่านด้วยความสงสัย
แต่หลังจากอ่านแล้ว…
ข้อมูลจากเอกสารดังกล่าวได้สร้างความตกใจให้เขาไม่น้อย
ขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เฉินอินเซิงก็รีบเก็บเอกสารลงในลิ้นชัก จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ดูแลอาคารสำนักงานในทันที
“เหล่าหลี่ เมื่อวานหลังเลิกงานมีใครเข้ามาในห้องทำงานผมบ้างไหมครับ?”
ทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย เฉินอินเซิงก็เอ่ยถามอย่างเร่งรีบ
“เอ่อ… ไม่มีนะครับ”
ผู้ดูแลอาคารสำนักงานเอ่ยตอบกลับมา
“เป็นไปไม่ได้!”
เฉินอินเซิงขมวดคิ้วมุ่นพร้อมเอ่ยคำ “มีเอกสารใหม่มาอยู่ในทำงานของผม ต้องมีคนตั้งใจเอาเอกสารมาวางที่นี่เมื่อวานนี้ ยังไงคุณช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่าเป็นใคร”
“ครับ เดี๋ยวผมไปตรวจสอบให้เดี๋ยวนี้”
ผู้ดูแลอาคารตอบรับ
ผ่านไปชั่วครู่
โทรศัพท์ก็ส่งเสียงดังขึ้น
“ใครเป็นคนพูดครับ?”
เฉินอินเซิงรับสายพร้อมเอ่ยถาม
“รองอธิการบดีเฉิน คุณเอาเอกสารไปไว้เองแล้วลืมหรือเปล่าครับ ผมตรวจสอบการเฝ้าระวังทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานที่คุณออกจากที่ทำงานจนถึงเช้านี้ ไม่มีใครเข้ามาในห้องทำงานของคุณจริง ๆ”
ผู้ดูแลอาคารเอ่ยตอบ
“ไม่มีใครมางั้นเหรอ?” เฉินอินเซิงเลิกคิ้วด้วยความฉงน “โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
ว่าแล้วจึงวางสายไป
จากนั้นเขาก็หยิบหลักฐานออกมาจากลิ้นชักอีกครั้ง ก่อนจะอ่านอย่างละเอียด
ผลลัพธ์คือ…
ยิ่งอ่าน อารมณ์ของเขาก็ยิ่งเดือดดาล!
ใครจะคาดคิดว่า จางซินหมิงจะรับสินบนจากนักศึกษา และผู้ปกครองของนักศึกษาโควตาเพื่อช่วยให้นักศึกษาคนนั้นสอบเข้ามายังมหาวิทยาลัย โดยมีเขาเป็นผู้ดูแล ทั้งยังมีประวัติการทุจริตอีกมากมาย
ไม่เพียงแค่นั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภรรยาของจางซินหมิงที่ทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพย์สินและพัสดุของมหาวิทยาลัย ทุกครั้งที่มหาวิทยาลัยมีการจัดซื้ออุปกรณ์ เธอจะประเมินราคาและซื้อในราคาที่แพงกว่าปกติเพื่อกินส่วนต่าง ทั้งยังมีหลายครั้งที่ถึงกับเจรจากับผู้ผลิตเพื่อที่จะรับเงินใต้โต๊ะ
“กล้าดียังไง!”
เมื่ออ่านจนถึงหน้าสุดท้าย ใบหน้าของเฉินอินเซิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ทั้งยังฟาดเอกสารในมือลงบนโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์
ในคราแรกคิดว่าควรต่อสายโทรศัพท์เดี๋ยวนี้
เขาเอื้อมมือออกไป ก่อนจะหยุดชะงักลง
ไม่ได้!
เขายังไม่สามารถรายงานขึ้นไปได้ในตอนนี้
หากเรื่องนี้ถูกรายงานออกไป ทางมหาวิทยาลัยจะได้รับผลกระทบไม่น้อยอย่างแน่นอน ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เขาจะทำให้มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไม่ได้เด็ดขาด!
ฉันรับผิดชอบงานส่วนบุคคล เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ฉันดำรงตำแหน่ง คนสุดท้ายที่ต้องรับโทษก็ยังคงเป็นฉัน!!
หากไม่สามารถรายงานได้…
เมื่อคิดถึงจุดนี้
เฉินอินเซิงก็ครุ่นคิดพร้อมคว้าหลักฐานบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง
“ใครส่งมา”
เขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิด
ฟางชิว!
“คงไม่ใช่เขาหรอกใช่ไหม?”
หัวใจของเฉินอินเซิงพลันสะดุด ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมเอ่ยคำ “เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งจะทำอะไรได้ เขาจะเอาข้อมูลมากมายและละเอียดเช่นนี้มาจากไหน?”
“แต่นอกจากความจริงที่ว่าเขามีปัญหากับจางซินหมิงในช่วงที่ผ่านมาแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก?”
เฉินอินเซิงบ่นพึมพำ สายตาของเขาพลันมองไปยังโทรศัพท์บนโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ตัดสินผิดดีกว่าข้อมูลรั่วไหล โทรไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนดีกว่า!”
เฉินอินเซิงรีบค้นหาข้อมูลหลักสูตรของฟางชิวทางออนไลน์ ก่อนจะพบว่าชายหนุ่มไม่มีชั้นเรียนในคาบแรกของเช้าวันพฤหัสบดี ดังนั้นเขาจึงคว้าโทรศัพท์พร้อมกดเบอร์โทรศัพท์ของฟางชิวทันที
“[ฮัลโหลครับ?]”
ฟางชิวซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ในหอพักเห็นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงรับสาย แล้วกล่าวว่า “สวัสดีครับ ใครครับ?”
“[นักศึกษาฟางชิว ฉันเอง รองอธิการบดีเฉิน เฉินอินเซิง]”
เฉินอินเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ ท่านรองอธิการบดี”
ฟางชิววางหนังสือในมือก่อนจะเอนหลังพิงพนักอย่างสบาย ๆ แล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก “โทรหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
“[เธอคิดอย่างไรเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยระดับมณฑลที่ฉันบอกเธอเมื่อคราวที่แล้ว]”
เฉินอิงเซิงเอ่ยถาม
“ไม่ไปครับ”
ฟางชิวตอบอย่างชัดเจน
“[ในเมื่อเธอแน่วแน่แบบนี้ ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ]”
เฉินอินเซิงหัวเราะแห้ง ๆ จากนั้นรีบเอ่ยคำ “เมื่อวานเธอมาที่ห้องทำงานของฉันหรือเปล่า?”
“ไปที่ห้องทำงานของคุณหรือครับ? ผมไม่ได้ไปนะครับ”
ฟางชิวเอ่ยตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ
“[อย่างนั้นหรือ]”
เฉินอินเซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “[เธอคิดอย่างไรกับรองอธิการบดีจางซินหมิง]”
หึ …ถามเข้าประเด็นแล้วสินะ?
รอยยิ้มบนมุมปากของฟางชิวเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “ผมไม่ค่อยเห็นเขาเลยไม่ค่อยรู้จักดีนัก ทำไมถึงถามเรื่องนี้เหรอครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
“[มหาวิทยาลัยกำลังจะทำแบบสำรวจของผู้บริหารทุกคน ฉันก็นึกถึงเธอจึงมาถามจากก่อน]”
เฉินอินเซิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยตอบ
“อย่างนี้นี่เอง”
ฟางชิวตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “ท่านรองอธิการช่วยบอกผมหน่อยสิครับว่าใครเป็นคนวางยาผม คนคนนี้ก่ออาชญากรรมไปแล้ว หากว่ากันตามกฎหมายแล้วเขาจะต้องติดคุก หากทราบความจริงแล้ว แต่ท่านต้องการปกปิดไว้จริง ๆ หรือครับ แต่หากยังไม่รู้ตัวคนร้าย ผมคงต้องแจ้งตำรวจ!”
นี่คือคำขาด!
หลักฐานอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว สิ่งที่ชายคนนี้ทำนอกเหนือจากการวางยาพิษ คุณยังอยากจะปกป้องเขาอีกหรือ?