คุรุการแพทย์ – บทที่ 187 หลักฐานถูกเผยแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย!

คุรุการแพทย์

บทที่ 187 หลักฐานถูกเผยแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย!

บทที่ 187 หลักฐานถูกเผยแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัย!

“ขอบคุณครับผู้อาวุโส” หลังจากฟังฟางชิวอธิบายแล้ว ผู้อาวุโสอี้ก็รู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นมาก

ณ ด้านล่างสนามประลอง

ผู้ชมต่างรีบจดสิ่งที่ฟางชิวอธิบายไปเมื่อครู่นี้ เพราะกลัวจะหลงลืม

ด้วยบทเรียนในอดีตของชายลึกลับ พวกเขาจึงจำได้อย่างชัดเจนว่ากิเลสเป็นปัญหาร้ายแรงในศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงต้องเอาชนะมันเพื่อการฝึกฝน มิฉะนั้นจะไม่สามารถเลื่อนระดับขั้นได้!

“ผมมีคำถามอีกข้อ” ผู้อาวุโสอี้มองไปที่ฟางชิวด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น “เนื่องจาก คุณสามารถหาจุดสำคัญของการพัฒนาระดับการต่อสู้ได้ ดังนั้นมีจุดสำคัญอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับการต่อสู้ที่สูงกว่าด้วยหรือไม่”

หลังจากที่ผู้อาวุโสอี้ถามคำถาม เหล่าผู้ชมก็เงียบไปทันที เนื่องจากเวลานี้พวกเขากำลังมองไปยังฟางชิวเป็นสายตาเดียวเพื่อรอคำตอบ

เพราะพวกเขาก็อยากรู้เหมือนกัน!

“การพัฒนาระดับการต่อสู้ที่สูงกว่า?” ฟางชิวหัวเราะออกมาเบา ๆ และส่ายหัว “วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ก็คือ การต่อสู้กับความยากลำบาก”

เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาทุกคนก็พยักหน้าเข้าใจและคิดตาม

หากผู้ฝึกยุทธ์ต้องการพัฒนา มันก็เหมือนกับปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร*[1] เพราะก่อนที่ปลาหลีฮื้อจะกระโดดข้ามประตูมังกรก็ต้องว่ายทวนน้ำเพื่อฝ่าฟันความยากลำบากเสียก่อน

“แต่ถ้าพวกคุณต้องการวิธีการละก็…” ฟางชิวหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสริมว่า “คำพูดของเม่งจื๊อ*[2] ก็คือวิธีการเหมือนกัน”

ผู้อาวุโสอี้ผงะไปทันที

คำพูดของเม่งจื๊อ?

อะไรนะ?

ผู้ชมก็รู้สึกสับสนเช่นกัน

เม่งจื๊อเป็นคนที่นับถือลัทธิขงจื๊อ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิเต๋าและศิลปะการต่อสู้เลย ดังนั้นคำพูดของเม่งจื๊อจะเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาตนเองได้อย่างไร?

ในเวลานี้ ทุกคนกำลังสับสนเล็กน้อย พวกเขาไม่รู้ว่าฟางชิวหมายถึงอะไร

“มันทำไมเหรอครับ?” ผู้อาวุโสอี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คำพูดของเม่งจื๊อคืออะไร ผู้อาวุโสช่วยบอกฉันหน่อย”

“เม่งจื๊อฝึกยุทธ์ต่อสู้ด้วยเหรอ?”

“ไร้สาระ เม่งจื๊อนับถือลัทธิขงจื๊อไม่ใช่นักดาบพเนจรสักหน่อย!”

“แล้วเม่งจื๊อพูดว่าอะไรล่ะ”

ทุกคนผลัดกันถามต่าง ๆ นานา

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดาราพร่างพราว ก่อนจะพูดว่า “เมื่อสวรรค์กำลังจะมอบความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ให้กับชายคนหนึ่ง…”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ฝูงชนก็พูดไม่ออกทันที

ประโยคนี้ยังต้องให้มาพูดให้ฟังอีกหรือ?

เนื่องจากทุกคนที่นี่สามารถท่องประโยคนี้ได้ และประโยคนี้มันก็เกี่ยวกับความทุกข์ไม่ใช่เหรอ?

อย่างไรก็ตาม ทุกข์นั้นต้องใช้วิธีที่ถูกต้องในการเอาชนะ เมื่อเอาชนะได้อย่างถูกวิธี มันก็คุ้มค่ากับความเจ็บปวด

มันจะเสียเวลามาก ถ้าใช้ชีวิตในทางที่ผิด แม้จะไม่สำคัญสำหรับคนธรรมดาว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตในทางที่ผิดหรือไม่ แต่สำคัญสำหรับผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้

เพราะพวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์…

ในสายตาของพวกเขาแล้ว การเสียเวลาเท่ากับการเสียโอกาส

สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ประโยคนี้มีความหมายที่แตกต่างออกไป

“นั่นคือทั้งหมดสำหรับพวกคุณ โปรดคิดกันเอาเอง” เมื่อเห็นทุกคนผิดหวัง ฟางชิวก็ส่ายหัวอย่างใจเย็น “ฉันต้องไปแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน!” ผู้อาวุโสอี้รีบเดินไปขวางทางฟางชิว “ขออนุญาตถามนะครับ ตอนนี้ผู้อาวุโสอยู่ในระดับการต่อสู้ไหนแล้ว?”

ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสอี้เท่านั้นที่สงสัย แต่ทุกคนต่างก็สงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฟางชิวเช่นกัน

เมื่อได้ยินคำถามของผู้อาวุโสอี้ ทุกคนก็เงียบลงรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ และกลัวที่จะพลาดคำตอบของฟางชิว

ไม่มีใครคาดคิดว่าฟางชิวกลับคลี่ยิ้มออกมาและกล่าวเพียงสั้น ๆ “ลองเดาดูสิ!”

หลังจากที่สิ้นเสียง ทุกคนก็ยังไม่ได้สติกลับมา และแม้แต่ผู้อาวุโสอี้ยังไม่ทันได้ขยับตัว ร่างของชายหนุ่มก็สว่างวาบและค่อย ๆ ลอยหายไป

“ผู้อาวุโส คุณจะมาที่นี่ในสัปดาห์หน้าไหม?” ผู้อาวุโสอี้รีบหันไปมองร่างของฟางชิวที่จางหายไปในความมืด “ผมจะจัดเตรียมปรมาจารย์สองสามคนเพื่อแข่งขันกับคุณ ผู้อาวุโสคิดว่าอย่างไรครับ?”

หลังจากนั้นไม่นาน

“แล้วแต่อารมณ์…” ในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไกลโพ้นมีถ้อยคำไม่กี่คำลอยมาตามสายลม

ฝูงชนตกตะลึงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

แล้วแต่อารมณ์?

นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม หากคิดอย่างรอบคอบ ผู้อาวุโสลึกลับผู้นี้มีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา

“ฉันมีเงินมากมายสำหรับการขอบคุณการทำงานหนักของคุณ ผู้อาวุโสโปรดอย่าลืมมารับมันในสัปดาห์หน้า!” ผู้อาวุโสอี้ตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงสะท้อนตอบกลับมา และความเงียบสงัดก็ปกคลุมพื้นที่แห่งนี้อีกครั้ง

สาเหตุแรกที่ทำให้พูดไม่ออกคือ ฟางชิวจากไปอย่างรวดเร็วจนรู้สึกว่าอยากให้เขาพูดอะไรมากกว่านี้ และถ้าชายหนุ่มอยู่ที่นี่ต่อไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์ เดือนหรือปีก็ตาม พวกเขาก็จะอยู่!

เพราะนาน ๆ ครั้งจะมีโอกาสพบเจอปรมาจารย์ที่มีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

นอกจากนี้ การมีปรมาจารย์ในระดับนี้คอยให้คำแนะนำมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากจึงไม่ต้องการพลาดโอกาสใด ๆ

สำหรับสาเหตุที่สองก็คือ ผู้อาวุโสอี้ทำให้พวกเขารู้สึกพูดไม่ออก

ในเมืองเจียงจิง ชื่อเสียงของผู้อาวุโสอี้เป็นที่โด่งดังมาก เขาได้รับความเคารพจากผู้คนนับไม่ถ้วนในแวดวงศิลปะการต่อสู้ และผู้คนก็มองว่าเขาเป็นคนที่สงบและเคร่งขรึมมาก แต่สิ่งที่ผู้อาวุโสอี้พูดในตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามหลอกล่อฟางชิวอยู่

ถ้าประโยคนั้นออกมาจากปากของคนอื่น ผู้คนก็จะไม่สนใจมันเลย แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป เพราะประโยคนั้นออกมาจากปากของผู้อาวุโสอี้!

ฝูงชนไม่คาดคิดว่าเขาจะมีด้านที่ฉลาดแกมโกงด้วย ไม่แปลกใจเลยที่จะหาเงินได้มากมายขนาดนี้!

