บทที่ 219 การแพทย์แผนจีนชนะ!
บทที่ 219 การแพทย์แผนจีนชนะ!
“ผมเคยพูดมาก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครฟังหรือเชื่อเลย”
เมื่อมองไปที่กล้อง ฟางชิวก็พูดอย่างเคร่งขรึม “แต่ผมคิดว่าตอนนี้คงถึงเวลาต้องพูดบางอย่างแล้ว ผมจะพูดไม่มาก… แค่สี่ประเด็นเท่านั้น”
หลังจากที่ผู้ชมได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็งงงวยว่าเขาจะพูดอะไรกันแน่? พูดแค่สี่ประเด็นเหรอ? ทำไมถึงจริงจังขนาดนี้!
ท่ามกลางความสงสัย ฟางชิวก็อธิบายให้ฟัง “ก่อนอื่นเลย สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในการแพทย์แผนจีน ผมหวังว่าพวกคุณจะหยุดนิยามการแพทย์แผนจีนว่าเป็นวิทยาศาสตร์เทียม”
“เพราะพวกคุณไม่เข้าใจการแพทย์แผนจีนเลย”
“แม้ว่าจะเรียนหนังสือมาหลายปี แต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เรียนวิทยาศาสตร์ จึงไม่ได้เข้าใจวิทยาศาสตร์มากมายขนาดนั้น และอาจจะลืมความรู้ทั้งหมดที่ได้รับในวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาในช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปหมดแล้ว เหตุนี้พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมานิยามการแพทย์แผนจีนตามศาสตร์ที่พวกคุณรู้? ตอนนี้ยังคิดว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์เทียมอีกหรือไม่?”
“ผมรู้ว่าจะต้องมีคนปฏิเสธ”
“อย่างไรก็ตาม พวกคุณก็ควรเป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจก่อน แล้วค่อยมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจ จากนั้นก็เอาหลักฐานมาโน้มน้าวผม”
“แต่ก่อนหน้านั้น ผมอยากจะบอกอย่างเปิดเผยว่า วันนี้ผมได้พิสูจน์แล้วว่าการวินิจฉัยชีพจรของแพทย์แผนจีนมันได้ผล!”
“วันนี้การแพทย์แผนจีนชนะ!”
“ดังนั้น ก่อนจะหาหลักฐานที่เชื่อถือได้ก็อย่าเชื่ออย่างสุ่มสี่สุ่มห้าว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์ลวงตา อย่าต่อต้านการแพทย์แผนจีนแบบมั่ว ๆ”
“การเชื่ออย่างงมงายและการไม่เชื่ออย่างงมงาย ในความคิดของผม ต่างเป็นการกระทำที่เชื่อในโชคลาง!”
คำพูดเหล่านี้ของฟางชิวสะท้อนจิตใจของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนมากมายฉับพลัน
พูดได้ดี!
เหล่าผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนปรบมือให้กับฟางชิวอย่างเงียบ ๆ เพราะสิ่งที่ฟางชิวพูดเป็นความจริงทุกประการ
พวกที่ใส่ร้ายการแพทย์แผนจีนอย่างน้อยก็ควรจะเข้าใจการแพทย์แผนจีนก่อน เพราะถ้าไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนเลย แล้วจะมาดูหมิ่นทำไม?
ไม่ใช่แค่การแพทย์แผนจีนเท่านั้น เพราะขณะที่นิยามว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์เทียม พวกคุณก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
ในเมื่อไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนกับวิทยาศาสตร์ แล้วพวกคุณจะมาพ่นเรื่องไร้สาระได้ยังไง?
อย่าดูถูกวิทยาศาสตร์ เข้าใจไหม?!
อีกด้านหนึ่ง
ทุกคนที่ไม่เชื่อและต่อต้านการแพทย์แผนจีนต่างนิ่งเฉย ด้วยรู้ว่าฟางชิวพูดถูกต้องทั้งหมด
เพราะคนเหล่านี้ปักใจเชื่อว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์เทียมโดยที่ไม่เข้าใจการแพทย์แผนจีนเลย
พวกเขาไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะผิดจริง ๆ
“ประเด็นต่อไป!” ชายหนุ่มกล่าวต่อเสียงเข้ม “ผมหวังว่าทุกคนจะไม่สูญเสียความศรัทธาในชาติจีนของพวกเรา!”
“พวกคุณต้องจำไว้ว่าพวกเราเป็นคนจีน และมีสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางการแพทย์หรือวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก!”
“ด้วยมรดกอันล้ำค่าเช่นนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราถึงหลงลืมเหล่าบรรพบุรุษไป?”
“ผมภูมิใจที่เป็นคนจีน และภูมิใจที่เป็นแพทย์แผนจีน!” ฟางชิวพูดสองประโยคสุดท้ายอย่างหนักแน่น
บนหน้าจอของห้องถ่ายทอดสด มีนิ้วหัวแม่มือนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาในทันที
พูดได้ดีมาก!
ฉันภูมิใจที่เป็นคนจีน!
ของขวัญมากมายถูกส่งมาอย่างบ้าคลั่ง
เพราะพวกเขาเป็นคนจีน และไม่ได้ด้อยกว่าชาติอื่นเลย!
“ประเด็นที่สาม!” ฟางชิวกล่าวต่อ “ผมเป็นคนจีนและเป็นแค่นักศึกษา แล้วก็เป็นนักศึกษาที่มาจากคณะการแพทย์แผนจีน”
“หลายคนถามผมว่าทำไมถึงเลือกเรียนด้านนี้ เพราะผลการเรียนของผมสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ตอนนี้จะขอแถลงไขถึงสาเหตุนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าการแพทย์แผนจีนเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีนและเป็นมรดกของบรรพบุรุษ”
“แม้ว่าจะผ่านไปห้าพันปีแล้ว แต่การแพทย์แผนจีนยังอยู่จนถึงทุกวันนี้”
“เพราะว่ามีคนหลายร้อยล้านคนบนในโลกนี้ที่รักการแพทย์แผนจีนและปกป้องมรดกของบรรพบุรุษพวกเราไว้”
“ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน”
“ผมหวังว่าจะมีการฟื้นฟูการแพทย์แผนจีน เช่นเดียวกับการฟื้นฟูชาติจีน!”
“ผมมาต่อสู้ที่นี่ด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอยู่ที่นี่แล้ว ผมจึงต้องใช้ตัวเองเพื่อพิสูจน์และสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนที่เชื่อในการแพทย์แผนจีน”
“การฟื้นฟูชาติจีนและการแพทย์แผนจีนไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผมแค่คนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความพยายามของทุกคน”
“ผมอยากให้พวกเราทุกคนสู้ไปด้วยกัน!”
คำพูดของฟางชิวสลักลึกลงในใจของผู้คน
หลายคนที่ดูการถ่ายทอดสดก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้หน้าจอ
พูดได้ดีมาก!
เพราะนี่ไม่ใช่แค่การแพทย์แผนจีนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับประเทศชาติอีกด้วย นี่คือความยุติธรรมระดับชาติ!
“ประเด็นสุดท้าย!” ฟางชิวเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วหันไปมองหลี่เหวินป๋อที่ใบหน้าซีดเผือด “หนึ่งล้านหยวน คุณรวยมากเลยเหรอ!”
“ต้องมีเวลาว่างมากแค่ไหนถึงได้เอาเงินมากมายมาเดิมพันอย่างนี้”
“ถ้าว่างมากนัก ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ดีกว่าเหรอ!”
“ในเมื่อมีเงินเดิมพัน ถ้างั้นทำไมไม่บริจาคให้คนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนล่ะ?”
“ตอนนี้… เงินหนึ่งล้านนี้เป็นของผมแล้ว!”
ฟางชิวชี้ไปที่กล่องเงินสดและถามโดยไม่รอให้หลี่เหวินป๋อตอบ “ผมจะไม่รับเงินรางวัลนี้ แต่อยากรบกวนให้คุณหลี่เหวินป๋อบริจาคเงินหนึ่งล้านนี้ให้กับสถานสงเคราะห์ที่ขาดแคลน เพราะคุณหลี่เหวินป๋อควรทำความดีให้กับสังคมบ้าง!”
หลังจากที่ฟางชิวพูดอย่างนั้น ทุกคนก็ตกใจแน่นิ่ง เพราะในความเป็นจริงแล้ว เพียงแค่เงินสดหนึ่งล้านก็ดึงดูดคนดูจำนวนมากได้แล้ว
และส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขามากถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน
พูดตามตรง ตอนที่ฟางชิวได้รับเงินรางวัลหนึ่งล้านหยวน คนเหล่านี้ต่างอิจฉาตาร้อน หวังว่าเงินนั้นจะเป็นของตัวเอง
แต่ตอนนี้ฟางชิวกลับต้องการบริจาคเงิน แถมยังบริจาคทั้งหมดอีกด้วย?!
นี่กล้าปฏิบัติต่อเงินตราเหมือนมูลสัตว์งั้นหรือ?
สมัยนี้ยังมีคนไม่ชอบเงินอีกด้วยเหรอเนี่ย?
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ!
เวลาผ่านไปนาน ในที่สุดความตกใจก็หายไปพร้อมกับความคิดดั้งเดิม และมุมมองที่มีก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้พวกเขามีแต่ความชื่นชม! ซึ่งเป็นความชื่นชมที่ออกมาจากใจจริง ๆ !
แม้ว่าฟางชิวจะเป็นเพียงนักศึกษาปีหนึ่ง และยังเด็กอยู่มาก แต่แล้วอย่างไรล่ะ?
ถึงจะอายุยังน้อย แต่ทักษะทางการแพทย์สูงส่งมาก และนิสัยใจคอกับความประพฤติยังดีมากด้วย
นับประสาอะไรกับคนอื่น แม้แต่คนที่มีอายุหกสิบปี เจ็ดสิบหรือแปดสิบปีก็อาจจะไม่มีศีลธรรมมากขนาดนี้
การบริจาคเงินหนึ่งล้านหยวนมีกี่คนบนโลกนี้ที่ทำได้? อย่างน้อยพวกเขาก็ทำไม่ได้ แต่ฟางชิวทำได้ แถมยังเป็นความสมัครใจอีกด้วย
พูดตามตรง ถ้าฟางชิวจะเอาเงินหนึ่งล้านนี้ไปใช้จ่ายอะไรก็ไม่มีใครร้องเรียนได้ เพราะได้มันมาด้วยตัวเอง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็ปรบมือให้แม้ว่าฟางชิวจะมองไม่เห็นก็ตาม
…
หลังจากพูดจบ ฟางชิวก็โค้งคำนับให้กล้องถ่ายทอดสดและพูดว่า “เรื่องนี้มันจบลงแล้ว ผมได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว และพูดในสิ่งที่อยากพูดแล้ว ลาก่อนครับทุกคน” พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องประชุมไป
โดยที่ไม่มีอะไรถูกเอาไป รวมถึงเงินสดหนึ่งล้านหยวนด้วย ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงกลุ่มคนที่กำลังสับสน
ฟางชิวว่องไวยิ่งนัก!
เขาเดินออกไปอย่างนั้นเลยเหรอ!
อยู่นานกว่านี้ไม่ได้หรือ! พวกเขาอยากให้ฟางชิวพูดมากกว่านี้! จะเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้ …ไม่เป็นไร!
หลังจากที่เดินออกจากอาคารจงเฟิง ฟางชิวก็เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่หาได้ยากสำหรับเมืองหลวง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความโล่งอก
“ฉันชนะแล้ว” ฟางชิวยิ้มบางให้กับตัวเอง
เขาไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนเลย แม้ว่าก่อนมาถึงจะมีความมั่นใจ แต่ยังแอบกังวลอยู่ดี แต่ตอนนี้ชนะแล้ว! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ
ฟางชิวยิ้มพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเวยป๋อ แล้วโพสต์ว่า ‘ฉันชนะแล้ว!’ จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลง
ในเวยป๋อมีแค่สามคำกับเครื่องหมายอัศเจรีย์ แต่ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น เพราะเมื่อฟางชิวจากไปแล้ว บนอินเทอร์เน็ตก็เกิดความร้อนแรงขึ้นมา!
เมื่อฟางชิวออกจากห้องถ่ายทอดสดแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่ก็เข้าสู่ระบบเวยป๋อทันทีเพื่อประกาศชัยชนะของชายหนุ่ม
แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ติดตามฟางชิวบนเวยป๋อ เพราะก่อนสงครามครั้งนี้จะเริ่ม ฟางชิวก็เป็นเพียงเป้าหมายที่พวกเขาต้องการเยาะเย้ยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศผลการท้าทาย ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็หลั่งไหลไปที่เวยป๋อของฟางชิวทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาเห็นคำง่าย ๆ สามคำนี้ ความตื่นเต้นและอารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
[ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่!]
[อยากสัมผัสท่านเทพอย่างใกล้ชิดจังเลยแฮะ~]
[ท่านเทพฟางชิว ฉันขอโทษนะ ไม่ควรสงสัยคุณเลย ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด จากวันนี้ไปคุณคือไอดอล ฉันสัญญาว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นด้านลบอีก]
[ใครก็ตามที่บังอาจดูหมิ่นท่านเทพของฉัน ฉันจะทุบมันให้ตายเลย!]
[ตอนแรกฉันคิดว่าฟางชิวเป็นคนโง่ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเทพที่แอบซ่อนตัวอยู่ นี่มันน่าทึ่งมาก!]
[นักศึกษาฟางชิว คุณมีบุคลิกที่ดี แล้วฉันก็มีลูกสาวอายุยังน้อยอยู่ในวัยที่เหมาะสมในการแต่งงาน คุณมีแฟนหรือยัง? ถ้ายัง พวกเรามาคุยกันเป็นการส่วนตัวเถอะ]
[ท่านเทพ ฉันส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณแล้ว พวกเรามาคุยเรื่องอนาคตกันเถอะ]
[ฮ่าฮ่า ใครก็ตามที่บอกว่าการแพทย์แผนจีนนั้นด้อยกว่า แต่ทันทีที่ท่านฟางชิวออกมา การแพทย์แผนจีนก็รู้สึกภูมิใจทันที]
[ตอนนี้หมอฝรั่งพวกนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว? แล้วคนที่ไม่มีความเชื่อในการแพทย์แผนจีนล่ะ หายไปไหนหมดแล้ว?]
[พวกนั้นไม่กล้าออกมาแล้วมั้ง?]
ผู้คนจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นและรีโพสต์โพสต์เวยป๋อของฟางชิว
หลังจากที่อ่านอย่างรวดเร็วจะพบว่าความคิดเห็นเหล่านี้ค่อนข้างตลก ในระหว่างนี้จำนวนผู้ติดตามของฟางชิวบนเวยป๋อก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งหมื่นเป็นห้าแสนคน
ในเวลาต่อมา เมื่อสิ้นสุดการท้าทาย หลี่เหวินป๋อก็เดินออกมาจากอาคารด้วยความเศร้าหมอง
เมื่อผลการท้าทายประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา…
ชาวเน็ตก็ลุกเป็นไฟ!
การแพทย์แผนจีนชนะจริงหรือ? ไม่มีใครเชื่อว่าจะชนะ แต่สุดท้ายก็คว้าชัยชนะมาได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน?
เป็นเพราะฟางชิว!
นักศึกษาปีหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก และเพิ่งเรียนรู้การจับชีพจรตั้งครรภ์ได้เพียงสองวันกลับสามารถเอาชนะหลี่เหวินป๋อ ซึ่งเป็นแพทย์แผนตะวันตกที่มีชื่อเสียงได้
แบบนี้มันก็เหมือนกับว่านักฟุตบอลทีมชาติคว้าแชมป์บอลโลกมาได้เลย
‘การแพทย์แผนจีนชนะ’
เมื่อเรื่องนี้คลี่คลาย หัวข้อดังกล่าวก็พุ่งขึ้นสู่สิบอันดับแรกของรายการค้นหายอดนิยมบนเวยป๋ออย่างรวดเร็ว
‘ม้ามืดฟางชิว’
โดยมีหัวข้อนี้ตามมาติด ๆ
เมื่อทั้งสองหัวข้อนี้พุ่งสู่การค้นหาที่ร้อนแรงจึงทำให้ผู้คนเห็นข่าวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ที่ทราบข่าวการนัดหมายนี้แต่ไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดต่างก็ตกใจทันที
พวกเขาไม่คาดคิดว่าฟางชิวจะเอาชนะหลี่เหวินป๋อได้
ทว่ามีบางคนไม่สนใจกับการท้าทาย พวกเขาจึงไม่รู้ว่าฟางชิวเป็นใคร แต่พอเห็นหัวข้อ ‘การแพทย์แผนจีนชนะ’ พวกเขาจึงคลิกเข้าไปดูด้วยความสงสัย
จากนั้นผู้ที่คลิกเข้าไปดูล้วนตื่นตะลึงกันทุกคน!
ที่ตกใจไม่ใช่เพราะแพทย์แผนจีนเอาชนะแพทย์แผนตะวันตกได้ และไม่ใช่เพราะแพทย์แผนจีนสามารถจับชีพจรตั้งครรภ์ได้ แต่เพราะฟางชิว ซึ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่งโนเนมสามารถบดขยี้หลี่เหวินป๋ออย่างไร้ความปรานีได้ถึงยี่สิบครั้ง!!