คุรุการแพทย์ – บทที่ 198 มีบัญชีสำรองยอมรับการท้าทายแล้ว!

คุรุการแพทย์

บทที่ 198 มีบัญชีสำรองยอมรับการท้าทายแล้ว!

บทที่ 198 มีบัญชีสำรองยอมรับการท้าทายแล้ว!

ณ กรุงปักกิ่ง

ในอพาร์ตเมนต์ที่ค่อนข้างหรูหรา มีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ 38-39 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวพร้อมใส่แว่นสายตา กำลังนั่งยิ้มเยาะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเองอยู่

คนคนนี้คือ หลี่เหวินป๋อ!

การแจ้งเตือนของข้อความส่วนตัวทางโทรศัพท์ในวีแชตกับเวยป๋อได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ผ่านมามากกว่าหนึ่งวันแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้าเลย… หึ ๆ” เมื่อดูข้อความส่วนตัวต่าง ๆ บนเวยป๋อแล้ว หลี่เหวินป๋อก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

ความตั้งใจของเขาคือการทำให้เรื่องนี้มันใหญ่โต แต่หลังจากที่รอมานานกว่าหนึ่งวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้าจริง ๆ เลยสักคนเดียว

แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเกินความคาดหมายของเขาไปมาก แต่เมื่อประเด็นมันร้อนแรงขึ้นมา ไม่เพียงแต่ผู้ติดตามจะเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น แต่ประเด็นนี้ยังติดอยู่ในสิบอันดับแรกของการค้นหายอดนิยมบนเวยป๋อตลอดทั้งวันอีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้หลี่เหวินป๋อมีความสุขมาก

ทุกวันนี้คนที่โทรหาเขาและส่งข้อความส่วนตัวถึงเขาเกือบทั้งหมดจะเป็นเอเจนซีที่มาขอให้เขาโฆษณาสินค้าให้

ข้อเสนอในการโฆษณาลงเวยป๋อสูงถึงสามพันหยวน และเขายังสามารถได้รับค่าจ้างเพิ่มหนึ่งพันหยวน หากโพสต์โฆษณาซ้ำ

นี่เหมือนเป็นการกอบโกยเงินอย่างโจ่งแจ้ง!

หลี่เหวินป๋อรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เขาก็ไม่รีบร้อนที่จะลงโฆษณาในตอนนี้ เขายังคงรอดูสถานการณ์ต่อไป

ในความคิดของเขา ยิ่งวงการแพทย์แผนจีนเลื่อนเวลาออกไปนานเท่าไรก็ยิ่งดี แต่จะให้ดีที่สุดเลยคือ ควรจะเผยแพร่ความนิยมของเรื่องนี้ต่อไป เพื่อกระตุ้นความสนใจจากผู้คนทั้งหมด

เมื่อถึงเวลานั้น ราคาในการโฆษณาก็จะเพิ่มขึ้น และเขาจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการสร้างโชคลาภให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้ารับคำท้าแน่นอน

หลี่เหวินป๋อมีแผนที่จะปล่อยให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ไว้ชั่วคราว เพื่อให้ความคิดเห็นของสาธารณชนเดือดพล่านไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากผ่านไปสองวัน เมื่อความคิดเห็นของสาธารณชนเริ่มเบาลง เขาก็จะลงมือโพสต์แล้วแท็กหาวงการแพทย์แผนจีนอีกครั้ง เพื่อสร้างกระแสให้ตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ความนิยมของเขาไม่น่าจะลดลงได้อย่างแน่นอน!

ในเวลานี้

ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก บัญชีผู้ใช้เวยป๋อ ที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ก็แอบลงทะเบียนได้สำเร็จ

แม้ว่าการลงทะเบียนของเขาจะไม่มีใครสังเกตเห็น แต่การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเขาก็ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่ว!

เขาโพสต์แล้วแท็กหาหลี่เหวินป๋อโดยตรง

[@หลี่เหวินป๋อ ไม่ใช่ว่าไม่มีอัจฉริยะในวงการแพทย์แผนจีน คนในวงการแพทย์แผนจีนล้วนมีจรรยาบรรณแพทย์กันทุกคน ตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนอยู่ แต่สำหรับแกที่ชอบตามรังควานคนอื่นไม่หยุดหย่อน เชี่ยวชาญเรื่องสร้างกระแส คนอื่น ๆ ก็เลยขี้เกียจจะเสวนาด้วย แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเวลาเห็นแกหยิ่งผยองอย่างนี้ แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ในเมื่อแกได้กล่าวคำท้าออกมาแล้ว ถ้างั้นฉันจะรับคำท้าเอง!]

ขณะที่หลี่เหวินป๋อกำลังมีความสุขที่เห็นความคิดเห็นเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในใต้โพสต์ของเขา

ทันใดนั้น เสียงเตือนของข้อความส่วนตัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เอเจนซีรายอื่น?”

เนื่องจากหลี่เหวินป๋อเปิดอ่านข้อความส่วนตัวเป็นประจำ เขาจึงคิดว่ามีเอเจนซีรายอื่นทักมาหา แต่ไม่คาดคิดว่าคนที่ติดต่อมาก็คือบัญชีสำรองที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’

เมื่อเห็นข้อความจากบัญชีสำรอง ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ แล้ว หลี่เหวินป๋อก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มขึ้นมาทันทีเพราะเปลี่ยนใจกะทันหัน

เขาจะต้องรออะไรอีกล่ะ ในเมื่อมีคนมาหาเรื่องถึงที่แล้ว!!

หลี่เหวินป๋อรีบรีโพสต์ของบัญชีเวยป๋อทันที และแสดงความคิดเห็นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

[ในที่สุดก็มีคนมารับคำท้าแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่มีอัจฉริยะคนอื่นในวงการแพทย์แผนจีนจริง ๆ น่ะเหรอ?]

เมื่อข้อความนั้นถูกรีโพสต์ มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในทันที และจำนวนความคิดเห็นก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ในเวลาไม่ถึงสิบนาที จำนวนความคิดเห็นก็พุ่งเกินหนึ่งแสน และจำนวนการรีโพสต์ก็มากถึงหนึ่งหมื่นครั้ง

เมื่อมีคนรีโพสต์มากขึ้นเรื่อย ๆ บัญชีสำรองที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ก็โด่งดังเช่นกัน จำนวนผู้ติดตามของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าแปดพันคนในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง!

โพสต์เดียวของบัญชี ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ นี้ก็ยังดึงดูดผู้คนและความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

[หลี่เหวินป๋อ ได้ตอบกลับคุณ: เจ้าของบัญชีนี้รีบเปิดเผยตัวตนเร็วเข้า!]

[นี่มันเป็นโอกาสที่จะได้รับความนิยมไม่ใช่เหรอ?]

[จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะบัญชีที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ยังไม่ได้รับการยืนยันตัวตน ใครจะกล้าเชื่อเขาล่ะ]

พวกเขาเขียนความคิดเห็นเพื่อต้องการให้เจ้าของบัญชี ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ เปิดเผยตัวตน

หลังจากนั้นไม่นาน บัญชีนิรนามก็รีโพสต์ของหลี่เหวินป๋ออีกครั้ง และแสดงความคิดเห็นลงไป

[ในเมื่อแกออกคำท้ามา ฉันก็จะรับคำท้านั้นเอง แต่แกกล้าไหมล่ะ]

เมื่อหลี่เหวินป๋อเห็นดังนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

ตอนนี้เขาแทบจะอดใจจะรอให้อีกฝ่ายโพสต์เวยป๋อมากขึ้นไม่ไหวแล้ว เพราะมันช่วยเพิ่มความนิยมให้เขาได้เป็นอย่างดี!

สิ่งที่เขาต้องการคือคนประเภทนี้นี่แหละ เพราะมันสามารถปลุกระดมความสนใจได้!

จากนั้นหลี่เหวินป๋อก็โพสต์ใหม่อีกครั้ง

[นี่มันดูลึกลับจริง ๆ ไม่มีคนอื่นในวงการแพทย์แผนจีนแล้วเหรอ ในเมื่อแกกล้ารับคำท้า งั้นฉันก็จะสนองให้แกเอง!]

พวกเขาพากันโต้กลับไปมา ความนิยมของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

หลายคนก็เริ่มตั้งคำถามกับบัญชีที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’

[มีใครรู้จักเขาบ้าง]

[คุณไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยตัวตนของคุณ แล้วทำไมถึงยอมรับคำท้าด้วยล่ะ]

[ถ้าไม่กล้าเปิดเผยตัวตนอย่างนี้ งั้นก็รีบอาบน้ำแล้วไปนอนซะ อยากจะเป็นคนดังในโลกโซเชียลโดยการลงทะเบียนแอ็กหลุมเท่านั้นเหรอ]

[อย่าดูถูกคนในวงการแพทย์แผนจีนของพวกเรา ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นใคร และไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นแพทย์แผนจีนหรือไม่ ในฐานะที่คุณเป็นคนดัง คุณจะเอาแต่พ่นเรื่องไร้สาระอย่างนี้หรือ?]

ชาวเน็ตต่างตั้งคำถามถึงตัวตนของบัญชี ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ในขณะที่ผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนต่างกรีดร้องรุมด่าหลี่เหวินป๋อไม่หยุด

ท้ายที่สุด หลี่เหวินป๋อก็ยังคงสร้างกระแสได้จนถึงทุกวันนี้

ตอนนี้แค่คำพูดที่หยาบคายคำเดียวก็ทำให้คนในวงการแพทย์แผนจีนเดือดดาลได้แล้ว

ขณะที่ทุกคนยุ่งอยู่กับการด่ากราดไปทั่ว บัญชีที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ก็ได้โพสต์อีกครั้ง

[ฉันจะรับคำท้าอย่างแน่นอน! ฉันจะเปิดเผยตัวตนในวันพรุ่งนี้! แกคิดว่าแกเป็นใคร!]

ด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์สามตัวติดกัน มันเลยทำให้บรรยากาศถึงจุดไคลแม็กซ์ทันที

[เจ้าของไอดีเจ๋งมาก!]

[ฉันรอให้คุณเปิดเผยตัวตนอยู่! เจ้าของไอดีจะหนีไม่ได้แล้วนะ! ฉันจะรอชมในวันพรุ่งนี้!]

[แกคิดว่าแกเป็นใคร? ฮ่า ๆ]

[สิ่งที่เจ้าของไอดีนี้พูดนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันเกรงว่าหลี่เหวินป๋อจะไม่พอใจนะ]

เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ในเวยป๋อเป็นเพียงผู้เฝ้าสังเกตการณ์

และบรรดาผู้ที่ศรัทธาในศาสตร์การแพทย์แผนจีน ตลอดจนบุคคลในวงการแพทย์แผนจีน ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นแสดงความห่วงใย พวกเขากลัวว่าคนที่รับคำท้าจะไม่มีทักษะการแพทย์แผนจีนหรือไม่เก่งนั่นเอง ดังนั้นเจ้าของบัญชีสำรองที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ อาจจะล้มเหลว ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะทำให้วงการแพทย์แผนจีนเสียหน้า!

ด้วยการปรากฏตัวของแอ็กหลุมนี้ทำให้หัวข้อการวินิจฉัยชีพจรสำหรับการตั้งครรภ์กลายเป็นประเด็นร้อนอย่างรวดเร็ว

ความนิยมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมท้าทายนี้ยังถูกเพิ่มขึ้นเป็นห้าอันดับแรกในการค้นหายอดนิยมจากสิบอันดับแรก และกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงทันที

ณ ปักกิ่ง

“ดีดีดี…”

หลี่เหวินป๋อที่กำลังหัวเราะกับตัวเอง ในขณะที่กำลังดูเวยป๋ออยู่นั้น จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ร้องดังขึ้น

“เอเจนซี?”

หลี่เหวินป๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เดิมทีเขาต้องการดำเนินการไปทีละขั้นตอน ปล่อยให้เหตุการณ์มันค่อย ๆ ปะทุออกมาทีละนิด เพื่อทำให้ตัวเองอยู่จุดสูงสุดของความคิดเห็นสาธารณะในครั้งนี้ เขาจะได้เพิ่มราคาของโฆษณาได้ หลังจากนั้นถึงจะยอมรับการลงโฆษณา

อย่างไรก็ตาม เมื่อบัญชีสำรองที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ปรากฏขึ้น เขาจึงต้องยกเลิกแผนเดิม เพราะมีคนรับคำท้าแล้ว

ตอนนี้เป็นช่วงที่ผู้คนกำลังสนใจเขามากที่สุด ถ้าเขาไม่รับโฆษณาตอนนี้ แล้วจะให้ไปรับตอนไหน?

