คุรุการแพทย์ – บทที่ 195 บันทึกความผิด! คำเตือนที่ร้ายแรง!

คุรุการแพทย์

บทที่ 195 บันทึกความผิด! คำเตือนที่ร้ายแรง!

บทที่ 195 บันทึกความผิด! คำเตือนที่ร้ายแรง!

คราวนี้ หานซิ่งหมินกลับรู้สึกหวาดกลัว

ด้านหนึ่ง ยามรักษาความปลอดภัยก้าวเข้ามาขวางนักศึกษาไว้ทันที ด้วยเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนเป็นเรื่องใหญ่

“พวกเธอ…”

หานซิ่งหมินกัดฟันด้วยความเคียดแค้นก่อนกวาดสายตามองไปยังนักศึกษาที่มารวมตัวกันอีกครั้ง เขาซึ่งรู้ว่าหากพูดต่อไปจะสร้างความขุ่นเคืองใจต่อฝูงชน จึงทำได้เพียงชี้นิ้วไปยังฟางชิวด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่อ แล้วเอ่ยคำ ” ก็ได้ ฉันจะรอดูว่าพวกเธอจะอยู่อดทนได้นานแค่ไหน รอให้มหาวิทยาลัยมาจัดการกับพวกเธอทีละคน!”

หลังจากกล่าวจบ เขาก็ไม่กล้ารั้งรออีกต่อไป หันกลับอย่างเร่งรีบแล้วจากไป

ก่อนจากไป เขายังส่งสายตาอาฆาตให้ฟางชิว

“เฮ้อ~”

“มาเรียนกันต่อ!”

“ดีจัง เรียนต่อไปได้แล้ว!”

ทันทีที่หานซิ่งหมินจากไป ทุกคนพลันส่งเสียงเชียร์กึกก้อง

ในความคิดของพวกเขา การที่สามารถขับไล่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยออกไปได้นั้นคุ้มค่าที่จะกลับไปคุยโว

ผู้บริหารเหนือหัวของพวกเขาไม่เคยไร้อำนาจเท่าวันนี้มาก่อน

รู้สึกดีเป็นบ้า!

ฟางชิวหัวเราะออกมาเช่นกัน จากนั้นก็ดำเนินการสอนต่อ

จนกระทั่งเวลาหนึ่งทุ่ม ฟางชิวรักษาผู้ป่วยทั้งหมดเสร็จสิ้นรวมถึงอธิบายที่กรณีศึกษา

เขาไม่ปล่อยให้นักศึกษาลงมือปฏิบัติ ข้อแรกคือยังไม่ถึงเวลา สองคือกลัวว่าจะมีอะไรผิดพลาด

ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องรับผิดชอบต่อคนขับรถเหล่านั้น

“เอาล่ะ วันนี้จบลงเท่านี้”

หลังจากขอบคุณและส่งคนขับรถออกไปแล้ว ฟางชิวจึงกล่าวกับกลุ่มนึกศึกษา “ขอบคุณทุกคนที่มา ขอบคุณมาก!”

หลังกล่าวจบจึงโค้งคำนับอย่างนอบน้อมและเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องคล้ายกำลังชมเชย

“เทพฟางชิว?”

ขณะที่เสียงปรบมือเงียบลง จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝูงชนถามว่า “ชั้นเรียนต่อไปเปิดเมื่อไหร่เหรอ?”

“ทุกคนรอการประกาศนะ”

ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ไม่รู้ว่าชั้นเรียนครั้งต่อไปจะจัดขึ้นเมื่อใด

…เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นเพียงกิจกรรมชั่วคราว

เหล่านักศึกษาพูดคุยกันอีกสองสามคำก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

เมื่อทุกคนออกไป ฟางชิวจึงฉวยโอกาสในนาทีสุดท้ายเพื่อไปที่โรงอาหารเพื่อทานข้าวเย็นให้เสร็จก่อนที่จะกลับไปยังหอพัก

ตอนค่ำ

เว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยครื้นเครงไม่น้อย

หลายคนในเว็บบอร์ดเอ่ยถึงสิ่งที่พวกเขาได้รับประโยชน์จากการชั้นเรียนของฟางชิว

มีคนกล่าวว่าแม้ว่าพวกเขาจะเคารพอาจารย์ของพวกเขา แต่การเรียนกับฟางชิวนั้นไม่เลวเลย

แน่นอนว่า… หนึ่งในนั้นกล่าวถึงการที่มหาวิทยาลัยที่ปิดกั้นเรื่องนี้

เป็นผลให้มันถูกหยิบยกขึ้นมาซึ่งนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ในทันที

“หัวหน้าฝ่ายวิชาการแปลกทีเดียว ตอนเราไม่อยากเรียนก็บังคับให้เรียน พออยากเรียนขึ้นมากลับไม่ยอมให้เรียน!”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ห้ามนักศึกษาไม่ให้เรียนหนังสือ หานซิ่งหมินคนนี้ช่างแปลกนัก”

“เฮ้อ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้ก็เหมือนกันหมด ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ ช่างไร้สมองเสียจริง!”

หลายคนพูดถึงหานซิ่งหมินที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างออกรส

ครั้งนี้ ทุกคนยังได้เห็นว่าการจัดกระดูกของฟางชิวยอดเยี่ยม สมกับชื่อเสียงที่เลื่องลือจริง ๆ!

ความนิยมในเรื่องการเปิดชั้นเรียนของนักศึกษาดำเนินไปจนถึงเช้าวันจันทร์

ระหว่างทางไปห้องเรียน ยังคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่พูดถึงชั้นเรียนของฟางชิว

แต่ในขณะนั้นเอง ใครกันคาดคิดว่าจะมีประกาศปรากฏขึ้นบนกระดานข่าวของมหาวิทยาลัยอย่างไม่รู้ตัว

มีประกาศนี้ติดอยู่แทบทุกกระดานข่าว

ทันทีที่ประกาศนี้ปรากฏขึ้นก็เกิดเป็นเรื่องฮือฮาไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย!

นักศึกษาเกือบทุกคนต่างตกตะลึง

นักศึกษาที่เข้าร่วมชั้นเรียนเปิดของฟางชิวต่างตกใจ ทั้งยังเต็มไปด้วยความโกรธ แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมชั้นเรียนเปิดก็ยังไม่พอใจ

เพราะประกาศนี้ไร้เหตุผล

แทบจะเป็นการก้าวล้ำสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว!

[ประกาศ!]

[ฟางชิว นักศึกษาปีหนึ่งในภาควิชาการแพทย์แผนจีนของวิทยาลัยการแพทย์แผนได้จัดการชุมนุมที่ผิดกฎหมายในมหาวิทยาลัย ทั้งยังนำคนจำนวนหนึ่งจากข้างนอกเข้ามาในมหาวิทยาลัย พฤติกรรมนี้ละเมิดกฎและข้อบังคับของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงและส่งผลกระทบในทางลบ

เพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาเอง เตือนผู้อื่น และรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของมหาวิทยาลัย ตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของ ‘ระเบียบการของนักศึกษามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง’ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจให้นักศึกษา ฟางชิวต้องเขียนรายงานสำนึกผิด ได้รับการเตือนและการลงโทษสถานหนัก!

ฝ่ายวิชาการ

7 พฤศจิกายน 20xx]

ฟางชิวได้รับทัณฑ์บน!

นักศึกษาเกือบทุกคนล้วนตกตะลึง

“เป็นไปได้ยังไง?”

“ไม่ใช่ว่าฟางชิวควรได้รับการชื่นชมเป็นพิเศษจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรอกหรือ ทำไมถึงโดนลงโทษได้?”

“การชุมนุมสาธารณะถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายได้หรือไม่?”

“มหาวิทยาลัยทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปหน่อยไหม?”

“ยิ่งกว่ากระต่ายตื่นตูมเสียอีก! นี่มันเกินไป! รังแกกันเกินไป!”

“บุคคลที่เพิ่งสร้างเกียรติยศให้กับมหาวิทยาลัยได้รับการตักเตือนและทัณฑ์บนสถานหนัก ทั้งยังออกประกาศแจ้งให้นักศึกษาทุกคนทราบ นี่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยไหม?”

“นั่นสิ ฟางชิวเพิ่งชนะการแข่งขันประลองความรู้มาแค่สัปดาห์เดียวเองนะ?”

“เป็นไปได้ไหมว่า ฟางชิวได้ทำอะไรบ้างอย่างที่ไม่ได้ประกาศออกมา”

ในชั่วขณะหนึ่ง

นักศึกษาของวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงจนไม่มีใจจะเข้าเรียนเสียด้วยซ้ำ

หลายคนเต็มไปด้วยคำถาม

ฟางชิว ผู้ชนะการแข่งขันประลองความรู้ควรกลายเป็นลูกรักของมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงถูกลงโทษแทน?

เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนโปรดของสวรรค์ถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?

คงไม่ใช่เพราะการเปิดชั้นเรียนหรอกใช่ไหม?

ในทางกลับกัน ฟางชิวผู้เป็นตัวละครหลักของเหตุการณ์ อ่านหนังสืออยู่ในห้องเรียนแต่เช้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง

หากแต่จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนที่ไปรายงานตัวที่ภูเขาเหยาหวังแต่เช้าตรู่นั้น วิ่งเข้าไปในห้องเรียนได้ทันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเริ่มชั้นเรียน

เหมือนอย่างเคย

ในชั้นเรียน ทุกคนจริงจังมากจนไม่มีใครสนใจที่จะมองไปยังฟางชิว ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องการที่ชายหนุ่มถูกลงโทษ

ในช่วงเวลาพัก โจวเสี่ยวเทียนฉวยโอกาสวิ่งออกไปเพื่อเดินเล่นรอบ ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อออกไปได้ไม่นาน

โจวเสี่ยวเทียนก็รีบวิ่งกลับมา

“แย่แล้ว! แย่แล้ว!…”

เสียงตะโกนตื่นตระหนกดังออกมาจากปากโจวเสี่ยวเทียน มันดึงดูดความสนใจของนักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนให้หันไปมอง

แม้แต่ฟางชิวที่ก้มหน้าอ่านหนังสือก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

โจวเสี่ยวเทียนกระหืดกระหอบวิ่งไปหาฟางชิวและทั้งสามคนด้วยอารมณ์โกรธ

“เรื่องอะไร บอกฉันมาสิ!”

ซุนฮ่าวรีบถาม

“น้องเล็ก… น้องเล็กโดนลงโทษ!”

โจวเสี่ยวเทียนมองไปยังฟางชิวด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวพร้อมเอ่ยต่อ “ฉันเพิ่งได้ยินจากนักศึกษาข้างนอกว่าน้องเล็กได้รับคำเตือนและได้รับทัณฑ์บนสถานหนักด้วย ฉันเลยวิ่งไปดูที่กระดานข่าว แล้วพบว่าฝ่ายวิชาการได้ออกประกาศไว้”

เมื่อประโยคเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา

ทุกคนในชั้นเรียนพลันตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้น?”

จูเปิ่นเจิ้งยืนขึ้นพร้อมกับเสียงตวาด พลางขมวดคิ้วไปทางฟางชิวก่อนรีบเอ่ยถาม

“ประกาศระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

โจวเสี่ยวเทียนตอบกลับ

อย่างไรเสียพวกเขาล้วนเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน หลายคนรู้เรื่องชั้นเรียนฟางชิว

แต่การชุมนุมในที่สาธารณะไม่ถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ?

ครู่หนึ่ง ทุกคนต่างหันมองไปยังฟางชิว

“น้องเล็ก”

จูเปิ่นเจิ้งมองไปยังฟางชิวด้วยคิ้วที่ขมวดพลางเอ่ยถาม “นายไปทำอะไรนอกลู่นอกทางหรือเปล่า?”

“เปล่า”

ชายหนุ่มปฏิเสธจบก็รีบออกจากห้องเรียนไปที่ป้ายประกาศทันที

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนเองรีบตามไปข้างหลัง

นักศึกษาคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนล้วนรีบตามกันออกไป

ณ กระดานประกาศข่าว

ดวงตาของชายหนุ่มเฉยชาลงขณะที่อ่านคำในประกาศนั้นทีละคำ

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนมองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร” หลังจากอ่านจบ ฟางชิวก็ยกยิ้มจาง ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก็แค่ลงโทษ ไม่ใช่ไล่ออก… ใช่ม้า”

“ฟางชิวเกิดอะไรขึ้น? นายไปยุ่งกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?”

เพื่อร่วมชั้นเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

การได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกับฟางชิวเป็นทุนให้พวกเขาได้อวดกับนักศึกษาคนอื่น ๆ พวกเขาเองต่างภูมิใจที่ได้อยู่ในชั้นเรียนนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ใครกันคาดคิดว่าคนที่โดดเด่นเช่นนี้จะถูกมหาวิทยาลัยตักเตือนและประณาม!

และลึก ๆ แล้วพวกเขาต่างก็รู้สึกเสียใจกับฟางชิว

“นั่นสิ! จู่ ๆ นายจะโดนลงโทษได้อย่างไร นายเพิ่งชนะการแข่งขันประลองความรู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งยังพามหาวิทยาลัยของเราไปสู่ที่อันดับหนึ่ง จะโดนลงโทษในพริบตาได้อย่างไร?”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัย

“ไม่เป็นไร ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง”

ฟางชิวยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้นก่อนจะหันหลังกลับ

แต่แววตาของเขากลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“เฉินอินเซิง!” ฟางชิวกัดฟันพูดกับตัวเอง

ใครจะนึกว่าเป็นเฉินอินเซิงที่ทำเช่นนั้นจริง ๆ

ซ้อมนักศึกษาปางตาย! นี่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนี้อย่างนั้นหรือ?

เป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ทีเดียว!

แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี!

นักศึกษาคนอื่นอาจไม่ได้สังเกต แต่โจวเสี่ยวเทียน ซุนฮ่าวและจูเปิ่นเจิ้งที่เป็นรูมเมตกับฟางชิวตระหนักได้ว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่ไม่ดี

“ฉันจำได้แล้ว”

ขณะที่ทั้งสามคนรวมตัวกัน จูเปิ่นเจิ้งพลันหรี่ตาก่อนจะกระซิบว่า “เมื่อวานน้องเล็กไม่ได้พูดหรือว่าการบรรยายสาธารณะเป็นเรื่องค่อนข้างพิเศษจึงไม่ต้องการให้เรามีส่วนร่วม”

“ไม่แปลกใจเลยที่น้องเล็กจะไม่ให้เราไป ทั้งยังไม่ยอมสอนเรา”

ซุนฮ่าวพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก

“ฉันว่าประกาศลงมาแล้ว เราคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้ว่าจะอยากทำแบบนั้นก็ตาม ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่จะยอมทนดูอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?”

โจวเสี่ยวเทียนกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไงดี?”

จูเปิ่นเจิ้งขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

“อืม…”

ซุนฮ่าวเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยคำ ”เรื่องนี้… เราช่วยไม่ได้จริง ๆ แต่สามารถช่วยน้องเล็กได้ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขาสงบลงสักหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกแย่เกินไปใช่ไหม?”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนพยักหน้ารับเห็นด้วย

“เอาอย่างนี้แล้วกัน” ซุนฮ่าวเสนอความคิด “ชวนน้องเล็กออกไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”

จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนมองหน้าและว่ามันน่าจะเวิร์ก

“ฉันจะไปคุยกับเขา”

เมื่อตัดสินใจได้ ซุนฮ่าวจึงลุกขึ้นเดินไปหาฟางชิว

“น้องเล็ก …ออกไปกินข้าวกับพี่ ๆ นะ พวกเราเลี้ยงนายเอง”

ซุนฮ่าวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“ทำไม กลัวว่าฉันจะเสียใจเหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างรู้ทัน

“แน่นอนว่าไม่ใช่ คราวที่แล้วนายเลี้ยงอาหารทะเลพวกเราไปไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เป็นตาของพี่ ๆ ที่จะเลี้ยงนาย เป็นไง ไม่น่าสนใจเหรอ?” ซุนฮ่าวเอ่ยอย่างพึงใจ

“ไม่ต้องออกไปกินข้างนอกหรอก ถ้าอยากจะเลี้ยง ไปแค่ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก็พอ นี่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ออกไปข้างนอกลำบาก”

ฟางชิวกล่าว

“ก็ได้” ซุนฮ่าวพยักหน้าก่อนเอ่ยต่อ “งั้นตกลงตามนี้นะ”

ชายหนุ่มผงกศีรษะรับเบา ๆ

อีกด้าน…

ในช่วงพัก เจียงเหมี่ยวอวี๋เป็นคนแรกที่ได้ยินประกาศเรื่องฟางชิวถูกลงโทษสถานหนัก จึงรีบไปที่ดูที่ป้ายประกาศให้ชัดกับตาตัวเอง

หลังจากได้เห็น สีหน้าพลันตื่นตระหนกขณะหัวใจบีบรัดแน่นและรีบต่อสายหาฟางชิว

“นาย…” เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เจียงเหมี่ยวอวี๋อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับพูดไม่ออก ราวกับเธอกลัวว่าจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี

“[มีอะไรหรือเปล่า?]” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“ฉันเห็นประกาศบนกระดานข่าว นาย… โอเคไหม?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามตอบเสียงแผ่ว

“[เรื่องนั้นเหรอ ไม่เป็นไร]” ฟางชิวกล่าวเสียงอ่อน “[ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น]”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงเหมี่ยวอวี๋พยักหน้า ก่อนเอ่ยต่อ “ไม่งั้น… ไปกินข้าวด้วยกันไหม ฉันเลี้ยงเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางชิวก็ยิ้มเหมือนคนบ้า

“[โทษที ช่วงสองสามวันนี้ ฉันถูกจองตัวไว้แล้วน่ะ]” ฟางชิวอธิบาย “[ซุนฮ่าวและคนอื่น ๆ จองฉันตัวล่วงหน้าแล้ว ไว้ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงเธอเอง]”

“นายไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม?” เจียงเหมี่ยวอวี๋ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อยืนยัน

“[วางใจเถอะ]” ชายหนุ่มรับคำหนักแน่น

“โอเค งั้นฉันวางสายแล้วนะ” เจียงเหมี่ยวอวี๋ค่อนข้างผ่อนคลาย ความกังวลใจสงบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากบอกลา เธอจึงวางสายโทรศัพท์

ในห้องเรียน ฟางชิวกำลังจะล็อกมือถือเพื่อเตรียมเข้าเรียน แต่กลับนึกบางอย่างขึ้นได้

“ดูเหมือนหัวหน้ามหาวิทยาลัยจะมีแผนการสำหรับฉันนะ?”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ขยับนิ้วทันทีต่อสายหาเสิ่นชุนฉับพลัน

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท