“เรียกหมอหลวงหรือขอรับ” เด็กชายตัวน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น แล้วถามว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านรู้สึกไม่สบายหรือขอรับ” ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องรีบไปบอกพี่สามทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยบีบแก้มของเด็กชายตัวน้อยพร้อมกับบอกว่า “ข้าไม่ได้ป่วย แต่ข้ากำลังเป็นห่วงเรื่องอื่นอยู่ต่างหาก รีบไปพาหมอหลวงมาเร็วเข้า แล้วจำไว้ให้ดีล่ะว่าอย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ขอรับ!” เด็กชายตัวน้อยตอบอย่างแข็งขัน จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปจากห้องบรรทมทั้งที่ยังคาบปีกเป็ดเอาไว้ในปาก
ทันทีที่บรรดาขันทีและนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างนอกเห็นภาพนี้ พวกเขาก็งุนงงอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ดื่มชาต่อ แต่นางกลับก้มหน้าลง แล้วลูบท้องตัวเองอย่างลังเล…
ข้าตั้งครรภ์หรือ
ความคิดเรื่องการตั้งครรภ์ไม่เคยผ่านเข้ามาในสมองของเฮ่อเหลียนเวยเวยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้เมื่อนางรู้เช่นนี้แล้ว นางจึงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง
หัวใจของนางท่วมท้นไปด้วยความสุข
นางเองก็รักเด็ก
สมัยที่อยู่ในยุคปัจจุบัน นางยังเคยคิดจะรับเด็กมาเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ
แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้ตั้งครรภ์ตอนมาอยู่ในยุคโบราณแทน
เมื่อนึกถึงภาพเด็กสักคนเดินตามหลังนางต้อยๆ และเรียกนางว่าท่านแม่หรือหม่าม้า เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก
นางนึกออกกระทั่งภาพของใบหน้าขององค์ชายสามในยามที่เขาอุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขน
เขาต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้กอดลูกอย่างแน่นอน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ แล้วลูบท้องของตัวเองอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เพียงภาพลวงตาที่อยู่แค่ในจินตนาการของนางเหมือนก่อนหน้านี้ ดวงตาอันงดงามของนางเป็นประกายด้วยความคาดหวัง ทุกอย่างจะได้รับการยืนยันก็ต่อเมื่อหมอหลวงมาถึง
เจ้าเจ็ดพึ่งพาได้อย่างมาก หลังผ่านไปได้เพียงครู่เดียวเขาก็พาหมอหลวงเข้ามา
แต่องค์ชายเจ็ดไม่ชอบเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และหมอหลวงชราผู้นี้ก็หูไม่ค่อยดี ดังนั้นเด็กชายตัวน้อยจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง และใช้มือข้างหนึ่งอุ้มเป้าหมายของตัวเองขึ้น ก่อนพาเขาตรงเข้าไปที่ห้องบรรทม
“องค์ชาย องค์ชายเจ็ด… องค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดวางกระหม่อมลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม.. กระหม่อมเริ่มหายใจไม่ออกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เจ้าเจ็ดเป็นเด็กตัวเล็ก ดังนั้นขันทีและนางกำนัลทุกคนจึงตกใจอย่างมากเมื่อพวกเขาเห็นเด็กชายอุ้มผู้ชายโตเต็มวัยหายเข้าไปในห้องเช่นนี้
หมอหลวงชราแทบจะร้องไห้โฮออกมาพร้อมกับพยายามปิดหน้าตัวเองสุดชีวิต
เด็กชายตัวน้อยตอบด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจว่า “เงียบ ห้ามให้ใครเข้ามาในห้องบรรทมอีก ถ้าพี่สามรู้เรื่องนี้ เจ้าตายแน่”
หมอหลวงชราปิดปากเงียบแทนคำตอบ
แล้วท่านอุ้มข้ามาที่นี่ทำไม?!
ท่านคิดจะฆ่าข้าหรือ
“เจ้าเจ็ด วางหมอหลวงหลิวลง” เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากข้างนอก นางจึงเดินออกมาดู เมื่อนางเห็นเด็กชายตัวน้อยอุ้มชายชราด้วยมือเพียงข้างเดียว นางก็นึกขำอย่างมาก
เด็กชายตัวน้อยเชื่อฟังเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่เสมอ ดันั้นเขาจึงวางหมอหลวงหลิวลงกับพื้นด้วยใบหน้าราบเรียบ
ในที่สุดหมอหลวงหลิวก็รู้สึกหายใจหายคอได้อย่างสะดวก เขาหันไปคารวะเฮ่อเหลียนเวยเวย “กะ.. กระหม่อมขอคารวะพระชายาสามพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำตัวตามสบายเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเจ็ดชอบแกล้งผู้อาวุโส ข้าต้องขอโทษด้วยหากเขาสร้างปัญหาอันใดให้กับท่าน”
หมอหลวงหลิวโบกมือแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวันขณะตอบว่า “ไม่มีเรื่องอันใดให้ท่านต้องขอโทษเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจ็ดเป็นเด็กตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์จริงใจ เขาไม่ได้สร้างปัญหาอันใดให้กับกระหม่อมเลยแม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ…” ไม่มีปัญหากับผีน่ะสิ! ต่อให้เป็นเทพบนสวรรค์ก็คงได้ตกอยู่ในสภาพปางตายแน่หลังจากถูกเขาโยนไปมาเช่นนั้น!
“เช่นนั้นก็เชิญหมอหลวงหลิวนั่งลงก่อนเถิด ข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าเจ็ดไปเรียกท่านมาเอง” เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนมีเหตุผล และเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของหมอหลวงเป็นอย่างดี แต่นางก็รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด หมอหลวงชราผู้นี้เป็นคนที่จงรักภักดีต่ออดีตฮ่องเต้ และยังเคยเป็นคนในราชสำนักอีกด้วย เขาคล้ายกับขันทีซุนตรงที่ว่าแม้จะชอบบ่นเจ้าเจ็ด แต่เขาก็รักใคร่เอ็นดูเขาจากใจจริง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพเสมอ
หมอหลวงหลิวคิดมาตลอดว่าความฉลาดหลักแหลมของเฮ่อเหลียนเวยเวยทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกวางใจ ตั้งแต่เขารู้เรื่องคดีที่เกิดขึ้นในซอยนั้น ความเคารพที่เขามีต่อนางก็ยิ่งเพิ่มพูน ตอนนี้เมื่อเขารู้ว่านางเป็นคนที่เรียกเขาเข้ามาพบ เขาก็รีบถามว่า “พระชายาสามรู้สึกไม่ค่อยสบายหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่เช่นนั้น” เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไป บนริมฝีปากของนางมีรอยยิ้มเจืออยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่อยากให้หมอหลวงหลิวช่วยจับชีพจรให้ข้าหน่อยเท่านั้น”
หมอหลวงหลิวชะงักไปเมื่อเขาได้ยินคำขอเช่นนี้ จากนั้นเขาก็เข้าใจ ใบหน้าของเขามีความประหลาดใจระคนยินดีปรากฏขึ้น
เขาเป็นหมอหลวงมากประสบการณ์ที่ทำหน้าที่รับใช้อยู่ในวังหลวงแห่งนี้มานาน ดังนั้นเขาย่อมรู้ถึงจุดประสงค์ที่อยู่เบื้องหลังคำขอของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เขานั่งลงอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจกระทั่งความรู้สึกอึดอัดที่ช่วงท้องของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อจับชีพจรของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป หมอหลวงหลิวก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้น แล้วประกาศเสียงดังว่า “ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะพระชายา ท่าน… ท่านตั้งครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เด็กชายตัวน้อยที่มีของกินอยู่เต็มปากได้ยินคำพูดของหมอหลวงหลิวเข้าพอดี เขาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาหันไปมองหน้าท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะหันกลับมามองสิ่งที่อยู่ในมือตัวเอง เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เฮ่อเหลียนเวยเวยคาดการณ์ไว้แล้วว่านางน่าจะท้อง แต่การคาดเดาก็เป็นเรื่องหนึ่ง การที่นางได้รับคำยืนยันจากหมอหลวงชราด้วยหูตัวเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สงสัยจังว่าองค์ชายจะทำหน้าอย่างไรตอนที่เขารู้เรื่องนี้ ฮ่าๆ
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ผู้ชายคนนั้นมักมีท่าทางสง่างามอยู่เสมอ นางไม่เคยเห็นเขามาดหลุดเลยสักครั้ง
ตอนที่เขายังเด็ก เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็กที่อวดดีและหยิ่งยโสอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกถึงเศษชิ้นส่วนวิญญาณที่นางเคยพบก่อนหน้านี้ แล้วนางก็หลุดยิ้มออกมา
เด็กคนนี้จะเหมือนใครมากกว่ากัน จะเหมือนกับเขา หรือจะเหมือนกับข้ามากกว่ากัน
ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศใดก็ตาม แต่คงดียิ่งนักหากเด็กคนนี้ได้ใบหน้าอันงดงามขององค์ชายมา หากมีใบหน้าเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองใดเขาก็สามารถล่มเมืองได้ ถ้าเขาเป็นเด็กผู้ชาย เขาก็จะได้แต่งงานกับสาวน้อยน่ารัก และประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
ส่วนเรื่องนิสัย อย่าให้เขาได้นิสัยองค์ชายสามมาเลยจะดีกว่า นิสัยชอบจับคนขังตามอำเภอใจตัวเองของเขาน่าปวดหัวยิ่งนัก
“ฮ่าๆๆ องค์ชายสามกับอดีตฮ่องเต้จะต้องยินดีอย่างยิ่งแน่พ่ะย่ะค่ะหากพวกเขารู้เรื่องนี้” หมอหลวงหลิวหัวเราะลั่นอย่างมีความสุขพร้อมกับบอกว่า “ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”
ความสุขวาดขึ้นบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย นางเอ่ยกับเขาอย่างระมัดระวังว่า “หมอหลวหลิว ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าวันนี้ท่านมาที่นี่ทำไม ข้าสั่งให้เจ้าเจ็ดไปตามท่านมาด้วยตัวเองก็เพราะข้าอยากเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เวลานี้องค์ชายสามออกนอกวังเพื่อรับเสด็จอดีตฮ่องเต้ ดังนั้นพวกเราเก็บข่าวนี้เอาไว้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้คงดีกว่า เข้าใจหรือไม่”
“กระหม่อมเข้าใจที่พระชายารับสั่งดีพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของหมอหลวงหลิวเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาดูให้ความเคารพอีกฝ่ายอย่างมากทันทีที่ได้ฟังคำพูดนั้น เขายกมือขึ้นแนบอก แล้วบอกว่า “พระชายาไม่ต้องเป็นกังวลไปพ่ะย่ะค่ะ ถ้ามีใครถามกระหม่อม กระหม่อมจะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่การกลั่นแกล้งขององค์ชายเจ็ดเท่านั้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มให้เขา แล้วจึงตอบว่า “เป็นแผนการที่ดีทีเดียว หมอหลวงหลิว”
หมอหลวงหลิวหน้าขึ้นสีทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ องค์ชายสั่งให้เขาดูแลพระชายาดีๆ ก่อนที่เขาจะเสด็จออกไป
เมื่อครู่นี้เขาตื่นเต้นเกินไป จนลืมไปเสียสนิทว่าในเวลานี้วังหลวงไม่ได้เงียบสงบเหมือนอย่างที่เห็น
ตราบใดที่บัลลังก์ยังว่างอยู่ ย่อมมีผู้คนสมคบคิดกันและต้องการนำมันมาเป็นของตน
สถานการณ์ในตำหนักจิ่วฉงเงียบสงบเพราะอค์ชายจัดการกวาดล้างตัวปัญหาในที่แห่งนี้ไปจนหมดแล้ว แต่ทั่วทุกหนแห่งภายในวังหลวงก็ยังมีหน่วยสอดแนมอยู่
ถ้ามีคนรู้เรื่องที่พระชายาตั้งครรภ์เข้าละก็ พวกเขาจะต้องเริ่มวางแผนการชั่วร้ายเพื่อจัดการนางอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวกลับก่อนพ่ะย่ะค่ะ คนอื่นจะได้ไม่สงสัยเอา” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หมอหลวงหลิวจึงรีบยืนขึ้นทันที…