บทที่ 195 บันทึกความผิด! คำเตือนที่ร้ายแรง!
บทที่ 195 บันทึกความผิด! คำเตือนที่ร้ายแรง!
คราวนี้ หานซิ่งหมินกลับรู้สึกหวาดกลัว
ด้านหนึ่ง ยามรักษาความปลอดภัยก้าวเข้ามาขวางนักศึกษาไว้ทันที ด้วยเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนเป็นเรื่องใหญ่
“พวกเธอ…”
หานซิ่งหมินกัดฟันด้วยความเคียดแค้นก่อนกวาดสายตามองไปยังนักศึกษาที่มารวมตัวกันอีกครั้ง เขาซึ่งรู้ว่าหากพูดต่อไปจะสร้างความขุ่นเคืองใจต่อฝูงชน จึงทำได้เพียงชี้นิ้วไปยังฟางชิวด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่อ แล้วเอ่ยคำ ” ก็ได้ ฉันจะรอดูว่าพวกเธอจะอยู่อดทนได้นานแค่ไหน รอให้มหาวิทยาลัยมาจัดการกับพวกเธอทีละคน!”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป หันกลับอย่างเร่งรีบแล้วจากไป
ก่อนจากไป เขายังส่งสายตาอาฆาตให้ฟางชิว
“เฮ้อ~”
“มาเรียนกันต่อ!”
“ดีจัง เรียนต่อไปได้แล้ว!”
ทันทีที่หานซิ่งหมินจากไป ทุกคนพลันส่งเสียงเชียร์กึกก้อง
ในความคิดของพวกเขา การที่สามารถขับไล่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยออกไปได้นั้นคุ้มค่าที่จะกลับไปคุยโว
ผู้บริหารเหนือหัวของพวกเขาไม่เคยไร้อำนาจเท่าวันนี้มาก่อน
รู้สึกดีเป็นบ้า!
ฟางชิวหัวเราะออกมาเช่นกัน จากนั้นก็ดำเนินการสอนต่อ
จนกระทั่งเวลาหนึ่งทุ่ม ฟางชิวรักษาผู้ป่วยทั้งหมดเสร็จสิ้นรวมถึงอธิบายที่กรณีศึกษา
เขาไม่ปล่อยให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติ ข้อแรกคือยังไม่ถึงเวลา สองคือกลัวว่าจะมีอะไรผิดพลาด
ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องรับผิดชอบต่อคนขับรถเหล่านั้น
“เอาล่ะ วันนี้จบลงเท่านี้”
หลังจากขอบคุณและส่งคนขับรถออกไปแล้ว ฟางชิวจึงกล่าวกับกลุ่มนึกศึกษา “ขอบคุณทุกคนที่มา ขอบคุณมาก!”
หลังกล่าวจบจึงโค้งคำนับอย่างนอบน้อมและเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องคล้ายกำลังชมเชย
“เทพฟางชิว?”
ขณะที่เสียงปรบมือเงียบลง จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝูงชนถามว่า “ชั้นเรียนต่อไปเปิดเมื่อไหร่เหรอ?”
“ทุกคนรอการประกาศนะ”
ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ไม่รู้ว่าชั้นเรียนครั้งต่อไปจะจัดขึ้นเมื่อใด
…เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นเพียงกิจกรรมชั่วคราว
เหล่านักศึกษาพูดคุยกันอีกสองสามคำก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
เมื่อทุกคนออกไป ฟางชิวจึงฉวยโอกาสในนาทีสุดท้ายเพื่อไปที่โรงอาหารเพื่อทานข้าวเย็นให้เสร็จก่อนที่จะกลับไปยังหอพัก
ตอนค่ำ
เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยครื้นเครงไม่น้อย
หลายคนในเว็บบอร์ดเอ่ยถึงสิ่งที่พวกเขาได้รับประโยชน์จากการชั้นเรียนของฟางชิว
มีคนกล่าวว่าแม้ว่าพวกเขาจะเคารพอาจารย์ของพวกเขา แต่การเรียนกับฟางชิวนั้นไม่เลวเลย
แน่นอนว่า… หนึ่งในนั้นกล่าวถึงการที่มหาวิทยาลัยที่ปิดกั้นเรื่องนี้
เป็นผลให้มันถูกหยิบยกขึ้นมาซึ่งนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ในทันที
“หัวหน้าฝ่ายวิชาการแปลกทีเดียว ตอนเราไม่อยากเรียนก็บังคับให้เรียน พออยากเรียนขึ้นมากลับไม่ยอมให้เรียน!”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ห้ามนักศึกษาไม่ให้เรียนหนังสือ หานซิ่งหมินคนนี้ช่างแปลกนัก”
“เฮ้อ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ก็เหมือนกันหมด ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ ช่างไร้สมองเสียจริง!”
…
หลายคนพูดถึงหานซิ่งหมินที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างออกรส
ครั้งนี้ ทุกคนยังได้เห็นว่าการจัดกระดูกของฟางชิวยอดเยี่ยม สมกับชื่อเสียงที่เลื่องลือจริง ๆ!
ความนิยมในเรื่องการเปิดชั้นเรียนของนักศึกษาดำเนินไปจนถึงเช้าวันจันทร์
ระหว่างทางไปห้องเรียน ยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่พูดถึงชั้นเรียนของฟางชิว
แต่ในขณะนั้นเอง ใครกันคาดคิดว่าจะมีประกาศปรากฏขึ้นบนกระดานข่าวของมหาวิทยาลัยอย่างไม่รู้ตัว
มีประกาศนี้ติดอยู่แทบทุกกระดานข่าว
ทันทีที่ประกาศนี้ปรากฏขึ้นก็เกิดเป็นเรื่องฮือฮาไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย!
นักศึกษาเกือบทุกคนต่างตกตะลึง
นักศึกษาที่เข้าร่วมชั้นเรียนเปิดของฟางชิวต่างตกใจ ทั้งยังเต็มไปด้วยความโกรธ แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมชั้นเรียนเปิดก็ยังไม่พอใจ
เพราะประกาศนี้ไร้เหตุผล
แทบจะเป็นการก้าวล้ำสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว!
[ประกาศ!]
[ฟางชิว นักศึกษาปีหนึ่งในภาควิชาการแพทย์แผนจีนของวิทยาลัยการแพทย์แผนได้จัดการชุมนุมที่ผิดกฎหมายในมหาวิทยาลัย ทั้งยังนำคนจำนวนหนึ่งจากข้างนอกเข้ามาในมหาวิทยาลัย พฤติกรรมนี้ละเมิดกฎและข้อบังคับของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงและส่งผลกระทบในทางลบ
เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาเอง เตือนผู้อื่น และรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของมหาวิทยาลัย ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของ ‘ระเบียบการของนักศึกษามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง’ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจให้นักศึกษา ฟางชิวต้องเขียนรายงานสำนึกผิด ได้รับการเตือนและการลงโทษสถานหนัก!
ฝ่ายวิชาการ
7 พฤศจิกายน 20xx]
ฟางชิวได้รับทัณฑ์บน!
นักศึกษาเกือบทุกคนล้วนตกตะลึง
“เป็นไปได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ว่าฟางชิวควรได้รับการชื่นชมเป็นพิเศษจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรอกหรือ ทำไมถึงโดนลงโทษได้?”
“การชุมนุมสาธารณะถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายได้หรือไม่?”
“มหาวิทยาลัยทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อยไหม?”
“ยิ่งกว่ากระต่ายตื่นตูมเสียอีก! นี่มันเกินไป! รังแกกันเกินไป!”
“บุคคลที่เพิ่งสร้างเกียรติยศให้กับมหาวิทยาลัยได้รับการตักเตือนและทัณฑ์บนสถานหนัก ทั้งยังออกประกาศแจ้งให้นักศึกษาทุกคนทราบ นี่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยไหม?”
“นั่นสิ ฟางชิวเพิ่งชนะการแข่งขันประลองความรู้มาแค่สัปดาห์เดียวเองนะ?”
“เป็นไปได้ไหมว่า ฟางชิวได้ทำอะไรบ้างอย่างที่ไม่ได้ประกาศออกมา”
ในชั่วขณะหนึ่ง
นักศึกษาของวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงจนไม่มีใจจะเข้าเรียนเสียด้วยซ้ำ
หลายคนเต็มไปด้วยคำถาม
ฟางชิว ผู้ชนะการแข่งขันประลองความรู้ควรกลายเป็นลูกรักของมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงถูกลงโทษแทน?
เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนโปรดของสวรรค์ถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?
คงไม่ใช่เพราะการเปิดชั้นเรียนหรอกใช่ไหม?
ในทางกลับกัน ฟางชิวผู้เป็นตัวละครหลักของเหตุการณ์ อ่านหนังสืออยู่ในห้องเรียนแต่เช้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง
หากแต่จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนที่ไปรายงานตัวที่ภูเขาเหยาหวังแต่เช้าตรู่นั้น วิ่งเข้าไปในห้องเรียนได้ทันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเริ่มชั้นเรียน
เหมือนอย่างเคย
ในชั้นเรียน ทุกคนจริงจังมากจนไม่มีใครสนใจที่จะมองไปยังฟางชิว ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องการที่ชายหนุ่มถูกลงโทษ
ในช่วงเวลาพัก โจวเสี่ยวเทียนฉวยโอกาสวิ่งออกไปเพื่อเดินเล่นรอบ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อออกไปได้ไม่นาน
โจวเสี่ยวเทียนก็รีบวิ่งกลับมา
“แย่แล้ว! แย่แล้ว!…”
เสียงตะโกนตื่นตระหนกดังออกมาจากปากโจวเสี่ยวเทียน มันดึงดูดความสนใจของนักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนให้หันไปมอง
แม้แต่ฟางชิวที่ก้มหน้าอ่านหนังสือก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
โจวเสี่ยวเทียนกระหืดกระหอบวิ่งไปหาฟางชิวและทั้งสามคนด้วยอารมณ์โกรธ
“เรื่องอะไร บอกฉันมาสิ!”
ซุนฮ่าวรีบถาม
“น้องเล็ก… น้องเล็กโดนลงโทษ!”
โจวเสี่ยวเทียนมองไปยังฟางชิวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมเอ่ยต่อ “ฉันเพิ่งได้ยินจากนักศึกษาข้างนอกว่าน้องเล็กได้รับคำเตือนและได้รับทัณฑ์บนสถานหนักด้วย ฉันเลยวิ่งไปดูที่กระดานข่าว แล้วพบว่าฝ่ายวิชาการได้ออกประกาศไว้”
เมื่อประโยคเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา
ทุกคนในชั้นเรียนพลันตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น?”
จูเปิ่นเจิ้งยืนขึ้นพร้อมกับเสียงตวาด พลางขมวดคิ้วไปทางฟางชิวก่อนรีบเอ่ยถาม
“ประกาศระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
โจวเสี่ยวเทียนตอบกลับ
อย่างไรเสียพวกเขาล้วนเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน หลายคนรู้เรื่องชั้นเรียนฟางชิว
แต่การชุมนุมในที่สาธารณะไม่ถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ?
ครู่หนึ่ง ทุกคนต่างหันมองไปยังฟางชิว
“น้องเล็ก”
จูเปิ่นเจิ้งมองไปยังฟางชิวด้วยคิ้วที่ขมวดพลางเอ่ยถาม “นายไปทำอะไรนอกลู่นอกทางหรือเปล่า?”
“เปล่า”
ชายหนุ่มปฏิเสธจบก็รีบออกจากห้องเรียนไปที่ป้ายประกาศทันที
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนเองรีบตามไปข้างหลัง
นักศึกษาคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนล้วนรีบตามกันออกไป
…
ณ กระดานประกาศข่าว
ดวงตาของชายหนุ่มเฉยชาลงขณะที่อ่านคำในประกาศนั้นทีละคำ
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนมองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” หลังจากอ่านจบ ฟางชิวก็ยกยิ้มจาง ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก็แค่ลงโทษ ไม่ใช่ไล่ออก… ใช่ม้า”
“ฟางชิวเกิดอะไรขึ้น? นายไปยุ่งกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?”
เพื่อร่วมชั้นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
การได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกับฟางชิวเป็นทุนให้พวกเขาได้อวดกับนักศึกษาคนอื่น ๆ พวกเขาเองต่างภูมิใจที่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ใครกันคาดคิดว่าคนที่โดดเด่นเช่นนี้จะถูกมหาวิทยาลัยตักเตือนและประณาม!
และลึก ๆ แล้วพวกเขาต่างก็รู้สึกเสียใจกับฟางชิว
“นั่นสิ! จู่ ๆ นายจะโดนลงโทษได้อย่างไร นายเพิ่งชนะการแข่งขันประลองความรู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังพามหาวิทยาลัยของเราไปสู่ที่อันดับหนึ่ง จะโดนลงโทษในพริบตาได้อย่างไร?”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่เป็นไร ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง”
ฟางชิวยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้นก่อนจะหันหลังกลับ
แต่แววตาของเขากลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม
“เฉินอินเซิง!” ฟางชิวกัดฟันพูดกับตัวเอง
ใครจะนึกว่าเป็นเฉินอินเซิงที่ทำเช่นนั้นจริง ๆ
ซ้อมนักศึกษาปางตาย! นี่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนี้อย่างนั้นหรือ?
เป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ทีเดียว!
แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี!
นักศึกษาคนอื่นอาจไม่ได้สังเกต แต่โจวเสี่ยวเทียน ซุนฮ่าวและจูเปิ่นเจิ้งที่เป็นรูมเมตกับฟางชิวตระหนักได้ว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่ไม่ดี
“ฉันจำได้แล้ว”
ขณะที่ทั้งสามคนรวมตัวกัน จูเปิ่นเจิ้งพลันหรี่ตาก่อนจะกระซิบว่า “เมื่อวานน้องเล็กไม่ได้พูดหรือว่าการบรรยายสาธารณะเป็นเรื่องค่อนข้างพิเศษจึงไม่ต้องการให้เรามีส่วนร่วม”
“ไม่แปลกใจเลยที่น้องเล็กจะไม่ให้เราไป ทั้งยังไม่ยอมสอนเรา”
ซุนฮ่าวพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก
“ฉันว่าประกาศลงมาแล้ว เราคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้ว่าจะอยากทำแบบนั้นก็ตาม ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่จะยอมทนดูอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
โจวเสี่ยวเทียนกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไงดี?”
จูเปิ่นเจิ้งขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“อืม…”
ซุนฮ่าวเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยคำ ”เรื่องนี้… เราช่วยไม่ได้จริง ๆ แต่สามารถช่วยน้องเล็กได้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขาสงบลงสักหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกแย่เกินไปใช่ไหม?”
จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนพยักหน้ารับเห็นด้วย
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” ซุนฮ่าวเสนอความคิด “ชวนน้องเล็กออกไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”
จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนมองหน้าและว่ามันน่าจะเวิร์ก
“ฉันจะไปคุยกับเขา”
เมื่อตัดสินใจได้ ซุนฮ่าวจึงลุกขึ้นเดินไปหาฟางชิว
“น้องเล็ก …ออกไปกินข้าวกับพี่ ๆ นะ พวกเราเลี้ยงนายเอง”
ซุนฮ่าวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ทำไม กลัวว่าฉันจะเสียใจเหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างรู้ทัน
“แน่นอนว่าไม่ใช่ คราวที่แล้วนายเลี้ยงอาหารทะเลพวกเราไปไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เป็นตาของพี่ ๆ ที่จะเลี้ยงนาย เป็นไง ไม่น่าสนใจเหรอ?” ซุนฮ่าวเอ่ยอย่างพึงใจ
“ไม่ต้องออกไปกินข้างนอกหรอก ถ้าอยากจะเลี้ยง ไปแค่ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก็พอ นี่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ออกไปข้างนอกลำบาก”
ฟางชิวกล่าว
“ก็ได้” ซุนฮ่าวพยักหน้าก่อนเอ่ยต่อ “งั้นตกลงตามนี้นะ”
ชายหนุ่มผงกศีรษะรับเบา ๆ
อีกด้าน…
ในช่วงพัก เจียงเหมี่ยวอวี๋เป็นคนแรกที่ได้ยินประกาศเรื่องฟางชิวถูกลงโทษสถานหนัก จึงรีบไปที่ดูที่ป้ายประกาศให้ชัดกับตาตัวเอง
หลังจากได้เห็น สีหน้าพลันตื่นตระหนกขณะหัวใจบีบรัดแน่นและรีบต่อสายหาฟางชิว
“นาย…” เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เจียงเหมี่ยวอวี๋อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับพูดไม่ออก ราวกับเธอกลัวว่าจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“[มีอะไรหรือเปล่า?]” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ฉันเห็นประกาศบนกระดานข่าว นาย… โอเคไหม?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามตอบเสียงแผ่ว
“[เรื่องนั้นเหรอ ไม่เป็นไร]” ฟางชิวกล่าวเสียงอ่อน “[ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น]”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงเหมี่ยวอวี๋พยักหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “ไม่งั้น… ไปกินข้าวด้วยกันไหม ฉันเลี้ยงเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางชิวก็ยิ้มเหมือนคนบ้า
“[โทษที ช่วงสองสามวันนี้ ฉันถูกจองตัวไว้แล้วน่ะ]” ฟางชิวอธิบาย “[ซุนฮ่าวและคนอื่น ๆ จองฉันตัวล่วงหน้าแล้ว ไว้ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงเธอเอง]”
“นายไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อยืนยัน
“[วางใจเถอะ]” ชายหนุ่มรับคำหนักแน่น
“โอเค งั้นฉันวางสายแล้วนะ” เจียงเหมี่ยวอวี๋ค่อนข้างผ่อนคลาย ความกังวลใจสงบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากบอกลา เธอจึงวางสายโทรศัพท์
ในห้องเรียน ฟางชิวกำลังจะล็อกมือถือเพื่อเตรียมเข้าเรียน แต่กลับนึกบางอย่างขึ้นได้
“ดูเหมือนหัวหน้ามหาวิทยาลัยจะมีแผนการสำหรับฉันนะ?”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ขยับนิ้วทันทีต่อสายหาเสิ่นชุนฉับพลัน