เมื่อฟางชิวจากไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ในคฤหาสน์ก็แยกย้ายกันจากไปเช่นกัน

สิ่งที่ได้ยินในวันนี้มีค่ามากเกินไปจริง ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบกลับไปฝึกฝนกับนำไปใช้ให้ดี แล้วตรวจสอบว่าสิ่งที่ชายสวมหน้ากากนิรนามพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่

มันน่าแปลกที่วันนี้ในเว็บบอร์ดของผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองเจียงจิงเงียบสงบมาก มันไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนเลย…

ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่งานชุมนุมและงานแสดงสินค้าสิ้นสุดลง จะมีคนรีบไปที่เว็บบอร์ดเพื่อเผยแพร่ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการงานชุมนุมและงานแสดงสินค้า

แต่ทำไมคราวนี้ถึงไม่มีใครโพสต์อะไรเลยล่ะ

[ทำไมเงียบจัง]

[เกิดอะไรขึ้น? ใครมีข้อมูลเกี่ยวกับงานชุมนุมบ้าง]

[คนทั้งหมดอยู่ที่ไหนแล้ว? ไปตายกันหมดแล้วเหรอ?]

[ชายสวมหน้ากากลึกลับปรากฏตัวในการชุมนุมนี้ด้วยไหม?]

[ใครก็ได้ ได้โปรดบอกฉันที! คนที่สวมหน้ากากคนนั้นแข็งแกร่งอย่างที่ตำนานกล่าวไว้จริงไหม?]

หลายคนกำลังรอฟังข่าวจากเว็บบอร์ด กระทั่งรอทั้งคืนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ไปอยู่ไหนกันหมด?

คนที่เข้าร่วมในการชุมนุมอยู่ที่ไหนแล้ว?

อยู่ไหนน่ะเหรอ? พวกเขาก็กลับบ้านไปเพื่อตรวจสอบความจริงอยู่อย่างไรล่ะ!

เนื่องจากคำแนะนำของฟางชิวมีเยอะเกินไป พวกเขาจึงต้องตรวจสอบทีละข้อก่อนที่จะรู้ว่าถูกหรือผิดกันแน่

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยวิธีการที่ดีเช่นนี้ ใครจะไม่อยากรักษาเอาไว้เหมือนสมบัติล่ะ พวกเขาจะเอาไปอวดให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร?

หลังจากคำถามในเว็บบอร์ดไม่มีคำตอบกลับ ผู้คนในเว็บบอร์ดก็ค่อย ๆ เงียบไป

เงียบจนน่าขนลุกเลยล่ะ

ในขณะที่ฟางชิวออกจากการชุมนุมแล้ว เขาก็ตรงกลับไปที่มหาวิทยาลัยทันที

ในหอพัก ซุนฮ่าว โจวเสี่ยวเทียน และจูเปิ่นเจิ้งไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว

ฟางชิวจึงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเตรียมอ่านหนังสือสักพัก แล้วค่อยฝึกพลังจิตต่อ แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้เลยเปิดโน้ตบุ๊ก เพื่อเข้าสู่ระบบในเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัย

“หืม?” เมื่อเรียกดูข้อมูลแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มก็พลันมืดมน เพราะพบว่ามหาวิทยาลัยยังคงใช้การลงโทษจางซินหมิงให้หยุดพักปฏิบัติหน้าที่เพราะปัญหาสุขภาพอยู่เหมือนเดิม นอกนั้นก็ไม่มีการอัปเดตอะไรเพิ่มเติม

“เหอะ ๆ” ฟางชิวหรี่ตาแค่นเสียงและกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ในเมื่อไม่มีใครกล้าลงโทษเขา ถ้างั้นฉันจะทำเอง!”

วันรุ่งขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบก็เริ่มมีเสียงดังขึ้น

มีนักศึกษาคนหนึ่งที่มาออกกำลังกายตอนเช้า และพบว่ามีประกาศใหม่จึงเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นเขาก็ตกใจกับสิ่งที่เห็น

ต่อมาทุกคนก็พบว่ากระดานข่าวทั้งหมดในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยประวัติอาชญากรรมของจางซินหมิง!

ความเลวเสื่อมทรามทั้งหมดของจางซินหมิงได้อยู่บนกระดานข่าวแล้ว และข้อมูลทุกอย่างก็ละเอียดมาก เพราะมีการระบุ วัน เวลาและสถานที่อย่างชัดเจน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว เพราะถ้าไม่ใช่ฟางชิวแล้วจะเป็นใครได้อีก

แน่นอนว่าก่อนที่จะปล่อยข่าว ชายหนุ่มก็จงใจปกปิดชื่อของนักศึกษาเหล่านั้นที่ถูกจางซินหมิงติดสินบน รวมถึงนักศึกษาที่ขอติดสินบนกับจางซินหมิงด้วย

บรรยากาศที่มีเสียงดังนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของอาจารย์และคณะผู้บริหารเลย

แต่แล้ว ในตอนเช้าเมื่อพนักงานทำความสะอาดเข้ามาเห็นป้ายประกาศ พวกเขาจึงรีบรายงานเรื่องนี้ให้เหล่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทราบทันที

เจ็ดโมงเช้า

ขณะที่เฉินอินเซิงเพิ่งทานอาหารเช้าที่บ้านเสร็จ และกำลังจะไปมหาวิทยาลัย จู่ ๆ โทรศัพท์ก็แผดเสียงร้องดังขึ้น

‘ดู ดู ดู…’

“ฮัลโหล?” หลังจากขัดรองเท้าหนังเสร็จแล้ว เฉินอินเซิงก็รับสายโทรศัพท์

“[ท่านรองอธิการบดีครับ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว]” เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากปลายสาย

“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินอินเซิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ค่อย ๆ พูด อย่ารีบร้อน!”

“[กระดานข่าว…]” ปลายสายกล่าวอย่างร้อนรน “[บนกระดานข่าวเต็มไปด้วยประวัติอาชญากรรมของจางซินหมิง รองคณบดีคณะการแพทย์แผนจีนครับ!!]”

“ประวัติอาชญากรรม!” เฉินอินเซิงหน้าถอดสี จากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นยืนและถามว่า “ประวัติอาชญากรรมอะไร”

“[ประวัติอาชญากรรมที่รองคณบดีจางซินหมิงขอสินบนและรับสินบน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับภรรยาของเขาที่ได้รับสินบนจากมหาวิทยาลัยด้วย พวกเราจะทำอย่างไรดีครับ ท่านรองอธิการบดี]” ผู้บริหารปลายสายคนนั้นเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

“รีบไปฉีกข่าวพวกนั้นออกจากให้หมดซะเดี๋ยวนี้! และอย่าให้เหลือแม้แต่แผ่นเดียว คุณต้องกำจัดข่าวพวกนั้นให้หมดก่อนที่ชั้นเรียนจะเริ่ม!”

ดวงตาของเฉินอินเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง “ในเว็บบอร์ดก็ด้วย! รีบติดต่อฝ่ายเครือข่ายของมหาวิทยาลัยโดยด่วน คุณต้องปิดข่าวให้ไวเลย ห้ามปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกมาเด็ดขาด แล้วอย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าใครเป็นคนทำ!”

“[รับทราบครับ ผมจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้]” รับคำเสร็จ ปลายสายก็กดวางไป

เมื่อเฉินอินเซิงวางโทรศัพท์แล้ว เขาก็ล้มลงตัวนั่งบนโซฟาด้วยความงุนงง

“ข่าวนี้จะปล่อยให้เผยแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด”

“ไม่ได้…” เฉินอินเซิงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

เวลานี้ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เฉินอินเซิงเคยจินตนาการไว้ได้ปรากฏขึ้นแล้ว

เฉินอินเซิงคิดว่าการปล่อยให้จางซินหมิงพักผ่อนเป็นเวลาครึ่งปีจะทำให้ทุกอย่างซาลงได้ แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือเด็ดขาดแบบนี้

เผยแพร่ออกไปแล้ว!

อย่างไรซะ มันต้องเป็นเรื่องอื้อฉาวแน่นอน!

และเป็นเรื่องอื้อฉาวของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง!

หากพวกนักศึกษารู้เหตุผลก่อนที่จะตัดสินโทษของจางซินหมิงละก็ ในฐานะรองอธิการบดี เฉินอินเซิงจะต้องกลายเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือคนร้าย

และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยก็จะพังพินาศ!

เฉินอินเซิงรู้สึกกังวลจริง ๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะเขาไม่รู้ว่าใครมีหลักฐาน

เวลาเจ็ดโมงครึ่ง

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฟางชิวก็ไปเรียนคาบเช้าพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขนด้วยความเบิกบานใจ

แต่พอเดินผ่านกระดานข่าวก็ต้องพบว่าข้อมูลถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

คิดว่ามันจะจบหรืออย่างไร?

ทำไมไม่ลงมือปฏิบัติจริงบ้างล่ะ?

ฟางชิวแสยะยิ้มและเดินตรงไปที่ห้องเรียน

เขาจะให้เวลาพวกผู้บริหารตลอดเช้านี้ และถ้ายังไม่มีมาตราการแก้ไขอีกละก็ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็จะมาถึงทันที!

[1] ปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร หมายถึง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

[2] เม่งจื้อคือ เป็นนักปราชญ์ชาวจีนท่านหนึ่ง

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท