บทที่ 220 ประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ต!
บทที่ 220 ประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ต!
นักศึกษาใหม่จะเก่งได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ? แล้วการแพทย์แผนจีนสุดยอดได้ขนาดนั้นเลย?
ความประหลาดใจมากมายดึงดูดความสนใจนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันก็เรียกเสียงเชียร์จากโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ยกเว้นคนที่ติดตามสงครามนี้มาตั้งแต่ต้น
ส่วนคนที่เหลือที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่หลังจากที่รู้ว่า ‘การแพทย์แผนจีนชนะในการท้าทายชีพจรตั้งครรภ์’ พวกเขาก็พากันตื่นเต้นดีใจ
เป็นเพราะที่นี่คือประเทศจีน! แม้แต่โลกออนไลน์ก็ยังเป็นโลกออนไลน์ของจีน และผู้คนที่ใช้งานส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน
การแพทย์แผนจีนเป็นสมบัติของจีนที่นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวจีน ในที่สุดสิ่งที่บรรพบุรุษได้สืบทอดต่อกันมาก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นของดี! แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
นอกจากนี้ มีอีกจุดสำคัญที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้น นั่นคือการท้าทายนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงประโยชน์ของการแพทย์แผนจีน และในขณะเดียวกันก็ทำให้การแพทย์แผนจีนที่เคยถูกสงสัยเริ่มกลายเป็นความเชื่อมั่นแทน
แต่ก่อนหน้านี้ ถ้ามีใครพูดเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีน คนอื่น ๆ มักจะมาขัด และบอกว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก
ทว่าตอนนี้ ถ้าใครบอกว่าเป็นเรื่องลวงตาอีกละก็ พวกเขาจะตบหน้าคนคนนั้นด้วยชัยชนะของฟางชิว!
นักศึกษาใหม่ของการแพทย์แผนจีนสามารถเอาชนะหลี่เหวินป๋อได้ นี่ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของการแพทย์แผนจีนอีกหรือ ขนาดนักศึกษายังเก่งขนาดนี้ แล้วแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงจะเก่งขนาดไหน?
ในที่สุดแพทย์แผนจีนก็ได้รับการพิสูจน์สักที!
ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนจีนหลายคนน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเรื่องนี้ และรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการแพทย์แผนจีนเป็นทักษะทางการแพทย์เพียงหนึ่งเดียวที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศจีนสมัยโบราณและยังหล่อเลี้ยงชาวจีนมานับไม่ถ้วน
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยการพัฒนาของสังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแพทย์แผนจีนอันศักดิ์สิทธิ์นี้จึงถูกกีดกันจากข้อสงสัยต่าง ๆ การแพทย์แผนจีนจึงค่อย ๆ ถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มวิทยาศาสตร์เทียมทีละเล็กทีละน้อย
สามารถพูดได้ว่าในรอบร้อยปีที่ผ่านมา การแพทย์แผนจีนถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ ไม่ว่ายุคสมัยใดก็มักจะมีคนกระโดดออกมาตั้งคำถามกับการแพทย์แผนจีน
ภายใต้ความสงสัยดังกล่าว ทำให้การแพทย์แผนจีนค่อย ๆ ถูกลดบทบาทลง การแพทย์แผนตะวันตกเลยใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ลุกขึ้นมาเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี โดยพยายามใช้การแพทย์แผนจีนเป็นบันได เช่นเดียวกับการท้าทายครั้งนี้
หลายปีที่ผ่านมาการแพทย์แผนจีนถูกกดขี่มาโดยตลอด ดังนั้น วันนี้จึงคุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลอง! แม้ว่าครั้งนี้จะช้าไปหน่อยแต่ก็ถือว่าความโชคดีได้บังเกิดแล้ว!
หัวข้อชัยชนะของการแพทย์แผนจีนร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ในหมู่พวกเขา ผู้ชมที่เป็นกลางจำนวนมากกลายเป็นแฟนคลับของฟางชิว หลังจากดูการถ่ายทอดสดซ้ำ
[ท่านเทพ ขอถ่ายรูปหน่อย!]
[ทำไมไม่โชว์หน้าล่ะ ชนะแล้วทำไมไม่โชว์หน้าล่ะ ฉันขอรูปถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วแบบชัด ๆ หน่อยสิ!]
[ฉันอยากเป็นลูกศิษย์ของคุณ!]
[ลูกศิษย์+1]
[ท่านเทพคะ ฉันอยากมีลูกกับท่านค่ะ~]
…
ความคิดเห็นที่เรียบง่ายและหยาบคายทุกประเภทท่วมท้นบัญชีเวยป๋อของฟางชิว
หลายคนเริ่มสนใจการแพทย์แผนจีนหลังจากที่เขาชนะในการท้าทายนี้
[ท่านเทพฟางชิว ตอนนี้ฉันอยู่มัธยมปลายปีสามแล้ว เดิมทีวางแผนจะเรียนการแพทย์แผนตะวันตก แต่หลังจากดูวิดีโอของคุณ ฉันก็ตัดสินใจจะสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนในปีหน้า]
[ฉันก็เหมือนกัน! ฉันจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง เพื่อที่ฉันจะได้เป็นรุ่นน้องของท่านเทพฟางชิว!]
[อย่ามาแย่งกับฉันนะ! เพราะฉันจองตำแหน่งรุ่นน้องผู้หญิงอันดับหนึ่งของท่านเทพฟางชิวแล้ว!]
นักเรียนหนุ่มสาวกลุ่มนี้แสดงความเชื่อมั่นในการแพทย์แผนจีนและกล่าวชื่นชมชายหนุ่ม
เห็นได้ชัดว่าบัญชีเวยป๋อของฟางชิวได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การสนทนาที่ร้อนแรงในหมู่แฟนคลับกับเยาวชนรุ่นเยาว์ จำนวนผู้ติดตามของฟางชิวจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
อีกด้านหนึ่ง
ผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกต่างตกตะลึง!
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาปฏิบัติต่อแพทย์แผนจีนเหมือนพรมเช็ดเท้าและรังแกแพทย์แผนจีนโดยไม่มีเหตุผล
เนื่องจากการแพทย์แผนจีนไม่เคยปฏิเสธหรือต่อต้าน พวกเขาจึงเห็นพ้องโดยปริยายว่าการแพทย์แผนจีนเป็นวิทยาศาสตร์เทียม!
ถ้าไม่ใช่วิทยาศาสตร์เทียมจริง ๆ แล้วทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงไม่มีการต่อต้านล่ะ?
แต่ตอนนี้ …แพทย์แผนจีนได้รับชัยชนะแล้ว!
จิตใจของพวกเขาจึงว่างเปล่า เหมือนกับว่าคนที่อ่อนแอไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่กลับกลายเป็นปรมาจารย์ไปเสียดื้อ ๆ
พวกเขาถูกทุบตีอย่างหนักจนพูดไม่ออก เมื่อความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถโต้แย้งได้
ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้วจริง ๆ
แพทย์แผนจีนที่ถูกกดขี่มานานหลายปีกำลังจะผงาดขึ้น!
…
บนอินเทอร์เน็ตกำลังคึกคัก นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นสาธารณะมากมาย
สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ชัยชนะของแพทย์แผนจีนไม่เพียงแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเท่านั้น แต่ยังถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกคนมีจิตใจรักครอบครัวและปกป้องประเทศ
อะไรที่เป็นของประเทศตนเองย่อมดีที่สุดเสมอ!
ในเวลาเดียวกัน สื่อในประเทศก็ทราบข่าวนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน สื่อบางแห่งที่ให้ความสนใจถึงกับรายงานสถานการณ์บนบัญชีเวยป๋ออย่างเป็นทางการหลังจากที่ฟางชิวชนะ
แน่นอนว่าสำนักสื่อเหล่านั้นต่างใช้วลีเดียวกันเพื่อดึงดูดความสนใจของประชาชน นั่นคือ ‘การท้าทายชีพจรการตั้งครรภ์’
การแพทย์แผนจีนคว้าชัย!
อาจเพื่อสนองต่อรสนิยมของผู้อ่าน สื่อต่าง ๆ จึงไม่ได้อัปโหลดคลิปวิดีโอ แต่เปลี่ยนวิดีโอเป็นข้อความในการรายงานออนไลน์ของพวกเขาแทน แล้วรายงานของสื่อต่าง ๆ ก็มีการวิเคราะห์ด้วยมุมที่แตกต่างกัน
แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือ พวกเขาทั้งหมดให้ความสนใจกับฟางชิว ที่เป็นนักศึกษาใหม่ในมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง
‘ฟางชิว!’
‘นักศึกษาใหม่ที่ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงเมื่อสามเดือนก่อน ครั้งหนึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันความรู้และมีผลการเรียนดีเด่น ในขณะเดียวกันก็เป็นคนเสนอโครงการการฝึกงานให้กับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนทั่วประเทศจีน เขาจึงเป็นอัจฉริยะที่หายากในวงการแพทย์แผนจีน’
‘ในด้านการศึกษา ฟางชิวอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอ และยังเป็นบุคคลสำคัญในมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง’
‘ว่ากันว่าก่อนการท้าทาย ฟางชิวใช้เวลาเรียนรู้ในการจับชีพจรแค่สี่วันเท่านั้น และใช้เวลาสองวันในการเรียนการจับชีพจรตั้งครรภ์’
‘ฟางชิวใช้เวลาเรียนแค่สองวัน ความสงสัยของแพทย์แผนตะวันตกเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนก็ถูกโต้แย้งอย่างไร้ความปรานี’
‘นี่จึงพูดได้ว่า ฟางชิวไม่ได้เป็นแค่คนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเท่านั้น แต่เขายังเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในวงการแพทย์แผนจีนอีกด้วย’
แม้ว่าเนื้อหาของข่าวจะแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกสื่อต่างมุ่งเน้นความสนใจไปที่ฟางชิว บางสำนักก็กล่าวอย่างระมัดระวัง แต่ก็มีบางแห่งที่พูดเกินจริงไปต่าง ๆ นานา
สื่อหลักได้เผยแพร่ข่าวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนในวงกว้างได้รับรู้ข่าวการท้าทายระหว่างการแพทย์แผนจีนกับการแพทย์แผนตะวันตก
นอกจากนี้ยังทำให้ผู้คนรู้จักฟางชิวในฐานะนักศึกษามากขึ้น และรู้ว่าการแพทย์แผนจีนได้รับชัยชนะ!
[นักศึกษาชนะการท้าทายชีพจรตั้งครรภ์? ฮ่าฮ่า โลกนี้มันวุ่นวายจริง ๆ นักศึกษาคนนั้นก็เก่งไม่เบาเลยนะ!]
[นัด… นัดท้าทายไปเพื่ออะไร? ทำไมไม่ไปตรวจโรคให้ผู้ป่วยถ้าว่างขนาดนั้น]
[ทุกวันนี้ยาแผนตะวันตกมีราคาแพงมาก แต่ได้ยินมาว่ายาแผนจีนมีพิษเยอะ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรไปหาหมอไหนดี ยังไงก็ตาม การไปหาหมอตอนนี้ก็ต้องเสียเงินอยู่ดี!]
[การแพทย์แผนจีนคือการแพทย์แผนจีน เพราะมันเป็นการแพทย์ดั้งเดิมของพวกเรา!]
[ให้หมอแผนตะวันตกกลับไปเถอะ ในประเทศจีนมีแค่ยาจีนก็เพียงพอแล้ว]
[ความเห็นบนโง่หรือเปล่าเนี่ย ทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกต่างก็มีข้อดีในตัวเอง แค่ต้องเรียนรู้จากจุดแข็งของกันและกัน]
[ความจริง ตัวเอกของการท้าทายนี้ไม่ใช่แพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนตะวันตก แต่เป็นนักศึกษาปีหนึ่งที่ชื่อฟางชิว]
[ใช่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นฮีโร่เยาวชน!]
ทันใดนั้นก็มีการพูดคุยกันอย่างคึกคักไปทั่วประเทศ
ผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนจีนกับการแพทย์แผนตะวันตก ตลอดจนผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลางและผู้ที่ไม่สนใจการท้าทายนี้แม้แต่น้อย ต่างก็ยกย่องฟางชิวอย่างมากหลังจากเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
…
สถานีโทรทัศน์เจียงจิง
“เสี่ยวเฉินเข้ามาสักครู่” ในห้องทำงานของผู้อำนวยการมีเสียงตะโกนออกมา
ผู้หญิงที่มีบัตรพนักงานสถานีโทรทัศน์แสดงอายุราวยี่สิบแปดยี่สิบเก้าปี แต่งกายด้วยชุดสุภาพ เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปในสำนักงานทันที
“ผู้อำนวยการ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชายวัยกลางคนผมหงอกในชุดสูท
เนื่องจากชายคนนี้เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เจียงจิง
“มี” ผู้อำนวยการพยักหน้าและถามอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวเฉิน คุณกำลังติดตามการท้าทายระหว่างการแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตกที่กำลังเป็นกระแสฮือฮาบนอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้ไหม”
“แน่นอนค่ะ” เสี่ยวเฉินพยักหน้าและตอบอย่างรวดเร็วว่า “ฉันกำลังเตรียมการสัมภาษณ์พิเศษ”
“เหมือนที่ฉันคิดไว้เลย” ผู้อำนวยการกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ดังมากในประเทศจีน แล้วตัวเอกอย่างฟางชิวก็เป็นนักศึกษาของเมืองเจียงจิง ดังนั้นพวกเราต้องรีบคว้าบทสัมภาษณ์แรกของฟางชิวมาให้ได้!”
“งั้นฉันควรไปที่มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงเพื่อรอเขาใช่ไหมคะ” เสี่ยวเฉินถาม
“อืม” ผู้อำนวยการพยักหน้าและพูดด้วยความกังวลเล็กน้อยว่า “ตอนนี้พวกสื่อต่างก็พร้อมจะผูกขาดข้อมูล ณ จุดนี้ คุณต้องเป็นคนแรกที่ได้ข้อมูล แล้วใช้ประโยชน์จากความร้อนแรงของเรื่องนี้ สถานีโทรทัศน์เจียงจิงของพวกเราจึงจะสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นและสามารถวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาของพวกเราในอนาคตได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” เสี่ยวเฉินพยักหน้า
“เข้าใจก็ดีแล้ว” ผู้อำนวยการสั่งทันทีว่า “ไปซะ อย่าลืมสัมภาษณ์ฟางชิวทันทีที่เขากลับมา และต้องเป็นการสัมภาษณ์พิเศษด้วย!”
“ไม่มีปัญหาค่ะ!” เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างมั่นใจและเดินจากไป
…
ในเมืองหลวง ขณะที่มีการสนทนาอย่างดุเดือดบนโลกอินเทอร์เน็ตและในโลกแห่งความเป็นจริง ฟางชิวที่เป็นตัวเอกก็เพิ่งจะเดินออกจากร้านฉวนจูเต๋อ
เพราะฟางชิวไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีโอกาสกลับมาที่เมืองหลวงอีกหรือไม่ เขาจึงอยากมากินเป็ดย่างอีกสักมื้อ!
หลังจากกินอิ่มแล้ว ฟางชิวก็ซื้อเป็ดย่างที่อบสดใหม่และหั่นเป็นชิ้นติดไม้ติดมือมาด้วย จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่ไปยังสถานีทางใต้เพื่อไปเอาตั๋วที่จองไว้ล่วงหน้า แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับไปที่เมืองเจียงจิง