“ฮัลโหล” หลี่เหวินป๋อพูดสายผ่านโทรศัพท์

“[คุณหลี่เหวินป๋อ ที่เป็นคนดังในเวยป๋อ …ใช่ไหมคะ?]” ปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิงที่พูดสำเนียงจีนกลางได้อย่างชัดเจน

“ใช่ครับ” หลี่เหวินป๋อพยักหน้า

“[โอเคค่ะ คือว่าพวกเรามาจากบริษัทเทียนเหรินกลูโคมิเตอร์ พวกเราต้องการขอให้คุณโพสต์โฆษณาลงในเวยป๋อ สำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนราคาสามารถต่อรองได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณสนใจรับโฆษณาไหม]”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหลี่เหวินป๋อก็เปล่งประกายแพรวพราว

เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดนี่สอดคล้องกับตัวตนของเขาในฐานะแพทย์แผนตะวันตกไม่ใช่หรือ ถ้าเกิดโพสต์โฆษณาแบบนี้ คนอื่นก็ไม่น่าจะรู้สึกแปลกใจอะไร

อย่างไรก็ตาม หากลงโฆษณาโดยตรง มันจะไม่กลายเป็นโฆษณาเกินจริงไปหรอกหรือ?

“รับครับ!!” หลี่เหวินป๋อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “แต่ว่าผมจะไม่เขียนโพสต์ด้วยตัวเอง ผมจะแชร์โพสต์ให้”

“[ฝั่งพวกเราเองก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกันค่ะ]” เสียงปลายสายจากผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “[แต่ถ้าคุณเขียนโพสต์ด้วยตัวเอง ราคาจะเป็นห้าพันหยวนต่อโพสต์ หากต้องการแค่เพียงแชร์โพสต์ให้ ราคาก็จะเป็นหนึ่งพันห้าร้อยหยวน คุณคิดอย่างไรคะ?]”

“ถ้างั้นผมเลือกแชร์โพสต์ต่อให้ก็แล้วกัน” หลี่เหวินป๋อได้ตอบกลับ

จากนั้นหลี่เหวินป๋อก็พบโพสต์ของบริษัทเทียนเหรินกลูโคมิเตอร์ที่บนเวยป๋อ เขาจึงรีบแชร์โพสต์ต่อทันที

ในไม่ช้า เงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนก็ถูกส่งเข้ามาที่บัญชีของหลี่เหวินป๋อ

“การเป็นคนดังนี่มันหาเงินได้ง่ายจริง ๆ”

“ยังไงก็ตาม พวกแพทย์แผนจีนก็อย่าเพิ่งรีบจับชีพจรตั้งครรภ์ได้เลย ขอให้ฉันใช้โอกาสนี้โกยเงินก่อนเถอะ”

หลังจากได้รับเงินมาแล้ว หลี่เหวินป๋อก็หัวเราะอย่างมีความสุข และเขามีความตั้งใจมากขึ้นที่จะทำให้เรื่องการวินิจฉัยชีพจรและการทดสอบการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ใหญ่มากกว่าเดิม

ส่วนทางด้านของวงการแพทย์แผนจีนยังคงเงียบกริบ

ณ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง

ในหอพัก 501 ชายหนุ่มทั้งสี่คนกำลังจะงีบหลับหลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันแล้ว

ทันใดนั้น

“มีคนรับคำท้าแล้ว!” ซุนฮ่าวซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังจ้องมองที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์อยู่ จู่ ๆ ก็ร้องตะโกนออกมา

“ใคร?”

“เป็นใครกัน?” จูเปิ่นเจิ้งกับโจวเสี่ยวเทียนต่างหันหน้าไปถาม

ฟางชิวที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะก็หันหน้าไปมองเช่นกัน

“บัญชีสำรองที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’” ท่าทีของซุนฮ่าวดูแปลกใจเล็กน้อย

“บัญชีสำรอง?” โจวเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง และพูดว่า “เป็นไปได้ไหมที่หลี่เหวินป๋อจะทำเองเพื่อโฆษณาตัวเอง”

“เขาไม่น่าจะทำอย่างนั้นนะ” จูเปิ่นเจิ้งส่ายหน้า และพูดด้วยความผิดหวังว่า “แม้ว่าหลี่เหวินป๋อจะเป็นคนโง่เง่า แต่ไม่น่าจะโง่เกินไปที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่ใครคือเจ้าของบัญชีสำรองที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ในตอนนี้วงการแพทย์แผนจีนกำลังเติบโต หากใครดันบ้าจี้รีบตอบรับคำท้านั้นไปละก็ เขาคนนั้นคงจะลำบากแน่นอน”

“นั่นสิ” ซุนฮ่าวพยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะพวกเขากลัวว่าเจ้าของบัญชีสำรองที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ จะไม่มีทักษะทางด้านแพทย์แผนจีน และจะทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนอย่างพวกเราเสียชื่อเสียง”

“เอ่อ ยังไงก็ตาม” โจวเสี่ยวเทียนหันหน้าไปมองฟางชิว แล้วถามว่า “น้องเล็ก ในฐานะที่นายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สวีเมี่ยวหลิน นายน่าจะได้เรียนรู้วิธีการจับชีพจรจากเขาแล้ว ว่าแต่การจับชีพจรตั้งครรภ์มันเป็นเรื่องยากจริงหรือ?”

“ใช่แล้ว!” โจวเสี่ยวเทียนดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ในทันใด ดวงตาจึงเป็นประกายทันที เขารีบจ้องไปที่ฟางชิว และพูดว่า “พวกเรายังไม่ได้คุยกับนายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย รีบบอกมานะว่านายไปฝึกงานกับอาจารย์สวีเมี่ยวหลินได้ยังไง”

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในช่วงสัปดาห์นี้ พวกเขาก็เลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่พอโจวเสี่ยวเทียนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา มันจึงไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาในทันที

“ฉันยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีพจรการตั้งครรภ์เลย” ฟางชิวกล่าวกับโจวเสี่ยวเทียนว่า “แม้ว่าจะได้เรียนรู้ประเภทของชีพจรจากอาจารย์สวีแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ได้เรียนวิธีการจับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์ สรุปแล้วฉันไม่ได้รู้อะไรมากนัก”

“สำหรับเรื่องการฝึกงาน ฉันจะเล่าให้พวกนายฟังทีหลัง” หลังจากนั้น ก่อนที่พวกเขาจะถามคำถามอื่น ฟางชิวก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาสวีเมี่ยวหลินทันที

เพราะฟางชิวเองก็สงสัยเหมือนกันว่า การจับชีพจรของการตั้งครรภ์มันยากขนาดนั้นจริงหรือ?

แม้ว่าฟางชิวจะไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป แต่ก็แอบกังวลเรื่องคำท้าทาย เพราะเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงการแพทย์แผนจีน และเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของการรักษาแบบแพทย์แผนจีนมาอย่างโชกโชน แล้วเขาก็เชื่อมั่นอย่างสุดซึ้งว่าแพทย์แผนจีนไม่ง่ายอย่างที่คิด

“[ฮัลโหล?]” เมื่อต่อสายโทรศัพท์ติดแล้ว ฟางชิวก็ได้ยินน้ำเสียงที่ขี้เกียจของสวีเมี่ยวหลิน

“อาจารย์สวีครับ การจับชีพจรตั้งครรภ์มันยากจริง ๆ เหรอ” ฟางชิวรีบถามทันที

“[เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะเหรอ?]” สวีเมี่ยวหลินหยุดพูดชั่วคราว และถามว่า “[เธอก็ติดตามข่าวการท้าทายทางออนไลน์ด้วยเหรอ]”

“ใช่ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า

“[เธอได้เรียนรู้ประเภทของชีพจรมามากแล้ว สำหรับชีพจรการตั้งครรภ์นี้ ถ้าต้องการจะเรียนรู้ พรุ่งนี้ก็มาหาฉันตอนบ่าย ฉันจะสอนเอง]” สวีเมี่ยวหลินกล่าว

“ตกลงครับ” ฟางชิวพยักหน้า และวางสายโทรศัพท์

“เป็นยังไงบ้าง?” ซุนฮ่าวเดินเข้าไปใกล้ทันที และถามว่า “ อาจารย์สวีพูดว่าอะไร”

“เขาไม่ได้พูดอะไรเลย” ฟางชิวยักไหล่ แล้วตอบว่า “เขาแค่บอกให้ฉันไปหาเขาพรุ่งนี้ เพื่อสอนเพิ่มเติม”

ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งสามคนก็รู้สึกอิจฉาทันที

“ฉันจะหาอาจารย์ดี ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนกันนะ? เขาสามารถสอนอะไรก็ได้ที่นายต้องการเรียนรู้ โดยไม่จำกัดเสรีภาพของลูกศิษย์เลย ดีจังแฮะ” จูเปิ่นเจิ้งถอนหายใจออกมาด้วยความอิจฉา

ฟางชิวได้แต่ส่ายหัว และยิ้มออกมา

“เจ้าห้า รีบบอกพวกเรามาเร็วเข้า นายไปฝึกงานกับเขาได้ยังไง? ไหนนายบอกว่าอยากเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมถึงไปฝึกงานกับอาจารย์สวีเมี่ยวหลินได้ในพริบตาแบบนี้?” ซุนฮ่าวเอ่ยถามออกมา

รูมเมตทั้งสามคนรีบเดินเข้าไปใกล้ฟางชิวทันที และรอฟังคำตอบด้วยความสงสัย

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท