คุรุการแพทย์ – บทที่ 209 กล้าไล่ตามคุณหมอฟางชิวเหรอ เฮอะ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 209 กล้าไล่ตามคุณหมอฟางชิวเหรอ? เฮอะ!

บทที่ 209 กล้าไล่ตามคุณหมอฟางชิวเหรอ? เฮอะ!

“นี่มัน…” เหลียงหย่งเสียงถอนหายใจ “รองอธิการบดีเฉิน ตอนนี้คุณคงจะรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงแนะนำให้ฟางชิวเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา เพราะมันไม่ใช่ความผิดของฉันจริง ๆ ที่พวกเราไม่ได้อันดับที่ดีกลับมา”

“เลิกบ่นได้แล้วน่า รีบให้พวกเขาตามฟางชิวไปเดี๋ยวนี้!” เฉินอินเซิงรู้สึกโกรธ เขาไม่สนใจผลการแข่งขันกีฬาเลยสักนิด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจับฟางชิว!

“คุณก็เห็นแล้วว่าฟางชิววิ่งเร็วมากจนนักศึกษาไม่สามารถตามเขาได้เลย” เหลียงหย่งเสียงยิ้มอย่างขมขื่น

“ตามไม่ทันงั้นเหรอ! ถ้างั้นก็ไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อขัดขวางเขาแทนสิ!” เฉินอินเซิงตะโกนด้วยโทสะ “ไม่ว่ายังไง คุณก็ต้องพาฟางชิวกลับมาหาฉันให้ได้!”

ขณะนี้ชายหนุ่มวิ่งมาจนถึงประตูมหาวิทยาลัยแล้ว ทันทีที่ก้าวขาออกมาก็เห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งขับมาพอดี เขาจึงรีบโบกรถโดยไม่ลังเล

“เฮ้ คุณหมอฟางชิว” ทันทีที่ฟางชิวขึ้นรถแท็กซี่ คนขับก็ทักทายด้วยความฉงน

“ผมไม่คิดว่าจะเป็นคุณ” ฟางชิวเผยรอยยิ้มออกมา เพราะคนขับรถแท็กซี่เป็นหนึ่งในอดีตคนไข้

“ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้! ฉันเพิ่งจะออกจากบ้านมาเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็มาเจอคุณที่นี่” คนขับถามด้วยรอยยิ้ม “จะไปไหนเหรอ”

“ไปสถานีรถไฟความเร็วสูงครับ” ชายหนุ่มรีบตอบทันที “ถ้าซิ่งได้ก็ดี เพราะมีคนกำลังไล่ตามผมอยู่”

“อะไรนะ?” คนขับตะคอกออกมา และมองกระจกหลังตามความเคยชิน ก่อนจะพบว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังไล่ตามจริง ๆ ด้วย

“กล้าไล่ตามคุณหมอฟางชิวงั้นเหรอ!” คนขับตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง “คุณหมอฟางชิว ไม่ต้องกังวลไปนะครับ วันนี้ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเองว่า Fast and Furious คืออะไร!” พูดจบคนขับก็เหยียบคันเร่ง แล้วตัวรถแท็กซี่ก็พุ่งออกไปทันที

“คุณหมอฟางชิวไม่ต้องห่วง ขอรับประกันว่าคนพวกนั้นจะตามไม่ทันแน่นอน”

คนขับพูดพร้อมกับหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาก่อนจะกรอกเสียงลงไป “ฟังนะพวก! ตอนนี้คุณหมอฟางชิวอยู่ในรถของฉัน ฉันจะพาเขาไปส่งที่สถานีรถไฟความเร็วสูง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ตามเขาที่ประตูมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง อย่าให้คนพวกนั้นขึ้นรถ เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้ว!” เสียงต่าง ๆ ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของวิทยุสื่อสาร

คนเหล่านั้นช่างมีความกล้าหาญเสียจริง ถึงได้กล้าไล่ตามคุณหมอฟางชิว!

ฟางชิวเห็นแบบนั้นแล้วก็ตกตะลึงแน่นิ่ง ทำไมพวกคนขับรถแท็กซี่ถึงได้เจ๋งขนาดนี้?

ณ ประตูมหาวิทยาลัย

นักศึกษาส่วนหนึ่งของคณะพลศึกษาได้โบกรถแท็กซี่ที่กำลังหาลูกค้า ก่อนขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ด้วยความรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คนขับแท็กซี่ที่รู้ข่าวแล้วก็ออกปากไล่พวกเขาทันที “ลงจากรถของฉันไปเดี๋ยวนี้! ฉันจะไม่ให้บริการพวกแก”

“รีบขับไปเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะยื่นเรื่องฟ้องคุณ” นักศึกษาคนหนึ่งขมวดคิ้ว แล้วพูดจาข่มขู่ออกมา

“ไม่ก็คือไม่สิ” คนขับดับเครื่องยนต์ทันทีและหันไปหากลุ่มนักศึกษา “อยากจะร้องเรียนอะไรก็เชิญเลย แต่ยังไงซะพวกแกก็ต้องลงจากรถของฉัน!”

กลุ่มนักศึกษาได้แต่อึ้ง คนขับไม่กลัวถูกร้องเรียนเหรอ? แต่แล้วคนขับรถแท็กซี่อีกสองคันกลับแย่ยิ่งกว่าเดิม

“รถฉันน้ำมันหมด รีบลงไปเลย!”

“โอ๊ย ฉันหัวใจวาย ฉันทำงานนี้ไม่ได้แล้ว ลงจากรถเร็วเข้า ฉันต้องไปโรงพยาบาลแล้ว!”

นักศึกษาทุกคนตกตะลึง วันนี้เป็นวันอะไรกัน? พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเหรอ?

เมื่อไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงทำได้เพียงลงจากรถแท็กซี่เพื่อไปรอคันอื่น

หลังจากนั้นไม่นาน รถแท็กซี่หลายคันก็ขับผ่านมา ทุกคนจึงเริ่มโบกมือ แต่คนขับแท็กซี่ก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เหลือบไปเห็นคนเหล่านั้นแล้ว…

เฮอะ! พวกเขากล้าดียังไงมาไล่ตามคุณหมอฟางชิว?

กลุ่มรถแท็กซี่จำพวกเขาได้ เนื่องจากคนขับรถปฏิเสธที่จะให้บริการพวกเขา พวกเขาจะไล่ตามฟางชิวทันได้อย่างไร

ไม่กี่นาทีต่อมา

รถแท็กซี่ก็ขับผ่านไปทีละคัน แต่ไม่มีใครหยุดรถเลย สิ่งนี้ทำให้นักศึกษาทุกคนต่างประหลาดใจ

พวกเขาเฝ้าดูฟางชิวที่จากไปไกลแล้ว แต่ไม่สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้เลยสักคัน!

ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินอินเซิงทันที

“รองอธิการบดีเฉิน ฟางชิวหนีไปแล้วครับ” ทันทีที่ต่อสายติด เขาก็พูดอย่างร้อนรน “ฟางชิวขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว พวกเรากำลังจะขึ้นแท็กซี่ตาม แต่คนขับกลับปฏิเสธซะอย่างนั้น”

“ว่าไงนะ?” ได้ยินดังนั้นเฉินอินเซิงก็แทบระเบิด “ไอ้พวกไร้ประโยชน์! พวกเธอมีกันตั้งหลายคนแต่ไม่มีใครจับฟางชิวได้เลย นี่เป็นนักศึกษาที่มีความพิเศษด้านกีฬาจริง ๆ เหรอ?”

“คนขับแท็กซี่ปฏิเสธที่จะให้บริการ แล้วทำไมถึงไม่ใช้แอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ล่ะ! โง่กันจริง ๆ เลย”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของทุกคนก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด

แอปเรียกรถแท็กซี่? ถ้าเกิดว่าใช้แอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่จริง ๆ แล้วจะขอเบิกเงินค่ารถทีหลังได้หรือเปล่าล่ะ?

พวกเขาได้แต่แอบสงสัย

หลังจากวางสายแล้ว และด้วยความอับจนหนทาง พวกเขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแอปเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง!

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวก็มาถึงที่หน้าประตูของสถานีรถไฟความเร็วสูง

“ขอบคุณครับ ค่ารถเท่าไรเหรอครับ” ฟางชิวถามพลางหยิบเงินออกมา

“ฉันจะเอาเงินของเธอได้ยังไง” คนขับรีบส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะขอบคุณเธอยังไงดี ในการที่เธอช่วยรักษาโรคให้ฉัน ฉันรับเงินของเธอไม่ได้หรอก ไม่ได้จริง ๆ”

“รับไปเถอะครับ งานก็คืองาน ผมต้องจ่ายให้คุณอยู่แล้ว” ชายหนุ่มหยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนออกมา และบังคับให้คนขับรับเงินไว้

“ไม่จำเป็นจริง ๆ” คนขับรีบผลักมือของฟางชิวกลับและพูดว่า “ค่ารถในคราวนี้ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ถ้าในอนาคตเธอต้องการใช้รถเมื่อไหร่ละก็ เธอสามารถเรียกฉันได้เสมอ ฉันจะให้บริการเธอแบบฟรี ๆ เลย”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” ฟางชิวรู้สึกเกรงใจ เขายื่นเงินให้คนขับด้วยความหนักแน่น “นี่คืองานที่คุณหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นผมต้องจ่ายค่าบริการ และคุณก็ต้องรับมันเอาไว้”

“คุณหมอฟางชิว ทำไมถึงดื้อจัง” คนขับพูดอย่างหมดหนทาง “เอาละ เธอลงจากรถก่อน ฉันจะออกบิลให้เอง”

ฟางชิวยกยิ้ม อย่างไรก็ตามตอนที่เขาก้าวลงจากรถแล้ว คนขับรถแท็กซี่ก็เหยียบคันเร่งจากไปทันที

“เอ่อ…” เวลานี้ ฟางชิวมองตามไปด้วยแววตาเลื่อนลอย

หลังจากที่รถแท็กซี่ไปไกลแล้ว ฟางชิวก็เลี้ยวเข้าไปในช่องขายตั๋วก่อนจะไปยังห้องโถง แล้วหาที่นั่งที่ใกล้กับประตูตรวจตั๋ว

ตอนนี้ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนที่รถไฟจะออก

“พวกเขาอาจจะไม่มาที่นี่แล้ว” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว นักศึกษากลุ่มนั้นน่าจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะจับตัวเขาได้ โชคดีที่คนขับรถแท็กซี่ให้ความช่วยเหลือเขา

“ถ้าไม่มีรถแท็กซี่ พวกเขาก็ไม่น่าจะมาทัน”

เมื่อมองไปที่ด้านนอกของห้องโถง ฟางชิวก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ฟางชิวจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

แต่ในวินาทีถัดมา ฟางชิวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

เมื่อสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา และไม่มีใครหยุดพวกเขาเลย

เห็นแบบนั้นแล้ว ฟางชิวก็เบิกตาโพลงด้วยความตะลึง เจ้าพวกนั้นตามมาถึงที่นี่เร็วเกินไปไหม มาได้อย่างไงกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมถึงไม่มีใครในสถานีรถไฟความเร็วสูงแห่งนี้หยุดพวกเขาเลยล่ะ?

ฟางชิวรู้สึกงงงวย เขาอยากจะใช้โอกาสนี้จากไป แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ และตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่อ

ในไม่ช้า นักศึกษาของคณะพลศึกษาก็หาฟางชิวเจอ พวกเขาจึงรีบไปล้อมอย่างรวดเร็ว

ตึกตึกตึก… เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังสนั่น เป็นเหตุให้คนรอบข้างต่างสนใจพวกเขาทันที

“ไม่หนีต่อล่ะ! ฉันจะรอดูว่าแกจะหนีไปที่ไหนได้อีกกี่น้ำ” หัวหน้าของนักศึกษากลุ่มนั้นจ้องมองฟางชิวอย่างอาฆาต “แกควรกลับไปมหาวิทยาลัยกับพวกเรา ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษที่พวกเราใช้กำลังก็แล้วกัน”

“แกกล้าเหรอ?” ฟางชิวยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย แต่อยู่ในที่สาธารณะ แกกล้าพาฉันออกไปโดยใช้กำลังไหมล่ะ?”

“ฉันจะบอกให้นะ สิ่งที่พวกแกกำลังทำอยู่ในตอนนี้เรียกว่า การจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่น ซึ่งมันขัดต่อกฎหมาย!”

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกแกไม่กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายในสถานีหรือไง?”

“ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ”

“ใครจะเป็นคนติดคุก”

คำพูดเหล่านั้นทำให้นักศึกษาหวาดกลัวโดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มนักศึกษา เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เขาคงจะเป็นผู้ต้องหาหลัก

“ฉันขอแนะนำให้แกโทรไปถามก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำให้เรื่องมันบานปลายหรือไม่” ฟางชิวกล่าวในเวลาที่เหมาะสม

ในความเป็นจริง เหตุผลที่ชายหนุ่มตัดสินใจอยู่ต่อก็เพื่อความแน่ใจว่ามีคนอยู่เบื้องหลังนักศึกษาเหล่านี้หรือไม่

ถ้ามี …แล้วคนคนนั้นเป็นใคร? และทำไมถึงต้องมาขวางเขาเอาไว้ด้วย?

เมื่อได้ยินคำพูดของฟางชิว หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในใจก็แอบกลัวว่าจะทำให้เรื่องมันบานปลาย เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเหลียงหย่งเสียง

ในมหาวิทยาลัย

เหลียงหย่งเสียงยื่นโทรศัพท์ให้เฉินอินเซิง

“ท่านรองอธิการบดี พวกเราจับฟางชิวได้แล้ว”

ขณะที่สายของโทรศัพท์เพิ่งเชื่อมต่อ หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาก็พูดว่า “แต่ที่นี่เป็นสถานีรถไฟความเร็วสูงและเป็นสถานที่สาธารณะ ซึ่งยากที่จะจับฟางชิวโดยการใช้ความรุนแรง เพราะหากเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตขึ้น มันจะมีปัญหา…”

รองอธิการบดี?

เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!

ฟางชิวเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือก เพราะเป็นอย่างที่เขาคิด!! คนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของคนเหล่านี้คือ เฉินอินเซิง!

ในมหาวิทยาลัย

“อืม มันก็ไม่ง่ายจริง ๆ นั่นแหละ” เฉินอินเซิงถือโทรศัพท์พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก “อย่าทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฟังฉันนะ พวกเธอต้องล้อมฟางชิวเอาไว้ พวกเธอไม่จำเป็นต้องพาฟางชิวกลับมาที่มหาวิทยาลัย แค่กันไม่ให้เขาออกไปก็พอ!”

“จงจำไว้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน ก็ต้องขวางฟางชิวเอาไว้ให้ได้ และห้ามปล่อยให้เขาขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปเด็ดขาด!”

“ได้ครับท่านรองอธิการบดี ไม่ต้องกังวล พวกเราจะทำภารกิจให้สำเร็จ” จากนั้นหัวหน้ากลุ่มนักศึกษาก็วางสายไป

“หึ” หัวหน้ากลุ่มนักศึกษามองไปที่ฟางชิว แล้วหรี่ตาลงพร้อมกับพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย พวกเราจะไม่ใช้กำลังกับแก” พูดจบ เขาก็ยิ้มออกมา

จากนั้นเขาก็หันไปหานักศึกษาคนอื่น ๆ และพูดว่า “รอที่นี่กันเถอะ ล้อมรอบเขาไว้ ฉันจะดูว่าเขาจะหนีไปได้ยังไง”

เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ยืนล้อมฟางชิวทันที

ในเวลาเดียวกัน ฟางชิวก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ

ฉากนี้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้าง และเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วนทันที

“โอ้สวรรค์ ผู้ชายคนนี้เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองหรือเปล่าเนี่ย?”

“บอดีการ์ดต้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

“ฉันคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะใช่บอดีการ์ดนะ”

“ดูสิ พวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่งมาก แล้วจะเป็นอะไรได้อีก? ผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ ๆ เลย”

“ด้วยบอดีการ์ดมากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เป็นดาราหรือเปล่าน่ะ? หล่อเหลาเอาการเลยนี่!”

เสียงการสนทนาเกิดขึ้นดังออกมาเป็นระลอก

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในห้องโถงต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่ม

เมื่อได้ยินเสียงสนทนาของฝูงชน ใบหน้าของนักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ก็มืดมนลง

บอดีการ์ด?

บอดีการ์ดของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง?

พวกคุณเคยเห็นบอดีการ์ดที่หล่อเหลาแบบนี้ไหม?

ใครจะไปปกป้องผู้ชายโง่ ๆ กัน?

กลุ่มนักศึกษาพากันพูดไม่ออก

เนื่องจากไม่มีวิธีอื่นแล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตราบใดที่พวกเขาล้อมฟางชิวเอาไว้อย่างแน่นหนา เช่นนั้นก็จะบรรลุภารกิจได้อย่างแน่นอน พวกเขายังรอเบิกเงินค่าแท็กซี่จากรองอธิการบดีอยู่นะ!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในชั่วพริบตาก็เหลือเวลาเพียงสิบนาทีก่อนที่รถไฟจะออก…

การตรวจตั๋วจึงเริ่มขึ้น!

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท